Car Mania Thailand

02/05/2025

คลิปใหม่ครับ

เมื่อจีนกลายเป็นสมรภูมิ EV ระดับโลก ค่ายญี่ปุ่นที่เคยรุ่ง ต้องยอมเปลี่ยนกลยุทธ์ หวังชิงพื้นที่คืน ผ่านควา....

31/01/2025

แม้โครงข่ายการคมนาคมในจีนจะล้ำหน้าไปมาก พอที่จะทำรถไร้คนขับ แต่ รถ EV ที่ทำยอดขายนำโด่งในจีนอย่าง Tesla กำลังติดปัญหาปล่อยการใช้งานฟีเจอร์ FSD (Full Self-Driving)

Elon Musk ยอมรับว่า Tesla "ติดอยู่ในสถานการณ์ลำบาก" กับการเปิดตัว Full Self-Driving (Supervised) ในจีน เนื่องจาก
รัฐบาลจีนไม่อนุญาต ให้นำข้อมูลวิดีโอจากการฝึก AI ออกจากประเทศ
รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่ให้ทำการฝึก AI ในจีน
ขณะนี้ Tesla ใช้ข้อมูลสาธารณะเพื่อฝึก AI ในจีน และตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ใช้ FSD ในยุโรปและจีนภายในปี 2025 โดย Musk คาดว่า FSD (Supervised) จะใช้งานได้ในหลายประเทศภายในปี 2026

🔹 ยอดขายในจีน พุ่งแรงสวนกระแสโลก
Tesla รายงานยอดขายรถในจีนปี 2024 แตะ 657,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% ทำให้ Model Y เป็นรถที่ขายดีที่สุดในจีน แซงหน้าคู่แข่งอย่าง BYD
แม้ยอดส่งมอบรถทั่วโลกจะลดลง 1% เหลือ 1.79 ล้านคัน แต่ Tesla มองว่ายอดขายที่เติบโตในจีนเป็นสัญญาณบวก โดย CFO Vaibhav Taneja กล่าวว่า
"นี่เป็นแนวโน้มที่น่าพอใจ เพราะเราสามารถเติบโตได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง"

🔹 Tesla ยังเป็นผู้นำ EV โลก แต่หายใจรดต้นคอ BYD
ปี 2024 BYD ขาย EV ได้ 1.76 ล้านคัน ใกล้เคียงกับยอดขายของ Tesla ที่ 1.79 ล้านคัน ทำให้การแข่งขันแย่งตำแหน่งเบอร์หนึ่งของตลาด EV เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม

🔹 ผลประกอบการ: รายได้เพิ่ม กำไรยังน่าห่วง
ไตรมาส 4/2024 รายได้ เพิ่มขึ้น 2% เป็น 25.7 พันล้านดอลลาร์
กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 3% เป็น 2.6 พันล้านดอลลาร์
แต่ภาพรวมปี 2024 กำไรสุทธิ ลดลง 23% เพราะเจอผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น, ความต้องการ EV ลดลง และการแข่งขันที่รุนแรง

🔹 Musk กับการเมือง: Tesla จะได้รับผลกระทบแค่ไหน?
หุ้น Tesla พุ่งขึ้นกว่า 60% ตั้งแต่ Donald Trump ชนะเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน
แต่ นโยบายของ Trump อาจส่งผลลบ ต่อ Tesla เพราะมีแนวโน้มจะลดแรงสนับสนุน EV
ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมออกกฎห้ามใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จีนในรถยนต์ ทำให้ไม่ชัดเจนว่าจีนจะตอบสนองอย่างไรต่อคำขอเปิดใช้ FSD ของ Tesla
Musk กล่าวอย่างมั่นใจว่า
"การเดินทางที่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมมั่นใจว่าทุกยานพาหนะจะกลายเป็นไฟฟ้าและขับขี่อัตโนมัติ รวมถึงเครื่องบินด้วย มันหยุดไม่ได้แล้ว"

สำหรับ Tesla แล้ว ด้วย ปัญหาด้านกฎระเบียบระหว่างจีนและสหรัฐฯ อาจทำให้แผนเปิดตัว FSD ในจีนต้องรอไปก่อน
แหล่งที่มา Nikei Asia

#ข่าวยานยนต์

25/01/2025

มาช้าแต่มานะ! Mazda พยายามยืนด้วยลำแข้งของตนเอง
ลุยผลิตแบตเตอรี่เอง! พร้อมเปิดโรงงานใหม่ในญี่ปุ่น

มาสด้าเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ด้วยการประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนทรงกระบอกแห่งใหม่ที่เมืองอิวาคุนิ จังหวัดยามากูชิ ประเทศญี่ปุ่น โดยความร่วมมือกับพานาโซนิค เอเนอร์จี เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม EV เฉพาะของแบรนด์ พร้อมตั้งเป้ากำลังการผลิตสูงถึง 10 GWh ต่อปี!

