ห้องเรียนปฐมวัย by ครูตั๋ม นันทาศิริ

ห้องเรียนปฐมวัย by ครูตั๋ม นันทาศิริ ไม่ค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับผู้สนใจกิจกรรมของนักเรียนระดับปฐมวัยและกิจกรรมเด็กที่นำมาลงเน้นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้คุณประโยชน์-มีคุณลักษณที่พึงประสงค์สูงสุด

17/10/2025

📢 มาแล้ววววค่าาาา 🎉❤️

สถ. ขอส่งเอกสารหลักสูตร เครื่องมือและแผนการจัดประสบการณ์ EF Guidelines พร้อมทั้งเอกสารคู่มือแนวทางการดำเนินงานที่ปรับปรุงเพิ่มเติม สำหรับเด็กอายุ 2-3 ปี รวมถึงมีการปรับแบบประเมินให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น (ฉบับปรับปรุง)

🛜 ดาวน์โหลดได้ที่ bit.ly/47sH6L3
*เอกสารเผยแพร่สำหรับสถานศึกษาสังกัด อปท. สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย*

ทั้งนี้ สถ. จะมีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งค่ะ

26/09/2025
16/09/2025

❌ปิดเทอมนี้ ครูวอนขอ “งดจอให้ลูก”‼️

เมื่อถึงช่วงปิดเทอม หลายครอบครัวอาจรู้สึกว่านี่เป็นเวลาที่ลูกจะได้พักผ่อน และพ่อแม่เองก็ได้มีเวลาจัดการงานบ้านหรือทำงานโดยไม่ต้องกังวลมากนัก หลายครั้ง “หน้าจอ” ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือทีวี จึงกลายเป็นพี่เลี้ยงชั่วคราวให้ลูกอยู่เงียบ ๆ ได้ แต่ในฐานะครู อยากขอวิงวอนเล็ก ๆ ว่า ปิดเทอมนี้…ลอง “งดจอ” ให้ลูกดูสักหน่อย

👉เพราะการปล่อยให้ลูกใช้จอนาน ๆ ไม่ได้แค่ทำให้สายตาล้า หรือนอนหลับยากเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อพัฒนาการด้านสมาธิ ภาษา อารมณ์ และสังคมของเด็กด้วย เด็กที่ใช้จอบ่อยอาจพูดช้าลง หงุดหงิดง่าย และไม่ค่อยอยากขยับร่างกาย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจกระทบต่อการเรียนรู้เมื่อเปิดเทอมอีกครั้ง

👉สิ่งที่เด็กควรได้รับในวัยนี้ คือ การเล่น การเคลื่อนไหว และการสื่อสารกับคนจริง ๆ ไม่ใช่ตัวการ์ตูนในหน้าจอ การวิ่งเล่นในสวน การช่วยพ่อแม่ทำอาหาร การระบายสี หรือการเล่นบทบาทสมมติ ล้วนเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างทั้งทักษะทางสมอง กล้ามเนื้อ ความคิดสร้างสรรค์ และสายสัมพันธ์ในครอบครัว

👉ครูไม่ได้ห้ามไม่ให้ลูกแตะจอเลย แต่ขอให้เป็นการใช้จออย่างมีขอบเขต เช่น เลือกดูสิ่งที่มีสาระร่วมกันในเวลาสั้น ๆ แล้วชวนคุยต่อยอด ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่กับจอลำพังเป็นชั่วโมง ๆ

👉ปิดเทอมนี้ ลองเปลี่ยนจาก “เวลาอยู่กับจอ” เป็น “เวลาอยู่กับพ่อแม่”เชื่อเถอะว่า…รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้ใช้ร่วมกัน จะเป็นของขวัญที่มีค่ากว่าหน้าจอหลายเท่า 🌱💖

13/09/2025

👉🏻ครูอยากให้เด็กลองทำเอง...บางเรื่องผู้ปกครองไม่ควรทำแทน👈🏻
สิ่งที่ครูอยากสื่อคือ...บางเรื่องควรให้เด็กลองทำเองเพราะเป็นการฝึกทักษะชีวิตไม่ใช่ให้ผู้ปกครองทำแทนตลอดไป

