All Music Spoken by Pratak Faisupagarn

  • Home
  • All Music Spoken by Pratak Faisupagarn

All Music Spoken by Pratak Faisupagarn All music categories - jazz, classical music, pop, etc.

YEAR 5 - WEEK 44 (October 31, 2025)แจ็ค ดีจอห์นเนตต์แสดงสดใน “North Sea Jazz”แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ นักเปียโนแจ๊สที่ดังทางกลอ...
31/10/2025

YEAR 5 - WEEK 44 (October 31, 2025)
แจ็ค ดีจอห์นเนตต์
แสดงสดใน “North Sea Jazz”

แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ นักเปียโนแจ๊สที่ดังทางกลองในแบบแจ๊ส ฟรีแจ๊ส ฟิวชั่น ฟังก์-ร็อค และอาร์แอนด์บี กว่า 6 ทศวรรษ เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ในเมืองคิงสตัน รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025

ผมติดตามผลงานของแจ็คมาตั้งแต่ยุคที่เขาเล่นกับวงไมล์ส เดวิส โดยเฉพาะ “Bi***es Brew” อัลบั้มคู่ที่เปลี่ยนยุคของแจ๊สมาเป็น “แจ๊ส-ร็อค” หรือ “ฟิวชั่น” ช่วงต้นทศวรรษ 1970 ถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ดนตรีแจ๊ส

อัลบั้มนี้ ไมล์ส เดวิส เป่าทรัมเป็ต และเป็นหัวหน้าวง ร่วมกับ เวย์น ชอร์เตอร์ (โซปราโนแซ็กโซโฟน), ชิค โคเรีย, โย ซอวินูล (เปียโนไฟฟ้า), เดฟ ฮอลแลนด์ (เบส), ฮาร์วี บรูกส์ (เบสไฟฟ้า), จอห์น แม็คลัฟลิน (กีตาร์), เบนนี มอพิน (เบสคลาริเน็ต), แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ (กลองชุด) ตีตลอดทั้งอัลบั้ม โดยมี เลนนี ไวท์ ตีกลองด้วย ดอน อัลลิอัส และ จูมา ซันโตส เล่นเพอร์คัสชั่น

เพลงทั้งหมดในอัลบั้ม Bi***es Brew มีเพลง Pharaoh’s Dance ผลงานของ โย ซอวินูล เพลง Bi***es Brew; Spanish Key; John McLaughlin ไมล์ส เดวิส แต่งเอง เพลง Feio เวย์น ชอร์เตอร์ เป็นผู้แต่ง

อัลบั้มที่ผมชอบมากที่สุดของ แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ ก็คือ อัลบั้ม “Live at the Mellon Jazz Festival” บันทึกจากการแสดงสดที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อเดือนมิถุนายน 1990

ในอัลบั้มนี้ นอกจาก แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ ตีกลอง เป็นหัวหน้าวง แล้วยังแต่งเพลง Indigo Dreamscape; Nine Over Reggae; Silver Hollow นอกนั้นเป็นเพลง Solar ของ ไมล์ส เดวิส เพลง The Bat ของ แพ็ท เมธินี และ The Good Life ของแพ็ท เมธินี กับ ออร์เน็ตต์ โคลแมน เพลง Show Dance ของ เดฟ ฮอลแลนด์ เพลง Blue ของ จอห์น แอเบอร์ครอมบี กับ เดฟ ฮอลแลนด์ เพลง Eye of the Hurricane; Cantaloupe Island ของ เฮอร์บี แฮนค็อค

อัลบั้มแสดงสดในเทศกาลดนตรีแจ๊ส เมลลอน แจ๊ค ร่วมกับนักดนตรีแจ๊สชั้นนำอย่าง เฮอร์บี แฮนค็อค, แพ็ท เมธินี และ เดฟ ฮอลแลนด์ คุ้นเคยกับเพลง Solar; Eye of the Hurricane และ Cantaloupe Island ชอบสุด ๆ คือเพลง “9 over Reggae” ของ แจ็ค ดีจอห์นเนตต์

โชคดีที่ได้ชมฝีมือกลองของ แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ ใน “North Sea Jazz” เทศกาลดนตรีแจ๊สใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่ห้อง “ฮัตสัน” ในอาคาร “อฮอย” (Ahoy) เมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตอนสี่ทุ่มกว่า วันที่ 15 กรกฎาคม 2006

ครั้งนี้ แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ มาในนาม “Trio Beyond” จัดวงในรูปแบบ “ออร์แกนทรีโอ” ที่เห็นบนเวทีคือ แลร์รี โกลดิงส์ นักออร์แกนแจ๊สรอบจัด เล่นได้หลากหลายสไตล์ เล่นเข้าขากับ จอห์น สโกลฟีลด์ นักกีตาร์ที่มีแนวการเล่นเป็นของตนเอง ยิ่ง “ฟังก์” ผสม “สวิง” เล่นได้ดีอย่างหาตัวจับยาก บวกกับแจ็คที่คุ้นเคยกับนักดนตรีดังทั้งสองคนเป็นอย่างดี การบรรเลงจึงสะใจแฟนเพลงเป็นอย่างมาก

แต่เดิม “North Sea Jazz” จัดที่กรุงเฮก แต่เนื่องจากสถานที่ไม่อาจรองรับแฟนแจ๊สจากทั่วโลกได้ ทางผู้จัดจึงย้ายมาจัดที่ “อฮอย” สามารถสนองความต้องการแฟนแจ๊สได้ดีกว่า งานปี 2006 จึงเป็นปีแรกที่เมืองร็อตเตอร์ดัม

แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1942 ในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา

แจ็คเริ่มเรียนเปียโนแบบคลาสสิกตั้งแต่ 4 ปี เข้าเรียนดนตรีที่ “อเมริกันคอนเซอร์เวทอรีออฟมิวสิค” จนถึงอายุ 14 ปี

ตอนอายุ 13 ปี แจ็คหันไปเรียนกลองกับ บ็อบบี มิลเลอร์ จูเนียร์ นักกลองแจ๊สในท้องถิ่น โดยแจ็คได้รับแรงบันดาลใจจาก แม็กซ์ โรช และ “ฟิลลี” โจ โจนส์

แจ็คเล่นทั้ง “อาร์แอนด์บี” และ “แจ๊ส” กับวงในท้องถิ่น ต่อมาแจ็คย้ายมาอยู่ในนครนิวยอร์กในปี 1966 เข้าไปเล่นอยู่ในวง “ชาร์ลส์ ลอยด์ ควอร์เทต” นักเทเนอร์แซ็กโซโฟนหัวก้าวหน้า เป็นหัวหน้า ซึ่งมี คีธ จาร์เรตต์ เป็นนักเปียโนในวง

“ชาร์ลส์ ลอยด์ ควอร์เทต” เริ่มทำให้ แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ เป็นที่รู้จักของแฟนแจ๊สทั่วโลก และสนิทกับนักเปียโนชั้นยอดอย่าง คีธ จาร์เรตต์

ปี 1968 แจ็คไปเล่นอยู่ใน “บิลล์ เอแวนส์ ทรีโอ” ขณะเดียวกันก็ได้ออกอัลบั้มแรกในนามตนเอง “The DeJohnnette Complex” กับแผ่นเสียง “ไมล์สโตน”

ปีถัดมา แจ็คออกจากวง บิลล์ เอแวนส์ เข้าไปตีกลองแทน โทนี วิลเลียมส์ ในวง ไมล์ส เดวิส และร่วมเล่นอัดเสียงกับไมล์ส 3-4 อัลบั้ม

