LibertyTrader เราดำเนินธุรกิจ ด้วยแนวคิดที่ว่าลูกค้าได้จะต้องรับผลตอบแทนที่ดีกว่า ค่าบริการที่ลูกค้ามอบให้กับเรา

19/06/2025

วิธีสร้างธุรกิจ
แบบเงินตัวเองมีไม่พอ
(6 วิธีหาแหล่งเงินทุนตั้งต้น)
"เรามีไอเดียแล้ว ไปหา VC มาลงทุนกันเถอะ" ประโยคแบบนี้ คงจะเคยได้ยินกันบ่อยๆ จากสตาร์ทอัพหรือคนที่อยากเริ่มธุรกิจ แต่ยังไม่เข้าใจเกมของการระดมทุน ก่อนจะเจอความจริงที่ว่า ไม่มีใครอยากลงทุนกับเรา ไอเดียเราคงห่วย
ในโลกแห่งสตาร์ทอัพ หลายคนเชื่อว่าเงินทุนจาก VC คือน้ำมันชั้นดีที่จะพาธุรกิจพุ่งทะยานสู่มูลค่าหลายร้อยล้าน แต่ความจริงที่ไม่มีใครบอก คือ 99% ของสตาร์ทอัพไม่ใช่แบบที่ VC ต้องการ
Chris Soschner ผู้เชี่ยวชาญด้านการระดมทุนสตาร์ทอัพ เคยกล่าวว่า "VC ไม่ได้ลงทุนในธุรกิจดีๆ แต่ลงทุนในการพนันที่มีโอกาสคืนทุน 100 เท่า" ซึ่งแปลว่าพวกเขาคาดหวังให้สตาร์ทอัพ 9 ใน 10 แห่งล้มเหลว และหวังให้อีก 1 แห่งประสบความสำเร็จระดับยูนิคอร์น
แล้วถ้าสตาร์ทอัพของคุณไม่ใช่ยูนิคอร์น จะระดมทุนอย่างไร? นี่คือ 7 ทางเลือกที่จะช่วยให้คุณสร้างธุรกิจโดยไม่ต้องพึ่ง VC
1. FU = Fund It Yourself
ลงทุนด้วยตัวเอง คือหนทางสู่การควบคุมเต็มรูปแบบ
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เริ่มต้นเหมือนกัน คึอด้วย เงินเก็บส่วนตัว แรงงานของตัวเอง และความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ไม่มี VC ไม่มีพรีเซนเทชั่นหรูหรา แค่ผู้ก่อตั้งที่กล้าเดิมพันกับตัวเอง ลองดูตัวอย่างเช่น Reed Hastings ผู้ก่อตั้ง Netflix
ในปี 1997 เขาไม่ได้วิ่งไปหา VC แต่เขียนเช็คด้วยตัวเอง 2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 70 ล้านบาท) จากเงินที่ขายบริษัทแรกได้ อำนาจควบคุม Netflix ไม่ได้ถูกสร้างบนการเติบโตแบบไร้เหตุผล แต่เขามีเวลาทดสอบ ปรับแต่ง และพิสูจน์โมเดลธุรกิจก่อนรับเงินทุนจากภายนอก
2. เงินจากเพื่อนและครอบครัว (แต่ไม่ใช่แลกหุ้น)
ให้กู้ยืม ไม่ใช่ให้เป็นเจ้าของร่วม จะรักษาความสัมพันธ์ได้ยาวนาน
ดูเช่น Daymond John ผู้ก่อตั้ง FUBU ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขาเป็นเพียงคนมีวิสัยทัศน์ที่ออกแบบเสื้อผ้าในบ้านแม่ที่ควีนส์ เขามีความมุ่งมั่น มีไอเดียแบรนด์ แต่ไม่มีเงิน แม่ของเขาเลยไปจำนองบ้านเพื่อให้เขากู้ 100,000 ดอลลาร์ (3.5 ล้านบาท) เพื่อขยายธุรกิจ
ที่สำคัญ มันไม่ใช่การให้เปล่า ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการกู้ยืม นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันประสบความสำเร็จ John รักษาความเป็นเจ้าของ FUBU ไว้ทั้งหมด สร้างบริษัทตามเงื่อนไขของตัวเอง และเปลี่ยนเงิน 100,000 ดอลลาร์เริ่มต้นให้กลายเป็นแบรนด์ที่ทำยอดขายทั่วโลกกว่า 6 พันล้านดอลลาร์
3. ให้ลูกค้าจ่ายค่าสินค้าล่วงหน้า
เสียงของตลาดคือเสียงที่ดังที่สุด ลูกค้าคือนักลงทุนที่ดีที่สุด
ผู้ก่อตั้งส่วนใหญ่คิดว่าต้องมีเงินทุนก่อน แล้วค่อยหาลูกค้า แต่นั่นกลับด้าน สตาร์ทอัพที่ฉลาดกว่าจะพลิกมุมกลับ พวกเขาให้ลูกค้าเป็นผู้ลงทุน ถ้าสินค้าของคุณแก้ปัญหาจริงๆ คนจะไม่เพียงบอกว่าต้องการ แต่ยังยินดีจ่ายล่วงหน้าก่อนที่มันจะมีตัวตน
