เรียนประวัติศาสตร์ by ครูชุ

  • Home
  • เรียนประวัติศาสตร์ by ครูชุ

เรียนประวัติศาสตร์ by ครูชุ สื่อไอเดียการสอน รับบทวิทยากร ผลงานนักเรียน แนวทางการสอนประวัติศาสตร์สร้างสรรค์ บูรณาการแหล่งเรียนรู้

29/10/2025
28/10/2025

ขอเชิญฟังเสวนา (ออนไซต์) และร่วมแลกเปลี่ยนเพื่อมองทิศทางของวิชาประวัติศาสตร์ในการศึกษาภาคบังคับที่ควรจะเป็นในอนาคต
🎙️ในหัวข้อเรื่อง
#วิชาประวัติศาสตร์ในกระแสการเปลี่ยนแปลงของการศึกษาในบริบทโลก
👨‍💻วิทยากร
🔸ดร.เฉลิมชัย พันธ์เลิศ
ผู้อำนวยการสถาบันสังคมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
🔸ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อรรถพล อนันตวรสกุล
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
🔸ครู ธนวรรธน์ สุวรรณปาล
นักวิชาการอิสระด้านการศึกษาวิชาสังคมศึกษา
🔸ครู นราวิชญ์ สังเกตการณ์
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา
และผู้ทำเพจ สอนประวัติศาสตร์
🎙️ดำเนินรายการโดย
ผศ.ดร.พิพัฒน์ กระแจะจันทร์
สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

-------------
🕐วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน 2568
เวลา 13:00-16:00 น.
🏢ห้อง 307 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

❗ฟังฟรี ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า มี YouTube
รบกวนมาก่อนเวลาเริ่มงานประมาณ 10 นาที เพื่อลงทะเบียน

#ประวัติศาสตร์ #การศึกษาภาคบังคับ #สพฐ #สภาการศึกษา #สังคมศึกษา

พระราชดำรัส 'พระพันปี' เรื่อง 'การศึกษาประวัติศาสตร์ไทย'       สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพั...
27/10/2025

พระราชดำรัส 'พระพันปี' เรื่อง 'การศึกษาประวัติศาสตร์ไทย'
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ความตอนหนึ่งทรงตรัสถึงเรื่อง การศึกษาประวัติศาสตร์ไทย ไว้อย่างน่าสนใจว่า
“...ประเทศไทยบรรพบุรุษของเราสละชีวิตมาเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินมาด้วยเลือดเนื้อ ด้วยชีวิต แต่เสียดายตอนนี้ท่านนายกฯ เขาไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์แล้วนะ ฉันก็ไม่เข้าใจ เพราะตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีประวัติศาสตร์อะไรเท่าไหร่ แต่เราก็ต้องเรียนประวัติศาสตร์ของสวิส แต่เมืองไทยนี่ บรรพบุรุษเลือดทาแผ่นดิน กว่าจะมาถึงที่ให้พวกเราอยู่ นั่งอยู่กันสบาย มีประเทศชาติ เรากลับไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์ ไม่รู้ว่าใครมาจากไหน เป็นความคิดที่แปลกประหลาด…”

……………..…………………….
ขอพระองค์สู่สวรรคาลัย 🙏🏻🥹

"นักเรียนไทยไม่ได้มีการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ชาติไทยมานานแล้ว"

📝History |  #เรียนประวัติศาสตร์byครูชุ🔎ในโหราศาสตร์ไทยโบราณ ดาวหางไม่ได้ถูกเรียกว่า “ดาวหาง” เสมอไป แต่ถูกเรียกว่า “ธุมเ...
26/10/2025

📝History | #เรียนประวัติศาสตร์byครูชุ
🔎ในโหราศาสตร์ไทยโบราณ
ดาวหางไม่ได้ถูกเรียกว่า “ดาวหาง” เสมอไป แต่ถูกเรียกว่า “ธุมเกตุ” (อ่านว่า ทุม-มะ-เกด) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต

ธุม (Dhūma): หมายถึง ควัน หรือไอ
เกตุ (Ketu): หมายถึง ดาวหาง หรือธง

ดังนั้น ธุมเกตุ จึงหมายถึง “ดาวควัน” หรือ “ดาวหาง” ซึ่งในทางโหราศาสตร์ถือเป็น ดาวบาปเคราะห์ ดวงหนึ่งที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงและความหายนะ ไม่ว่าจะในระดับส่วนตัวหรือระดับประเทศ และมักจะถูกตีความว่าเป็นการเตือนภัยถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ดังนี้

◼️การผลัดแผ่นดินหรือการสิ้นสุดของราชวงศ์: การปรากฏของธุมเกตุ ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของยุคสมัย หรือการล่มสลายของราชธานี ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บ้านเมืองมีความวุ่นวาย

◼️ภัยพิบัติและโรคระบาด: ธุมเกตุถูกเชื่อมโยงกับภัยธรรมชาติร้ายแรง เช่น น้ำท่วมใหญ่, แผ่นดินไหว, หรือการเกิดโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก

◼️สงครามและการจลาจล: การที่ธุมเกตุปรากฏขึ้นอย่างโดดเด่นบนท้องฟ้า มักถูกตีความว่าเป็นลางบอกเหตุถึงการเกิดสงคราม, การรุกรานจากข้าศึก, หรือการจลาจลในบ้านเมือง

⏳ยกตัวอย่าง “ดาวหาง” ในบันทึกประวัติศาสตร์ไทย

◼️การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310)

ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ก็มีการกล่าวถึงลางบอกเหตุต่างๆ อย่างมากมาย หนึ่งในนั้นคือการปรากฏของ ธุมเกตุ ซึ่งถูกบันทึกไว้ใน “พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา” ว่าในช่วงก่อนที่พม่าจะยกทัพมาล้อมกรุง ได้มีปรากฏการณ์ดาวหางหรือธุมเกตุขึ้นบนท้องฟ้าอย่างเด่นชัด ความว่า

“…พ.ศ. 2309 ปีจอ อัฐศก เดือนยี่ แรมเจ็ดค่ำ มีดาวหางเป็นธุมเกตุ พุ่งหางยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้… โหรหลวงได้ทำนายว่าบ้านเมืองจะวอดวาย จะเสียกรุงแก่พม่า…”

◼️ปรากฏการณ์ "หมอกธุมเกตุ" ในเหตุการณ์สวรรคตของพระเจ้าแผ่นดินมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ระบุในพระราชพงศาวดารว่าจะเกิดหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จสวรรคต จะเกิดปรากฏการณ์ “หมอกธุมเกตุ”

✍🏻เมื่อครั้งองค์ในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 ดังข้อความบางส่วนจากพระนิพนธ์ใน หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิสกุล เรื่อง 23 ตุลาคม 2453 เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้ ที่ได้บรรยายไว้ว่า

“พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกันเป็นแถวตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่มีแม้แต่ยิ้มก็ไม่มีสักผู้เดียวทุกคนแต่งดำน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่เคยรู้รส อากาศมืดคุ้มมีหมอขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป ผู้ใหญ่เขาบอกว่านี่แหละหมอกธุมเกตุ(1) ที่ในตำราเขากล่าวถึง ว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆเกิดขึ้น”

✍🏻ปรากฏการณ์หมอกธุมเกตุ คืนวันที่ 13 ต.ค. 2559 ระบุว่า คืนวันเสด็จสวรรคตองค์ในหลวงรัชกาลที่ 9 เกิดปรากฏการณ์ “หมอกธุมเกตุ” เช่นกัน

✍🏻ล่าสุด เกิดปรากฏการณ์ 💫 เมื่อ 00.30 น. (26 ต.ค.68) หลังพระพันปีหลวงสวรรคต โดยประชาชนในหลายจังหวัดภาคกลางพบเห็น ลูกไฟขนาดใหญ่ มีเสียงระเบิดบนฟ้า พร้อมแรงสั่นสะเทือน โดยสมาคมดาราศาสตร์ไทย ก็ได้โพสต์ข้อความว่า

