29/10/2025
#รีวิวหนัง - MOVIE REVIEW
-
อนงค์2..สามสี่ชาติ - My Boo 2
เข้าฉาย 30 ตุลาคม 2568
-
ใหญ่ขึ้น จัดเต็มขึ้น ทั้งสเกลเรื่องและฉาก ขยายความสัมพันธ์อนงค์ให้ยิ่งลึกซึ้ง ผ่านการเล่าไปในภพชาติต่างๆ ก่อนที่จะมาบรรจบกับเรื่องราวในอนงค์ภาคแรก ความรักที่ผูกพันกันทุกชาติ ตั้งแต่อดีตปัจจุบัน และผลกรรมที่ต้องได้รับ แม้ว่าแต่ละเส้นเรื่องจะเล่าได้บันเทิง และมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง แต่เมื่อมารวมกันถึงบทสรุป กลับน่าเสียดายที่หนังไม่สามารถทำให้เราประทับใจเท่ากับภาคแรกได้
-
พบกับความรัก สามสี่ชาติ 30 ตุลาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
-
หนึ่งในหนังไทยที่เราเฝ้ารอคอยที่จะดูมากที่สุดในปีนี้ ก็คือเรื่อง อนงค์ 2 ครับ สนใจตั้งแต่เริ่มประกาศโปรเจกต์เลย ว่าหนังจะหยิบไม้ไหนมาเล่าได้อีก หลังจากที่หนังได้จบลงสมบูรณ์ไปแล้ว แต่ด้วยรายได้ที่ประสบความสำเร็จมากในฐานะหนังเปิดค่าย ก็เป็นธรรมเนียมที่จะต้องตามมาด้วยภาคต่อ แต่มันจะเป็นยังไง และเล่ายังไง นั่นก็เป็นสิ่งที่เราสงสัยมาตลอด
อนงค์ 2 เปรียบเสมือนหนังที่รวมเอาหนัง 3 เรื่องมาไว้ด้วยกัน โดยเล่าผ่านภพชาติ ต่างๆ ทั้ง 3ภพ 3ชาติ ก่อนจะมาบรรจบถึงปัจจุบัน โดยที่ชาติแรกย้อนกลับไปเมื่อ 250 ปีก่อน ครั้นที่อนงค์ เป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างศึกสงคราม และได้พบกับนายจอม (โจ) และตกหลุมรัก ชาติที่ 2 ย้อนกลับไปเมื่อ 150 ปีก่อน ครั้งที่อนงค์เป็นชาวบ้านอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในนครพนม ที่นั่นกำลังมีเหตุการณ์การออกอาละวาดของผีปอบ ผู้กองจักร ได้ถูกส่งให้มาจัดการเรื่องนี้ ก่อนจะพบว่าอนงค์คือผีปอบ! ส่วนชาติที่ 3 คือสมัยที่อนงค์เป็น คุณหญิงอนงค์ และโจคือจ้อย เด็กที่ต่างกันด้วยฐานะ ชาติไหนทั้งคู่จะได้รักกันและจะสมหวังหรือไม่ต้องคอยติดตาม
-
สิ่งที่ยกระดับขึ้นจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด คือสเกลของเรื่อง ที่มันไม่ใช่แค่เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านหลังเดียววอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือเรื่องราวข้ามภพข้ามชาติ หรือถ้าจะให้มองในคอนเซปต์ที่สากลนั้นมันก็ไม่ได้ต่างไปกับการย้อนเวลา อย่างในหนัง Back to the Future โดยที่เงื่อนไขของมันนั้นผูกโยงกับความเชื่อของคนไทยอย่างกรรมนั่นเอง เรื่องราวของกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดถูกขยายให้ชัดขึ้นในอนงค์ภาคสองอย่างชัดเจน ทำให้เราได้เห็นว่าชาติก่อนๆ โจทำอะไรไว้และมันได้ส่งผลอะไรมายังชาติปัจจุบันบ้าง