ตัวอย่างเช่น Tesla ก่อนที่ Model 3 จะออกสู่ถนน Tesla เปิดให้จองล่วงหน้าพร้อมเงินมัดจำ 1,000 ดอลลาร์ (35,000 บาท) คนนับแสนจองรถที่ยังไม่ได้ผลิต เงินสดที่ไหลเข้ามาช่วยให้ Tesla มีเวลาหายใจในการปรับปรุงการผลิต ปรับแต่งสินค้า และควบคุมชะตากรรมของตัวเอง พวกเขาไม่ได้ขอเงิน แต่พิสูจน์ว่าคนยินดีจ่าย
4. ระดมทุนจากคนอื่นๆ (Crown Funding) ทดสอบความต้องการก่อนผลิต
ไม่ใช่แค่หาเงิน แต่พิสูจน์ว่าไอเดียของคุณควรมีตัวตน
การระดมทุนจากคนอื่นไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นการพิสูจน์ว่าไอเดียของคุณควรมีอยู่จริง ถ้าคุณไม่สามารถโน้มน้าวคนแปลกหน้าบน Kickstarter หรือ Indiegogo ให้จ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับสินค้าของคุณ คุณจะโน้มน้าวลูกค้าหลายพันคนให้ซื้อมันในภายหลังได้อย่างไร?
ดูเช่น Pebble นาฬิกาอัจฉริยะที่เปิดตัวบน Kickstarter พวกเขาไม่มีโรงงาน ไม่มีนักลงทุน ไม่มีแม้แต่สินค้าสำเร็จรูป แต่พวกเขามีความต้องการจากตลาด มากกว่า 78,000 คนสนับสนุนกว่า 10 ล้านดอลลาร์ (350 ล้านบาท) ก่อนที่จะผลิตสักชิ้น นั่นไม่ใช่แค่เงินทุน แต่เป็นการยืนยันความต้องการของตลาด
5. เงินกู้ หรือเรียกว่า เส้นชีวิตของสตาร์ทอัพ
คำว่า "หนี้" อาจทำให้หลายคนรู้สึกกลัว รู้สึกเหมือนมีภาระบนบ่า เป็นความเสี่ยงที่ใหญ่เกินกว่าจะรับ แต่นี่คือความจริง ว่าทุกธุรกิจที่เอาจริงเอาจัง ในจุดหนึ่ง จะมีหนี้เพื่อเติบโต กุญแจไม่ใช่การหลีกเลี่ยง แต่คือการรู้เวลาและวิธีใช้ให้เหมาะสมกับจังหวะ
Sara Blakely ผู้ก่อตั้ง Spanx ไม่มีเงินทุนจาก VC ไม่มีนักลงทุนรวย สิ่งที่เธอมีคือเงินกู้ 5,000 ดอลลาร์ (175,000 บาท) ต้นแบบสินค้า และความไม่ย่อท้อ เธอใช้บัตรเครดิตครอบคลุมต้นทุนการผลิตระยะแรก โทรหา Neiman Marcus จนกว่าพวกเขาจะนัดประชุม และหาทางโน้มน้าวให้ Oprah นำ Spanx ไปออกรายการ ที่เหลือคือประวัติศาสตร์ เงินกู้เล็กๆ นั้นช่วยให้เธอสร้างอาณาจักรพันล้านดอลลาร์
6. พาร์ทเนอร์ และ ผู้ร่วมก่อตั้ง คือ แหล่งเงินอัจฉริยะ
ลืม Shark Tank ไปได้เลย เพราะบทเรียนจริงไม่ใช่การพิชบนทีวีระดับประเทศ
เพราะ VC ต้องการการเติบโตแบบพุ่งทะยาน เวลาเลือกลงทุนใน 10 บริษัท ต่อให้ 9 บริษัทจะเจ๊ง หรือล้มเหลว ถ้าแต่มี 1 บริษัท ที่ทำเงินได้ในระดับพันล้านดอลลาร์ นั่นก็เพียงแล้ว จุดสำคัญเลยคือบริษัทนั้นจะต้องเติบโตด้วยความเร็วมหาศาล หรือถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้นต่อให้บริษัทมีกำไร พวกเขาก็ไม่สนใจอยู่ดี
ส่วนการมีพาร์ทเนอร์ในธุรกิจ จะโฟกัสไปที่การทำกำไร พวกเขาไม่สนใจยูนิคอร์น พวกเขาสนใจสร้างธุรกิจจริงที่ทำเงิน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาโครงสร้างข้อตกลงต่างออกไป พวกเขาให้กู้เงินแทนที่จะเอาหุ้น พวกเขาอยากมีส่วนร่วม ช่วยเหลือด้านการขาย การจัดจำหน่าย และการปฏิบัติการ พวกเขาไม่ต้องการ IPO เพื่อรับเงิน พวกเขาทำกำไรไปพร้อมกับคุณ
ดังนั้นแล้ว ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะต้องการเงินทุนจาก VC เว้นแต่ว่าคุณกำลังต้องการสร้างธุรกิจที่เป็นยูนิคอร์น แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาด้วย คือ การอยู่ภายใต้กรอบการบริหารที่คุณอาจไม่ชอบ หรือไม่อยากทำ แต่ก็ต้องทำ คำถามที่สำคัญกว่านั้น ตอนนี้คุณกำลังสร้างธุรกิจเพื่อให้ใครเป็นเจ้าของกันแน่
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน


#ไปให้ถึง100ล้าน
อ้างอิง
https://bit .ly/4jaRwlv

18/06/2025
13/06/2025

Startup แต่ละเลเวล มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง ?
- แพลตฟอร์ม Blockdit Invest แอปโซเชียลแรก ที่ผู้ใช้สามารถให้ความเห็นต่อ หุ้นรายตัว ทั้งหุ้นไทย หุ้นอเมริกา ลองใช้ได้ที่ Blockdit.com/download เลือกแถบเมนู Invest

01/06/2025

AI Gemini มัดรวมในโพสต์นี้ (ใครบอกมันไม่ดี ใจเย็นก่อน 5555)
เมื่อวานได้ไปงาน Gemini Day (Samsung X Google Event)
แอดทอย Kasidis Satangmongkol ชวนไปเป็น TA (TA ที่เรียนเอง)
TA กี่โมง 5555555 มัวแต่จดเอง
แอดทอยบอกว่า
เรามาปรับความเข้าใจก่อน AI แต่ละตัว แต่ละ Tool มันมีวิธีการใช้ที่ไม่เหมือนกัน เหมือนกล้องแต่ละยี่ห้อ เอาไปถ่าย Location เดียวกัน สไตล์มันก็ไม่เหมือนกัน มันต้องดูว่าควรใช้กับอะไรด้วย
[ม่ายช่าย เอา Prompt เดียวกันไปยัดทุก Tools แล้วดูคำตอบแล้วบอกชนะเลย ใครทำงี้ตีเลยนะ ]
มาดู Prompt ของ AI Gemini ที่แอดทอยแนะนำกันดีกว่า
Gemini ไม่ได้เป็นแค่ chatbot
มันคือ "Co-thinker" ที่คิดลึกได้
และ "Co-pilot" ที่ทำงานแทนเราได้แบบทั้ง workflow
---------------------------------
🎯 Prompt ที่ดี = เปลี่ยนชีวิตได้จริง
Prompt ยิ่ง “ละเอียด” ยิ่งดี — ใส่บริบท, โทนเสียง, กลุ่มเป้าหมายให้ครบ