"ลูกไฟสว่างเมื่อคืน อาจเป็นสะเก็ดดาวหางโบราณ ที่แตกสลายไปเมื่อ 10,000 ปีก่อน" พร้อมระบุข้อมูลเพิ่มเติมว่า "ฝนดาวตกเทาริด (Taurid Meteor Shower) มีต้นกำเนิดจากดาวหาง 2P/Encke ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นซากขนาดใหญ่ของดาวหางโบราณขนาดใหญ่ 40 กิโลเมตรที่แตกสลายไปเมื่อราว 10,000 ปีก่อน


🌏ตามหลักวิทยาศาสตร์…ว่ากันตามธรรมชาติแล้ว “หมอก” จะเกิดขึ้นในช่วงที่มีอากาศชื้น ยิ่งมีแสงสว่างยิ่งเห็นหมอกชัดเจน เฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว ตอนกลางคืนไปถึงดึก อากาศจะเย็น …มีมวลอากาศเย็นแผ่กระจายปะทะกับความชื้นจากทะเล บวกกับแสงพระจันทร์ที่สว่างจะทำให้เห็นหมอกได้ชัดเจน

————
ที่มา : บางส่วนจากผู้ใช้ชื่อว่า ดอกนางแย้ม ในพันทิพและจากในอินเตอร์เน็ต และบางส่วนจากผู้ใช้ชื่อว่า อัษฎางค์ ยมนาค
: เครดิตภาพ BIGG Sinrojwong กระทู้พันทิพ

25/10/2025
25/10/2025
25/10/2025

พระเศวตฉัตร ๙ ชั้น หรือฉัตรขาว ๙ ชั้น เป็นเครื่องแสดงพระเกียรติยศสูงสุดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ นั้น นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการถวายพระเกียรติยศสูงสุดด้วยพระเศวตฉัตร ๙ ชั้น แด่พระบรมราชวงศ์ฝ่ายใน ซึ่งการใช้ฉัตรในการถวายพระเกียรติยศมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้

นพปฎลมหาเศวตฉัตร เป็นฉัตร ๙ ชั้น ที่ใช้เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสำหรับพระมหากษัตริย์ที่ทรงรับบรมราชาภิเษกแล้วเท่านั้น แต่เดิมหุ้มด้วยผ้าตาด ถึงรัชกาลที่ ๔ โปรดให้เปลี่ยนเป็นผ้าขาวมีระบาย ๓ ชั้น ขลิบทองแผ่ลวดห้อยอุบะจำปาทอง ยอดฉัตรรูปแหลมทรงเจดีย์ สำหรับปักกางกั้นเหนือพระราชบัลลังก์ตามราชประเพณี ถือเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่น ๆ ดังปรากฏในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับน้ำอภิเษก ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ พระราชครูพราหมณ์เชิญนพปฎลมหาเศวตฉัตร ขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย แล้วเจ้าหน้าที่เชิญตามเสด็จไปยังพระที่นั่งภัทรบิฐ เพื่อทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องขัตติยราชวราภรณ์ และเครื่องขัตติยราชูปโภค อันแสดงความเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์

นพปฎลมหาเศวตฉัตรนี้ ยังกางกั้นในสถานที่สำคัญอื่น ๆ อีก คือ เหนือพระแท่นบรรทมในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน กางกั้นเหนือพระราชบัลลังก์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และพระที่นั่งอนันตสมาคม

และเมื่อสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเสด็จสวรรคต
เจ้าพนักงานจะได้ถวายนพปฏลมหาเศวตฉัตรกางกั้นเหนือพระบรมโกศ ตลอดเวลาที่ประดิษฐานพระบรมศพอยู่ ครั้นเมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพ จะมีการถวายพระนนพปฎลมหาเศวตฉัตรกางกั้นเหนือพระจิตกาธานตลอดเวลาถวายพระเพลิง โดยเจ้าพนักงานจะถวายสุมพระบรมอัฐิไว้คืนหนึ่ง

