
22/03/2025
การปลูก #แตงกวาอินทรีย์ เพื่อการจำหน่าย
ควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อลดการสูญเสียจากโรคพืชและให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง แตงกวาเป็นพืชอายุสั้น (ประมาณ 35-45 วันหลังปลูกเก็บเกี่ยวได้) และต้องการ สภาพอากาศอบอุ่น แดดจัด แต่ไม่ชื้นแฉะเกินไป
ช่วงเวลาที่แนะนำ
✅ รอบที่ 1: ปลูกเดือน พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ (ฤดูหนาว - ฤดูร้อนต้นปี)
✅ รอบที่ 2: ปลูกเดือน กรกฎาคม - สิงหาคม (ฤดูฝนที่ปริมาณฝนลดลง)
เหตุผลที่ควรปลูกช่วงนี้
1. เลี่ยงช่วงฝนตกหนัก (พฤษภาคม - กันยายน)
• แตงกวาไวต่อโรคจากความชื้นสูง เช่น โรคราน้ำค้าง (Downy mildew) และโรคใบจุดแบคทีเรีย
• หากปลูกช่วงพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ จะมีแสงแดดดี ลดความชื้นสะสม ลดการใช้สารชีวภาพควบคุมโรค
2. อากาศเย็นและแห้งช่วยให้ผลผลิตคุณภาพดี
• แตงกวาที่ปลูกในฤดูหนาว (พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์) ผิวจะสวย กรอบ และหวานกว่าแตงกวาที่ปลูกหน้าฝน
• ต้นแข็งแรงขึ้น เพราะไม่ต้องเจออุณหภูมิร้อนจัด
3. ตลาดต้องการสูงในช่วงปลายปี - ต้นปี
• ช่วงปีใหม่ (มกราคม - กุมภาพันธ์) ราคาผลผลิตมักสูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลและมีความต้องการสูง
4. รอบที่ 2 (กรกฎาคม - สิงหาคม) ได้ผลดีในหน้าฝน
• ควรปลูกในโรงเรือนหรือใช้พลาสติกคลุมแปลงเพื่อลดความชื้น
• คัดเลือกพันธุ์ที่ทนทานต่อโรค เช่น พันธุ์ซุปเปอร์กรอบ, พันธุ์เขียวหยก, พันธุ์ศรีเมือง
เทคนิคการลดความเสียหายจากโรคพืช
✅ ยกแปลงสูง 20-30 ซม. เพื่อระบายน้ำดีขึ้น
✅ ปลูกพืชคลุมดิน (ปอเทืองหรือถั่วเขียว) ก่อนปลูกแตงกวา
• ช่วยปรับปรุงดิน ลดการสะสมของโรค
✅ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก) ผสมกับไตรโคเดอร์มา
• ป้องกันโรครากเน่าโคนเน่า
✅ ปลูกแบบขึงตาข่ายให้เถาเลื้อยขึ้น
• ลดความชื้นที่ใบ ลดการเกิดโรคเชื้อรา
✅ ฉีดพ่นสารชีวภาพ เช่น น้ำส้มควันไม้ หรือน้ำหมักสะเดา
• ป้องกันแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟและหนอนใยผัก
สรุป
ควรปลูกแตงกวาอินทรีย์ในช่วง พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ เป็นรอบหลัก และสามารถปลูกรอบที่สอง กรกฎาคม - สิงหาคม ได้ โดยใช้วิธีควบคุมความชื้น จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคพืช เพิ่มผลผลิต และขายได้ราคาดี