ช่วงปี 1973-74 แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ เล่นกับวง สแตน เกตซ์ จากนั้นตั้งกลุ่ม “เกตเวย์ทรีโอ” กับนักกีตาร์ จอห์น แอเบอร์ครอมบี ต่อจากนั้นตั้งกลุ่ม “นิวไดเร็กชั่น” ที่มี จอห์น แอเบอร์ครอมบี (กีตาร์), เอ็ดดี้ โมเมซ (เบส), เลสเตอร์ โบวี (ทรัมเป็ต)

แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ ร่วมงานในรูปแบบ “ทรีโอ” กับ คีธ จาร์เรตต์ (เปียโน) และ แกรี พีค็อค (ดับเบิลเบส) ยาวนานถึง 25 ปี ถือเป็น “ทรีโอ” ที่คลาสสิกและเป็นที่นิยมของวงการดนตรีแจ๊ส

YEAR 5 - WEEK 43 (October 24, 2025)ไมเคิล เบรกเกอร์เหลือมรดกชิ้นสุดท้ายให้แจ๊สไมเคิล เบรกเกอร์ นักแซ็กโซโฟนแจ๊สร่วมสมัยช...
24/10/2025

YEAR 5 - WEEK 43 (October 24, 2025)
ไมเคิล เบรกเกอร์
เหลือมรดกชิ้นสุดท้ายให้แจ๊ส

ไมเคิล เบรกเกอร์ นักแซ็กโซโฟนแจ๊สร่วมสมัยชื่อก้อง เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว (Leukemia) ที่โรงพยาบาลในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2007

ทุกคนที่เคยคลุกคลีกับไมเคิลกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกเสียดาย เพราะเขาเป็นนักเทเนอร์แซ็กโซโฟนฝีมือเลิศ บุคลิกภาพส่วนตัวเป็นคนเงียบ พูดน้อย สุภาพ อ่อนโยน เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป

หลังมรณกรรมเพียงเดือนเดียว ไมเคิลได้รับสองรางวัล “แกรมมี่” จากอัลบั้ม Some Shunk Funk ที่มีพี่ชาย แรนดี้ เบรกเกอร์ เป็นหัวหน้าวง

Some Shunk Funk เป็นเพลงเก่าที่แรนดี้แต่งเมื่อปี 1975 เพื่ออัดแผ่นเสียงอัลบั้ม The Brecker Bros. เป็นเพลง “ฟังก์” ที่แน่นปึ้ก ลีลาเร้าใจ ฟังได้เรื่อย ๆ เครื่องเป่าสามคนล้วนผ่านงานเล่นดนตรีหลากหลายสไตล์มาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะ “ฟังกี” แรนดี้เป่าทรัมเป็ต ไมเคิล เบรกเกอร์ เป่าเทเนอร์แซ็กโซโฟน เดวิด แซนบอร์น เป่าอัลโตแซ็กโซโฟน กลุ่มริธึ่มฝีมือแต่ละคนเฉียบขาด ดอน โกรลนิก (เปียโน), บ็อบ แมนน์ (กีตาร์), วิลล์ ลี (เบส), ฮาร์วี เมสัน (กลอง), ราล์ฟ แม็คโดนัลด์ (เพอร์คัสชั่น) อัลบั้มนี้จึงได้รับการตอบรับทั้งจากแฟนแจ๊สและร็อค เนื้อหาเพลงทั้งแนวทำนอง ทางคอร์ด และจังหวะ ค่อนข้างซับซ้อนเหมือนจงใจจะพิสูจน์ความสามารถของนักดนตรีว่าฝีมือและประสบการณ์เพียงพอหรือไม่

สองรางวัลจาก Some Shunk Funk ทำให้ไมเคิล เบรกเกอร์ ได้ “แกรมมี่” รวม 15 รางวัล

ความจริงก่อนหน้านี้ อัลบั้มที่ไมเคิลเล่นด้วย เคยได้รับสองรางวัล “แกรมมี่” มาก่อนแล้ว คืออัลบั้ม Infinity ของแม็คคอย ไทเนอร์ ได้รางวัล “วงแจ๊สยอดเยี่ยม” ปี 1996 อีกหนึ่งรางวัลคือ “การบรรเลงเดี่ยวแจ๊ส ยอดเยี่ยม” จากฝีมือโซโลเทเนอร์แซ็กโซโฟนของไมเคิลในเพลง Impressions ของจอห์น โคลเทรน ที่ได้แบบอย่างมาจากเพลง So What ของไมล์ส เดวิส เพลงที่มีรูปแบบง่าย ๆ ยาว 32 ห้อง แบ่งออกเป็น 4 ท่อน แต่ละท่อนยาว 8 ห้อง ทำนองซ้ำกันทุกท่อน เฉพาะท่อนที่สามเปลี่ยนสูงขึ้นครึ่งเสียง แนวทำนองสร้างจาก “ดอเรียนโหมด” จอห์น โคลเทรน รับเอารูปแบบนี้มาเนื่องจากเป็นผู้หนึ่งที่เล่นเพลงนี้ขณะเป็นนักดนตรีในวงไมล์ส เดวิส

หลายสิ่งหลายอย่างได้เอื้ออำนวยให้การบรรเลงอัดอัลบั้ม Infinity เป็นไปด้วยดี ก่อนที่นักดนตรีทั้งสองจะเล่นด้วยกันที่ “โยชิ” แจ๊สคลับลือชื่อในเมืองโอ๊คแลนด์ติดต่อกัน 6 คืน ทั้งคู่เคยประลองฝีมือกันที่ “อูมบัวแจ๊สเซ็นเตอร์” ในซานตาครูซ

บนเวที “โยชิ” ไมเคิลเล่นเฉพาะเทเนอร์แซ็กโฟน ไม่ใช้เครื่องลมไม้ไฟฟ้า (Electronic wind instrument) เพื่อต้องการให้เป็นเสียงแจ๊สธรรมชาติ แม็คคอย ไทเนอร์ นั่งเล่นเปียโน “สไตน์เวย์” แอเวอรี ชาร์ป ดีดเบส เอรอน สกอตต์ ตีกลอง เพลงส่วนใหญ่เน้นเล่นเพลงแบบ “ฮาร์ดบ็อพ” นักดนตรีทั้งสี่คนเล่นเข้ากันราวกับเคยเล่นกันมานานปี กองเชียร์ข้างเวทีนอกจากพวกแฟนแจ๊สแล้ว ยังมีเพื่อนนักดนตรีรุ่นใหม่อย่าง โจชัว เรดแมน, แดนนี แครอน, ชาร์ลส์ บราวน์ และ รูธ เดวิส ร่วมเชียร์ให้กำลังใจ

ผลจากการเล่นเข้าขากันดี จึงทำให้แม็คคอยเกิดความคิดอยากออกอัลบั้ม Infinity การบรรเลงเพลง Impressions เข้าทางแม็คคอย ในฐานะที่เขาเคยมีบทบาทสำคัญในวงจอห์น โคลเทรน หัวหน้าวงและเป็นเจ้าของผลงานเพลงนี้ เข้าทางไมเคิล เพราะจอห์น โคลเทรน เป็นนักดนตรีคนโปรดที่เล่นเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน และเป็นคนบ้านเดียวกัน นอกจากไมเคิลรับเอาอิทธิพลการเป่าเทเนอร์แซ็กโซโฟนจากซันนี รอลลินส์ และ โจ เฮนเดอร์สัน แน่นอน จอห์น โคลเทรน เป็นแบบอย่างการเป่าแซ็กโซโฟนของเขามากที่สุด

