The Attraction a window to the world of attraction
Represent คอนเทนต์ soft power

SPLASH - Soft Power Forum 2025 มหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ณ ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่จัดขึ้น โดยเป็นส่วนหน...
11/07/2025

SPLASH - Soft Power Forum 2025 มหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ณ ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่จัดขึ้น โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของไทย มุ่งสร้าง Soft Power ที่เชื่อมโยงอัตลักษณ์ไทยกับตลาดสากล
ภายในงานจะประกอบไปด้วยบูธของอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 14 อุตสาหกรรมตั้งแต่อาหาร ภาพยนตร์ ซีรีส์ มวยไทย ท่องเที่ยว เฟสติวัล ดนตรี แฟชั่น ศิลปะ ศิลปะการแสดง ออกแบบ เกม หนังสือ และ Wellness
รวมไปถึง เวิร์กช็อปสร้างทักษะให้เยาวชนและผู้ประกอบการ พร้อมประกาศแผนผลักดันอุตสาหกรรมสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ อาหารไทย มวยไทย Thai Wellness ภาพยนตร์ และอัญมณีไทย เพิ่มมูลค่าการส่งออกและมุ่งหวังให้เป็น “ทางรอด” ท่ามกลางโลกที่ผันผวน โดยงานนี้เป็นเวทีแสดงพลังความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่นต่างๆ และอื่นๆ
ในภาพรวมก็นับว่าเป็นประโยชน์ต่อแวดวงต่างๆ ช่วยจุดประกายไอเดีย และเพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ จะบอกว่าเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์โดยรวมก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม Soft Power คงไม่ใช่แค่สินค้าที่เป็น “รูปธรรม” อาทิ ต้มยำกุ้ง กางเกงช้าง หมูเด้ง ภาพยนตร์ ซีรี่ส์ ฯลฯ เท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มีส่วนผลักดัน Soft Power ของประเทศได้จริง แต่สินค้าต่างๆ อาจจะมาแล้วก็ไปตามกระแสนิยม ทว่าจะสามารถสร้างอำนาจโน้มนำที่ยั่งยืนในระยะยาวของประเทศได้หรือไม่? ถ้าพูดอย่างเป็นธรรม ก็คงต้องรอดูผลลัพธ์ในอนาคต อาจจะ 5 ปี 10 ปี ก็ต้องรอดูกันต่อไป
แต่สถานการณ์เฉพาะหน้าที่บังเอิญมาตรงกับวันเปิดงานนี้แบบพอดิบพอดี คือจดหมายเรื่องภาษีศุลกากร จากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตรงนี้อาจจะเป็นบททดสอบ Soft Power ไทยได้ในระดับหนึ่ง เพราะการเจรจากับมหาอำนาจ ย่อมไม่อาจใช้ Hard Power ได้
และสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการเพิ่มพลังอำนาจในเวทีโลกได้คือ ความมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ค่านิยมอันเป็นที่นับหน้าถือตาในระดับพหุภาคี การทูตเชิงกลยุทธ์ และความน่าเชื่อถือในเวทีโลก
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า จากหลายๆ กรณีในเหตุการณ์บ้านเมืองของเรา ยังห่างจากการยกระดับคุณค่าสากล มิหนำซ้ำบางคราวยังสั่นคลอนความน่าเชื่อถือในคุณค่าบางประการ หากไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สินค้าวัฒนธรรมที่เราส่งออกก็อาจเป็นเพียงแฟชั่นที่ปราศจากคุณค่าเบื้องลึก อันเป็นพลังโน้มนำที่ประเทศอื่นๆ จะเคารพนับถือ กระทั่งเอาเป็นเยี่ยงอย่างได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าการจัดงานมหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียนจะไม่มีความหมายเสียทีเดียว เพราะงานนี้ก็นับว่าเป็นก้าวย่างสำคัญที่ภาครัฐและเอกชนจะได้ทำงานประสานกันเป็นองคาพยพต่อไปในระยะยาว แต่ก็นั่นแหละ นอกจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มุ่งหมายจะเพิ่มรายได้เข้าประเทศแล้ว พลังอำนาจซึ่งประกอบด้วยคุณค่าของประเทศที่จะมุ่งหมายให้ทั่วโลกยอมรับนั้นคืออะไร? เป้าหมายตรงนี้ต้องตั้งให้ชัดเจนไปพร้อมกันด้วย
เพราะในห้วงเวลาที่โลกกำลังผันผวน และความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน การสร้าง Soft Power ให้ยั่งยืนจึงไม่อาจอาศัยเพียงแค่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์หรือแบรนด์สินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ต้องควบคู่ไปกับการลงทุนในคุณค่าพื้นฐาน เช่น ความน่าเชื่อถือทางสังคม คุณภาพชีวิต ประชาธิปไตย และเกียรติภูมิในเวทีระหว่างประเทศ
เพื่อให้คำที่เรียกว่า Soft Power มิได้เป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอก แต่ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนค่านิยมของคนในชาติ และสร้างพลังโน้มนำไปพร้อมกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ อย่างมั่นคงได้ในระยะยาว

#มหกรรมซอฟต์พาวเวอร์

09/07/2025

D Gerrard เรียนธรณีวิทยา เพราะอยากให้พ่อรัก..

