ส่องแดนใต้นิวส์

ส่องแดนใต้นิวส์ ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ส่องแดนใต้นิวส์, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, Pattani.

จ.นราธิวาส รวมใจกันต่อต้านความรุนแรง “กองภาคประชาสังคม ศูนย์สันติวิธี กอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้า พร้อมให้กำลังใจกับคนในพื้นที่ ...
20/10/2025

จ.นราธิวาส รวมใจกันต่อต้านความรุนแรง “กองภาคประชาสังคม ศูนย์สันติวิธี กอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้า พร้อมให้กำลังใจกับคนในพื้นที่

เมื่อ 20 ต.ค.68 เวลา13.30น. ตามสั่งการ ผอ.ศสว. ให้ กภส.ศสว. โดย พ.อ.อัครวัฒน์ ว่องวิษณุวงค์ ผอ.กภส.ศสว. มอบหมายให้ ร.อ.วิชิต ตาแก้ว หน.ชุดประสานงานประจำ จ.นราธิวาส. ร.ท.หญิง พาตีเมาะ มะระเปะ รอง หน.ชุดประสานงานประจำ จ.ปัตตานี, เจ้าหน้าที่.ประจำชุดประสานงานประจำ จ.นราธิวาส และเครือข่ายภาคประชาสังคม , นางประนอม คำจุ่นโฆษกชาวบ้าน,กลุ่มชมรมมุสลิมะห์นราธิวาส, ศป.ดส. และเจ้าหน้าที่รัฐ ลงพื้นที่จัดกิจกรรมแสดงออกถึงการปฏิเสธความรุนแรงในพื้นที่ ชุมชนยี่งอ ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส จากเหตุคนร้ายรอบวางระเบิดริมถนนบริเวณหน้าร้านน้ำชาในชุมชน อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส. เมื่อวันที่ ๑๖ ต.ค.๖๘ ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก
โดยมีวัตถุประสงค์และรายละเอียดการพูดคุยดังนี้
1. สร้างความเข้าใจกับ เครือข่ายภาคประชาชน และกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่ เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การแสดงแนวทางการยุติความขัดแย้งและปฏิเสธความรุนแรง พร้อมรับฟังความคิดเห็น ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงและพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบ
2. ขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยในชุมชนของตนเอง สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ รวมถึงการขับเคลื่อนภารกิจของ ศสว. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ประชาสัมพันธ์นโยบายของ ผอ.รมน.ภาค ๔ และ ผอ.ศสว. ในการขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคงและสันติสุขในพื้นที่
ผลลัพธ์
1. ประชาชนในพื้นที่มีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิเสธความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
2. ประชาชนให้ความร่วมมือ ในการสอดส่องดูแลพื้นที่ของตนเอง และสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
3. ประชาชนได้รับทราบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของ กอ.รมน.ภาค ๔ และ ผอ.ศสว. พร้อมให้การสนับสนุนในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่
ร้อยเอก วิชิต ตาแก้ว ศูนย์สันติวิธี กอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้า กล่าวว่าการมาร่วมการแสดงออกถึงการปฏิเสธความรุนแรงซึ่งปัจจุบันก็ความรุนแรงในพื้นที่เกิดขึ้นที่อำเภอยี่งอวันนี้เราก็มาพร้อมกับเครือข่ายภาคประชาสังคมและกลุ่มของยาลันบารูเราทำงานในด้านการเสริมสร้างสันติสุขให้เกิดในพื้นที่และมาให้กำลังใจเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งทราบว่าตอนนี้ก็มีขวัญกำลังใจน้อยลง เราก็เลยมาเพิ่มกำลังใจให้เพิ่มมากขึ้น และได้พูดคุยกันแลกความคิดเห็นกัน และนำมอบความห่วงใยจากท่านแม่ทัพภาคที่4 วันนี้ก็ดีใจที่มาร่วมกันอนาคตก็อยากให้พื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงบสุขและก็ นำไปสู่สันติสุขอย่างยั่งยืน
ด้าน นายศิริ เกตุสิง ในนามมวลชนยาลันบารู ของอำเภอยี่งอ เราขอปฏิเสธความรุนแรงคือขอให้ยุติกับพี่น้อง3 จังหวัดภาคใต้ เพราะว่าที่เกิดมานี้ทำให้มีแต่ความสูญเสียให้กับพี่น้อง มาเป็นเวลา20 กว่าปีแล้ว เราไม่ต้องการ อยากให้ทุกสิ่งทุกฝ่ายมาช่วยกันพัฒนา
ส่วนร้อยโทหญิง พาตีเมาะ มะระเปะ รองหัวหน้าชุดประสานงานประจำนราธิวาส จากกองภาคสังคมสันติวิธี ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เราได้มีมวลชน สตรี ของเครือข่ายภาคสังคม ของโฆษกชาวบ้าน ยาลานันบารู และก็กลุ่มเสื้อเขียว รวมตัวกันเพื่อที่จะ มาปฏิเสธความรุนแรงให้เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอยี่งอ ของเราที่นี่ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ได้เห็นกันมาแล้ว ที่เกิดเหตุการณ์ ถ้าใครที่พบเจาะเบาะแส หรือว่าอะไรที่ผิดสังเกต ผิดปกติ จากที่เราดำเนินชีวิตอยู่ เราก็สามารถแจ้งเบาะแสได้ให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอำเภอเราก็ประสานได้เลยเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และจะได้ป้องกันการสูญเสียเพิ่มมากขึ้น.