“Pilgrimage” อัลบั้มสุดท้ายของไมเคิล เบรกเกอร์ บันทึกในปี 2006 ปรากฏว่าได้รับรางวัล “แกรมมี่” สาขา “Best Jazz Instrumental Album, Individual or Group” และ “Best Jazz Instrumental Solo” จากเพลง Anagram ในปีถัดมา

อัลบั้มนี้มี 9 เพลง ได้แก่เพลง The Mean Time; Five Months from Midnight; Anagram; Tumble W**d; When Can I Kiss You Again?; Cardinal Rule; Half Moon Lane; Loose Threads; Pilgrimage ทั้งหมดแต่งโดยไมเคิล เบรกเกอร์

นักดนตรีที่ร่วมบรรเลงในอัลบั้ม ทุกคนเป็นนักดนตรีแจ๊สชั้นแนวหน้าแห่งยุค ไมเคิล เบรกเกอร์ เป่าเทเนอร์แซ็กโซโฟน และเครื่องลมไม้ไฟฟ้า, แพ็ท เมธินี (กีตาร์), เฮอร์บี แฮนด์ค็อก (เปียโน), แบรด เมลดา (เปียโน), จอห์น แพทิทุชชี (เบส), แจ็ค ดีจอห์นเนตต์ (กลอง)

เท่าที่เปิดฟังอัลบั้ม Pilgrimage อยู่หลายรอบ ต้องยอมรับว่าเนื้อหาของเพลงและการบรรเลงเข้มข้น โดยเฉพาะการโซโลเพลง Anagram ของไมเคิล เยี่ยมมาก

อัลบั้ม Pilgrimage ถือเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ไมเคิล เบรกเกอร์ เหลือไว้ในวงการดนตรีแจ๊ส

YEAR 5 - WEEK 42 (October 17, 2025)โย-โย มาสร้างสรรค์ดนตรีไร้พรมแดนโย-โย มา นักเชลโลที่มีพื้นฐานจากดนตรีคลาสสิก มีชื่อเส...
17/10/2025

YEAR 5 - WEEK 42 (October 17, 2025)
โย-โย มา
สร้างสรรค์ดนตรีไร้พรมแดน

โย-โย มา นักเชลโลที่มีพื้นฐานจากดนตรีคลาสสิก มีชื่อเสียงก้องโลกที่สร้างสรรค์ดนตรีประเภทนี้ ขณะเดียวกันยังได้รังสรรค์ดนตรีอีกหลากหลายประเภท

ฮ่องกงเป็นอาณานิคมของอังกฤษหรือสหราชอาณาจักร หลังจากจีนแพ้สงครามฝิ่น 2 ครั้ง จึงถูกยึดครองนานถึงหนึ่งร้อยปี

สหราชอาณาจักรได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1997 จีนได้จัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดสู่สายตาของคนทั้งโลก

ในพิธีกรรมการรับมอบฮ่องกงคืนสู่อ้อมอกของพญามังกร ทางรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มอบหมายให้ ทัน ดุน เป็นผู้ประพันธ์บทเพลง Symphony 1997 (HEAVEN EARTH MANKIND) เพื่อใช้ประกอบการฉลองในครั้งนี้

“Symphony 1997” ออกเป็นแผ่นซีดี ปกเป็นภาพเกาะฮ่องกง โดยแผ่นเสียง “โซนี” บรรเลงโดย “ฮ่องกงฟิลฮาร์มอนิก” โย-โย มา นักเชลโลอเมริกันเชื้อสายจีน เป็นนักดนตรีรับเชิญร่วมบรรเลงกับวง โดยมี “ยิป” กลุ่มนักร้องประสานเสียงเข้าร่วมร้องบางช่วง

โย-โย มา ได้ร่วมงานกับ ทัน ดุน ในเพลงประกอบภาพยนตร์ เรื่อง “Crouching Tiger, Hidden Dragon” ซึ่งได้รับรางวัล “ออสการ์” สาขา “Best Original Score”

โย-โย มา ได้รับ “แกรมมี่” 19 รางวัล เกือบทั้งหมดเป็นผลงานดนตรีคลาสสิก ดนตรีแนวอื่นดังเช่น อัลบั้ม “Soul of Tango: the Music of Astor Piazzolla” ได้รับรางวัล “แกรมมี” สาขา “Best Classical Crossover Album” ในปี 1999

“แทงโก” มิใช่เป็นเพียงจังหวะเพลงเต้นรำ หรือการเต้นรำแบบอาร์เจนตินาเท่านั้น แต่แทงโกคือสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของอาร์เจนตินา โดยเฉพาะผลงานการประพันธ์ของ อัสตอร์ เปียซซอลลา เป็น “แทงโกแบบใหม่” (Nuevo Tango) แตกต่างจากแทงโกแบบดั้งเดิม เปียซซอลาได้นำเอาเทคนิคของดนตรีคลาสสิกและแจ๊สเข้ามาผสมกับแทงโก เปียซซอลลาเองเรียกว่า “ตังโก” แบบดั้งเดิม ให้เป็น แทงโกยิ่งใหญ่ขึ้น โดยถ่ายทอดผ่าน “บันโดเนียม” (เปียซซอลลาเรียก “บังโดเนียน”) และบทเพลงที่เขาประพันธ์ขึ้น

เปียซซอลลา เกิดในอาร์เจนตินา ช่วงหนึ่งย้ายตามครอบครัวไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แม้จะเรียนเปียโนพื้นฐานดนตรีคลาสสิก แต่เขาก็ฟังแจ๊สด้วย อาทิ ผลงานของเจอรี มัลลิแกน นักบาริโทนแซ็กโซโฟนนักเรียบเรียงดนตรี

เปียซซอลลาเป็นนักบันโดเนียนมีชื่อเสียง “บันโดเนียน” เป็นเครื่องดนตรีของเยอรมัน มีลักษณะคล้าย “แอ็คคอร์เดียน” หรือ “หีบเพลงชัก” แต่มีขนาดเล็กกว่า เปียซซอลลาใช้บันโดเนียนเป็นเครื่องดนตรีหลัก บรรเลงเพลงที่เขาประพันธ์สำหรับวงเชมเบอร์จนถึงบทเพลง “บันโดเนียมคอนแชร์โต” กับ ซิมโฟนีออร์เคสตรา ปฏิวัติพัฒนาเพลงแทงโกจนเป็นที่นิยมในวงการดนตรีคลาสสิก

อัลบั้ม “Soul of the Tango” โย-โย มา บันทึกเสียงที่ห้องอัดในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา กับนักดนตรีซึ่งส่วนใหญ่เคยเล่นกับเปียซซอลลา อาทิ เซร์จิโอ และ โอไดร์ อัสสาด (กีตาร์), แคธรีน สกอตต์ (เปียโน), เนสตอร์ มาร์โกนี (บันโดเนียน), อันโตนิโอ อกรี (ไวโอลิน), โอราซิโอ มัลวิซิโน (กีตาร์), เอ็กตอร์ กอนโซเล (เบส), ลีโอนาร์โด มาร์โกนี (เปียโน) เรียบเรียงดนตรี ควบคุมวง โดย ฮอร์จ กาลันเดรลลี เพลงทั้งหมดประพันธ์โดยเปียซซอลลา อาทิ Libertango, Le Grand Tango; Fugata; Sur: Regreso Al Amor; Mumuki; Milonga Del Angel

โย-โย มา เดี่ยวเชลโลกับวง ได้กลิ่นอายของแทงโกแบบอาร์เจนตินาอย่างกลมกลืนลงตัวอย่างเหลือเชื่อ

ต่อมา อัลบั้ม “Obrigado Brazil” ของ โย-โย มา ก็สามารถคว้ารางวัล “แกรมมี่” สาขา “Best Classical Crossover Album” ในปี 2004