08/07/2025

Galaxy + Luxury = รถไฟบนฟ้า ..



#รถไฟบนฟ้า

🌟 “Marvel Studios' The Fantastic Four: First Steps เดอะ แฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่” กำลังจะระเบิดความมันส์บนจอยัก...
08/07/2025

🌟 “Marvel Studios' The Fantastic Four: First Steps เดอะ แฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่” กำลังจะระเบิดความมันส์บนจอยักษ์ 24 กรกฎาคมนี้!
เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนฉายจริง Marvel Studios จัด Poster Fanart สุดพิเศษ เวอร์ชั่นฮีโร่ Fantastic Four ทัวร์เมืองไทย เดินทางไปให้ครบ 4 ภาค สร้างสรรค์โดย Maiimou (พี) ศิลปินจาก SMASHHH STUDIO
โดย Reed Richards หรือ Mister Fantastic พาขึ้นเหนือไปไหว้สาพระธาตุดอยสุเทพ และช็อปร่มบ่อสร้างเป็นของฝาก
Susan Storm / Invisible Woman สัมผัสวัฒนธรรมอีสาน ร่วมเทศกาลผีตาโขน เยือนงานบุญบั้งไฟ และชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำโขง เก็บเกี่ยวความม่วนซื่นโฮแซว ไปฝากแก๊งซูเปอร์ฮีโร่
Johnny Storm / Human Torch ตะลุยกรุงเทพฯ เยือนวัดอรุณและพระแก้ว
ตามประสาของผู้ที่ไม่ต้องแคร์ความร้อน
Ben Grimm / The Thing ล่องใต้พักใจ พาชมทะเลและหาดทราย เคล้าคลอกับไปด้วยหนังตะลุงสุดประทับใจ
ภาพยนตร์เล่าการรวมตัวของ Marvel’s First Family ท่ามกลางโลก Retro-Futuristic ยุค 60 พร้อมเผชิญกับวายร้ายที่มุ่งหมายจะกลืนกินโลกทั้งใบ
🎬 The Fantastic Four: First Steps ฉายจริง 24 กรกฎาคม 2568 ในโรงภาพยนตร์ทั่วไทย
🎟️ ใครอยากมันก่อน ซื้อตั๋วล่วงหน้าได้แล้ววันนี้!

#แฟนแทสติก4

“วงที่ทำเพลงแปลกๆ มันยาก มันขม ตั้งแต่เดย์วันเลย เพลงก็ไม่ฮิต รางวัลก็ไม่ได้ คนชอบก็น้อย ใครๆ ก็ไม่ชม มันประหลาดไป แต่แฟ...
07/07/2025