🔑 เหตุผลที่ครูอยากให้เด็กทำเองไม่ใช่ให้พ่อแม่ทำแทน
1. เสริมพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย
• เด็กอนุบาลสามารถทำอะไรหลายอย่างได้แล้ว เช่น ใส่รองเท้า เก็บกระเป๋า กินข้าวเอง
• ถ้าผู้ใหญ่ทำแทน เด็กจะพลาดโอกาสฝึกฝน
2. สร้างความรับผิดชอบและความภูมิใจ
• เวลาเด็กได้ทำเอง เด็กจะรู้สึกภูมิใจและมั่นใจในตัวเอง
• การให้โอกาสเด็กทำเอง คือการสอนให้เขารับผิดชอบชีวิตเล็ก ๆ ของตนเอง
3. ฝึกวินัยและการปรับตัวในสังคม
• ที่โรงเรียน ครูดูแลเด็กหลายสิบคน การที่เด็กช่วยเหลือตนเองได้บ้าง จะทำให้การใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน ๆ ราบรื่นขึ้น
• เด็กที่ทำเองได้ จะไม่ติดการรอคอยหรือพึ่งพาผู้ใหญ่เกินไป
4. เตรียมความพร้อมสู่อนาคต
• วันหนึ่งเด็กต้องเติบโตไปอยู่ในสังคมที่ไม่มีพ่อแม่คอยทำแทน
• การเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ วันนี้จะเป็นรากฐานให้เด็กมีความรับผิดชอบในเรื่องใหญ่ ๆ วันหน้า

📌 ครูอนุบาลฝากถึงผู้ปกครอง
บางเรื่อง… ควรปล่อยให้ลูกได้ทำเอง
• ใส่รองเท้าเอง
• สะพายกระเป๋าเอง
• กินข้าวเอง
• เก็บของเล่นเอง

เพราะสิ่งเหล่านี้…
✔️ เสริมพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย
✔️ สร้างความภูมิใจและความมั่นใจ
✔️ ฝึกความรับผิดชอบและวินัย
✔️ เตรียมความพร้อมสู่การใช้ชีวิตในอนาคต

💡 การที่ผู้ปกครอง “ยอมให้ลูกลองทำเอง”
คือของขวัญที่ดีที่สุดที่ช่วยให้ลูกเติบโตอย่างมั่นใจและมีคุณค่าในตนเอง 🌱
#ด้วยความรักและความหวังดีจากใจครูอนุบาล❤️😊

11/09/2025
29/08/2025

❌เด็กอนุบาล เมื่อผู้ปกครองมารับกลับบ้านช้า เด็กรู้สึกยังไง?

สำหรับผู้ใหญ่ บางครั้งการไปรับลูกช้าอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะติดงาน ติดประชุม หรือรถติด แต่สำหรับ “เด็กอนุบาล” ซึ่งยังเล็กและโลกทั้งใบคือครอบครัว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนรอพ่อแม่หรือผู้ปกครองนั้นสำคัญกว่าที่คิดมากค่ะ

👉1. เด็กอาจรู้สึกเหงาและกังวล
เมื่อเห็นเพื่อนๆ ทยอยกลับบ้านทีละคน แต่ตนเองยังต้องนั่งรอ เด็กบางคนอาจเริ่มรู้สึกเหงา คิดถึงบ้าน และเกิดความกังวลว่า “ทำไมยังไม่มีใครมารับนะ?”

👉2. เด็กอาจรู้สึกถูกลืม
ในวัยอนุบาล เด็กยังไม่เข้าใจเหตุผลเรื่องการทำงานหรือรถติด การที่พ่อแม่มาช้าอาจทำให้เด็กรู้สึกว่า “พ่อแม่ลืมฉันหรือเปล่า” ซึ่งเป็นความรู้สึกที่อ่อนไหวมากสำหรับเด็กเล็ก

👉3. เด็กบางคนอาจปรับตัวโดยการเล่นต่อ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเศร้าหรือร้องไห้ บางคนอาจใช้เวลาเล่นของเล่น พูดคุยกับครู หรือทำกิจกรรมเล็กๆ รอไปเรื่อยๆ แต่ลึกๆ แล้ว เขาก็ยังเฝ้ารอเสียงเรียกจากพ่อแม่อยู่เสมอ

👉4. เด็กจะมีความสุขทันทีที่ได้เจอผู้ปกครอง
แม้จะนั่งรอด้วยใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่เมื่อเห็นหน้าพ่อแม่เดินมาหา ความกังวลทั้งหมดก็หายไป กลายเป็นรอยยิ้มและความดีใจที่สุดของวัน

✨ สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ
หากมีเหตุจำเป็นต้องไปรับช้า ควรแจ้งโรงเรียนหรือครูล่วงหน้า เพื่อให้ครูช่วยดูแลและปลอบใจเด็ก รวมถึงเมื่อมาถึงแล้ว ควรอธิบายด้วยภาษาที่ลูกเข้าใจว่าเพราะอะไรจึงมาช้า พร้อมกอดและบอกรัก เพื่อให้เขารู้สึกมั่นใจว่า “พ่อแม่ไม่ได้ลืมหนู”