นักดนตรีที่ร่วมบรรเลงในอัลบั้ม “Obrigado Brazil” ส่วนใหญ่เป็นนักดนตรีชั้นนำของบราซิล เป็นนักกีตาร์ชื่อดังชาวบราซิลถึง 5 คนผลัดกันเล่น ได้แก่ ออสการ์ กัสโตรเนเวส, โรเมโร ลูบัมบู, เอกแบร์โต จิสมอนติ, เซร์จิโอ และ โอไดร์ อัสสาด สองพี่น้อง ไซโร บาติสตา (เพอร์คัสชั่น), ซีซาร์ กามาร์โก มาเรียโน (เปียโน) โรซา ปัสสอด (ร้อง) นักคลาริเน็ตรับเชิญ ปากิโต ดริเวรา เป็นชาวคิวบา และ แคธรีน สกอตต์ นักเปียโนชาวอังกฤษที่เล่นกับ โย-โย มา ตลอดมา

โย-โย มา นำเพลงของ วิลลา โลบอส นักประพันธ์เพลงชั้นนำชาวบราซิลมาบรรเลง 2 เพลง เพลง A Lenda Do Caboclo เดี่ยวเชลโลกับ เซร์จิโอ และ โอไดร์ อัสสอด เพลง Alma Brazileira โย-โย มา “ดูเอ็ต” กับ แคธรีน สกอตต์ และนำเพลงฮิตของอันโตนิโอ คาร์ลอส โชบิม มาบรรเลง 2 เพลง คือ เพลง Chega de Saudade และเพลง O Mor Em Paz ทั้งสองเพลง โรซา ปัสสอด นักร้องชาวบราซิลร่วมร้องกับวง

เพลงทั้งจากอัลบั้ม Soul of the Tango และ Obrigado เลือกนำไปแสดงสดที่ “คาร์เนกีฮอลล์” หอแสดงดนตรีลือชื่อกลางนครนิวยอร์ก

นอกจากมี โย-โย มา ยังร่วมบรรเลงกับนักร้อง นักดนตรีแจ๊ส อาทิ บ็อบบี แม็คเฟอร์ริน, สเตฟาน กรัปเปลลี, คริส บอตนี, ไดอานา ครอลล์

โย-โย มา ได้รับรางวัลมากมาย เฉพาะปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาดนตรี จากมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด, พรินซ์ตัน, อ็อกซ์ฟอร์ด, โคลัมเบีย, สโตนีบรูค และสาขาศิลปศาสตร์ จาก เมาท์โฮลีโยกคอลเลจ และ ดาร์ทเมาธ์คอลเลจ

YEAR 5 - WEEK 41 (October 10, 2025)โย-โย มาสานวัฒนธรรมดนตรีสองซีกโลกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี มีการฉลองวันชาติจีน ทำให้นึก...
10/10/2025

YEAR 5 - WEEK 41 (October 10, 2025)
โย-โย มา
สานวัฒนธรรมดนตรีสองซีกโลก

วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี มีการฉลองวันชาติจีน ทำให้นึกถึงการฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณประชาชนจีนเมื่อปี 2019 จัดยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกปี ณ จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง

โดยทางรัฐบาลใช้คำขวัญว่า “จีนใหม่” เพื่อแสดงถึงศักยภาพอันเกรียงไกรหลายด้านของจีนยุคใหม่ ซึ่งนำมาสู่ยุคแห่งความเป็นประเทศมหาอำนาจ นำโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

ก่อนหน้านี้ 2 วัน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญอิสริยาภรณ์ “รัฐมิตรภรณ์” อันเป็นเครื่องอิสราภรณ์สูงสุดสำหรับชาวต่างชาติ แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ประเทศจีนเจริญรุ่งเรืองแบบก้าวกระโดด พัฒนาล้ำหน้าไปเกือบทุกด้าน อันเป็นการสร้างพลเมืองให้มีประสิทธิภาพ มีผู้นำที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างชาติ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ใช้ความรู้ความสามารถทุ่มเทให้กับการบริหารประเทศด้วยปัญญาอันชาญฉลาด สุขุม มั่นคง

โดยเฉพาะนโยบาย “One Belt One Road” (หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง) ของ สี จิ้นผิง ซึ่งเริ่มเมื่อปี 2013 เป็นแนวคิดที่มีวัตถุประสงค์โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง การติดต่อสื่อสารระหว่างภูมิภาค อันส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและด้านอื่นที่ตามมา

One Belt One Road เป็นระบบ “Logistics” ที่สุดยอดในการคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเล โดย สี จิ้นผิง นำเอาแนวคิดจาก “Silk Road” เส้นทางการค้าเมื่อครั้งโบราณกาลมาปรับเปลี่ยน ปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ยุคปัจจุบัน ให้เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคเอเชียกับแอฟริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา

“ซิลค์โรด” (Silk Road) หรือ “เส้นทางสายไหม” เป็นเส้นทางการค้าเชื่อมต่อโลกตะวันออกกับตะวันตก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง ศาสนา

“ซิลค์โรด” (Silk Road) หรือ “เส้นทางสายไหม” นอกจากเป็นเส้นทางการค้าที่เชื่อมต่อโลกตะวันออกกับตะวันตกแล้ว ยังเป็นเส้นทางที่ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนและสานความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรม อารยธรรม และศิลปะด้วย

ดังนั้น เหล่านักร้องนักดนตรี นักประพันธ์เพลงจากชาติต่าง ๆ จึงมาร่วมบูรณาการรังสรรค์ดนตรีในรูปแบบ “ดนตรีโลก” หรือ “ดนตรีร่วมสมัย” นำโดย โย-โย มา นักเชลโลดนตรีคลาสสิกอันดับต้น ๆ ของโลก โดยใช้ชื่อว่า “ซิลค์โรดอองซอมเบิล” (Silk Road Ensemble) เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 โดยคณะทำงานด้านศิลปวัฒนธรรม การศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม เชื่อมโยงกับศิลปินและผู้ชมผู้ฟังทั่วโลก อีกทั้งเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมนวัตกรรมทางดนตรีและการเรียนรู้ผ่านศิลปะ

โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าแห่งประวัติศาสตร์ เป็นเส้นทางการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

โย-โย มา เล่าว่ากลุ่ม “ซิลค์โรดอองซอมเบิล” กับเขาพบกันครั้งแรกแบบคนแปลกหน้าที่ “แทงเกิลวูด” ค่อนข้างเป็นชนบทในเมืองลีน็อกซ์ รัฐแมสซาชูเสตส์ ที่อยู่ของ “บอสตันซิมโฟนีออร์เคสตรา” เป็นที่ที่จัดแสดงดนตรี ทั้งคลาสสิก แจ๊ส ดนตรีร่วมสมัย บางครั้งจัดสัมมนาเรื่องดนตรีโดยวิทยากรที่มีชื่อเสียง

ทุกคนที่มาเจอกันในที่แห่งนี้มาจากแดนไกล ทั้งจากมองโกเลีย จีน อาเซอร์ไบจาน อุซเบกิสถาน อาจิกิสสถาน อิหร่าน อาร์เมเนีย ตุรกี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี หลายคนในจำนวนนี้ไม่เล่นดนตรีสำเนียงเดียวกัน ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน บางคนอ่านโน้ตได้ บางก็ไม่อ่าน แม้จะมีความแตกต่าง แต่ทุกคนก็อยากเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทุกคนแบ่งปันความรักในดนตรี ความอยากรู้อยากเห็น ความแปลกใหม่ของโลกได้ทอดยาวไปสู่มิตรภาพ