“วงที่ทำเพลงแปลกๆ มันยาก มันขม ตั้งแต่เดย์วันเลย เพลงก็ไม่ฮิต รางวัลก็ไม่ได้ คนชอบก็น้อย ใครๆ ก็ไม่ชม มันประหลาดไป แต่แฟนเพลงเท่านั้นเลย ที่ทำให้พวกผมได้ร่วมเดินทางพร้อมกับแฟนเพลงทุกคนกันมา 30 ปี”
ก่อนคอนฯ จะเริ่ม "พี่สอง" มือเบสสุดจ๊าบของวงได้โพสต์ขอบคุณแฟนคลับ "ชาวด็อกซ์" ไว้แต่เนิ่นๆ
จะว่าไปแล้ว ก็เป็นอย่างที่พี่สองเขียนไว้ คือวง PARADOX ไม่ได้มีจุดพีคเหมือนวงอื่นๆ เพราะถึงแม้จะอยู่ในวงการมากว่า 30 ปี แต่ถ้าถามว่า ช่วงที่วงดังที่สุดคือช่วงไหน? คำถามนี้คงตอบยากจริงๆ
เพราะไม่ได้มีช่วงไหนที่วงดังเป็นพลุแตก แต่ก็แปลกที่ระดับการบินไม่เคยตก เทียวไล้เทียวขื่อขนาบเส้นระหว่าง "ความแมส" กับ "ความอินดี้" อยู่อย่างนี้ตลอด 30 ปี อย่างไรก็ดี ทุกช่วงเวลาแห่งการเดินทางก็เก็บเกี่ยวแฟนคลับหน้าใหม่ๆ ได้ตลอด เห็นได้จากคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้ที่มีแฟนคลับ Gen Z ไม่ใช่น้อยๆ เลย
สำหรับวงที่ทำเพลงแปลกๆ บ้าบอๆ ถ้านี่ไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จ ก็คงไม่รู้จะใช้คำไหนแล้ว
ตามที่ "พี่ต้า" ฟรอนต์แมนของวงเคยพูดทำนองว่า เคยมีคนปรามาสว่าวง Paradox ไม่มีจุดยืน คือจากเป็นวงอัลเตอร์ฯ อยู่ดีๆ ก็มาทำเพลง "ตีคอร์ดหยอดสาว" จากแนวร็อกวัยว้าวุ่น ก็มาทำ "นุ่มๆ หวานๆ" ซะอย่างงั้น ดูมันไม่มีจุดยืนเอาซะเลย... แล้วพี่ต้าตอบว่าอย่างไรรู้ไหม?
พี่ต้ากล่าวประมาณว่า นี่แหละคือ “จุดยืนของวง” เราจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ นี่เองคือสิ่งที่ทำให้วง Paradox ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
เพลงอย่าง แมลงวัน, นั่งยาง, แกงเผ็ดเป็ดย่าง มาอยู่กับ คนบนฟ้า, ดาว, ปลายสายรุ้ง มันช่างคอนทราสต์สิ้นดี แต่กลับเป็นเรื่องปกติของวงนี้ (ในแง่หนึ่ง คนแต่งเพลงอย่างพี่ต้า นี่ก็เอกอุสุดๆ จะมีใครที่แต่งเพลงได้หลากหลายปานนี้ แต่อาจเป็นเพราะความโดดเด่นของโชว์ เลยทำให้ความพิเศษตรงนี้ไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไหร่)
จนมาถึงคอนเสิร์ตใหญ่ที่ 10 ปีมีครั้ง กับ “อภินิห่านคอนเสิร์ต 30 ปีแสง แรงทะลุจักรวาล” จึงเป็นการรวมพลของคนที่รักในความแปลก เพลงลึกๆ ที่หาฟังได้ยากก็ขนมาเสิร์ฟเต็มอรรถรสเกือบ 4 ชั่วโมง บรรดาเพลงที่ "ชาวด็อกซ์" ร้อง/เล่นที่อื่นอาจจะถูกมองว่าแปลก แต่ในคอนเสิร์ตนี้ ทุกคนได้ปลดปล่อยความหฤหรรษ์ไปด้วยกัน
แน่นอนว่า คอนเสิร์ตใหญ่ทั้งที วงที่ขึ้นชื่อเรื่องโชว์ ก็ต้องขนพร็อพมาแบบจัดเต็มอยู่แล้ว นานๆ ทีจะได้เห็นความบ้าระห่ำแบบเต็มพิกัด พูดก็พูดเถอะ Paradox นี่เหมาะกับคอนเสิร์ตใหญ่จริงๆ นะ
ตรงนี้อยากจะคาราวะพี่ๆ ทีมแดนซ์เซอร์ ว๊ากเกอร์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดีไซน์โชว์ทั้งหลาย สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ และความละเอียดตลอดการแสดงอภินิห่านกว่า 50 เพลง เนื่องเพราะมันจะมีกิมมิคอะไรเล็กๆ น้อยๆ สักอย่างอยู่ตลอดบนเวที ทำให้ไม่เบื่อ และน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอด จนบางครั้งไม่รู้จะโฟกัสอะไรก่อนดี(ฮา)
กระทั่งสองคืนนี้กลายเป็น “หรรษาราตรี” ของวง Paradox ที่ยอดเยี่ยม และน่าจะ "อยู่ในใจ" ชาวด็อกซ์ไปอีกนาน
เอาเป็นว่า แล้วพบกันใหม่อีก 10 ปีข้างหน้า

#อภินิห่านคอนเสิร์ต

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นักเขียนชาวจีนหลายสิบคนถูกจับกุมในข้อหาเผยแพร่ “เนื้อหาอนาจาร” หลังจากเขียนนิยายวายในออนไลน์ หร...
07/07/2025