รมว.วัฒนธรรม "น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์" ลงใต้.! ภารกิจแรก ติดตามคืบหน้าพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ ที่ อ.ยี่งอ พบพร้อมเปิด...
18/10/2025

รมว.วัฒนธรรม "น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์" ลงใต้.! ภารกิจแรก ติดตามคืบหน้าพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ ที่ อ.ยี่งอ พบพร้อมเปิด 100% เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยว เตรียมถ่ายโอนจากกรมศิลปากร ให้ อบจ.นราธิวาส ดูแล

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 ต.ค.68 นางสาว ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางพร้อมคณะฯ ถึงท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ตั้งอยู่ชุมชนบ้านศาลาลูกไก่ ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส โดยมี นางเสริมกิจ ชัยมงคล รองอธิบดีกรมศิลปากร, นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรฯ/สส.นราธิวาส เขต 2 , นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 , ดร.ซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส เขต 4, นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รักษาราชการแทน ผวจ.นราธิวาส, นายกฤษณะ กำไร รอง ผวจ.นราธิวาส, พล.ต.ต.ประยงค์ โคตรสาขา ผบก.ภ.จว.นราธิวาส, รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนร่วมเดินทางและต้อนรับ
จากนั้น รมว.ซาบีดา ได้เดินสำรวจภายในพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ โดยนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้นำชมพร้อมให้ข้อมูลด้านต่างๆแก่ รมว.ซาบีดา ซึ่งทรัพย์สินที่มีมูลค่าทั้งคัมภีร์โบราณ และวัตถุโบราณที่วางโชว์ในตู้กระจก มีกุญแจล็อคไว้อย่างแน่นหนา
ต่อมา รมว.วัฒนธรรม ได้เข้าประชุมร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง นายมาหะมะลุตฟี หะยีสาแม ผู้บริหารโรงเรียนสมานมิตรวิทยา เพื่อติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเปิดพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรม อิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่เก็บรวบรวมและอนุรักษ์ดูแลรักษาคัมภีร์อัลกุรอานโบราณอันล้ำค่า ที่มาจากแหล่งต่างๆไว้ทั่วโลก เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยมีการรวบรวมประเภทคัมภีร์อัลกุรอานโบราณที่คัดด้วยลายมือที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒธรรมอิสลามที่ตกทอดมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่มีอายุตั้งแต่ 150 ปี ถึง 1,100 ปี คัมภีร์อัลกุรอานมีทั้งหมด 8 กลุ่มที่ได้รับบริจาคคือ 1.คัมภีร์อัลกุรอานที่เนื้อหาเกี่ยวกับมาเลย์นูซันตาราหรืออาเซียน 2.อินเดีย 3.จีน 4.เปอร์เซีย 5.อียิปต์ 6.สเปน 7.แอฟริกา และ 8.อุซเบกิสถาน
ชาวมุสลิมเชื่อว่า 'คัมภีร์อัลกุรอาน' เป็นพระวจนะของอัลลอฮ์ที่ประทานให้กับศาสนทูตมูฮัมหมัด เพื่อเป็นหลักนำทางในการดำเนินชีวิตของชาวมุสลิมผู้ศรัทธาเมื่อ 1,400 กว่าปีก่อน ในปี 2559 มูลนิธิพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ ยินยอมให้กรมศิลปากร ใช้ที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองของมูลนิธิฯ ดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคัมภีร์อัลกุรอานโบราณ และมรดกวัฒนธรรมอิสลาม รวมถึงเป็นสถานที่จัดเก็บและจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับคัมภีร์อัลกุรอานมาตรฐานสากล ซึ่งกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนคัมภีร์และเอกสารโบราณ เข้ามาช่วยทางโรงเรียนในการดำเนินการเก็บรักษา บูรณะ ซ่อมแซม ตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง และทางภาครัฐยังได้อนุมัติงบประมาณให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน” ขึ้นใหม่ จากเดิมตั้งอยู่ภายในโรงเรียนสมานมิตรวิทยา ส่วนที่ใหม่อยู่บริเวณด้านหน้าของโรงเรียนสมานมิตรฯ
ในที่ประชุม ชี้แจงว่า มูลนิธิพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ มีความพร้อม 100% ที่จะจัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดย รมว.ชาบีดา ระบุ ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อดูแลทรัพย์สิน ส่วนการถ่ายโอนพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ และทรัพย์สินที่มีมูลค่าทั้งหมดจากกรมศิลปากร ให้ อบจ.นราธิวาส รับถ่ายโอนแต่ต้องดูความพร้อมของ อบจ.นราธิวาสก่อน ส่วนวันเปิดพิพิธภัณฑ์ฯ อย่างเป็นทางการ ที่ประชุมเคาะไว้ประมาณเดือนมกราคม ปี 2569 ซึ่งจะกราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ หลังจากนั้นจะเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ – วันพฤหัสบดี ( ปิดวันศุกร์ ) ช่วงเช้าเปิดเวลา 09.00 – 12.00 น. ช่วงบ่ายเวลา 13.00 – 17.00 น. สอบถามข้อมูล โทร.08 4973 5772

170 คน ประกอบพิธีแสวงบุญอุมเราะฮฺ ถูกลอยแพกลางสนามบินหาดใหญ่ เสียหาย10 กว่าล้าน รุกแจ้งความทันทีจากกรณีเกิดความวุ่นวายที...
15/10/2025

