คนมักม่วน

08/10/2025

ขำๆยามเช้านะคะ
#ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใสจ้า

08/10/2025

เตือน! "กัมพูชา" รุกอธิปไตยไทยเจอโทษหนักประหารชีวิต
09 ตุลาคม 2568 : บทลงโทษ กรณีชาวกัมพูชาบุกรุกมาไทย ซึ่งมีโทษจำคุก 16 ปี ไปจนถึงตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต หากก่อความวุ่นวาย ในราชอาณาจักรไทยจนถูกจับกุม
โดยละเอียดของบทลงโทษทางกฎหมายสำหรับผู้กระทำผิดแต่ละกรณีไว้ชัดเจน ดังนี้
- เข้าเมืองผิดกฎหมาย : มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
- ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ (เช่น รื้อลวดหนาม) : มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท
- ลักทรัพย์สินของทางราชการ (เช่น ขโมยลวดหนาม) : มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 140,000 บาท
- ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ : มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท
- หากมีการกระทำใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเอกราชของประเทศไทย ผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ซึ่งเมื่อรวมโทษแล้ว ผู้กระทำผิดอาจต้องรับโทษจำคุกรวมกันสูงสุดถึง 16 ปี - ตลอดชีวิต หรือไปจนถึงโทษประหารชีวิต และปรับเงินอีกกว่า 300,000 บาท
#ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทย #กัมพูชา #บ้านหนองหญ้าแก้ว

08/10/2025

เกิดอะไรขึ้นกันนะ😳

08/10/2025

ทักทายยามเช้าค่ะ

08/10/2025

ได้เวลาพักผ่อนแล้วฝันดีนะครับ😴😴

08/10/2025

08/10/2025

สุดสลด! พนักงานเก็บขยะช็อก พบศพทารกหญิงอายุครรภ์ 4-5 เดือน ถูกทิ้งในถังขยะบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจเร่งล่าตัวแม่ มาสอบสวนต่อไป
8 ตุลาคม 2568 - เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันนี้ สภ.บางปะอิน ได้รับแจ้งเหตุพบศพทารกถูกทิ้งในถังขยะ ภายในซอยอินโด 6 ม.2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบศพทารกเพศหญิงอายุครรภ์ประมาณ 4-5 เดือน อยู่ในถุงพลาสติก โดยมีลักษณะเพิ่งคลอดออกมาไม่กี่ชั่วโมง และพบผ้าเปื้อนเลือด
นายอุดม อายุ 58 ปี พนักงานเก็บขยะ เล่าว่า ขณะเก็บขยะ เขาเห็นผ้าเปื้อนเลือดในถังขยะและคิดจะนำไปเช็ดท้ายรถ แต่เมื่อเปิดดูพบว่าผ้าผืนดังกล่าวห่อศพทารกไว้ จึงรีบแจ้งตำรวจ
นางสาวสุภาวรรณ์ สารวัตรกำนันตำบลคลองจิก เปิดเผยว่า บริเวณที่พบศพเป็นจุดรวมถังขยะของชุมชน ซึ่งโดยรอบส่วนใหญ่เป็นหอพักที่มีแรงงานต่างชาติอาศัยอยู่ จึงเชื่อว่าศพทารกน่าจะเป็นฝีมือของหญิงสาวแรงงานต่างชาติที่อาจคลอดก่อนกำหนดหรือมีการทำแท้งแล้วนำมาทิ้ง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังเร่งหาข้อมูลของผู้เช่าพักในหอพักบริเวณดังกล่าวว่ามีหญิงสาวรายใดที่ตั้งครรภ์หรือมีความผิดปกติ เพื่อนำตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป

08/10/2025

พ่อร่ำไห้! ลูกชายวัย 7 ขวบ ดับปริศนา คาห้องฉุกเฉินหลังย้ายมาโรงพยาบาลรัฐ
8 ตุลาคม 2568 : นายอนุชา อายุ 33 ปี พ่อของเด็กชายวัย 7 ขวบ ซึ่งเสียชีวิตปริศนาในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง หลังย้ายลูกชายมาจากโรงพยาบาลเอกชน มารักษาด้วยอาการตัวเย็นแล้วก็อุจจาระเหลว และอาการชัก เมื่อเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ของวันที่ 7 ต.ค.68 จึงมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพื่อหาความเป็นธรรมให้กับลูกชาย
นายอนุชา พ่อของเด็กเล่าเพิ่มเติมว่า เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเอกชนเจ้าหน้าที่นำตัวลูกชายวัย 7 ขวบ เข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อสังเกตอาการชักเกร็งว่าดีขึ้นหรือไม่ และแจ้งกับตัวเองว่าน้องมีโอกาสที่จะได้นอนโรงพยาบาล 1 คืน เพื่อดูอาการต่อเนื่อง ตัวเองจึงแจ้งกลับทางแพทย์ทันทีเช่นกันว่า ถ้าน้องมีอาการไม่หนักขอพาร้องไปรักษาตัวตามสิทธิ์การรักษาได้ไหม ทางแพทย์ตอบว่าได้ และถามค่ารักษาน้องตอนนั้นประมาณ 5,000-6,000 บาท ตัวเองไม่แน่ใจ
หลังจากนั้นมีการวัดไข้อยู่ที่ 36 องศา และเห็นว่าลูกชายมีสติอาการดีขึ้นแล้ว ไม่น่าจะเป็นห่วงอะไร จึงนำตัวลูกชายส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลรัฐในเวลา 20.00 น. ของวันที่ 7 ต.ค. 2568 ผ่านการซักประวัติ ก็นำน้องเข้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งตอนนั้นพยาบาลไม่ให้ผู้ปกครองอยู่กับเด็ก เพราะเด็กยังอยู่ในห้องปลอดเชื้อ แต่มีการเรียกเข้าไปให้ทำความสะอาดเพราะน้องอึ
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่อยู่กับน้องสังเกตเหตุเห็นว่า มีอาการเกร็ง กระตุกเหม่อลอย ตาลอย จึงถามพยาบาลไปว่าลูกเป็นอะไร จะชักหรือเปล่า คำตอบที่ได้คือ ไม่เห็นเป็นอะไรก็ยังพูดได้ปกติ ซึ่งคนที่พูดก็คือคนที่ซักประวัติ
จากนั้นมีการนำตัวน้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด ผลที่แจ้งมาคือผลเลือดปกติ แต่เม็ดเลือดขาวสูงกว่าเม็ดเลือดแดง จึงสงสัยว่าแบบนี้จะปกติได้ยังไงต้องมีการติดเชื้อหรือไม่ แต่พยาบาลก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ดีขึ้น ให้น้องนอนดูอาการให้น้ำเกลือและดูความดัน แต่เมื่อเวรเปลเข็นน้องออกมาตัวเองเห็นว่ามีอาการกระตุก แต่ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นอะไร ซึ่งเป็นอาการผลข้างเคียง
แต่ตัวเองรู้สึกว่ามันไม่ปกติ เพราะดูอาการลูกแล้วเหมือนจะไม่ไหว ให้แต่น้ำเกลือห้องฉุกเฉินเขาไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้ลูกตนเองนอนรออยู่อย่างนั้น ไม่ฉีดยา ไม่ทำอะไรเลย มีช่วงหนึ่งน้องบ่นหิวน้ำ จึงเอาน้ำให้จิบ จากนั้นน้องก็ล้มตัวนอนคว่ำหน้าเหมือนหมดแรงและหายใจช้ามาก เหม่อชักตาลอย จึงเรียกพยาบาลบอกเด็กชัก ซึ่งก็แค่เปิดประตูมาดู แล้วยืนมองประมาณ 7-8 คน ไม่มีแพทย์เลย อ้างว่าติดคนไข้ท่านอื่น แต่ตัวเองติดใจว่าทำไมคุยโทรศัพท์บอกอาการผ่านทางโทรศัพท์
จากนั้นพยาบาลก็ทำการปั๊มหัวใจน้อง ประมาณชั่วโมงกว่า ก็ไม่มีการตอบสนอง จนเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ก็เสียชีวิต ซึ่งทางแพทย์ลงความเห็นว่าลูกชายเสียชีวิต เพราะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ซึ่งตัวเองติดใจว่า 2 ชั่วโมงที่ลูกชายนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน ละเม็ดเลือดขาวเยอะกว่าเม็ดเลือดแดง ทำไมไม่มีการทำอะไรเลย ปล่อยให้นอนอยู่อย่างนั้น
ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการผ่าชันสูตร เพราะไม่อยากให้ลูกชายเจ็บไปมากกว่านี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบโรงพยาบาลนี้ ว่าทำไมไม่มีแพทย์มารักษาคนไข้ และถ้าไม่มีหมอเฉพาะทางแล้วทำไมไม่ส่งไปที่โรงพยาบาลอื่น ขณะนี้ได้นำศพของลูกชายไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดบางขันธ์ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