วง “ซิลค์โรดอองซอมเบิล” มาแสดงคอนเสิร์ตที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ค่ำวันที่ 27 เมษายน 2010
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้

เริ่มรายการด้วย Silk Road Suite เป็นบท “เพลงชุด” ประพันธ์โดย อาเหม็ด อัดมัน ไซกุน นักเชลโล นักประพันธ์เพลงชาวตุรกี ผู้ประพันธ์ได้นำเทคนิคของดนตรีคลาสสิกแบบตะวันตกมาผสมผสานกับดนตรีพื้นเมืองในถิ่นกำเนิด ให้กลมกลืนกันอย่างงดงามลงตัว โดยเริ่มจาก Partita Opus 31 (Allegretto) แล้วต่อด้วย Ascending Bird ทำนองเพลงพื้นเมืองเปอร์เซีย เรียบเรียงโดย คอลิน เจคอบสัน นักไวโอลินในวง “ซิลค์โรดอองซอมเบิล” โดยให้ ไกฮัน กัลฮอร์ เป็นผู้บรรเลงทำนองด้วย “กามันเชห์” เครื่องดนตรีเปอร์เซีย บทเพลงท่อนนี้เล่าขานเกี่ยวกับเรื่องของนกตัวหนึ่ง พยายามจะบินไปยังดวงอาทิตย์ แต่ล้มเหลวสองครั้ง ครั้งที่สามต้องมอดไหม้ไปกับแสงอาทิตย์ สังเวยด้วยวิญญาณดับสูญ

Empty Mountain Spirit Rain แอนเจล หลำ ประพันธ์เพลงนี้ เพื่อรำลึกถึงคุณยายของเธอ บรรยายถึงกาลครั้งหนึ่ง เธอวิ่งฝ่าสายฝนจากโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนเขาจนกลับถึงบ้าน

จบคอนเสิร์ตครึ่งแรกด้วย Sulvasutra ผลงานของ เอวาน ซิโปริน นักประพันธ์เพลงที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรี “กัมลัน” หรือ “กาเมลัน” แห่งเกาะบาหลี Sulvasutra เป็นบทเพลงประพันธ์ในรูปแบบ “Minimalism” ที่น่าฟังยิ่ง

ครึ่งหลังของคอนเสิร์ต ไกฮัน กัลฮอร์ เริ่มด้วยเพลง Silent City ประพันธ์โดย ไกฮัน กัลฮอร์ นักประพันธ์เพลงชาวอิหร่านที่เล่น “กามันเชห์” ในวงนั่นเอง

“กามันเชห์” เครื่องดนตรีเปอร์เซียโบราณ เป็นเครื่องสายชนิดสี เดิมมี 3 สาย แต่ละสายทำด้วยไหม ต่อมามี 4 สาย เป็นสายทำด้วยโลหะ “กามันเชห์” (Kamancheh) หมายถึง “คันชักเล็ก” ในภาษาเปอร์เซีย Kaman แปลว่า “คันชัก” Cheh แปลว่า “เล็ก” เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมกันในประเทศอิหร่าน อาเซอร์ไบจาน อุซเบกิสถาน ตุรกี

นักกามันเชห์ชาวอิหร่านที่มีชื่อเสียง อาทิ อาลี อัสการ์, บาฮารี ฮาร์เดลซีร์, ซาอีด ฟารัสโบอุรี รวมถึงไกฮัน กัลฮอร์

เพลงนี้นำออกแสดงครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2005 กัลฮอร์แต่งเพลงนี้เพื่อบรรยายถึงเหตุการณ์ทำลายหมู่บ้านฮาลัมจาของชาวเคิร์ดในประเทศอิรัก ราบคาบลง คงเหลือแต่ความอ้างว้างวังเวง กลายเป็นเมืองแห่งความเงียบ

Yonzi (Small Song) เพลงพื้นเมืองที่ หวู่ ถง ร้อง “ดูเอ็ต” กับเชลโล โย-โย มา อวดฝีมือเต็มที่ เป็นที่ชื่นชมของผู้ชมมากเป็นพิเศษ

Ambush From Ten Sides เปิดทางให้ วู หมั่น นักพีผาชื่อดังชาวจีนที่อยู่แถวหน้าในวงการดนตรีระดับโลก เธอดีด “พีผา” เครื่องสายจีน สุ้มเสียงก้องกังวาน แพรวพราว

การบรรเลงของ “ซิลค์โรดอองซอมเบิล” จบลงด้วยความรื่นรมย์ สำหรับผู้ชื่นชมดนตรีร่วมสมัย และ “ดนตรีโลก” แต่อาจไม่ปลื้มสำหรับผู้ชอบดนตรีคลาสสิก

“ซิลค์โรดอองซอมเบิล” นำโดย โย-โย มา มีผลงานนับสิบอัลบั้ม อาทิ Silk Road Journey; When Strangers Meet; Off the Map A Playlist Without Borders; The Vietnam War

YEAR 5 - WEEK 40 (October 3, 2025)โย-โย มาเดี่ยวเชลโลเพลงพระราชนิพนธ์ ร.9โย-โย มา นักเชลโลอเมริกันที่มีผลงานเกือบร้อยอัล...
03/10/2025

YEAR 5 - WEEK 40 (October 3, 2025)
โย-โย มา
เดี่ยวเชลโลเพลงพระราชนิพนธ์ ร.9

โย-โย มา นักเชลโลอเมริกันที่มีผลงานเกือบร้อยอัลบั้ม ได้รับ 19 รางวัล “แกรมมี่” จากผลงานดนตรีคลาสสิกและดนตรีหลากรูปแบบ

โย-โย มา เกิดในกรุงปารีส ฝรั่งเศส จากพ่อแม่ชาวจีน พ่อสอนโย-โย มา เล่นเชลโล ตอนอายุ 4 ปี เขาย้ายตามครอบครัวไปอยู่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ตอนอายุ 7 ปี จากนั้นไปเรียนดนตรีที่ “จูลลิอาร์ดสกูลออฟมิวสิก” สถาบันดนตรีชื่อก้องโลกในนครนิวยอร์ก ที่นี่ได้เรียนกับเลนาร์ด โรส นักเชลโลมีชื่อเสียงใน “จูลลิอาร์ดสตริงควอร์เทต”

ต่อมา เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนครนิวยอร์ก แล้วไปเรียนจบปริญญาตรี สาขา “ศิลปศาสตร์” (Liberal Arts) ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา

กล่าวได้ว่า โย-โย มา เป็นนักเชลโล เชื้อสายเอเชียคนแรกในโลกดนตรีคลาสสิก

ผมได้ชมการเดี่ยวเชลโลของโย-โย มา ครั้งแรกที่ห้อง “แกรนด์บอลรูม” โรงแรมโอเรียนเต็ล วันที่ 31 ตุลาคม 1995

ผู้ชมคืนนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนหนึ่งเป็นฝรั่งหลายสัญชาติ อีกส่วนหนึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น เหตุที่มีชาวญี่ปุ่นเข้ามาชมมากเป็นพิเศษ น่าจะเป็นเพราะคอนเสิร์ตครั้งนี้จัดโดย “มิซูบิชิ” อีกประการหนึ่ง คนญี่ปุ่นให้ความสนใจดนตรีคลาสสิกมากทีเดียว แทบจะกล่าวได้ว่า การชมและฟังดนตรีในคอนเสิร์ตระดับดี กลายเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น