โดยมาสด้าและพานาโซนิคได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 และแผนการผลิตนี้ได้รับการรับรองจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) ในเดือนกันยายน 2567 เพื่อมุ่งสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาแบตเตอรี่ และขยายขีดความสามารถในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์ทั้งในด้านความยั่งยืนและความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน

โรงงานใหม่นี้จะผลิตแบตเตอรี่ทั้งในรูปแบบโมดูลและแพ็ค พร้อมนำไปติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของมาสด้า โดยแบตเตอรี่เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยจุดเด่นที่เหนือกว่า ทั้งด้านดีไซน์ ระยะทางขับขี่ที่ยาวนาน และความสะดวกสบายในการใช้งาน

โรงงานผลิตแบตเตอรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดการระยะกลางปี 2030 ของมาสด้า ที่มุ่งเน้นกลยุทธ์ "Multi-solution" โดยการพัฒนาเทคโนโลยีหลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบทั่วโลก พร้อมกับมีเป้าหมายใหญ่ในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน

นี่คือก้าวสำคัญที่น่าจับตามองสำหรับมาสด้า การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับนวัตกรรมแบตเตอรี่ แต่ยังสร้างโอกาสด้านการจ้างงานและพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจในท้องถิ่นอีกด้วย

สาวกมาสด้าคงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า รถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ใช้แบตเตอรี่จากโรงงานใหม่นี้จะเปิดตัวเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ มันจะเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์ที่ไม่เพียงสร้าง “Joy of Driving” แต่ยังพาผู้ใช้สัมผัส “Joy of Living” ได้ในทุก ๆ วัน ซึ่งเปลี่ยนไปตามกระแสโลก

#มาสด้า #พานาโซนิค

23/01/2025

ลูกค้าเนต้า ใจชื้นขึ้น เมื่อ Neta ได้เงินทุน 818 ล้านดอลลาร์ พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ
Neta ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวน 6 พันล้านหยวน (ประมาณ 818.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 28,256.79 ล้านบาท) จากแหล่งทุนภายนอก เพื่อช่วยแก้ปัญหาการดำเนินงานภายในและเสริมศักยภาพการเติบโต โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ

การฟื้นตัวจากปัญหาภายใน
ปี 2024 ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับ Neta หลังจากยอดขายในจีนลดลงอย่างหนัก เช่น เดือนธันวาคม 2024 ที่มียอดขายเพียง 237 คัน ลดลงถึง 88.3% จากปีที่แล้ว ส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปีอยู่ที่ 61,592 คัน ลดลง 40.2% เมื่อเทียบกับปี 2023 นอกจากนี้ บริษัทต้องหยุดการผลิตที่โรงงาน Tongxiang ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 200,000 คันต่อปี และเผชิญปัญหาการจ่ายเงินเดือนล่าช้า

การเข้ามาดำรงตำแหน่ง CEO ของ Fang Yunzhou ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทในเดือนธันวาคม 2024 ช่วยกำหนดเป้าหมายใหม่ เช่น การกลับมาเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็นบวกในปี 2025 และเริ่มทำกำไรในปี 2026

การระดมทุนและความร่วมมือกับ CATL
Neta ได้รับเงินทุนจาก รัฐวิสาหกิจจีน และ CATL บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของ Neta โดยก่อนหน้านี้ Neta ได้เปิดตัว Neta L Crossover ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ Freevoy ของ CATL

เป้าหมายตลาดต่างประเทศ
เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันรุนแรงในตลาดจีน Neta หันไปเน้นตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายจาก 30,000 คันในปี 2024 เป็น 60,000 คันในปี 2025 และในระยะยาวต้องการให้ยอดขายแบ่งเป็น 50% ในประเทศ และ 50% ในต่างประเทศ

Neta มีเครือข่ายขายใน 40 ประเทศ กว่า 180 แห่ง ครอบคลุมภูมิภาคอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

สถานการณ์ในประเทศไทย
แม้จะมุ่งขยายตลาดต่างประเทศ แต่ Neta เผชิญปัญหาที่ โรงงานในไทย โดยมีรายงานว่าอาจลดพนักงานลง 400 คน เนื่องจากการผลิตที่ชะลอตัว ซึ่งสถานการณ์ของโรงงานแห่งนี้ยังไม่มีความชัดเจน

มองไปข้างหน้า
แม้จะมีอุปสรรค Neta ยังคงเดินหน้าปรับโครงสร้างและพัฒนาเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย พร้อมเป้าหมายการเติบโตในตลาดโลก ซึ่งอาจเป็นทางรอดสำคัญสำหรับการกลับมาสู่เส้นทางกำไรในอนาคต

#ข่าวยานยนต์