17/05/2025
เปิงบ้าน ทางอ.เชียงคาน จ.เลย แม่หญิงเพิ่นหาปลาเก่ง
จิตวิญญาณท่ามกลางโขงเปลี่ยนแปลงของยายหนาน แม่หญิงพรานปลาหนึ่งเดียวแห่งอำเภอเชียงคาน
แม้ว่าอายุจะล่วงเลยมาจนได้รับเบี้ยยั้งชีพคนชรา ยายหนาน หรือสมาน เรือนคำ ในวัย 63 ปี บ่อยครั้งที่ลูกหลานร้องขอให้เกษียณวางมือจากไม้พายและตาข่ายดักปลา แต่เธอยังยึดมั่นในปณิธานอันแน่วแน่พร้อมตอบกลับว่า
“แม่โตมากับแม่น้ำโขง ไหลมอง (ตาข่าย) จับปลามา 50 ปีแล้ว จะให้หยุดก็คงวันที่หมดแรง เดินไม่ไหวจริงๆ”
ที่นี่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมืองริมฝั่งโขงที่มีทัศนียภาพสวยงามและบรรยากาศสงบเงียบ โดยเฉพาะบริเวณตัวเมืองที่มีชุมชนเรือนไม้เก่าแก่สุดคลาสสิกและถนนคนเดินยามค่ำคืนอันเป็นเอกลักษณ์
ทว่า เหนือขึ้นไปตามแนวแม่น้ำโขงประมาณ 200 กม. มีเขื่อนไซยะบุรี (Xayaburi Dam) ตั้งอยู่ในแขวงไซยะบุรี สปป.ลาว นอกจากนี้ ยังมีแผนจะก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำสานะคาม (Sanakham Hydropower Project) ในพื้นที่ใกล้เคียงกับเมืองสานะคาม โดยมีระยะห่างจากเชียงคาน เพียงแม่น้ำโขงขวางกั้น
นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่ความผันผวนเกิดขึ้นในแม่น้ำโขงหลังการสร้างเขื่อนไซยะบุรี ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านไม่สามารถจับได้เหมือนดังเดิม เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้น นั่นคือ
- หลังจากเขื่อนเริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในปี 2562 พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงอย่างรวดเร็วและไม่เป็นไปตามฤดูกาล ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ "น้ำโขงใส" ซึ่งเป็นภาวะที่แม่น้ำขาดตะกอน ทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล นอกจากนี้ ยังพบว่ามีสาหร่ายหรือไกที่ระบาดในช่วงน้ำใส ทำให้ตาข่ายและอุปกรณ์จับปลาเสียหายอีกด้วย
- ระดับน้ำที่ผันผวนส่งผลให้ปลาหลายชนิดไม่สามารถปรับตัวได้ทัน เช่น ปลาเลิม ปลาพอน และปลายี่สกไทย ซึ่งเคยมีจำนวนมากในแม่น้ำโขง ปัจจุบันพบว่าจำนวนลดลงอย่างมากหรือสูญหายไปจากพื้นที่
อีกทั้ง การสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ทำให้การไหลของน้ำผันผวนไม่เป็นไปตามธรรมชาติ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนริมแม่น้ำ ทั้งในด้านการประมงพื้นบ้าน การเกษตรริมโขง ตลอดจนประเพณีและวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาการกัดเซาะตลิ่งแม่น้ำโขงรุนแรงขึ้นในทุกๆ ปี
จำได้ว่าเมื่อ 3 ปีก่อน เราเคยล่องเรือไหลมองกับยายหนานอยู่กลางแม่น้ำโขง แลเห็นท่วงท่าการควบคุมเรือยนต์ การปล่อยมองลงสู่ผิวน้ำและการสาวดึงมองขึ้น พร้อมกับความชำนาญในการใช้ไม้พายพยุงเรือขณะน้ำไหลเชี่ยวอย่างทะมัดทะแมงและคล่องแคล่วโดยไม่แพ้บุรุษเพศเลย
“ยายไม่ได้เข้าโรงเรียน ไม่รู้หนังสือ ตอนอายุ 4-5 ขวบ พ่อกับแม่ก็พาลงโขงหาปลาแล้ว ถึงทำอะไรไม่เป็นก็ช่วยหยิบจับสิ่งของ และปลดปลาที่ติดมองออก พออายุ 11-12 ปี ก็ทำหน้าที่ช่วยคัดท้ายเรือและเริ่มฝึกไหลมองจนทำเป็น กระทั่งอายุ 16 ปี แต่งงาน ก็ได้ออกเรือหาปลาไปกับสามีเพื่อเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นยายจึงผูกพันกับการหาปลาในแม่น้ำโขงมาตั้งแต่เด็ก” ยายหนานเคยกล่าวเอาไว้
แม้วันนี้ริ้วรอยความชราบนเรือนร่างจะแปรเปลี่ยนไปตามสังขาร แต่แม่หญิงพรานปลาแห่งเมืองเชียงคานเธอยังยืนทะนงอยู่บนเรือคู่กาย ขณะเบื้องล่างคือกระแสน้ำที่กำลังถูกทำให้เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกโมงยาม
ยายหนานบอกว่า คนหาปลาลดลงต่อเนื่องทุกปี จากเมื่อก่อนจะเห็นเรือหาปลาล่องเต็มโขง ปีที่แล้วเหลือ 20-30 ลำ และปีนี้เหลือแค่ประมาณ 10 ลำต่อวัน เพราะว่าน้ำโขงขึ้น-ลงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้หาปลาไม่ได้ ไหลมองทั้งวันก็ไม่ได้ปลาพอขาย น้ำมันก็แพง 100 บาท เติมเรือแล่นได้ 2 วัน หลายคนต้องขายเรือ เลิกอาชีพไปหาทำงานรับจ้าง หรือปลูกยางพารา และทำสวน พอให้มีรายได้จุนเจือครอบครัว
แต่สำหรับยายหนาน...
“นี่คือวิถีของคนหาปลา ได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ยังหาอยู่ก็เพราะใจมันรักและผูกพันกับแม่น้ำโขง” กล่าวจบยายหนานจึงขอตัวไป “ยามเบ็ดเผือก”
ว่าแล้วเธอก็สตาร์ทเครื่องยนต์ โดยสองมือกำแน่นแล่นตัดแสงโพล้เพล้ที่กำลังสะท้อนผิวแม่น้ำโขงออกไปไกลลับตา
#มนุษย์ลุ่มน้ำโขง #เชียงคาน #เลย #เขื่อน