การแสดงเริ่มประมาณสองทุ่มครึ่ง โย-โย มา พร้อมเชลโลตัวโปรดเดี่ยวเพลงแรก Sonata for Solo Cello ผลงานการประพันธ์ของจอร์จ ครัมบ์ ซึ่งเคยเรียนกับ รอสส์ ลี ฟินนี นักประพันธ์เพลงผู้สันทัดการใช้ “เอโทนัล” (Atonal) ที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ แต่ผู้เป็นแรงจูงใจของครัมบ์ คือ บอริส บลาเคอร์ ผู้นำหลักการประพันธ์เพลงแบบ “บาโรก”, “คลาสสิก” และ “เอโทนัล” มาผสมผสานให้เข้ากับแนวคิดและประสบการณ์ของตน

นอกจากนี้ ครัมบ์ยังได้เสริมความเป็น “Impressionism” โดยศึกษาจากบทเพลง Bolero ของราเวล ทดลองใช้เสียงใหม่ ๆ เช่น ใช้แท่งแก้วทรงกลมดีดบน “เฟร็ต” กีตาร์ไฟฟ้า ค้นหาเสียงดนตรีที่แปลกใหม่จากเครื่องดนตรีนานาชนิด

ครัมบ์ได้รับรางวัล “พูลิตเซอร์” สาขาดนตรีจากผลงาน Echoes of Time and River ในปี 1968

Sonata for Solo Cello บทนี้ ครัมบ์ประพันธ์เมื่อปี 1955 เพลง 3 ท่อน ท่อนแรก Fatasia: Andante espressivo con molto rubato ท่อนที่สอง Tema Pastorale con vanaziani ท่อนที่สาม Toccata: Largo dramatico

ครัมบ์ได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มเทคนิคการสีด้วยคันชักตามแนวโค้งและใช้ไม้คันชักตีสาย

ผลงาน “โซนาตา” สำหรับเดี่ยวด้วยเชลโลนี้น่าจะถูกอกถูกใจผู้ฟังที่ชอบงานสมัยใหม่ แต่อาจจะฟังขัดหูสำหรับผู้ชอบผลงานที่มีรูปแบบดั้งเดิม

การที่โย-โย มา ประเดิมด้วย Sonata for Solo Cello นับเป็นการท้าทายความสามารถ ชั้นเชิงการบรรเลงที่ต้องแทรกอารมณ์ให้สอดคล้องกับบทเพลงแบบใหม่ อีกเหตุผลหนึ่ง อาจจะได้แนวที่ครัมบ์เป็นชาวอเมริกัน เหมือนกับการที่โย-โย มา ถือสัญชาติอยู่

Suita No. 5 in C Minor ของบาค เป็นผลงานลำดับที่สองที่โย-โย มา นำมาเดี่ยวเชลโล

“สวีต” หมายเลข 5 นี้เป็นหนึ่งในหกบทที่ โยฮันซีบาสเตียน บาค นักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน ประพันธ์ขึ้น เพื่อนักเชลโลที่เขาโปรดปรานคนหนึ่งในวงดุริยางค์เมืองโคเทน หรือ เคอเทิน

ทั้งนี้อาจประพันธ์ขึ้นเพื่อใช้ฝึก หรือเพื่อเสนอความสุดซึ้งแห่งรสดนตรี ที่มิได้มุ่งใช้บรรเลงร่วมในกลุ่ม ผลงานนี้พิมพ์ออกเผยแพร่ปี 1825 แต่ไม่มีใครสนใจ

ตราบจนกระทั่ง ปาโบล กาซัลส์ ปรมาจารย์เชลโลชาวสเปนพบผลงานนี้ช่วงอายุสิบต้น ๆ จึงนำมาฝึกบรรเลงเอง เมื่อกาซัลส์เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก จึงนำบทเพลงนี้จัดเข้าไว้ในรายการแสดงเดี่ยวเชลโล ผลงานทุกชิ้นของบาค นักเชลโลอย่างกาซัลส์ถือว่าสุดยอด

“เพลงชุด” หรือ Suite เป็นรูปแบบดนตรีสำคัญในยุค “บาโรค” มักนำด้วยท่อน “เพรลูด” (Prelude) แล้วตามด้วยเพลงที่มีลักษณะของเพลงเต้นรำ แต่มิได้มีจุดประสงค์เพื่อใช้เต้นรำ ใน Suite No. 5 ของบาคนี้เริ่มด้วยท่อน “เพรลูด” ค่อนข้างยาวอย่างช้า ๆ แล้วขยายลีลาอันร่าเริงด้วยลักษณะเหมือน “ฟิวก์” (Fugue) ต่อด้วยลีลาอันอิ่มเอิบด้วย “อาลมองด์” (Allemande) เคลื่อนเข้าท่อน “กูรองต์” (Courante) สดชื่นเมื่อเข้าสู่ท่อน “ซาราบองด์” (Sarabande) เน้นสีเสียงเดี่ยวโดยไม่มีการสีประสานด้วยสายคู่ ตามด้วย “กาวอตด์” สองท่อนที่ฟังสบาย แล้วจบด้วยความเบิกบานและกระชับด้วยท่อน “จิ๊ก” (Jig)

ใน Suite No. 5 ของบาค ต้องลดต่ำลงหนึ่งเสียงที่สายหนึ่ง (1st string) หรือสายเสียงสูงสุดเพื่อให้สีเสียง “คอร์ด” ได้ง่ายขึ้น

ครึ่งหลังคอนเสิร์ต โย-โย มา บรรเลงบทเพลง The Cellist of Sarajevo ผลงานของเดวิด ไวด์ เป็นนักเปียโนชาวอังกฤษ แต่เขาประพันธ์บทเพลงสำหรับเชลโลในรูปแบบ “รอนโด” บทนี้เพื่ออุทิศแด่เวดรัน สเวโลวิก นักเชลโลชาวบอสเนียเฮอร์เซโกวีนาที่ไวด์นับถือ โดนระเบิดในร้านเบเกอรีในเมืองซาราเจโว เสียชีวิตพร้อมคนอื่นรวม 22 คน

โย-โย มา นำผลงานนี้มาบรรเลง คงด้วยเหตุผลลึก ๆ เพื่อรำลึกถึงเวดรัน สเวโลวิก นักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีเดียวกับเขา และคงเพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่สเวโลวิกต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของพวกบ้าอำนาจ คลั่งลัทธิ

โย-โย มา เดี่ยวเชลโล Suite No. 6 in D Major, BWV 1012 ของบาค ซึ่งเป็นบทเพลงสุดท้ายของรายการ

โครงสร้างหลักคล้ายกับ Suite No. 5 in C Minor BWV 1011

การที่โย-โย มา นำเอาผลงานของบาคมาเดี่ยวเชลโลถึง 2 บท คงเพื่อรำลึกถึงปาโบล กาซัลส์ นักเชลโลที่เขานิยมยกย่อง

โย-โย มา ต่อท้ายด้วยการอัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเดี่ยวเชลโล 2 เพลง เพลง “Falling Rain” (สายฝน) เริ่มด้วย “Pizzicato” เป็น “อินโทร” เชื่อมเข้าทำนองเพลงอันไพเราะในลีลา “วอลท์ซ” และตามด้วยเพลง “Never Mind the Hungry Men’s Blues” (ดวงใจกับความรัก) ที่ค่อนข้าง “บลูซี” ในลีลา “สวิง” ประทับใจผู้ชมผู้ฟังถ้วนหน้า

YEAR 5 - WEEK 39 (September 26, 2025)อิตซัค เพิร์ลมันในเพลงภาพยนตร์และแจ๊สอิตซัค เพิร์ลมัน เป็นนักไวโอลินอันดับต้น ๆ มีช...
26/09/2025