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นักเขียนชาวจีนหลายสิบคนถูกจับกุมในข้อหาเผยแพร่ “เนื้อหาอนาจาร” หลังจากเขียนนิยายวายในออนไลน์ หรือที่ในจีนเรียกว่า นิยายตันเหม่ย (Danmei) โดยเจ้าหน้าที่จีนอ้างว่าผลงานเหล่านี้ละเมิดกฎหมายว่าด้วยสื่อลามกอนาจาร และบางรายอาจต้องโทษจำคุกนานกว่า 10 ปี
บัญชีโซเชียลมีเดียของนักเขียนหลายคน ได้เล่าประสบการณ์การถูกจับ โดยบรรยายถึงความอับอาย การละเมิดสิทธิมนุษยชน และถูกคุมตัวโดยไม่รู้ชะตากรรม
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีนักเขียนอย่างน้อย 30 คนถูกจับกุมทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวอายุเพียง 20 ต้นๆ หลายคนเขียนผลงานลงบนแพลตฟอร์ม Haitang Literature City ซึ่งเป็นเว็บไซต์เผยแพร่นิยายออนไลน์ที่มีฐานอยู่ในไต้หวัน นิยายเหล่านี้มักมีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักอ่านผู้หญิง
นักเขียนบางคนเปิดเผยว่า ตำรวจเข้าตรวจค้นโทรศัพท์โดยไม่มีหมายค้น และใช้ยอดผู้เข้าชมผลงานออนไลน์เป็นหลักฐานประกอบข้อกล่าวหา ขณะที่บางรายถูกจับเพียงเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องเล็กน้อย เช่น ช่วยออกแบบหน้าปก หรือจัดหน้าหนังสือ ตำแหน่งเหล่านี้ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย
หนึ่งในทนายความที่ออกมาให้คำปรึกษาฟรีเผยว่า มีผู้ติดต่อขอความช่วยเหลือกว่า 150 คนภายในสองวันเท่านั้น
แม้นิยายประเภทอื่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก จะมี “ฉากอย่างว่า” อยู่เหมือนกัน แต่มักไม่ถูกควบคุมเข้มงวดเท่านิยายแนววาย นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การกวาดล้างครั้งนี้สะท้อนท่าทีของรัฐบาลจีนที่ต้องการส่งเสริมค่านิยมแบบคู่รักชาย-หญิง และมองว่าความนิยมในนิยายตันเหม่ย อาจส่งผลต่ออัตราการแต่งงานและการเกิดที่ลดลง โดยรวมก็คือความกังวลต่อจำนวนประชากรในอนาคต อะไรทำนองนี้
การกวาดล้างในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดกระแสโต้กลับ ทั้งโพสต์สนับสนุน และแฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง เช่น แม้ต่อมาจะถูกลบออกจากเว่ยป๋อ (แพลตฟอร์มโซเชียลยอดนิยมของจีน) รวมถึงบทความจากสื่อท้องถิ่นและโพสต์ให้คำแนะนำทางกฎหมายก็ถูกลบออกไปด้วย
นักเขียนบางคนโพสต์ข้อความว่า ใจความว่า เราเขียนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันเหมือนกับว่าสิ่งที่เราทำไม่มีค่าอะไรเลย ขณะที่มีการเรียกร้องให้กฎหมายมองเห็นความเป็นมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลังตัวอักษรมากขึ้น
การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นระลอกที่สองในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี โดยก่อนหน้านี้ นักเขียนนิยายตันเหม่ยคนหนึ่งเคยถูกตัดสินจำคุก 10 ถึงปี จากการขายหนังสือของตัวเองไปกว่า 7,000 เล่ม
ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการกวาดล้างจะยุติลงเมื่อใด หรือจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อวงการนักเขียนออนไลน์จีนมากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ เสรีภาพในจีนยังคงต้องเผชิญกับข้อจำกัดที่เข้มงวดและไม่แน่นอนต่อไป
ขณะที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็อาจเป็นทั้งโอกาสของคอนเทนต์ lgbtq+ ไทย
หรืออาจจะเป็นผลกระทบต่อเราก็ได้เช่นกัน เพราะที่ผ่านมาผลงานของไทยก็เป็นที่นิยมในหมู่คนจีนอยู่พอสมควร การคุมเข้มดังกล่าวอาจเป็นผลกระทบในเชิงลบ หรือเชิงบวกก็ต้องรอดูกันต่อไปอีกที
ท้ายที่สุด เรื่องนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ข้อจำกัดในการแสดงออกของนักเขียนจีนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงอำนาจการควบคุมเรื่องเพศและวัฒนธรรม สำหรับวงการนิยายออนไลน์ในภูมิภาคนี้ รวมถึงนักเขียนไทยที่มีผลงานแปลไปขาย อาจต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าการกวาดล้างครั้งนี้จะส่งผลต่อรูปแบบการเผยแพร่และการเข้าถึงเนื้อหาของผู้อ่านในอนาคตอย่างไร เพราะสุดท้ายแล้ว การเล่าเรื่องผ่านคอนเทนต์ไม่เคยเป็นแค่ความบันเทิง แต่ยังเป็นเวทีแสดงออกของค่านิยม ความเชื่อ และอัตลักษณ์ รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้าง Soft Power ของแต่ละประเทศได้อีกด้วย

#นิยายวายจีน

06/07/2025

ป๋าต้า แอบเปย์น้องแพทวง Klear หมดเงินเป็นแสน! 😎💰💸💵


#อภินิห่านคอนเสิร์ต
#ไทยประกันชีวิต



04/07/2025

D Gerrard ฝากถึง วงไททศ ให้โมส เอาดีด้าน “ผิวปาก”..