ถ้าเขียนไม่เก่ง → ให้ Gemini ช่วยเขียน Prompt ให้เราก่อนก็ได้

อย่าลืมใช้ action verb นำ เช่น “Summarize, Design, Suggest, Translate”

ใส่โจทย์ให้ชัด เช่น "คุณคือ UX Designer ที่จะช่วยรีดีไซน์ onboarding flow ให้ user ใช้งานง่ายขึ้น"

อย่าพยายามใช้ prompt เดียวให้เป๊ะ → ต้องกล้าปรับ กล้า iterate ไปเรื่อยๆ
------------------------------------------------
🧠 อย่าคิดว่า Gemini คือแค่ AI เขียน text
มันคือ “Multimodal” — ใช้ข้อความ, รูป, วิดีโอ, PDF พร้อมกันได้

ใส่ไฟล์ 1,500 หน้าได้ใน prompt เดียว เหมือนหนังสือ 3 เล่ม (Context Window ใหญ่สุดในตลาดตอนนี้่ ช่วย Gemini ขายหน่อยย55555)

ถามคลิป YouTube แล้วให้มันสรุปให้เลยก็ยังได้ เจ้าของเดียวกัน เข้าถึงได้ลึกกว่าอยู่แล้ว จริงไหม

ใช้ทำสคริปต์, สรุปงาน, วิเคราะห์กลยุทธ์, แต่งภาพ, ออกแบบ landing page ได้หมด

------------------------------
🧪 เทคนิค Prompting แต่ละแบบที่เขาใช้กัน

1. Zero-shot: ไม่มีตัวอย่าง → ให้ตอบเลย (อันนี้อย่าหาทำเลยเชื่อเบ้น555)

2.Few-shot: มีตัวอย่างให้ก่อน 2–3 ชิ้น เพื่อให้เขียนสไตล์เดียวกัน

3.Chain of Thought (CoT): ให้มันคิดเป็น step

4.Tree of Thought: ให้มันแตกไอเดียหลายทาง แล้วช่วยเลือก

5.Mega Prompt: รวม role + task + format + tone + audience ไว้ครบ
(อันนี้เป็นสิ่งที่แนะนำที่สุดกำหนดไปเลย มองในมุมไหนแบบไหนละเอียด)

6.Iterative Prompt: ใช้แบบ “ลองแล้วแก้” จนได้งานที่ชัดที่สุด

Temperature: ปรับระดับความสร้างสรรค์ (0 = เหมือน Bot สุด, 1 = เหมือนคนที่สุด)
-----------------------
🔍 ฟีเจอร์เด็ดที่เปลี่ยนวิธีทำงานไปเลย
Deep Research = คิดโจทย์ให้เรา + หาข้อมูลให้เสร็จ
เหมือนมีเพื่อนฉลาดๆ ที่ขุดข้อมูล + สร้างไอเดียแบบอัตโนมัติ

ไว้ใช้สำหรับหาข้อมูลวิจัยเป็นร้อยๆเว็บ ร้อยๆอันทำให้เราประหยัดเวลา ในการหาข้อมูล ถ้าเราขี้เกียจอ่านอีก ก็มีปุ่ม Podcast เอาไว้ให้คนมาอ่านให้ฟัง

Gems = สร้าง bot ส่วนตัวให้ทำ task เดิมๆ แบบเร็วมาก เช่น สรุปโพสต์ วิเคราะห์ธุรกิจ
อันนี้คือดีมาก train มันได้เรื่อยๆ วันนี้นั่งเล่นทั้งวันเลย ปุ่ม Gems ของดี Gemini เลย

Automated Prompt = ถ้าเรามีงานดีๆ แล้วอยากได้ prompt ที่สร้างงานแบบนี้อีก → ให้มัน generate ให้เลย (คิดไม่ออกให้มัน Gen เล้ย)

----------------
🚀 สุดท้าย: อย่าแค่ “ใช้ AI” แต่ให้ “เติบโตไปกับมัน”
หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน
แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ AI ทำให้เรา “เลิกคิด”
จริงๆ แล้ว Gemini คือกระจกสะท้อนความคิดของเรา

