26/10/2025
📝History | #เรียนประวัติศาสตร์byครูชุ
🔎ในโหราศาสตร์ไทยโบราณ
ดาวหางไม่ได้ถูกเรียกว่า “ดาวหาง” เสมอไป แต่ถูกเรียกว่า “ธุมเกตุ” (อ่านว่า ทุม-มะ-เกด) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต
ธุม (Dhūma): หมายถึง ควัน หรือไอ
เกตุ (Ketu): หมายถึง ดาวหาง หรือธง
ดังนั้น ธุมเกตุ จึงหมายถึง “ดาวควัน” หรือ “ดาวหาง” ซึ่งในทางโหราศาสตร์ถือเป็น ดาวบาปเคราะห์ ดวงหนึ่งที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงและความหายนะ ไม่ว่าจะในระดับส่วนตัวหรือระดับประเทศ และมักจะถูกตีความว่าเป็นการเตือนภัยถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ดังนี้
◼️การผลัดแผ่นดินหรือการสิ้นสุดของราชวงศ์: การปรากฏของธุมเกตุ ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของยุคสมัย หรือการล่มสลายของราชธานี ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บ้านเมืองมีความวุ่นวาย
◼️ภัยพิบัติและโรคระบาด: ธุมเกตุถูกเชื่อมโยงกับภัยธรรมชาติร้ายแรง เช่น น้ำท่วมใหญ่, แผ่นดินไหว, หรือการเกิดโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก
◼️สงครามและการจลาจล: การที่ธุมเกตุปรากฏขึ้นอย่างโดดเด่นบนท้องฟ้า มักถูกตีความว่าเป็นลางบอกเหตุถึงการเกิดสงคราม, การรุกรานจากข้าศึก, หรือการจลาจลในบ้านเมือง
⏳ยกตัวอย่าง “ดาวหาง” ในบันทึกประวัติศาสตร์ไทย
◼️การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310)
ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ก็มีการกล่าวถึงลางบอกเหตุต่างๆ อย่างมากมาย หนึ่งในนั้นคือการปรากฏของ ธุมเกตุ ซึ่งถูกบันทึกไว้ใน “พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา” ว่าในช่วงก่อนที่พม่าจะยกทัพมาล้อมกรุง ได้มีปรากฏการณ์ดาวหางหรือธุมเกตุขึ้นบนท้องฟ้าอย่างเด่นชัด ความว่า
“…พ.ศ. 2309 ปีจอ อัฐศก เดือนยี่ แรมเจ็ดค่ำ มีดาวหางเป็นธุมเกตุ พุ่งหางยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้… โหรหลวงได้ทำนายว่าบ้านเมืองจะวอดวาย จะเสียกรุงแก่พม่า…”
◼️ปรากฏการณ์ "หมอกธุมเกตุ" ในเหตุการณ์สวรรคตของพระเจ้าแผ่นดินมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ระบุในพระราชพงศาวดารว่าจะเกิดหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จสวรรคต จะเกิดปรากฏการณ์ “หมอกธุมเกตุ”
✍🏻เมื่อครั้งองค์ในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 ดังข้อความบางส่วนจากพระนิพนธ์ใน หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิสกุล เรื่อง 23 ตุลาคม 2453 เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้ ที่ได้บรรยายไว้ว่า
“พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกันเป็นแถวตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่มีแม้แต่ยิ้มก็ไม่มีสักผู้เดียวทุกคนแต่งดำน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่เคยรู้รส อากาศมืดคุ้มมีหมอขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป ผู้ใหญ่เขาบอกว่านี่แหละหมอกธุมเกตุ(1) ที่ในตำราเขากล่าวถึง ว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆเกิดขึ้น”
✍🏻ปรากฏการณ์หมอกธุมเกตุ คืนวันที่ 13 ต.ค. 2559 ระบุว่า คืนวันเสด็จสวรรคตองค์ในหลวงรัชกาลที่ 9 เกิดปรากฏการณ์ “หมอกธุมเกตุ” เช่นกัน
✍🏻ล่าสุด เกิดปรากฏการณ์ 💫 เมื่อ 00.30 น. (26 ต.ค.68) หลังพระพันปีหลวงสวรรคต โดยประชาชนในหลายจังหวัดภาคกลางพบเห็น ลูกไฟขนาดใหญ่ มีเสียงระเบิดบนฟ้า พร้อมแรงสั่นสะเทือน โดยสมาคมดาราศาสตร์ไทย ก็ได้โพสต์ข้อความว่า
"ลูกไฟสว่างเมื่อคืน อาจเป็นสะเก็ดดาวหางโบราณ ที่แตกสลายไปเมื่อ 10,000 ปีก่อน" พร้อมระบุข้อมูลเพิ่มเติมว่า "ฝนดาวตกเทาริด (Taurid Meteor Shower) มีต้นกำเนิดจากดาวหาง 2P/Encke ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นซากขนาดใหญ่ของดาวหางโบราณขนาดใหญ่ 40 กิโลเมตรที่แตกสลายไปเมื่อราว 10,000 ปีก่อน
🌏ตามหลักวิทยาศาสตร์…ว่ากันตามธรรมชาติแล้ว “หมอก” จะเกิดขึ้นในช่วงที่มีอากาศชื้น ยิ่งมีแสงสว่างยิ่งเห็นหมอกชัดเจน เฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว ตอนกลางคืนไปถึงดึก อากาศจะเย็น …มีมวลอากาศเย็นแผ่กระจายปะทะกับความชื้นจากทะเล บวกกับแสงพระจันทร์ที่สว่างจะทำให้เห็นหมอกได้ชัดเจน
————
ที่มา : บางส่วนจากผู้ใช้ชื่อว่า ดอกนางแย้ม ในพันทิพและจากในอินเตอร์เน็ต และบางส่วนจากผู้ใช้ชื่อว่า อัษฎางค์ ยมนาค
: เครดิตภาพ BIGG Sinrojwong กระทู้พันทิพ