170 คน ประกอบพิธีแสวงบุญอุมเราะฮฺ ถูกลอยแพกลางสนามบินหาดใหญ่ เสียหาย10 กว่าล้าน รุกแจ้งความทันที

จากกรณีเกิดความวุ่นวายที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา สืบเนื่องจาก ผู้เดินทางไปแสวงบุญอุมเราะฮฺ จำนวนกว่า 170 คน ที่เตรียมออกเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยทุกคนที่จะเดินทาง และญาติพี่น้องที่มาส่ง ต่างพากันรอเพื่อเตรียมตัวกันขึ้นเครื่องเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องต่อไปยังประเทศซาอุดิอารเบีย แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาเดินทาง ปรากฎว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวมาแสดงตัว ทุกคนได้พยายามติดตามบริษัทแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งทางบริษัทได้ส่งข้อความทางไลน์กลุ่มของผู้ที่จะเดินทางว่า “ไม่สามารถเดินทางได้” ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่า ถูกหลอก ทำให้บรรยากาศวันดังกล่าว ทุกคนที่คาดหวังว่าจะเดินทางไปอุมเราะห์ต่างผิดหวังและร้องไห้ รวมไปถึงญาติ ๆ ที่มาส่งกัน ต่างได้รับความเสียใจอย่างมาก เพราะเป็นครั้งหนึ่งของชาวมุสลิมจะเก็บเงินไปแสงบุญ
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 14 ตค. เวลา 13.30 น. กลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 41 คน ทั้งจากจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัทผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว โดยมี พ.ต.ท.วินิตร อินสุวรรณ. รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองปัตตานี ,พ.ต.ท.ศักดิ์อนันต์ คำไสย รอง ผกก.ทท.หาดใหญ่ และ พ.ต.ท.ณัฐวรรธน์ สงคง สว.ทท.นราธิวาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ จชต.โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันจะรวบรวมหลักฐาน เพื่อเอาคนผิดมาดำเนินคดี โดยความเสียหายเบื้องต้น ร่วม 10 กว่าล้านบาท
โดยบริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า รุส ฮัจญ์ แอนด์ ทราเวล ผู้เสียหายแต่ละรายระบุว่า ได้จ่ายเงินค่าทัวร์ไปแล้ว รายละเกือบ 60,000 -100,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตเพื่อไปแสวงบุญ แต่กลับถูกลอยแพไม่ทราบชะตากรรมของผู้จัดการบริษัท ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าของบริษัทหายตัวไปอย่างเงียบ และหลังจากเหตุการณ์ 1 วัน ทางบริษัทได้โพสข้อความแสดงคำขอโทษ และจะพยายามหาเงินมาจ่ายคืนแก่ผู้เสียหายภายใน 5 เดือน และไม่มีการติดต่อมาอีกเลย เบื้องต้นมีผู้เสียหายราย 170 ราย ดำเนินการเพราะผู้เสียหายครั้งนี้มีเป็นจำนวนมาก พร้อมยืนยันจะรวบรวมหลักฐาน เพื่อเอาคนผิดมาดำเนินคดี โดยความเสียหายเบื้องต้น ร่วม 10 กว่าล้านบาท
นางรอดีย๊ะ อาแว ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้วกลุ่มของตนมีกำหนดเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ในวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยก่อนเดินทางหนึ่งวัน ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มไลน์เกี่ยวกับรายละเอียดการเดินทาง แต่ปรากฏว่าไม่มีคำตอบชัดเจนจากทางบริษัท ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและสงสัยว่าทำไมบริษัทไม่แจ้งข้อมูล หรือกำหนดเวลาเดินทางให้แน่ชัดต่อมาทางบริษัทได้แจ้งเพิ่มเติมว่า ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจาก แพ็กเกจที่ทุกคนซื้อไปไม่พอจ่าย และขอให้ผู้เดินทางทุกคนโอนเงินเพิ่มคนละ 15,000 บาท โดยยืนยันว่าหากชำระเพิ่มแล้วจะสามารถเดินทางได้แน่นอน ด้วยความตั้งใจและศรัทธาที่อยากไปประกอบพิธี ทุกคนจึงยอมโอนเงินไปตามที่บริษัทแจ้งแต่สุดท้าย บริษัทกลับเงียบหายไป และปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมด ไม่สามารถติดต่อได้อีกทุกคนเสียใจมาก คืนนั้นไม่มีใครได้นอนเลย... ส่วนตนก็รู้สึกจุกในใจมาก เพราะตั้งใจจะพาแม่ ๆ ป้า ๆ ไปทำอุมเราะห์ แต่สุดท้ายกลับต้องเห็นพวกเขาร้องไห้กันหมด
นางกุลยา เจะเลาะ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนรออยู่ที่สนามบินด้วยความหวังว่าจะได้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ แต่เมื่อรอแล้วรออีก ก็เริ่มรู้ชะตากรรมว่าคงไม่ได้ไปต่อ ด้วยความอยากไป จึงลองไปตรวจสอบตั๋วที่สนามบิน ปรากฏว่าไม่มีชื่อของตนอยู่ในรายชื่อผู้โดยสาร ทำให้รู้สึกไม่ดี แต่ก็ยังคงยืนรอต่อไป ส่วนคนอื่น ๆ ที่มาร่วมเดินทางก็น่าสงสารมาก โดยเฉพาะเมาะ (คนแก่) บางคนที่เดินทางมาไกล ตั้งแต่ตี 2 มานั่งรอจนฟ้าสว่าง สุดท้ายก็ไม่ได้ไป และไม่มีใครจากบริษัทออกมาดำเนินการหรือชี้แจง ทำให้ทุกคนรู้สึกเสียใจ บางคนถึงกับร้องไห้ ตาแดงกันไปหมด เงินหามาใหม่ได้ แต่ความรู้สึกเสียไปแล้ว เพราะตนตั้งใจอย่างมากที่จะไปทำอุมเราะห์ กว่าจะได้ลางานไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งแพ็กเกจนี้ตนชำระเงินล่วงหน้าไปกว่า 3 เดือน แต่สุดท้ายบริษัทกลับทำกับเราด้วยวิธีแบบนี้ ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อเจอปัญหาเดียวกัน ทุกคนต่างพากันกอดกันท่ามกลางน้ำตา
พ.ต.ท.วินิตร อินสุวรรณ. รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความราว 41ราย และยังมีผู้เสียหายอื่นๆอีกที่กำลังจะเข้ามาแจ้งความเพิ่ม โดยส่วนใหญ่ผู้เสียหายได้มีการโอนไป และบ้างรายก็จ่ายสด 8-9 หมื่นบาท บางราย เสียหาย1แสนบาททางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำผู้เสียหายให้รวบรวมหลักฐานทั้งสลิป การโอน แชทสนทนา กำหนดการเดินทาง หรือเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐานมาดำเนินคดีต่อไป

แม่ทัพภาคที่ 4 มอบนโยบายขับเคลื่อนสันติสุขชายแดนใต้ ปี 2569 มุ่งสร้างความมั่นคงและพัฒนาทุกมิติ ภายใต้ยุทธศาสตร์พระราชทาน...
14/10/2025

แม่ทัพภาคที่ 4 มอบนโยบายขับเคลื่อนสันติสุขชายแดนใต้ ปี 2569 มุ่งสร้างความมั่นคงและพัฒนาทุกมิติ ภายใต้ยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา

วันนี้ (14 ตุลาคม 2568) เวลา 09.30 น. ที่ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานมอบนโยบายการปฏิบัติงาน และแถลงแผนขับเคลื่อนการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2569 โดยมี ผู้บังคับบัญชาจากหน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับมอบนโยบายอย่างพร้อมเพรียง
พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวแถลงนโยบายว่า “ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ให้ความสนใจและร่วมติดตามแนวทางการขับเคลื่อนงานของกองทัพภาคที่ 4 และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ในการดำเนินงานเสริมสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การประชุมในวันนี้ เป็นการกำหนดทิศทางการทำงานร่วมกันของทุกหน่วย เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจในปี 2569 มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยสานต่อนโยบายเพื่อสันติสุข เสริมสร้างความต่อเนื่อง และดำเนินการขับเคลื่อนภารกิจด้านความมั่นคง ตลอดจนการพัฒนาทุกมิติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ ยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสันติสุขอย่างแท้จริง โดยมีพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา และมีการบูรณาการประสานสอดคล้อง ตลอดจนความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มุ่งต่อยอดและสานต่อโครงการ ตลอดจนแนวนโยบายต่าง ๆ ที่ดำเนินอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างประโยชน์และความสุขให้กับพี่น้องประชาชน โดยสิ่งแรกที่จะเป็นสารตั้งต้น และเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน นั่นคือ ความสามัคคีของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะทหาร และตำรวจ ที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ มีความปรารถนาสูงสุด คือ การสร้าง ‘สันติสุขอย่างยั่งยืน’ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญให้การพัฒนาในทุกมิติของจังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”
พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “นอกจากนี้จะดำเนินการในเรื่อง การรักษาความปลอดภัยให้กับนักเรียน ครู พระภิกษุ และกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับพี่น้องประชาชนและภาคประชาสังคม เพื่อให้ทุกการปฏิบัติดำเนินไปภายใต้กรอบของกฎหมายเดียวกันอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม พร้อมทั้งได้เน้นย้ำ ให้เพิ่มความเข้มงวดด้านการข่าว เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการก่อเหตุรุนแรงในทุกมิติ รวมทั้งปรับปรุงแผนการรักษาความปลอดภัยของฐานปฏิบัติการ ให้มั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ผมได้กำชับให้ทุกหน่วยดำเนินงานด้านการเมืองควบคู่ไปกับภารกิจทางทหาร โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชน การคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของพี่น้องในพื้นที่ และการประสานความร่วมมือ จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคศาสนา ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้เกิดพลังร่วมในการขับเคลื่อนสู่สันติสุขอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ย้ำว่า “สิ่งสำคัญที่สุด คือ เราจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มกำลัง และทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย มีความเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่รัฐ และสามารถดำเนินชีวิต ได้อย่างปกติสุขในทุกพื้นที่ จึงเน้นให้ทุกหน่วยรักษามาตรฐานความพร้อมสูงสุด ทั้งในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และการประสานงาน เพื่อให้สามารถตอบสนอง ต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
ท้ายที่สุด แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน กำลังพล และประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด พร้อมย้ำว่า “ความร่วมมือของทุกภาคส่วน คือพลังสำคัญที่จะนำพาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นพื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัยอย่างยั่งยืน”

นราธิวาส-หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติทั้งน้ำท่วมและไฟป่าพรุในพื้นที่ พร้อมยืนยัน...
10/10/2025