คนที่เก่งขึ้นเร็วตอนนี้ คือคนที่… ใช้ Gemini มาช่วยคิดให้เฉียบ

ใช้มันมาฝึกความแม่นยำในการสื่อสารใช้มันมาทดสอบไอเดียก่อนลงมือจริง

เพราะสุดท้ายคนที่รอดในยุคนี้ ไม่ใช่คนที่รู้เยอะ
แต่คือคนที่ “ถามเป็น + ใช้ AI เป็น + กล้าลอง + กล้า refine ไปเรื่อยๆ”

และ Gemini ก็คือเครื่องมือที่มอบทักษะพวกนี้ให้เราทุกวัน
ถ้าเรากล้าใช้มันอย่างตั้งใจ

ถ้าใครอยากเริ่มต้นง่ายๆ
ลองเขียนแค่ 1 Prompt วันนี้ ว่า...

“ถ้าฉันอยากใช้ Gemini ให้เก่งขึ้นในแบบที่เหมาะกับชีวิตฉัน ต้องเริ่มจากอะไร?”

แล้วฟังคำตอบให้ดีครับ

ขอบคุณทาง Google และ Samsung ที่จัดงานดีๆแบบนี้ออกมานะค้าบ

28/05/2025

อยากมีรายได้แหล่งที่ 2 ทำไงได้บ้าง🤔
ยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนโดยเฉพาะเรื่องการเงิน และงานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้คอนเฟิร์มว่าอนาคตจะยั่งยืนเสมอไป
ทางที่ดี เราไม่ควรมีรายได้เพียงแค่ทางเดียว เราควรมีสัก 2 – 3 ทางขึ้นไป เพื่ออนาคตเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เราจะได้มีเงินช่องทางสำรอง เพื่อที่จะไม่มีปัญหาทางการเงินติดขัด
วิธีสร้างรายได้แหล่งที่ 2
1. เขียนสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ถนัด สิ่งที่สนใจ เขียนลงไปในกระดาษเท่าที่นึกได้
2. ให้เลือกสิ่งที่สนใจที่สุด ที่เขียนไว้ในกระดาษมาอย่างน้อย 3 อย่าง (ถ้าทำเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว ยิ่งดี)
3. ให้ตั้งคำถามกับ 3 รายการที่เลือกมาว่า “สิ่งที่เราชอบนี้ช่วยอะไรใครได้บ้าง”
4. เขียนอธิบายว่าสามารถนำสิ่งที่เราชอบ นำไปช่วยใครได้บ้าง สมมุติผมชอบปลูกต้นไม้และจัดสวน ผมสามารถนำความรู้ไปช่วย คนที่ต้องการปลูกต้นไม้, คนที่ปลูกต้นไม้ไม่เป็น, คนที่ต้องการนักจัดสวน และอื่น ๆ
5. เริ่มต้นทำเลย หากยังไม่มีความรู้ก็ไปเรียนรู้ฟรีได้จากยูทูป เขียนอธิบายไม่เป็น ก็ไปเรียนเพิ่มเติมจากแหล่งต่าง ๆ (ปัจจุบันความรู้ฟรีมีเพียบ)
6. เมื่อเริ่มมีช่องทางที่ชัดเจนแล้ว ต่อไปคือการทำอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญเริ่มต้นโดยใช้ทุนไม่ต้องเยอะ เริ่มง่าย ๆ ค่อยขยับทำไปทีละนิด
* การเริ่มด้วยทุนที่น้อย คือเราจะได้คิด และทำงานด้วยความระเอียดกับงานที่เราทำเสมอ
ครั้งแรกที่ทำอาจยังไม่ได้เงินหรือไม่สำเร็จทันที เพราะการที่จะสร้างอะไรขึ้นมามันต้องใช้เวลากับสิ่งนั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นทักษะ ความสามารถ หรือแม้กระทั่งช่องทางรายได้ใหม่ ๆ ย่อมต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง
อ่านมาถึงจุดนี้หากคุณยังไม่อยากมีรายได้ทางที่ 2 ก็ไม่ได้มีใครว่าอะไรคุณ เพราะคุณเลือกเอง คุณเป็นคนกำหนดอนาคตและความปลอดภัยทางการเงิน ด้วยตัวคุณเอง
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับหลาย ๆ ท่าน ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีเงินทองที่มั่นคงครับ
หนังสือแนะนำ : Money 101 📖
🔷 https://s.lazada.co.th/s.KNq6Z?cc
🔶 https://s.shopee.co.th/40R1TP1iFA
#อ่านเถอะวัยรุ่น #การเงิน #รายได้เสริม #รายได้ทางที่2 #สอนหาเงิน