“ห้องสุขา” หากพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ “ห้องแห่งความสุข” ห้องที่มนุษย์ทุกคนได้ปลดทุกข์ และพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นี่...
03/07/2025

“ห้องสุขา” หากพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ “ห้องแห่งความสุข” ห้องที่มนุษย์ทุกคนได้ปลดทุกข์ และพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นี่แหละคือความสุขที่เรามักหลงลืมไป
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่ชาวเราต้องเคยพบเจอคือ เมื่อมีกิจธุระนอกบ้าน แล้วโดน “ข้าศึกบุกประตูหลัง” การจะหาห้องสุขาที่มีสุนทรีย์แห่งการระบาย สะอาด ปลอดภัย เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
จากข้อมูลของ กทม. ในกรุงเทพฯ มีห้องน้ำสาธารณะอยู่ 1,424 แห่ง แบ่งเป็น
- ปั๊มน้ำมัน 656 แห่ง
- วัด 406 แห่ง
- ห้างสรรพสินค้า 260 แห่ง
- สวนสาธารณะ 59 แห่ง
- แหล่งท่องเที่ยว 20 แห่ง
- ห้องน้ำริมทาง 6 แห่ง
- สถานีขนส่ง 17 แห่ง
และจากการวิเคราะห์ของ The Urbanis บ่งชี้ว่า รัศมีการเข้าถึงห้องน้ำสาธารณะในตัวเมืองกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 2.5 กิโลเมตร นี่คือระยะทางโดยเฉลี่ยที่เราจะต้องกลั้นให้อยู่
แต่ถ้าเป็นเขตชานเมืองแล้วล่ะก็ ระยะทางเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.5 - 6 กิโลเมตร ถ้ามีโชคมากหน่อย คุณอาจจะได้สวมบทบาทนักบินอวกาศที่จำต้องปลดบางส่วนของยานออกไปเพื่อความคล่องตัว
นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องห้องน้ำผู้พิการ สตรีมีครรภ์ หรือแม่ลูกอ่อนอีกนะ
จะเห็นได้ว่าห้องน้ำสาธารณะ มีส่วนสำคัญในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับทุกคน ทั้งในแง่การใช้งานและทัศนวิสัยของเมือง เพราะห้องน้ำกลางแจ้งที่สวยๆ สามารถเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ได้เลยนะถ้าตั้งใจทำดีๆ อย่างที่มีตัวอย่างให้เห็นในต่างประเทศ
ส่วนประเทศที่พอจะมองเป็นแบบอย่างเรื่องความดีงามของห้องน้ำได้ คงหนีไม่พ้นญี่ปุ่น ทั้งความสะอาดของห้องสุขา และความไฮเทคของสุขภัณฑ์ ทำให้นักท่องเที่ยวเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศญี่ปุ่นนี่แหละคือสรวงสวรรค์แห่งการขับถ่าย
หากกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว เรื่องความเอาใจใส่ของคนญี่ปุ่นอาจจะส่งต่อและถ่ายทอดออกมาในทุกอณูของชีวิต นวัตกรรมห้องน้ำของญี่ปุ่นก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่จุดเปลี่ยนสำคัญน่าจะเป็นช่วงก่อนโอลิมปิกที่โตเกียวเมื่อปี 1964 ซึ่งขณะนั้นนักวางผังเมืองเป็นกังวลเรื่องความสะดวก-ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงได้นำระบบประปาภายในอาคารและระบบบำบัดน้ำเสียที่ปรับปรุงใหม่มาใช้ก่อนโอลิมปิกจะเริ่ม
แน่นอนว่าของแบบนี้ไม่ได้สร้างมาแล้วทิ้งไป หากแต่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาต่อเนื่อง กระทั่งในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ญี่ปุ่นขึ้นชื่อในเรื่องห้องน้ำไฮเทค ทั้งฝารองนั่งอุ่นๆ น้ำฉีด พร้อมลมอบแห้งอัตโนมัติ และอื่นๆ จนดึงดูดให้ใครหลายคนอยากลองทิ้งสะโพกให้สบายกาย สบายใจ