นราธิวาส-หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติทั้งน้ำท่วมและไฟป่าพรุในพื้นที่ พร้อมยืนยันความพร้อมทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และระบบสื่อสาร เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่บริเวณลานกองบังคับการกองพันทหารราบที่ 9 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นาวาเอก บัญญัติ วงศ์จำปา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ เป็นประธานในพิธี สนธิกำลังและตรวจความพร้อมในการปฏิบัติงานของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ประจำปี 2569
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมของทุกปีมักเกิดสถานการณ์น้ำท่วมจากฝนตกหนัก และในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนมักเกิดเหตุไฟไหม้ป่าพรุ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในหลายพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส
ทั้งนี้พื้นที่เสี่ยงภัยที่อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ได้แก่อำเภอเมืองนราธิวาส ตำบลมะนังตายอ และตำบลลำภู,
อำเภอยี่งอ ตำบลลุโบะบือซา และตำบลละหาร,อำเภอบาเจาะ ตำบลลุโบะสาวอ และตำบลบาเจาะ,อำเภอตากใบ ตำบลนานาค และตำบลพร่อน,รวมถึงอำเภอสุไหงโก-ลก ตำบลปูโยะ และตำบลมูโนะ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและมักได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นประจำทุกปี
นาวาเอกบัญญัติ วงศ์จำปา เปิดเผยว่า หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ได้จัดเตรียมกำลังพล ยานพาหนะ เรือท้องแบน และอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้อย่างพร้อมเพรียง รวมทั้งได้มีการปรับปรุงระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ได้เพิ่มเติมอุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่และอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อใช้ในการสำรวจพื้นที่และประสานการทำงานระหว่างหน่วยอย่างใกล้ชิด
“จากปีที่ผ่านมาเราได้เห็นข้อจำกัดบางอย่างในเรื่องของการสื่อสารและการเข้าถึงพื้นที่ ปีนี้เราจึงได้ปรับปรุงระบบสื่อสารให้เชื่อมโยงถึงทุกฐานปฏิบัติการในสังกัด ทั้งในระดับกองร้อย ฐานแยก และหน่วยเคลื่อนที่เร็ว รวมถึงประสานตรงกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ทำให้เราสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว เข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที และลดความเสียหายได้มากขึ้น”
นาวาเอก บัญญัติ วงศ์จำปา กล่าว ทั้งนี้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งกองทัพเรือที่ 292/60 เพื่อเป็นหน่วยหลักในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยมีหน้าที่เตรียมความพร้อมตลอดเวลา ทั้งด้านบุคลากร เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ และการฝึกซ้อมการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่
นาวาเอกบัญญัติ กล่าวเพิ่มเติมว่าหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ได้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังพลทุกนายมีความชำนาญในการปฏิบัติจริง และสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยย้ำว่าความสำเร็จของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยไม่ใช่เพียงความพร้อมของเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ด้วย
“เจ้าหน้าที่อาจเป็นเพียงส่วนน้อยในพื้นที่ แต่ประชาชนคือกำลังหลักในการเฝ้าระวังและให้ข้อมูล เราจึงอยากขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันสอดส่อง ดูแล และประสานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อให้เราสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด”
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ กล่าวทิ้งท้าย นอกจากนี้หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ยังเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานเชิงรุก ด้วยการสร้างเครือข่ายการสื่อสารกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ เช่น ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงภาคประชาสังคม เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติได้อย่างรอบด้าน
หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ยังยืนยันความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนทุกโอกาส ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาว่า “นาวิกโยธินอยู่เคียงข้างประชาชนทุกสถานการณ์

รับ - ส่งหน้าที่ ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน 'ค่ายจุฬาภรณ์' ท่านเก่า "ขอบคุณกำล...
01/10/2025

รับ - ส่งหน้าที่ ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน 'ค่ายจุฬาภรณ์'

ท่านเก่า "ขอบคุณกำลังพลทุกนาย ที่ให้ความร่วมมือทุกภารกิจเป็นอย่างดี"
ท่านใหม่ "ความจงรักภักดี รู้หน้าที่ มีวินัย ให้พวกเรายึดถือมาปฏิบัติ"