26/05/2025

เผื่อใครยังไม่รู้ ผมแอบซุ่มทำคอร์สแจกฟรีมาสักพักแล้วนะครับ แค่ไม่ได้โพสต์บอก5555 คนเรียนหลายร้อยแล้วตอนนี้
ชื่อ Self-Employed Launchpad: เริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นนายตัวเอง
คอร์สฟรีความยาว 2 ชั่วโมง ที่ผมมาเล่าเรื่องวิธีการเริ่มหาเงินออนไลน์ให้ฟัง
คอมเมนต์โพสต์นี้ว่า SE แล้วเดี๋ยวผมส่งให้ครับ 👇🏻

25/05/2025

การสร้าง Personal Brand
คือสูตรโกงของนักขาย และนักธุรกิจ
นี่คือไม้เด็ดที่ทำให้คนต้นทุนน้อย
สามารถเติบโตและสร้างความมั่งคั่งได้
ขอแค่เพียง ‘นำเสนอตัวเองให้เป็น’
สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงไม่กี่อย่าง
เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง
จำไว้ว่า ‘People Buy From People’
ทุกวันนี้ คนซื้อจากคน
สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายมาก
แต่ใช่คุณสมบัติของสินค้า
หรือเทคนิคจิตวิทยาการขายบ้าบอ
แต่มันคือ ‘ความสบายใจ’
ยิ่งคนเห็นบ่อย เขายิ่งเชื่อใจ
และรู้สึกว่า ต้องเป็นคุณเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ
1. ตอบให้ได้ ‘ลูกค้าในฝันคุณคือใคร?’
2. ตอบให้ได้ ‘ปัญหาของเขาคืออะไร?’
3. ตอบให้ได้ ‘เขานึกถึงเรื่องอะไรบ่อย ๆ ?’
คุณไม่คุยกับทุกคน คุณจะคุยแค่กับเป้าหมาย
จากนั้นสื่อสารให้เขาเชื่อใจ
1. ทำคอนเทนต์ตอบคำถามที่เขาสงสัย
2. ทำคอนเทนต์ที่แก้ปัญหาให้เขาได้
3. สร้างตัวตนภายใต้เรื่องราวเหล่านั้น
สมัยนี้ไม่ต้องรอไปคุยต่อตัวต่อแล้ว
ลูกค้าจะเสิร์ชหาข้อมูลที่เขาต้องการเอง
และถ้าคุณมีคอนเทนต์รองรับ
แสดงว่าเขาก็มีโอกาสจะเห็นคุณ
หมดยุคของการ ‘เสนอขายตรง ๆ’
แต่มันคือการ ช่วยเหลือ และเป็นที่ปรึกษา
สินค้า บริการ ใครก็เลียนแบบได้
แต่ตัวตน และบุคคล ที่เขารักและเชื่อใจ
จะทำให้เขาไม่อยากไปไหนอีกแล้ว
และมันไม่ต้องใช้ต้นทุนเลย
ติดตามผม .siwakorn
เพื่อรับสาระดี ๆ เกี่ยวกับ
- การพัฒนาตัวเอง และสร้างตัวตน
- การหาเงิน และเปลี่ยนทักษะเป็นธุรกิจ
- การเงินและการสร้างความมั่งคั่ง
มาลุยกันครับ :)

“วินัย” ก็เหมือน “ข้าว” ถ้าขาดไปแล้ว อาจจะอดตายได้เลย
18/05/2025

“วินัย” ก็เหมือน “ข้าว” ถ้าขาดไปแล้ว อาจจะอดตายได้เลย

ที่อยู่

เทพารักษ์
Samut Prakan
10270

เบอร์โทรศัพท์

+66964789964

เว็บไซต์

http://neramitrforex.wordpress.com/

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ LibertyTraderผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง LibertyTrader:

แชร์

ประเภท