ขณะที่ สัปตปฎลเศวตฉัตร (อ่านว่า สับ-ตะ-ปะ -ดน-สะ -เหฺวด-ตะ -ฉัด) นั้น ประกอบด้วยคำว่า สัปต (อ่านว่า สับ-ตะ) ปฎล (อ่านว่า ปะ -ดน) และ เศวตฉัตร (อ่านว่า สะ -เหฺวด-ตะ -ฉัด) คำว่า สัปต แปลว่า เจ็ด คำว่า ปฎล แปลว่า ชั้น ชั้นที่ซ้อนกัน สัปตปฎล แปลว่า มี ๗ ชั้น ส่วนคำว่า เศวตฉัตร เศวต แปลว่า สีขาว เศวตฉัตร แปลว่า ฉัตรสีขาว สัปตปฎลเศวตฉัตร จึงแปลว่า ฉัตรสีขาว ๗ ชั้น เป็นเครื่องสูงแสดงพระอิสริยยศรองลงมาจาก พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

มีหลักฐานการถวายพระเกียรติยศดังกล่าวในคราวที่พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร (พระองค์เจ้าหญิงละม่อม) ผู้อภิบาลบำรุงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ สิ้นพระชนม์ ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ถวายพระเกียรติยศสูงสุด โดยโปรดให้ใช้ว่า เสด็จสวรรคต และใช้ว่า พระบรมศพ รวมถึงโปรดเกล้าฯ ให้ถวายพระสัปตปฎลเศวตฉัตรกางกั้นเหนือพระบรมโกศ

แบบแผนการถวายพระเกียรติยศเป็นพิเศษ ยังปรากฏสืบมาในรัชกาลที่ ๙ ที่โปรดเกล้าฯ ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร กางกั้นเหนือพระบรมโกศพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลฯ พระอัฐมรามาธิบดินทร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ โปรดเกล้าฯ ถวายสัปตปฎลเศวตฉัตรกางกั้นเหนือพระโกศ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๑ และโปรดเกล้าฯ ถวายสัปตปฎลเศวตฉัตร กางกั้นเหนือพระโกศ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔

อนึ่ง เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายพระเศวตฉัตร ๙ ชั้น กางกั้นเหนือพระบรมโกศ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่มีการถวายพระเศวตฉัตร ๙ ชั้น เป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศชั้นสูงสุดแด่พระบรมราชวงศ์ฝ่ายใน

เหตุการณ์ในครั้งนี้ นอกจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นการแสดงพระราชกตัญญูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างสูงสุด

เรื่อง: อัครเดชเทเวศร์นฤมิต

อ้างอิง:
- บทวิทยุ รายการ "รู้ รัก ภาษาไทย" ของสำนักราชบัณฑิตยสภา
- หนังสือ ธรรมเนียมพระบรมศพและพระศพเจ้านาย โดย นนทพร อยู่มั่งมี

#พระบรมศพ #พระบรมราชชนนี #พระนพปฎล #มหาเศวตฉัตร #พระสัปตปฎล #เศวตฉัตร #พระบรมโกศ #ธรรมเนียม #ราชสำนัก #เจริญกรุง

25/10/2025
ฉันตื่นมา…ในวันที่ฟ้าไม่สดใสอีกครา◼️🇹🇭 เสด็จสู่สวรรคาลัย24 ตุลาคม 2568 | 21.21 น.🙏🏻น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิ...
25/10/2025

ฉันตื่นมา…ในวันที่ฟ้าไม่สดใสอีกครา
◼️🇹🇭 เสด็จสู่สวรรคาลัย
24 ตุลาคม 2568 | 21.21 น.
🙏🏻น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ธ สถิตในใจตราบนิรันดร์

Address


Alerts

Be the first to know and let us send you an email when เรียนประวัติศาสตร์ by ครูชุ posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to เรียนประวัติศาสตร์ by ครูชุ:

  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share