และถึงแม้ญี่ปุ่นจะเป็นแชมป์เปี้ยนในเรื่องดังกล่าว แต่เขาก็ไม่หยุดพัฒนา ต่อมาเมื่อญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกอีกครั้ง ก็มีโปรเจ็กต์ให้นักออกแบบและสถาปนิกร่วมกันสร้างห้องน้ำสาธารณะ 17 แห่งใจกลางเมืองชิบูย่า โดยได้รับทุนจากมูลนิธิ Nippon Foundation และเมืองชิบูย่า
โครงการนี้ได้รับการอธิบายว่าเป็นการแสดงการต้อนรับแบบญี่ปุ่น โดยมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่คาดว่าจะเดินทางมา แม้สุดท้ายจะเกิดมาตรการที่เข้มงวดในช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม โครงการห้องน้ำโตเกียวก็ยังได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความแปลกใหม่และจุดเด่นทางสถาปัตยกรรม พร้อมทั้งมีการโฆษณาในเชิงที่เป็นมิตรต่อทุกเพศ ทุกวัย หรือแม้แต่คนพิการ
ตัวอย่างเช่น ห้องน้ำทรงครึ่งวงกลมสีขาวในสวนนานาโงะโดริ ที่มีระบบสั่งการด้วยเสียง ไม่ต้องสัมผัสให้สกปรก หรือถ้าอยากเพลิดเพลินกว่านี้ ก็สั่งให้เปิดเพลงได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ถ่ายกันแบบสุนทรีย์ไปเลย (แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้รองรับภาษาอื่นได้ดีแค่ไหนแล้วอะนะ)
หรือห้องน้ำโปร่งใสที่ทำจากกระจกหลากสี ซึ่งจะทึบแสงเมื่อล็อกประตู โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นว่าห้องน้ำสะอาดหรือไม่ หรือมีใครซ่อนอยู่ข้างในหรือเปล่า แต่ถ้าใครลืมล็อคประตู อันนี้ก็เปิดโปงการถ่ายทำไปเลย
ห้องน้ำอื่นๆ ก็มีอีก เช่น รูปร่างเหมือนเห็ดเรืองแสง, ผนังคอนกรีตแนวตั้งเหมือนเขาวงกต และอีกมากมาย
ซึ่งห้องน้ำทั้งหมดมีเครื่องอัตโนมัติ มีห้องสำหรับผู้พิการ หรือบางแห่งยังมีห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก หรือแผ่นไม้สำหรับยืนเปลี่ยนเสื้อผ้า ฯลฯ เป็นของสมนาคุณในแต่ละพื้นที่
จะเห็นได้ว่า โครงการห้องน้ำที่โตเกียวไม่ใช่แค่ไม้ประดับของเมืองที่เกิดขึ้นชั่วครู่ยาม
แต่มันนำเสนอความทันสมัย ความสร้างสรรค์ และความเอาใจใส่ ดีไม่ดีสามารถเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศได้อีก แทนที่จะกระมิดกระเมี้ยนไม่พูดถึงมัน เราควรเอาใจใส่เรื่องนี้กันดีไหม?
ตัดกลับมาที่ประเทศไทย เรื่องห้องน้ำสาธารณะอาจถูกมองเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พูดก็พูดเถอะ สำหรับคนที่ถูก “ข้าศึกบุก” นอกเคหสถาน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม ดังตัวอย่างที่เราได้เห็นว่าห้องน้ำที่ดี สามารถสะท้อนถึงค่านิยมทางสังคม ความเอาใจใส่ดูแลเพื่อนมนุษย์ รวมถึงเป็นสถานที่จัดแสดงด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม สถาปัตยกรรม ศิลปะ และอื่นๆ
เพราะหากกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว #ห้องน้ำใกล้ฉัน ควรเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่พึ่งหาได้ทั่วไปสำหรับคนทุกหมู่เหล่า และอย่างที่บอก “ห้องสุขา” ก็คือ “ห้องแห่งความสุข” ยิ่งห้องน้ำห้องน้ำสาธารณะดี สะอาด ปลอดภัย น่าใช้ ก็ยิ่งเป็นการแสดงออกว่าภาครัฐใส่ใจความสุขของประชาชนมากแค่ไหน
เพราะห้องสุขาอาจไม่ใช่แค่ที่ “ปลดทุกข์” แต่เป็นพื้นที่ที่เราสามารถ “ปลดล็อก” โอกาสทางสังคม เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศได้พร้อมๆ กัน