👉การมารับลูกช้าอาจเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กเล็ก มันเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย การให้ความเข้าใจและการสื่อสารกับลูกอย่างอ่อนโยน จะช่วยเปลี่ยนความกังวลของเขา ให้กลายเป็นประสบการณ์การรอคอยที่ปลอดภัยและอบอุ่นขึ้น🥰

19/08/2025

👉🏻บางครั้งครูก็ทำตามใจผู้ปกครองทุกเรื่องไม่ได้👈🏻

ครูอนุบาลอยู่ตรงกลางระหว่าง “ผู้ปกครอง” กับ “เด็ก” หลายครั้ง
ผู้ปกครองมีความคาดหวังสูง อยากให้ลูกได้มากที่สุด แต่ในความจริง ครูไม่สามารถทำตามใจผู้ปกครองได้ทุกเรื่อง เพราะ…
🔹 เหตุผลที่ครูทำตามใจผู้ปกครองไม่ได้ทุกอย่าง
1. หลักสูตรและแนวทางโรงเรียน – ครูต้องสอนและจัดกิจกรรมตามหลักสูตร ไม่สามารถปรับเปลี่ยนตามใจผู้ปกครองแต่ละคนได้
2. ประโยชน์ของเด็ก – สิ่งที่ผู้ปกครองอยากให้ทำ อาจไม่เหมาะกับพัฒนาการเด็ก หรือเกินวัยไป
3. ความเท่าเทียม – เด็กทุกคนต้องได้รับโอกาสและการดูแลใกล้เคียงกัน ครูไม่สามารถทำพิเศษเฉพาะรายจนกระทบคนอื่นได้
4. ข้อจำกัดของเวลาและทรัพยากร – ครูต้องดูแลเด็กทั้งห้อง บางอย่างที่ผู้ปกครองขออาจเกินกำลังหรือเกินขอบเขต
🔹 แนวทางที่ครูสื่อสารกับผู้ปกครองอย่างนุ่มนวล
• “เข้าใจความตั้งใจของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ แต่ในชั้นอนุบาล เราจะเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่นและกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้เด็กได้พัฒนาตามวัยค่ะ”
• “สิ่งที่เสนอมาเป็นเรื่องดีมากเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสครูจะนำไปปรับใช้ แต่บางส่วนต้องยึดตามหลักสูตรของโรงเรียนด้วยค่ะ”
• “ครูอยากให้มั่นใจว่า ทุกสิ่งที่ทำในห้องเรียน จะเหมาะกับเด็กและช่วยเสริมพัฒนาการของลูกจริง ๆ ค่ะ”

👉 ครูจึงเหมือน “สะพาน” เชื่อมระหว่างความคาดหวังของผู้ปกครองกับสิ่งที่เป็นไปได้จริงในห้องเรียนค่ะ❤️
#ครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน
#จากใจครูอนุบาล

16/08/2025

❌ 5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพฤติกรรมเด็กอนุบาล‼️

พฤติกรรมของเด็กอนุบาลมักทำให้ผู้ใหญ่ทั้งขำ ทั้งมึน ทั้งงง แต่หลายครั้งสิ่งที่เราเข้าใจอาจไม่ตรงกับความจริง การมองให้ลึกกว่าที่เห็นจะช่วยให้เราช่วยเขาได้ตรงจุด

👉1. คิดว่า “ร้องไห้ตอนเช้า” คือไม่อยากไปโรงเรียน

ความจริง: เด็กหลายคนร้องไห้เพราะยังติดพ่อแม่หรือยังไม่ชินกับการแยกจากบ้าน เมื่อเล่นกับเพื่อนสักพักก็มักหยุดร้องและสนุกกับกิจกรรมได้

👉2. คิดว่า “วิ่งซนทั้งวัน” คือไม่มีสมาธิ

ความจริง: เด็กวัยนี้เรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหว ร่างกายและสมองกำลังฝึกประสานงานกัน การขยับตัวคือหนึ่งในวิธีเรียนรู้ ไม่ใช่การ “ไม่มีสมาธิ”

👉3. คิดว่า “พูดเยอะ” คือไม่รู้จักฟัง

ความจริง: เด็กกำลังฝึกการสื่อสาร การพูดซ้ำ ๆ หรือเล่าเรื่องยาว ๆ คือการพัฒนาทักษะภาษา เขาอาจฟังอยู่แต่แค่ตื่นเต้นอยากเล่าบ้าง

