06/10/2025
ประธาน กมธ.การต่างประเทศ เชิญ ‘สีหศักดิ์’ ชี้แจงปมประชามติยกเลิก MOU 43-44
น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการเตรียมการให้มีการทำประชามติรับฟังความเห็นประชาชนว่า จะให้มีการยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU 43) และทางทะเล (MOU 44) ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งปรากฏอยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทิน ว่า เรื่อง MOU 43 และ 44 เป็นเรื่องที่รายละเอียดค่อนข้างซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ควรเป็นเรื่องของความชอบ ไม่ชอบ สนับสนุน หรือไม่สนับสนุนเท่านั้น ฉะนั้นการโยนเรื่องสำคัญและซับซ้อนนี้ไปให้ประชาชนตัดสินด้วยการทำประชามติ อาจจะไม่ใช่หนทางที่ทำให้ประเทศไทยได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด
“ฉะนั้น MOU ทั้งสองฉบับนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเจรจา เป็นพื้นที่ให้กับทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้บนโต๊ะเจรจา หากไม่มี MOU เรื่องนี้ก็จะเข้าทางฝ่ายที่ต้องการจะนำเรื่องขึ้นสู่เวทีโลก ซึ่งจะทำให้มีประเทศที่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของสองประเทศ และความขัดแย้งครั้งนี้อาจจะลามกลายเป็นสมรภูมิย่อย ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ประเทศที่สามเข้ามาใช้ทั้งสองประเทศเป็นตัวแทนในการทำสงคราม”
ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (MOU 43, 44) ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนที่มาจากประชาชนอยู่แล้ว และภายในคณะกรรมาธิการก็ได้นำผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจเฉพาะทาง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่แล้ว เมื่อบัดนี้มีคณะกรรมาธิการที่ทำการศึกษาอยู่ การรอฟังผลสรุปเสียก่อนจึงน่าจะเป็นประโยชน์กว่าการผลีผลามหรือตั้งธงไปสู่การประชามติ
“การรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมาธิการ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ข้อมูลกับรัฐบาลในการตัดสินใจอยู่แล้ว แต่ถ้าจะโยนไปให้ประชาชนร่วมกันออกเสียงประชามติ ดิฉันมองว่าเป็นการกระทำที่อาจจะทำให้เสียงบประมาณโดยใช่เหตุ มิหนำซ้ำยังอาจไม่ได้สร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ เพราะเรื่องเทคนิคทางกฎหมายระหว่างประเทศในลักษณะนี้ ควรให้ผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ เป็นผู้ให้ข้อมูลและการตัดสินใจ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือแม้กระทั่งกระทรวงการต่างประเทศเอง ตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องโยนภาระการตัดสินใจให้กับประชาชนเลย”
“ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ดิฉันก็อยากรับฟังความคิดเห็นในส่วนของท่านด้วยว่า ท่านมีความคิดเห็นในส่วนของ MOU นี้อย่างไร ควรที่จะคงไว้ หรือยกเลิก หรือถ้าหากไม่มี MOU ทั้งสองฉบับนี้แล้ว ท่านเห็นว่าจะมีกลไกใดที่จะนำไปสู่การเจรจากันได้อย่างสันติ และในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ ดิฉันได้ออกหนังสือเชิญท่านมาให้ข้อมูลแล้ว และคาดหวังว่าท่านจะมาตอบคำถามด้วยตัวเอง
ขณะนี้รัฐบาลเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่า หากไม่มี MOU ทั้งสองฉบับนี้แล้ว จะทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้กลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างไร มีแต่การใช้กำลังทหาร ความรุนแรงและสงคราม ซึ่งในท้ายที่สุดความขัดแย้งไม่ว่าจะสั้นหรือยาวนาน ก็จะต้องมาจบบนโต๊ะเจรจาอยู่ดี และที่สุดก็ต้องมาอาศัย MOU ในลักษณะเดียวกับทั้งสองฉบับนี้อยู่ดี
เราได้เริ่มกระบวนการเหล่านี้มาตั้งแต่ก่อนปี 2543 และปี 2544 หากมีการยกเลิกข้อตกลงร่วมกันนี้ไป เท่ากับว่าเราจะต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ทั้งหมด ยิ่งในบรรยากาศที่กำลังตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายนี้ ดิฉันเชื่อว่า กัมพูชาจะไม่มีทางมาเซ็นข้อตกลงใหม่ๆ ร่วมอะไรกับเราอยู่แล้ว กัมพูชานั้นชัดเจนว่า เขาอยากเลิกพันธกรณีที่ผูกพันเราสองประเทศ เพื่อให้เรื่องนี้เข้าสู่เวทีโลก ซึ่งทำให้กัมพูชาได้เปรียบเราแน่นอน
#ต่างประเทศ #กมธ
#ประชามติ
#เคลียร์ชัดชัด
#ชินะเอ็นเตอร์ไพรส์