#ห้องน้ำญี่ปุ่น

ไม่กี่วันที่ผ่านมา แบรนด์ Prada กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย เพราะหลังจากเปิดตัวรองเท้าแตะดีไซน์ให...
02/07/2025

ไม่กี่วันที่ผ่านมา แบรนด์ Prada กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย เพราะหลังจากเปิดตัวรองเท้าแตะดีไซน์ใหม่ในงาน Milan Fashion Week ซึ่งดูๆ ไปแล้วก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับรองเท้าแตะโคลฮาปูรีของชาวอินเดีย อันมีต้นกำเนิดจากรัฐมหาราษฏระตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ในงานนั้น Prada กลับระบุรายละเอียดไว้เพียง "รองเท้าแตะหนัง" แค่นั้น
จึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า แบรนด์หรูชื่อดังไม่ยอมให้เครดิตกับมรดกทางวัฒนธรรมที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบ
โดยประเด็นหลักที่ฝ่ายเรียกร้องต้องการเสนอคือ หากคุณได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณีที่หยั่งรากลึก อย่างน้อยคุณก็ต้องให้เครดิตที่มาของแรงบันดาลใจนั้นๆ ด้วย
อีกทั้ง รองเท้าแตะโกลฮาปูรียังได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ตั้งแต่ปี 2019 ทว่าพอไปอยู่บนเวทีแฟชั่นไฮโซ กลับไม่มีการพูดถึงถิ่นฐานที่มาของมันเลยสักคำ เพราะสำหรับชาวอินเดียบางส่วน พวกเขามองว่า นี่ไม่ใช่รองเท้าดาดๆ ที่ไร้คุณค่า แต่มันคือภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมากว่า 800 ปี
รองเท้าแตะเหล่านี้คืองานฝีมือของบรรพชนอินเดีย อันมีรากประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ตั้งแต่ราชสำนัก ตลอดจนนักบวช และมันยังเป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องมือในการบำเพ็ญตบะด้วย
พูดอีกอย่างคือ Prada เอางานฝีมือของพวกเขามาใช้ แต่ไม่มีการพูดถึงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ทำราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตนซะอย่างงั้น นี่คือประเด็นสำคัญที่ทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ
สำหรับวงการแฟชั่น เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจในปัจจุบัน เนื่องจากทุกวันนี้ ผู้บริโภคสินค้าแบรนด์หรู เริ่มให้ความสำคัญกับตัวตนทางวัฒนธรรมมากขึ้น การใช้องค์ประกอบทางวัฒนธรรมอย่างมีบริบทจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกซื้อสินค้า นี่อาจเป็นบทเรียนให้แบรนด์อื่นๆ ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ไม่มากก็น้อย
นอกจากนี้ สื่อสัญชาติอินเดียอย่าง Diamond World ยังเผยแพร่บทความชวนตั้งคำถาม ถึงโอกาสของ Soft Power ประเทศอินเดียไว้อย่างน่าสนใจ โดย Diamond World ระบุว่า งานฝีมือที่ละเมียดละไมถือเป็น Soft Power ของประเทศอินเดีย และเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามหาศาล
เพราะแหล่งที่มาของสินค้าต่างๆ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เมื่อใดที่ผู้บริโภคเข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังชิ้นงาน รับรู้ถึงห่วงโซ่การผลิตและมรดกทางวัฒนธรรม เมื่อนั้นอินเดียจะไม่ได้เป็นแค่หลังบ้านให้แบรนด์ต่างๆ เท่านั้น อย่างไรก็ดี พวกเขายังต้องลงทุนเพื่อให้เป็นที่รู้จัก ส่งเสริมเรื่องราวของตัวเอง และสร้างการรับรู้ที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาให้มากกว่านี้
พอเป็นประเด็นร้อนในสังคม ต่อมาทาง Prada ก็มาแสดงความรับผิดชอบ โดย Lorenzo Bertelli หัวหน้าฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคมของปราด้า ได้ส่งจดหมายถึงหอการค้ารัฐมหาราษฏระ ซึ่งยอมรับว่ารองเท้าแตะดังกล่าว ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอินเดียจริงๆ ส่วนสถานะของสินค้ายังอยู่ระหว่างการพัฒนา ยังไม่แน่ใจว่าจะออกสู่ตลาดหรือไม่
อย่างไรก็ดี ทาง Prada ยืนยันว่าพวกเขายกย่องงานฝีมือ มรดก รวมถึงประเพณีการออกแบบมาโดยตลอด และพร้อมที่จะพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนกับช่างฝีมือท้องถิ่นของอินเดีย ตลอดจนจะจัดให้มีการประชุมติดตามผลต่อไป
เป็นการรับมือกับสถานการณ์ของ Prada ที่อาจผ่อนหนักเป็นเบาได้ แต่ก็คงต้องรอดูท่าทีกันหลังจากนี้ว่าจะยังไงกันต่อ
ในขณะที่ช่างฝีมือชาวอินเดียบางคนแสดงความผิดหวังต่อ Prada แต่ทว่าบางคนก็ยินดีที่ชื่อเสียงในมรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขาได้เผยแพร่สู่สายตาชาวโลกมากขึ้น
จากประเด็นทั้งหมดนี้ คงเป็นบทเรียนให้กับวงการแฟชั่นโลก ทั้งนี้ทั้งนั้น มีการเสนอว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ให้ช่างฝีมืออินเดีย แบรนด์ Prada และ Milan Fashion Week ทำงานร่วมกันไปเลย ไม่แน่ว่านี่ก็อาจเป็นทางออกหนึ่งที่น่าสนใจ
ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยสมานรอยร้าวเท่านั้น แต่ยังอาจต่อยอดไปสู่การสร้าง Soft Power ที่ยั่งยืนให้แก่งานหัตถศิลป์ของอินเดียได้ในระยะยาว เพราะเมื่อภูมิปัญญาท้องถิ่นได้รับการยอมรับและบอกเล่าในระดับโลก ผู้บริโภคก็จะมองเห็นคุณค่าและเรื่องราวเบื้องหลังของผลงานเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยเสริมอัตลักษณ์ของช่างฝีมือ สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่แข็งแรง และหล่อเลี้ยงความภาคภูมิใจในรากเหง้าวัฒนธรรมได้อย่างแท้จริง

#รองเท้าแตะอินเดีย

สวนแห่งใหม่ใจกลางเมืองกำลังจะเกิดขึ้นอีกแห่งในย่านธุรกิจ สำหรับ “Dusit Central Park” เพราะโครงการนี้ นอกจากจะเป็นพื้นที่...
01/07/2025