👉4. คิดว่า “ไม่ยอมแบ่งของเล่น” คือเห็นแก่ตัว

ความจริง: เด็กวัยนี้ยังอยู่ในช่วงเรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน การเข้าใจมุมมองของผู้อื่นต้องใช้เวลาและการฝึกฝนจากสถานการณ์ซ้ำ ๆ

👉5. คิดว่า “เงียบไม่เล่นกับเพื่อน” คือไม่มีเพื่อน

ความจริง: เด็กบางคนเป็นประเภทสังเกตการณ์ ชอบดูเพื่อนเล่นก่อนแล้วค่อยเข้าร่วม ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีเพื่อนหรือไม่ชอบเข้าสังคม

🥰 เด็กอนุบาลกำลังอยู่ในช่วงฝึกทักษะชีวิตทุกด้าน พฤติกรรมที่ผู้ใหญ่เห็นว่า “ปัญหา” อาจเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการเติบโต การเข้าใจให้ถูกต้องจะช่วยให้เราสนับสนุนเขาได้อย่างเหมาะสม

12/08/2025

❌ผู้ปกครองไม่สอน รอครูที่โรงเรียนสอนอย่างเดียว…ใครเสีย?

👉หลายครั้งที่ครูอนุบาลเจอสถานการณ์แบบนี้ เด็กบางคนยังไม่รู้จักพื้นฐานง่าย ๆ เช่น การใส่รองเท้า การเก็บของเล่น การถือช้อนกินข้าว หรือแม้แต่การพูด “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ” เพราะผู้ปกครองมองว่า

“เดี๋ยวครูก็สอนให้ที่โรงเรียน”

แต่ความจริงแล้ว การสอนลูกให้มีทักษะพื้นฐานและพฤติกรรมที่ดี ไม่ใช่หน้าที่ของครูเพียงอย่างเดียว เพราะโรงเรียนมีเวลาอยู่กับลูกเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมง ในขณะที่บ้านคือที่ที่ลูกใช้เวลาและซึมซับพฤติกรรมมากที่สุด

👉ทำไมการรอให้ครูสอนอย่างเดียวถึงไม่พอ
1. ทักษะชีวิตต้องฝึกทุกวัน เช่น การแปรงฟัน การใส่เสื้อผ้าเอง หรือการเก็บของหลังใช้ ถ้าฝึกแค่ในโรงเรียนวันละครั้ง เด็กก็จำได้ช้าและทำไม่คล่อง
2. คุณค่าทางจิตใจปลูกได้ที่บ้านก่อน ความมีน้ำใจ ความรับผิดชอบ การรู้จักรอคอย เด็กซึมซับจากการเห็นพ่อแม่ทำและพูดซ้ำ ๆ
3. ครูต้องดูแลเด็กทั้งห้อง ครูไม่สามารถให้ความใส่ใจเป็นรายบุคคลได้เท่าพ่อแม่ การรอครูเพียงอย่างเดียวทำให้ลูกเราอาจพัฒนาช้ากว่าเพื่อน
4. การสอนที่บ้านต่อยอดจากโรงเรียน เมื่อครูสอนเรื่องหนึ่งแล้ว พ่อแม่ช่วยเสริมที่บ้าน เด็กจะจำแม่นและนำไปใช้ได้จริง

สิ่งง่าย ๆ ที่ผู้ปกครองควรเริ่มสอนที่บ้าน
• ให้ลูกลองทำเอง แม้จะช้าหรือเลอะบ้าง เช่น ตักข้าว ใส่เสื้อผ้า
• ฝึกพูดคำสุภาพทุกวัน
• สอนให้เก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จ
• พูดคุยกับลูกเรื่องดี–ไม่ดี ด้วยภาษาง่าย ๆ
• ชมเชยเมื่อลูกทำได้ เพื่อสร้างกำลังใจ

สรุป

การสอนลูกคือ ความร่วมมือระหว่างบ้านและโรงเรียน บ้านปลูกพื้นฐาน ครูต่อยอดความรู้ เด็กจึงจะเติบโตทั้งด้านสติปัญญาและคุณธรรม ถ้าผู้ปกครองรอครูอย่างเดียว เด็กอาจเก่งช้า และพลาดทักษะชีวิตที่ควรมีตั้งแต่เล็ก✌️✌️✌️

26/07/2025
11/05/2025
06/05/2025

ที่อยู่

โรงเรียน เทศบาล ๑๐ อนุบาลหนูดี ถนนประชาอุทิศ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี
Udon Thani
41000

เบอร์โทรศัพท์

+66812612621

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ห้องเรียนปฐมวัย by ครูตั๋ม นันทาศิริผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ห้องเรียนปฐมวัย by ครูตั๋ม นันทาศิริ:

แชร์