08/10/2025

สุดทน! หลานชายคลั่งเตะคุณตาวัย 74 ปี ล้มกลิ้งคิ้วแตก ตำรวจบุกรวบแจ้ง 3 ข้อหาหนัก
8 ตุลาคม 2568 : จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2568 มีพลเมืองดีถ่ายคลิป นายเจมส์ อายุ 26 ปี เดินเข้าไปเตะเข้าที่สะโพกของ นายถวิล อายุ 74 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นตา อย่างรุนแรง จนล้มกลิ้งด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเดินหนีไป โดยไม่ทราบสาเหตุว่าทำไปเพราะอะไร โดยครอบครัวให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า นายเจมส์ มีพฤติกรรมรุนแรงหลายครั้ง เคยไปแจ้งความแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านจุดเกิดเหตุใน ต.กุสุมาลย์ อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร พบคุณตาถวิล นอนซมอยู่ที่บ้าน หลังกลับมาจากโรงพยาบาล โดยคุณตามีบาดแผลแตกบริเวณคิ้วขวา ต้องเย็บ 2 เข็ม และมีรอยฟกช้ำตามตัว
นางสมัย ภรรยาตาถวิล เล่าว่า วันเกิดเหตุ ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวตั้งแต่เช้า ส่วนหลานสาวอีกคนก็ไปทำงาน เพื่อนบ้านโทรศัพท์ไปบอกให้รีบกลับบ้าน พอมาถึงเจอสามีนั่งซมอยู่ แต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกว่านายเจมส์ หลานชายเป็นคนทำร้าย ยอมรับที่ผ่านมานายเจมส์​มีพฤติกรรม เสพยาเสพติด ทั้งยาบ้า กัญชา และดื่มเหล้าเป็นประจำ โดยมักจะขอตนเองครั้งละ 40-50 บาท และการกระทำครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมาก ทำให้ครอบครัวอยู่อย่างหวาดผวา
ล่าสุด ทนายโนบิตะ หรือ นายกฤษฎา โลหิตดี ได้รับมอบหมายจาก นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ลงพื้นที่ติดตามเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพบว่า ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.กุสุมาลย์ ได้จับกุมตัว นายเจมส์ ทันที พร้อมแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายบุพการี, ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และกรรโชกทรัพย์ ก่อนนำตัวฝากขังเรือนจำจังหวัดสกลนคร ส่วนกรณีที่บอกว่าแจ้งตำรวจแล้วไม่ดำเนินคดี ก็เพราะ ตา-ยาย ใจอ่อน เห็นว่าเป็นหลานที่เลี้ยงมากับมือ ตั้งแต่อายุแค่ 3-4 เดือนจึงไม่เอาความ แต่เหตุครั้งนี้รุนแรงมาก ตา-ยาย ได้ยืนกรานเอาผิดให้ถึงที่สุด
จากนั้น ทนายโนบิตะ พร้อม เจ้าหน้าที่ พม.จังหวัด ตำรวจ สภ.กุสุมาลย์ และ รพ.กุสุมาลย์ ได้เดินทางไปเยี่ยม ครอบครัวตาถวิล พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือในเบื้องต้น และพบว่า ครอบครัวตาถวิล ฐานะค่อนข้างยากจน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ไม่มากนัก บ้านที่เกิดเหตุก็เป็นบ้านเช่า ต้องเสียค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท ทาง พม.จังหวัดสกลนคร และเทศบาลตำบลกุสุมาลย์ เตรียมช่วยเหลือเรื่องการสร้างที่พักอาศัยให้ใหม่ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และจะติดตามการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
#หลานชายโหด

08/10/2025

ออกกำลังกายยามแลงจร้า😆😆
#ขำๆยามแลงเด้อจ้า

08/10/2025

#มองไม่เห็นจริงๆเหรอ

07/10/2025

จะรอดไหมเอ่ย