23/08/2025
#อิหร่าน คือ ประเทศที่ชาติตะวันตกประเมินต่ำมาโดยตลอด
และมักถูกวาดภาพว่าเป็นรัฐที่ไร้ศักยภาพ ไม่อาจก้าวข้ามเงื่อนไขของการคว่ำบาตรและแรงกดดันมหาศาลที่รายล้อม
..แต่ประวัติศาสตร์สี่ทศวรรษที่ผ่านมากลับพิสูจน์ตรงข้าม...
..ประเทศที่ถูกวางให้เป็นเหยื่อของนโยบายกดดันกลับลุกขึ้นยืนอย่างแข็งแกร่ง...
แทนที่จะล่มสลาย อิหร่านสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและโครงสร้างสังคมได้อย่างเหนียวแน่น พร้อมพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในระดับที่ทำให้โลกตะวันตกต้องประหลาดใจ
การคว่ำบาตรซึ่งออกแบบมาเพื่อทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงภายใน กลับกลายเป็นเชื้อเพลิงบ่มเพาะวัฒนธรรมการพึ่งพาตนเอง ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร จนกลายเป็นระบบที่ยั่งยืน
หากย้อนกลับไปยังสงครามอิรัก - อิหร่านในทศวรรษ 1980 จะเห็นได้ชัดว่าประสบการณ์ความขาดแคลนและความโดดเดี่ยวคือ #แรงผลักดันสำคัญ
การถูกปิดกั้นเส้นทางนำเข้าอาวุธทำให้อิหร่านไม่มีทางเลือกนอกจากสร้างทุกสิ่งขึ้นเอง จากโรงงานผลิตอาวุธพื้นฐาน ไปจนถึงการวิจัยขีปนาวุธและการสร้างโครงสร้างยุทโธปกรณ์ที่พึ่งพาตนเองได้ระยะยาว
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสร้างอุตสาหกรรมทางทหาร แต่ยังสร้าง #จิตสำนึกทางยุทธศาสตร์ ที่หยั่งรากลึกในรัฐและสังคม นี่คือผลลัพธ์ของการกดดันที่ย้อนกลับมาเป็นดาบสองคม
Kenneth Katzman จาก Congressional Research Service เคยตั้งข้อสังเกตว่า ตะวันตกไม่เคยเชื่อว่าอิหร่านจะสามารถผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงได้จริง แต่ความจริงกลับตบหน้าแนวคิดนั้นอย่างเจ็บแสบ
..อิหร่านพิสูจน์แล้วว่าความพยายามระยะยาวหล่อหลอมให้ตนเองเป็นผู้เล่นสำคัญในภูมิภาค...
ขณะที่ Michael Elleman จาก International Institute for Strategic Studies เตือนซ้ำว่า การประเมินต่ำคือความผิดพลาดที่ทำให้โลกตะวันตกต้องเผชิญกับความประหลาดใจทางเทคโนโลยี ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
..ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธที่สามารถเจาะระบบป้องกัน หรือการส่งมอบโดรนขั้นสูงให้เครือข่ายพันธมิตรในตะวันออกกลาง
กระแสข่าวเกี่ยวกับ #โดรนล่องหนติดหัวรบนิวเคลียร์ แม้ไร้หลักฐานยืนยันจาก IAEA แต่การถกเถียงนั้นไม่ใช่เพียงเรื่องข้อเท็จจริง หากคือปรากฏการณ์เชิงการเมืองที่สะท้อนการรับรู้ของโลก
และการรับรู้ก็สำคัญไม่แพ้ความจริง เพราะมันสร้างความหวาดกลัวและทำให้มหาอำนาจไม่มั่นใจในระบบป้องกันของตนเองอีกต่อไป
สนามข่าวสารจึงกลายเป็นสมรภูมิที่โหดร้ายไม่ต่างจากสนามรบทางทหาร การคาดเดาเพียงเสี้ยวก็สามารถบั่นทอนสมดุลอำนาจได้พอ ๆ กับการยิงขีปนาวุธจริง
และหากสมมติว่าอิหร่านสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเช่นนั้นได้จริง สมการสงครามย่อมเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน
Iron Dome ของอิสราเอล หรือเรดาร์ขั้นสูงของสหรัฐฯ ที่เคยเป็นหมากป้องกันสำคัญ จะถูกท้าทายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
นอกจากนี้ สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) ก็จะถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมและศักยภาพในการบังคับใช้ เพราะโลกของอาวุธในอนาคตไม่ได้ยึดติดอยู่กับหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่ผลิตยาก แต่ผูกพันอยู่กับอาวุธไร้คนขับที่สามารถผลิตแบบกระจาย ใช้เทคโนโลยีที่เข้าถึงง่ายกว่า และส่งผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ไม่แพ้กัน
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือการที่ตะวันตกยังยึดติดอยู่กับกรอบการประเมินแบบเดิม อิหร่านถูกมองว่าต่ำกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมทหารสมัยใหม่
ทั้งที่ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าทุกครั้งที่อิหร่านถูกประเมินต่ำ โลกตะวันตกคือฝ่ายที่ต้องจ่ายราคา ไม่ว่าจะเป็นราคาของความประหลาดใจ ความล้มเหลวเชิงยุทธศาสตร์ หรือความสั่นคลอนของระเบียบที่ตนเองสร้างขึ้น
ความดื้อดึงในการมองอิหร่านผ่านเลนส์เดิม ๆ จึงไม่ใช่เพียงข้อผิดพลาดทางวิชาการหรือการข่าว แต่คือความบกพร่องเชิงยุทธศาสตร์ที่จะสะท้อนกลับอย่างเจ็บปวด
อิหร่านจึงไม่ได้เป็นเพียงกรณีศึกษาของประเทศที่รอดพ้นจากการคว่ำบาตร หากแต่เป็นตัวอย่างของรัฐที่พลิกเกมการกดดันให้กลายเป็นพลังแห่งการพึ่งพาตนเอง และสร้างสภาวะแวดล้อมที่บังคับให้ตะวันตกต้องยอมรับความเป็นจริงใหม่
ความจริงที่ว่าในศตวรรษที่ 21 ไม่มีรัฐใดจะถูกกดให้อยู่ในกรอบเดิมได้ตลอดไป มหาอำนาจที่ยังหลงเชื่อในความได้เปรียบเชิงโครงสร้างของตนเองโดยไม่ปรับวิธีคิด...
..ย่อมเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจากจักรวรรดิที่เคยล่มสลาย เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว และใครที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงก็จะถูกประวัติศาสตร์บดขยี้อย่างไม่ปรานี