YEAR 5 - WEEK 39 (September 26, 2025)
อิตซัค เพิร์ลมัน
ในเพลงภาพยนตร์และแจ๊ส

อิตซัค เพิร์ลมัน เป็นนักไวโอลินอันดับต้น ๆ มีชื่อเสียงเป็นที่ยกย่องในวงการดนตรีคลาสสิก 16 รางวัล “แกรมมี่” ที่เพิร์ลมันได้รับย่อมเป็นเครื่องแสดงความสามารถและความสำเร็จในทางดนตรี

นอกจากดนตรีคลาสสิกแล้ว อิตซัค เพิร์ลมัน ยังมีผลงานด้านเพลงภาพยนตร์และแจ๊ส

เพิร์ลมันเดี่ยวไวโอลินเพลง Theme From Schindler’s List เพลงเอกในภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List ประพันธ์โดยจอห์น วิลเลียมส์ นักประพันธ์เพลงภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะมักจะร่วมงานกับสตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างคนดังแห่งฮอลลีวูด ภาพยนตร์เรื่อง “Schindler’s List” ก็เป็นฝีมือของสปีลเบิร์ก

“Remembrances” เป็นอีกหนึ่งเพลงที่อิตซัค เพิร์ลมัน สีได้ไพเราะมาก

เพลงจากภาพยนตร์ “Schindler’s List” ได้รับรางวัล “ออสการ์” สาขา “Best Original Score” รางวัล BAFTA (British Academy of Film and Television Arts) สาขา “Best Film Music” และรางวัล “แกรมมี่” สาขา “Best Score Soundtrack for Visual Media”

อิตซัค เพิร์ลมัน ร่วมงานบรรเลงใน “Soundtrack” ภาพยนตร์เรื่อง “Memoirs of a Geisha” ผลงานการประพันธ์เพลงของจอห์น วิลเลียมส์ โดยมี โย-โย มา นักเชลโลยอดเยี่ยมร่วมบรรเลงด้วย ซึ่งได้รับรางวัล “ลูกโลกทองคำ” (Golden Globe Award) สาขา “Best Original Score” ส่วนรางวัล “แกรมมี่” และ “BAFTA” เช่นเดียวกับภาพยนตร์ Schindler’s List

เดี่ยวไวโอลินของอิตซัค เพิร์ลมัน โดดเด่นมากในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “Hero” ตั้งแต่ขึ้นไตเติล เป็น Overture ที่ประพันธ์โดยทัน ดุน นักประพันธ์เพลงชาวจีนระดับโลก ได้มอบให้อิตซัค เพิร์ลมัน บรรเลงร่วมกับ “ไชนาฟิลฮาร์มอนิกออร์เคสตรา แอนด์ คอรัส” ประกอบกับภาพยนตร์ Hero ได้ฝีมือกำกับอย่างจาง อี้โหมว ทำให้ภาพยนตร์มีความยิ่งใหญ่ แม้จะมีฉากรบดุเดือดก็ตาม แต่ได้แทรกปรัชญาอันลึกล้ำ

จาง อี้โหมว ผู้นี้แหละที่ทำให้คนทั้งโลกตะลึง ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงในพิธีเปิดและปิด กีฬาโอลิมปิดฤดูร้อน 2008 ในกรุงปักกิ่ง และการแสดงในพิธีเปิด-ปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ทั้งสองครั้ง จาง อี้โหมวได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการแสดง

บ่ายวันอังคารที่ 24 กันยายนที่เพิ่งผ่านมา ผมไปร่วมงานมอบรางวัล “ศิลปาธร” ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะกรรมการตัดสินรางวัลนี้ สาขาดนตรี จึงได้แต่หวังว่าเราจะได้คนมีฝึมือโดยเฉพาะดนตรีและศิลปะการแสดงเหมือนอย่างทัน ดุน และจาง อี้โหมว ที่ชาวจีนภูมิใจ

นอกจากอิตซัค เพิร์ลมัน มีผลงานด้านดนตรีคลาสสิกเป็นหลักและเพลงภาพยนตร์แล้ว อิตซัค เพิร์ลมัน ยังมีผลงานร่วมเล่นไวโอลินกับวงดนตรีและนักดนตรีแจ๊ส

เท่าที่เคยชมใน “YouTube” เพิร์ลมันเล่นกับ “มอเดิร์นแจ๊สควอร์เทต” ที่มีจอห์น ลุยส์ (เปียโน), มิลต์ แจ็คสัน (ไวบราโฟน), เพอร์ซี ฮีท (ดับเบิลเบส), คอนนี เคย์ (กลอง), ในเพลง Summertime เพลงจากอุปรากร “Porgy and Bess” ของจอร์จ เกิร์ชวิน นักประพันธ์เพลงมีชื่อเสียงชาวอเมริกัน

เพิร์ลมันออกตัวจะไม่ขอ “อิมโพรไวส์” หรือด้นสด คงเล่นเฉพาะทำนองหลัก ทั้งนี้อาจจะเห็นว่าทั้งจอห์น ลุยส์ และ มิลต์ แจ็คสัน เป็น “อิมโพรไวเซอร์” (Improviser) ฝีมือฉกาจ

อิตซัค เพิร์ลมัน เล่นกับอันเดร เพรวิน วาทยกรหรือผู้อำนวยเพลงชาวเยอรมัน-อเมริกัน ที่เป็นผู้อำนวยเพลง “ลอนดอนซิมโฟนีออร์เคสตรา” และยังเป็นนักประพันธ์เพลงภาพยนตร์ นักเปียโนที่เล่นทั้งคลาสสิกและแจ๊ส

เพิร์ลมันเล่นกับเพรวินในอัลบั้ม “A Different Kind of Blues” และ “It’s A Breeze” ที่มีเพรวินเล่นเปียโน หัวหน้าวง โดยมี จิม ฮอลล์ (กีตาร์), เรด มิตเชลล์ (ดับเบิลเบส), เชลลี แมนน์ (กลอง)

อัลบั้ม “Side by Side” อิตซัค เพิร์ลมัน เล่นกับ ออสการ์ พีเทอร์สัน อดีตนักเปียโนแจ๊สในตำนานชาวแคนาดา ร่วมกับนักดนตรีแจ๊สชั้นนำชาวอเมริกัน เฮิร์บ เอลลิส (กีตาร์), เรย์ บราวน์ (ดับเบิลเบส), แกรดี้ เทต (กลอง)

ในอัลบั้มนี้มี 12 เพลง ส่วนใหญ่เป็น “แจ๊สสแตนดาร์ด” อาทิ เพลง Georgia On My Mind; Mistry; Mack the Knife; I Loves You Porgy มีเพลงพื้นเมืองรัสเซีย Dark Eyes และเพลงบลูส์อย่าง Stormy Weather

อิตซัค เพิร์ลมัน ร่วมกับ แอนโทนี แม็คกิลล์ (คลาริเน็ต), เกเบรีเอลา มอนเทโร (เปียโน), โย-โย มา (เชลโล) บรรเลงเพลงของจอห์น วิลเลียมส์ ในพิธีสถาปนาประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 บารัก โอบามา

ต่อมา อิตซัค เพิร์ลมัน ได้รับ “เหรียญแห่งอิสรภาพ"ของประธานาธิบดี (Presidential Medal of Freedom) เครื่องอิสริยาภรณ์สูงสุดของสหรัฐอเมริกาในปี 2015

YEAR 5 - WEEK 38 (September 19, 2025)อิตซัค เพิร์ลมันยอดนักไวโอลิน 2 ศตวรรษบ่ายวันจันทร์ที่ 15 กันยายนนี้ ผมไปงานพระราชท...
19/09/2025

YEAR 5 - WEEK 38 (September 19, 2025)
อิตซัค เพิร์ลมัน
ยอดนักไวโอลิน 2 ศตวรรษ

บ่ายวันจันทร์ที่ 15 กันยายนนี้ ผมไปงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ไขแสง ศุขะวัฒนะ ณ วัดชลประทานรังสฤษดิ์