สวนแห่งใหม่ใจกลางเมืองกำลังจะเกิดขึ้นอีกแห่งในย่านธุรกิจ สำหรับ “Dusit Central Park” เพราะโครงการนี้ นอกจากจะเป็นพื้นที่มิกซ์ยูสหรูหราตามสูตรแล้ว ยังมีไฮไลท์ที่ “สวนลอยฟ้า” ขนาดใหญ่บนชั้น 4-7 ที่ตั้งใจจะเปิดให้คนทั่วไปเข้าไปใช้ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่สำหรับแขกโรงแรมหรือผู้เช่าออฟฟิศ
โดยพื้นที่ Roof Park กว้างประมาณ 7 ไร่ หรือกว่า 11,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งออกแบบทางเดินให้ลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ ต้นไม้ บ่อน้ำ และลานกิจกรรม มีการแบ่งโซนชัดเจน ทั้งจุดชมวิว ลานอเนกประสงค์สำหรับจัดงานเล็กๆ สนามเด็กเล่น และมุมเงียบๆ ไว้นั่งอ่านหนังสือ หรือนั่งชมวิวสวนลุมพินีที่อยู่ข้างๆ กัน
คอนเซ็ปต์ของ Roof Park แห่งนี้คือการคืนพื้นที่ธรรมชาติกลับสู่เมือง เติมสีเขียวให้ชีวิตในเมืองที่เร่งรีบ ด้วยรายละเอียดทางงานภูมิสถาปัตย์ และพันธุ์ไม้ที่เลือกมาเพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจน ดูดซับฝุ่น PM2.5 ลดความร้อน อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อแมลงตัวเล็กตัวน้อย เพราะไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดแมลง โดยจะมี QR code ให้สแกนเพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้พันธ์ุไม้ต่างๆ ได้อีกด้วย
การเดินทางก็สะดวกสะบาย เพราะสามารถเชื่อมกับ BTS ศาลาแดง และ MRT สีลมได้ ส่วนการเดินทางภายในสวนก็ออกแบบมาให้สะดวกต่อผู้สูงอายุ และผู้ใช้รถเข็น ตามคอนเซ็ปต์ของสวนสาธารณะเพื่อทุกคน
จากแนวคิดดังกล่าว อาจชวนให้เปรียบเทียบกับสวนสาธารณะชื่อดังอย่าง Central Park แห่งนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ในลอนดอน เพราะต่างก็เป็นสวนใหญ่ใจกลางเมืองที่กลายเป็นแลนด์มาร์กและจุดหมายปลายทางของคนท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยวเหมือนกัน เพียงแต่ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบของกรุงเทพฯ เอง
ในวันที่อากาศดีๆ หลังเลิกงานหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ลองหาเวลาไปเดินเล่นบน Roof Park ดูสักครั้ง บางทีการได้ชะลอจังหวะชีวิต มองดูต้นไม้ใบหญ้า หรือหยุดนั่งบนม้านั่งเงียบๆ อาจทำให้เรารู้สึกว่า เมืองนี้ก็ยังพอมีที่ให้หายใจอย่างเต็มปอดอยู่บ้างเหมือนกัน
พร้อมเปิดครั้งแรกแบบ Soft Launch ในวันที่ 15 ส.ค. นี้
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญคือ แคมเปญชวนคนไทยมาตั้งชื่อให้ตัวสวนด้วย เพียงคิดชื่อพร้อมบอกแรงบันดาลใจที่อยากให้ชื่อนี้เป็นชื่อของสวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และส่งไปในเว็บไซต์ของ Dusit Central Park ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2568 สามารถเข้าไปร่วมจารึกประวัติศาสตร์กันได้เลย

#สวนลอยฟ้า

30/06/2025

“ผมเป็นคนที่ดูเข้าถึงยาก แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนเรียบง่ายครับ”
คำพูดของศิลปินสุดเท่อย่าง D Gerrard ที่ขณะนี้กำลังป่าวประกาศไปทั่วหล้าว่าเขา “โสด” อีกทั้งกำลังมองหาคู่ชีวิตที่พร้อมจะลงหลักปักฐานไปด้วยกัน. ใช่แล้ว, มันถึงเวลาที่ชายวัยเลขสามผู้นี้ต้องการจะสร้างครอบครัว ละทิ้งความโสดเสียที
ในแง่หนึ่ง ความโสดก็มีข้อดีคือ ตัวศิลปินจะได้โฟกัสผลงานตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่เชื่อเถอะว่าอย่างไรเสียมนุษย์ก็ยังต้องการความรัก และ D Gerrard พร้อมแล้ว เขาต้องการเพียงคนเดียวที่ใช่ และจะเป็นคนสุดท้าย พร้อมแต่งงาน-มีลูก สร้างครอบครัว พร้อมส่งต่อมรดกทางความคิดสืบไป ..
#จีบไม่เก่ง

ที่อยู่

Phra Nakhon

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The Attractionผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง The Attraction:

แชร์