-
คุณอนงค์ที่รับบทโดย "โบว์ เมลดา" ยังคงเฉิดฉายและเปี่ยมไปด้วยความน่ารักทะลุจอ จนทำให้หลายช่วงเราตกอยู่ในภวังได้อย่างอยู้หมัด และเมื่ออยู่รวมกับ "จี๋ สุทธิรักษ์" ก็เกิด Magic moment ขึ้นราวกับว่าสองคนนี้เขาเกิดมาเพื่อคู่กัน ฉากสวีทที่เยอะขึ้นทำให้เราอินในความสัมพันธ์ของทั้งคู่จนเกือบจะเสียน้ำตา และนอกจากนี้ตัวละครรายล้อมอนงค์ ก็ยังคงตามกันจากภาคแรกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น แจ็ค แฟนฉัน, ออม ปุณยวีร์ และคนที่เพิ่มเข้ามาและมีบทบาทที่เด่นมากๆ คือฝน ธนสุนทร ซึ่งเป็นตัวละครอีกตัวที่เราชอบมากๆ ในเรื่องนี้
-
ในด้านงานสร้างและฉากมีความจัดเต็มและยกระดับกว่าภาคก่อนๆ เราได้เห็นงานสร้างค่ายชาวบ้านในสมัยอยุธยาที่ยิ่งใหญ่่เหมือนกับดูหนังพีเรียด ฉากแอคชั่นที่สเกลใหญ่ มีอะไรที่ใหญ่กว่าภาคก่อนมากๆ ทำให้งานภาพดูแปลกตาออกไป โลเคชั่นต่างๆ สวยงาม โดยเฉพาะพาร์ทช่วงทีไ่ปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต้องบอกว่าน่าไปตามรอยสุดๆ ส่วนในด้านดนตรีก็ยังคงมีการใช้สกอร์ประจำเรื่องของอนงค์ภาคแรกมาประกอบ แต่ที่ชอบมากๆ คือการเลือกเพลง Loop (ฉันจึงวนกลับมา) ของวง ASIA7 มาประกอบ ซึ่งเข้ากับเรื่องอย่างสุดๆ
-
มาถึงจุดที่เสียดายกันสักนิดนึง การที่หนังมันเล่าหลายชาติด้วยกันมันก็ฟังดูเป็นคอนเซปต์ที่น่าสนใจแหละ แต่ต้องยอมรับว่า มันมีน้ำมากกว่าเนื้อ ภาคนี้มันเต็มไปด้วยเส้นเรื่องที่ไม่ค่อยจำเป็น และเส้นเรื่องที่ทำหน้าที่เพื่อมาแค่ขายฉากเท่านั้น เรารู้สึกว่าถ้ามันเล่าข้ามเรื่องในบางชาติไวๆ แล้วมาเน้นในชา่ติสุดท้าย ซึ่งมันเชื่อมโยงกับปัจจุบันได้มันจะมีน้ำหนักในเรื่องกว่านี้ แต่สิ่งที่ตรึงเราเอาไว้ได้และน่าชื่นชมคือ การตัดต่อ ที่ตัดโดยพี่บอล หนังติดมันส์ และทีม Yellowfact ที่เล่าเรื่องราวตัดสลับ ได้อย่างไม่น่าเบื่อ ไต่ระดับอารมณ์ได้ดี ราวกับว่าเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้หนังมันไม่ติดขัด ต้องชื่นชมว่าการตัดต่อมาพาหนังที่บทค่อนข้างธรรมดา มาไกลมากจริงๆ
-
โดยรวมเราถือว่าอนงค์ 2 เป็นหนังที่สอบผ่านในการให้ความบันเทิง ที่หนังรู้ตัวเองมากขึ้นว่าจะต้องเสิร์ฟอะไรกับคนดู ทำให้่ช่วงการดำเนินเรื่องมันสามารถเล่าได้เข้าเป้าและแม่นยำขึ้นเยอะ แต่ก็น่าเสียดายที่มันเต็มไปด้วยเส้นเรื่องที่ไม่ส่งผลกับเรื่องขนาดนั้น กว่าที่เรื่องจะเดินต่อก็ปาไปเกือบๆ ท้ายเรื่องเลย
-
ช่วงให้คะแนน
บท | ★★★
โปรดักชั่น | ★★★
นักแสดง | ★★★
#อนงค์2 #อนงค์2สามสี่ชาติ
ขอขอบคุณ หมาเเกะหนัง