ท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์และประวัติศาสตร์ภูมิสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และราชบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางคกรรม เป็นกรรมการบัญญัติศัพท์ จัดทำพจนานุศัพท์ดนตรีสากล และพจนานุกรมศัพท์สถาปัตยกรรมศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ไขแสง ศุขะวัฒนะ แม้จะเรียนสายสถาปัตยกรรมศาสตร์ แต่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญดนตรีคลาสสิก เขียนหนังสือเกี่ยวกับดนตรีคลาสสิกหลายเล่ม

จะว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ว่าได้ ผมได้ร่วมงานกับท่าน 2 ครั้ง

ครั้งแรกที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2518-19 ในโครงการส่งเสริมและเผยแพร่สังคีตนิยมทางวิทยุกระจายเสียง โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมการเรียนการสอนในหลักสูตรสังคีตนิยมสำหรับนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเผยแพร่ความรู้ทางดนตรีทั่วไป

โดยแบ่งดนตรีออกเป็น 3 ประเภท “ดนตรีคลาสสิก” ศาสตราจารย์กิตติคุณ ไขแสง ศุขวัฒนะ เป็นผู้จัดทำ “ดนตรีไทย” ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุนทร ณ รังษี เป็นผู้จัดทำ ส่วน “ดนตรีแจ๊ส” ผมเป็นผู้จัดทำ

แต่ละประเภทมี 20 ตอน ๆ ละ 30 นาที ออกอากาศทางวิทยุจุฬาฯ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยผู้ร่วมงานทั้งหมดเป็นอนุกรรมการของโครงการ

งานทั้งหมด “รีเพลย์” หลายครั้ง ผมเจอปัญหาเยอะสุด เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงกระแสต่อต้านอเมริกา เพราะแจ๊สคือดนตรีอเมริกัน ประกอบกับการเผยแพร่ดนตรีแจ๊สในมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องใหม่

ผมเจอกับศาสตราจารย์กิตติคุณ ไขแสง ศุขะวัฒนะ อีกครั้งหนึ่ง พ.ศ. 2538 โดยเป็นกรรมการบัญญัติศัพท์และจัดทำพจนานุกรมศัพท์ดนตรีสากล ที่ราชบัณฑิตยสภา

เพื่อเป็นการรำลึกถึงอารยมรณะ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ไขแสง ศุขะวัฒนะ ผู้อุทิศตนเพื่อการศึกษาและวิชาการ เนื่องจากได้เห็นข่าว อิตซัค เพิร์ลมัน นักไวโอลินคลาสสิกคนโปรด ได้บริจาคเงิน 12.9 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือคนไร้บ้านในนครนิวยอร์ก เมืองที่เขาเติบโต แก่ “ศูนย์ช่วยเหลือคนไร้บ้าน”

อิตซัค เพิร์ลมัน เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 1945 ในกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงอิสราเอล พ่อแม่เป็นชาวยิวโปแลนด์

อิตซัคเป็นโปลิโอตั้งแต่อายุ 4 ปี เดินเหินต้องใช้กายอุปกรณ์เสริมขาและไม้เท้าพยุงตัว

เสียงไวโอลินที่ได้ฟังจากวิทยุเป็นแรงบันดาลใจให้เพิร์ลมันอยากเป็นนักไวโอลิน ต่อมาแม่ซื้อไวโอลินของเล่นมาให้ เขาหัดเล่นทำนองด้วยตนเอง

พ่อแม่อยากให้หนูน้อยเพิร์ลมันเรียนที่สถาบันดนตรี “ชลามิท” ทางโรงเรียนไม่รับ เพราะตัวเล็กเกินไป จับไวโอลินยังไม่ได้

แม้พิการ แต่เพิร์ลมันก็ไม่ย่อท้อ เขาเรียนไวโอลินในปีถัดมากับครูที่เล่นไวโอลินใน “กาเฟ” จนได้เข้าเรียนไวโอลินที่สถาบันดนตรีในกรุงเทลอาวีฟตอนอายุ 5 ปี ปัจจุบันคือ “บุชมันน์เมธาสกูลออฟมิวสิค” ที่นี่ได้เรียนกับครูไวโอลินชาวรัสเซียอยู่ 8 ปี

ตอนอายุ 13 อิตซัค เพิร์ลมัน ย้ายมานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เข้าเรียนที่ “จูลลิอาร์ด สกูล ออฟมิวสิค” เรียนกับอีวาน กาลาเมียน นักไวโอลินชาวอาร์เมเนีย-อเมริกัน และโดโรธี เดอเลย์ ครูไวโอลินอเมริกัน ผู้ปั้นนักไวโอลินฝีมือเยี่ยมระดับโลกมากมาย

อิตซัค เพิร์ลมัน นักไวโอลินวัย 13 ได้ไปออกรายการ “The Ed Sullivan Show” ปี 1958 และได้ออกรายการนี้อีกหนึ่งครั้ง 6 ปีต่อมา เพลงที่เดี่ยวไวโอลินคือ “Flight of the Bumblebee” ผลงานการประพันธ์อาศัยบันไดเสียง “โครมาติก” ที่น่าอัศจรรย์ของ ริมสกี-คอร์ซาคอฟ นักประพันธ์เพลงชาวรัสเซียใน “กลุ่มชาตินิยม” บทเพลง “Polonais Brillante” ผลงานของ วีเนียฟสกี นักประพันธ์เพลงชาวโปแลนด์ และ “Violin Concerto in E minor, Op. 64” ของเมนเดิลโซน นักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน

อิตซัค เพิร์ลมัน ก้าวขึ้นสู่ยอดนักเดี่ยวไวโอลินชั้นนำด้วยการเดี่ยวไวโอลิน Concerto for Violin and Orchestra No. 2 in D minor, Op. 22 ของวิเนียฟสกี ที่ “คาร์เนกีฮอลล์” ในนครนิวยอร์กเป็นครั้งแรกในปี 1963 และชนะเลิศใน “Leventritt Competition” ในปีถัดมา ซึ่งนำมาสู่การตระเวนแสดงคอนเสิร์ต 30 เมืองในสหรัฐอเมริกา

เพิร์ลมันเดี่ยว Violin Concerto ของบรูก นักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน กับวงนิวยอร์กฟิลฮาร์มอนิก เป็นครั้งแรกในปี 1965 จากนั้นก็เดี่ยวไวโอลินกับวงลอสแอนเจลิสฟิลฮาร์มอนิก, คลิฟแลนด์ออร์เคสตรา, ชิคาโกซิมโฟนีออร์เคสตรา, บอสตันซิมโฟนีออร์เคสตรา...

ช่วงทศวรรษ 1960 เพิร์ลมันออกทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรป เดี่ยว Violin Concerto in D major, Op. 35 ของไชคอฟสกี นักประพันธ์เพลงยิ่งใหญ่ชาวรัสเซียกับลอนดอนซิมโฟนีออร์เคสตรา อำนวยเพลงโดยอันเดร เพรวิน เป็นครั้งแรก ปี 1968 เพิร์ลมันเดี่ยวไวโอลินบทเพลงเดียวกันนี้กับเบอร์ลินฟิลฮาร์มอนิก ปี 1972

อิตซัค เพิร์ลมัน นักไวโอลินที่สามารถคว้า “แกรมมี่” มาถึง 16 รางวัลในช่วงที่โดดเด่นอยู่ในวงการดนตรีคลาสสิกทั้งศตวรรษที่ 20 และ 21

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when All Music Spoken by Pratak Faisupagarn posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share