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (1 ตุลาคม 2568) ที่กองบังคับการ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ภายในค่ายจุฬาภรณ์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ระหว่าง นาวาเอก สันติ เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน (ท่านเก่า) กับ นาวาเอก บัญญัติ วงศ์จำปา ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน (ท่านใหม่) ซึ่งดำเนินการตามคำสั่งปรับย้ายนายทหารประจำปีของกองทัพเรือ เพื่อให้ผู้ดำรงตำแหน่งเดิมได้เลื่อนระดับสูงขึ้น
พิธีการเริ่มภายในห้องประชุม 101 ภายในค่ายจุฬาภรณ์ มีการลงนามในเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ โดย นาวาเอก สันติ เกศศรีพงษ์ศา ส่งมอบการบังคับบัญชา อาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังพลให้แก่ นาวาเอก บัญญัติ วงศ์จำปา ต่อจากนั้น ณ ลานหน้ากองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 มีพิธีมอบธงประจำหน่วย ก่อนที่ นาวาเอก สันติ เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ 3 (ท่านเก่า) จะกล่าวอำลาตำแหน่งและกำลังพล 2 หน่วยคือ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานนาวิกโยธินกองทัพเรือ ใจความสรุปว่า "ขอขอบคุณกำลังพลทุกนาย ตลอดระยะเวลาที่ลงมารับตำแหน่งผู้บังคับการกรม ร.3 ได้รับความร่วมมือจากกำลังพลในทุกภารกิจเป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่า ผู้บังคับการกรม ร.3 ท่านใหม่ นาวาเอก บัญญัติ วงศ์จำปา ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ จะรับหน้าที่ในการควบคุมพื้นที่รับผิดชอบได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ขอบคุณครับ"
ทางด้าน ผู้บังคับการกรม ร.3 (ท่านใหม่) นาวาเอก บัญญัติ วงศ์จำปา ได้กล่าวพบปะกำลังพลสายเขียวและสายดำ ใจความสรุปว่า
" กองทัพเรือได้ส่งพวกเรามาอยู่ที่นี่ พวกเราทุกคนเป็นตัวแทนของกองทัพเรือ ทำหน้าที่ต่างกัน อาจจะมีความรับผิดชอบที่ต่างกัน เพราะฉะนั้น ความจงรักภักดี รู้หน้าที่ มีวินัย ที่ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้เราไว้ ให้พวกเรายึดถือมาปฏิบัติ และผมขอความร่วมมือในการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2569 นี้ขอให้พวกท่านทุกๆคน ร่วมมือร่วมแรงร่วมใจที่จะปฏิบัติงานดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี แต่อย่าให้มีการสูญเสีย รวมถึงพื้นที่ต่างๆก็ขอให้มีแต่ความสงบเรียบร้อย วินัยและการทำงานเป็นทีม จะเป็นกลไกสำคัญในการปฏิบัติงานของพวกเรา พวกเราระดับผู้บังคับบัญชาก็ถูกเลือกมาทุกคน เพราะนั้นมีโอกาสแล้วก็ขอให้ทำอย่างเต็มที่"
สำหรับประวัติของ นาวาเอก บัญญัติ วงศ์จำปา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ท่านใหม่)
• การศึกษา : เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 33, นักเรียนนายเรือ รุ่นที่ 90, และผ่านหลักสูตรสำคัญ เช่น หลักสูตรชั้นนายเรือนาวิกโยธิน, เสนาธิการทหารบก, การบริหารงานและงบประมาณ, วิทยาลัยการทัพเรือ และนายทหารส่งกำลังบำรุง
• การรับราชการ : เริ่มต้นในตำแหน่งผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ร้อยปืนเล็กที่ 3 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน
• ตำแหน่งสำคัญ : เคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง เช่น ผู้บังคับกองร้อยปืนเล็ก, ผู้บังคับกองร้อยสนับสนุนยกพลขึ้นบก, ผู้บังคับกองร้อยกองบังคับการและบริการ, หัวหน้ากำลังพล, ผู้บังคับกองพันทหารราบ และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน ค่ายเทวาพิทักษ์ ต./อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

โค้งสุดท้าย รณรงค์ "120 วัน วาระพืชกระท่อม" ศอ.บต. จัดกิจกรรม "I CAN, I WILL กระท่อมไม่ใช่ทางออก แต่เป็นทางแยก" พร้อมมอบ...
30/09/2025

โค้งสุดท้าย รณรงค์ "120 วัน วาระพืชกระท่อม" ศอ.บต. จัดกิจกรรม "I CAN, I WILL กระท่อมไม่ใช่ทางออก แต่เป็นทางแยก" พร้อมมอบรางวัลให้แก่เยาวชนผู้ส่งผลงาน " คลิปนี้...ไม่เอาน้ำกระท่อม" สร้างความตระหนักรู้ ภัยร้ายจากน้ำกระท่อม

วันนี้ (30 ก.ย. 2568) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดกิจกรรมรณรงค์ "I CAN, l WILL กระท่อมไม่ใช่ทางออก แต่เป็นทางแยก" ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เพื่อเผยแพร่ความรู้ และผลกระทบจากการใช้ใบกระท่อมแก่เยาวชนใน จชต. ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมมอบรางวัลแก่เยาวชนที่จัดทำคลิปวีดีโอเข้าร่วมประกวด ในโครงการเยาวชนสื่อสร้างสรรค์ "คลิปนี้...ไม่เอาน้ำกระท่อม" จำนวนกว่า 100 คลิปด้วย

โดยเยาวชนกลุ่มที่ชนะ "คลิปนี้...ไม่เอาน้ำท่อม" ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ : ilhqmm9_ (Tiktok รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 10,000 บาท ได้แก่ : Nyori (Facebook) รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 5,000 บาท ได้แก่ : โรงเรียนแสงทิพย์วิทยา (Facebook) รางวัลชมเชย 1 เงินรางวัล 2,500 บาท ได้แก่ : อวท.วก.รามัน (Facebook) รางวัลชมเชย 2 เงินรางวัล 2,500 บาท ได้แก่ : WA IL (Facebook) และรางวัล Popular Vote เงินรางวัล 5,000 บาท ได้แก่ : tuan_fiz18 (Tiktok)

สำหรับกิจกรรม I CAN, I WlLL จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ และสร้างความตระหนักถึงโทษและผลกระทบจากการใช้ใบกระท่อม มุ่งเสริมสร้างศักยภาพและแรงบันดาลใจแก่เยาวชนในพื้นที่ เพื่อก้าวสู่เส้นทางชีวิตที่สร้างสรรค์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน

ดร.นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต ประธานในกิจกรรม กล่าวตอนหนึ่งในการจัดกิจกรรม I can I will กระท่อมไม่ใช่ทางออก แต่เป็นทางแยกว่า ศอ.บต. ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ร่วมป้องกันและรณรงค์แก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จชต. สำหรับวาระพืชกระท่อม 120 วัน ในวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่จะครบ 120 วัน ของการรณรงค์ไม่เอาน้ำกระท่อม กิจกรรมนี้จึงจัดขึ้นเพื่อสะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่เชื่อมั่นว่า "เราทำได้" (I Can) และ "เราจะทำ" (I Will) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่เยาวชน ป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด เพื่อให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ศอ.บต. มีการจัดกิจกรรมเพิ่มความตระหนักรู้เรื่องพืชกระท่อม อาทิ กิจกรรมบรรยายในประเด็น อนาคตสดใส เยาวชนไทยไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด (พืชกระท่อม) จัดเสวนาผสมผสาน Stand-up Comedy Show และ Talk Edutainment โดยศิลปินและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เก้า จิรายุ , โจ๊ก I Scream , Beer Buffalo และMini Concert จาก RROP Crew ถ่ายทอดเรื่องราวและมุมมองสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ให้เยาวชนยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ภาพ/ข่าว
อับดุลหาดี เจ๊ะยอ
จ.ยะลา

พิธีรับ-ส่งหน้าที่ ผอ.รมน.ภาค 4 คนที่ 30 เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเสริมสร้างสันติสุขวันนี้ (30 กันยายน 2568) ที่ศาลาพิณปร...
30/09/2025

พิธีรับ-ส่งหน้าที่ ผอ.รมน.ภาค 4 คนที่ 30 เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเสริมสร้างสันติสุข

วันนี้ (30 กันยายน 2568) ที่ศาลาพิณประเสริฐ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ท่านเก่า) ซึ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นเป็นที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ได้กระทำพิธีส่งมอบตำแหน่งผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้แก่ พลตรี นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ท่านใหม่) โดยมีพิธีถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในค่ายสิรินธร การส่งมอบธงประจำหน่วย และเอกสารรับ–ส่งหน้าที่อย่างสมเกียรติ ท่ามกลางผู้บังคับบัญชาระดับสูง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง หัวหน้าส่วนราชการ และกำลังพลในสังกัดเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ท่านเก่า) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้กองทัพภาคที่ 4 ดำรงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีในฐานะสถาบันหลักด้านความมั่นคงของภาคใต้ ได้สนองพระเดชพระคุณ ทำหน้าที่ปกปักรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ และพิทักษ์รักษาพระบรมราชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์ จนเป็นที่เชื่อถือ ศรัทธา และเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด

ด้าน พลตรี นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ท่านใหม่) กล่าวน้อมรับหน้าที่ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พร้อมยกย่อง พลโท ไพศาล หนูสังข์ ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นทหารอาชีพผู้มีอุดมการณ์มั่นคง ทุ่มเท เสียสละ และได้วางรากฐานให้กองทัพภาคที่ 4 มีความแข็งแกร่งและสง่างาม สมศักดิ์ศรีทหารอาชีพ ซึ่งจะยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติหน้าที่ นำพากำลังพลทำงานด้วยความสามัคคี เพื่อเป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงของภาคใต้ และจะสานต่อนโยบายอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ทั้งนี้ พลตรี นรธิป โพยนอก เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 และนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37 เริ่มรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งรองผู้บังคับชุดรบพิเศษ กองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 2 ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพกำลังพล การใช้กำลังพลและยุทธปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเคยคุมหน่วยสำคัญในพื้นที่ชายแดนภาคอีสานทั้ง 5 จังหวัด ปฏิบัติงานด้านการป้องกันอธิปไตยชายแดน การปราบปรามยาเสพติด การป้องกันอาชญากรรม การพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชน จึงมีประสบการณ์รอบด้าน และพร้อมจะนำมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภาคใต้ โดยเน้นการสร้างความเข้าใจจากประชาชนระดับรากหญ้า สู่ชุมชน และสังคม ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อเร่งสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

สำหรับการสานต่อนโยบาย ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนงานสำคัญประจำปี 2569 จำนวน 5 ด้าน ได้แก่
1. งานด้านการควบคุมพื้นที่และการบังคับใช้กฎหมาย
2. งานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
3. งานด้านการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง
4. งานด้านการสร้างความเข้าใจ
5. งานด้านบูรณาการด้านความมั่นคงและการพัฒนา
พร้อมทั้งนโยบายเฉพาะด้าน ได้แก่ การพัฒนากำลังพล การข่าว ยุทธการ และงานมวลชน–กิจการพิเศษ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจมีความต่อเนื่อง มุ่งสู่เป้าหมาย “พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย” อย่างยั่งยืน

ศอ.บต. เปิดพื้นที่แก่เยาวชนแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านคลิปวิดีโอและคัดเลือกผลงานที่โดดเด่นรณรงค์สร้างการตระหนักรู้ในการใช...
24/09/2025

ศอ.บต. เปิดพื้นที่แก่เยาวชนแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านคลิปวิดีโอและคัดเลือกผลงานที่โดดเด่นรณรงค์สร้างการตระหนักรู้ในการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด

วันนี้ (24 กันยายน 2568) ทีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา นาย นันทพงศ์ สุวรรณรัตน์
รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานเปิด โครงการเยาวชนสื่อสร้างสรรค์ “คลิปนี้...ไม่เอาน้ำกระท่อม” โดยมี ผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ดี นายกสโมสรโรตารี่ยะลา ประธานคณะทำงาน SBN อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา คณะครูอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม

สำหรับ โครงการเยาวชนสื่อสร้างสรรค์ “คลิปนี้...ไม่เอาน้ำกระท่อม” เป็นการบูรณาการร่วมกัน ระหว่าง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านคลิปวิดีโอ สร้างความตระหนักรู้ในประเด็นทางสังคม พัฒนาทักษะการสื่อสารดิจิทัล สร้างเครือข่ายเยาวชนผู้สื่อสารเพื่อสังคม และคัดเลือกผลงานที่โดดเด่นเพื่อนำไปใช้เป็นสื่อรณรงค์สร้างการตระหนักรู้ในการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด

กิจกรรมในวันนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก คือ การให้ความรู้ในหัวข้อ “อนาคตสดใส เยาวชนไทยไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด (พืชกระท่อม)” โดย ดร.นายแพทย์สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมเวิร์กช็อปและลงมือปฏิบัติจริง โดยวิทยากรคุณไวยกรณ์ แก้วศรี ผู้เชี่ยวชาญด้าน Creative Branding และคุณทิษณุ ชุมประยูร TikToker ช่อง "ฮาโรยยย" ที่มีผู้ติดตามกว่า 6.25 แสนคน ที่จะมาสอนการเล่าเรื่องด้วยคลิปสั้น (Storytelling) สอนวิธีคิดคอนเทนต์ให้น่าสนใจ และการถ่ายทำตัดต่อเบื้องต้นด้วยมือถือ การสื่อสารประเด็นสังคมให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในรูปแบบการทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างแนวคิดคลิป�จากโจทย์ "คลิปนี้...ไม่เอาน้ำกระท่อม" อีกทั้งเปิดโอกาสให้นำเสนอผลงาน พร้อมรับคำแนะนำจากวิทยากรเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาฝีมือต่อไป

พร้อมกันนี้ยังได้มีการจัดประกวดทำคลิปวิดิโอสั้น ความยาวไม่เกิน 2 นาที หัวข้อ "พลังเล็ก ที่เปลี่ยนโลกได้" และ "วัยรุ่นยุคใหม่ไม่เอาน้ำกระท่อม"ชิงเงินรางวัลกว่า 45,000 บาท ซึ่งจะมีการประกาศผลและมอบรางวัลในวันที่ 30 กันยายน นี้

ภาพ/ข่าว
อับดุลหาดี เจ๊ะยอ
จ.ยะลา

พหุวัฒนธรรมสร้างสรรค์  แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดงาน “We Are One Family ต่างที่มา แต่เรา คือ ครอบครัวเดียวกัน”วันที่ 21 กันยายน...
21/09/2025

พหุวัฒนธรรมสร้างสรรค์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดงาน “We Are One Family ต่างที่มา แต่เรา คือ ครอบครัวเดียวกัน”

วันที่ 21 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่ห้องน้ำพราวบอลรูม โรงแรมซีเอส ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานเปิดกิจกรรม “We Are One Family ต่างที่มา แต่เรา คือ ครอบครัวเดียวกัน” จัดโดยคณะขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ (คพท.) ร่วมกับสำนักงานขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน

โอกาสนี้ พลโท ไพศาล หนูสังข์ กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมกิจกรรมของคณะขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำเสนอผลงาน ถือเป็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่”

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดกว่า 20 ปีหลังวิกฤตความรุนแรงปี 2547 ตนได้ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชน ทำให้เข้าใจวิถีชีวิตและปัญหาที่แท้จริง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงมุ่งแก้ไขปัญหาความมั่นคง ควบคู่กับการแก้ปัญหาปากท้อง ยาเสพติด และการพัฒนาทุกมิติ โดยยึดหลัก “สร้างความเข้าใจ ใช้ประสบการณ์แก้ปัญหา เพื่อสันติสุขที่ยั่งยืน” พร้อมเน้นว่า “หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน สันติสุขจะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก”

ด้านนายอีลาฮัม ยูโซะ ประธานกลุ่มเยาวชนบ้านไทยสุข กล่าวว่า “รู้สึกดีใจที่ได้นำเสนอผลงานของเยาวชนบ้านไทยสุขในการร่วมกันแก้ไขปัญหาชุมชน ทั้งด้านการศึกษา ความรู้ และการป้องกันความเสี่ยงในสังคม และยิ่งเป็นเกียรติที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มาเยี่ยมชมนิทรรศการ พร้อมฝากกำลังใจให้พวกเราสานต่องานต่อไป”

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย ปาฐกถาพิเศษ “มุมมอง กมธ.สันติภาพ ต่อกระบวนการสันติสุข จชต.” โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธาน มธ.สันติภาพ , เวที TED Talk โดยผู้แทนกลุ่มต่าง ๆ และ Influencer ในพื้นที่ , นิทรรศการจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม เด็กและเยาวชน ที่สะท้อนการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสันติสุข , การแสดงทางวัฒนธรรมและศิลปะ อาทิ ปันจักสีลัต การแสดง “ใต้ร่มไตรรงค์” อานาชีด และมโนราห์

งาน “We Are One Family ต่างที่มา แต่เรา คือ ครอบครัวเดียวกัน” จึงไม่เพียงเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม เด็ก เยาวชน และชุมชนในพื้นที่ ที่พร้อมเดินเคียงข้างกันบนเส้นทางสันติภาพ เพื่อสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่มั่นคง มั่งคั่ง และสันติสุขอย่างแท้จริงในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่อยู่

Pattani
94000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ส่องแดนใต้นิวส์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์