Byteline & Technology

  • Home
  • Byteline & Technology

Byteline & Technology All about IT News ...

AIS ดันผู้ประกอบการไทย ทรานส์ฟอร์มสู่ AIS Infinite SMEs เสริมแกร่งองค์ความรู้เชื่อมต่อทุกโอกาส เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดกอง...
07/06/2025

AIS ดันผู้ประกอบการไทย ทรานส์ฟอร์มสู่ AIS Infinite SMEs เสริมแกร่งองค์ความรู้เชื่อมต่อทุกโอกาส เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด

กองบรรณาธิการ
AIS เปิดตัว AIS Infinite SMEs ก้าวใหม่แห่งความร่วมมือในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ Startup และ SMEs ไทยให้เชื่อมต่อทุกความเป็นไปได้ ผ่านกลยุทธ์ 3 สเพื่อเสริม สร้าง และพาผู้ประกอบไทยสยายปีกอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ด้วยองค์ความรู้และโซลูชันอัจฉริยะ ขยายโอกาสการสร้างพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายระดับโลก ผ่านหลักสูตรเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมทักษะและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมผลักดัน SMEs ไทยสู่มาตรฐานระดับสากล เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า AIS ไม่ได้เพิ่งเริ่มต้น แต่เราเริ่มวางรากฐาน มาตั้งแต่วันที่ “ดิจิทัล” ยังเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย หรือกว่า 15 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ AIS The StartUp โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกิจกรรมระดับชาติครั้งแรกของไทยที่จุดประกายความเคลื่อนไหวในวงการ Startup จนถึงทุกวันนี้ เราภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งมอบสินค้าและบริการของสตาร์ทอัพมากกว่า 100 รายออกสู่ตลาด พร้อมผลักดันผู้ประกอบการให้สามารถต่อยอดและขยายธุรกิจไปสู่ภาคส่วนใหม่ ๆ ที่ตอบรับกับแนวโน้มของโลกยุคใหม่ อาทิ การเปลี่ยนผ่านจากระบบขนส่งในเมือง (Urban Mobility) ไปสู่ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Mobility) โดยอาศัยเทคโนโลยีสีเขียวเป็นตัวขับเคลื่อน ผ่านการสนับสนุนองค์ความรู้และ Digital Infrastructure ที่มีศักยภาพ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นหลายภาคส่วนเดินหน้าร่วมกัน เพื่อปลุกพลังผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้ขับเคลื่อนอนาคตของภาคเศรษฐกิจไทย
เมื่อผนวกกับวิสัยทัศน์ AI for Sustainable Nation ที่เป็นหมุดหมายหลักของ AIS ในปีนี้ ที่จะนำศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะและ AI มายกระดับให้ทุกภาคส่วนของประเทศ รวมไปถึงภาคธุรกิจ SMEs เติบโตไปอย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการทรานส์ฟอร์มสู่ AIS Infinite SMEs กับพันธกิจใหม่ เพื่อเชื่อมโยงทุกความเป็นไปได้สู่การเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมยกระดับมาตรฐาน SMEs ไทยสู่ระดับสากล ผ่านการเชื่อมโยงทุกมิติ ทั้งเทคโนโลยีดิจิทัล ตลาด และคู่ค้าพันธมิตร เพื่อมุ่งสร้างระบบนิเวศแบบเติบโตร่วมกัน ภายใต้กลยุทธ์ 3 ส ประกอบด้วย เสริม ทักษะที่ใช่สำหรับ SMEs ที่จะทำธุรกิจในโลกดิจิทัลที่ทำให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและแตกต่าง - สร้าง ระบบหลังบ้านที่เข้มแข็ง ได้มาตรฐานระดับสากลอย่าง ISO ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาคู่ค้าและนักลงทุน และเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตในระยะยาว เป็นอีกหนึ่ง “ใบเบิกทาง” สำคัญให้กับธุรกิจ SMEs - สยายปีก ด้วยการนำศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ AIS มี มาช่วยขยายโอกาสในการเติบโตได้ไกลยิ่งขึ้น เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจ SMEs เข้ากับกลุ่มลูกค้าจำนวนมากทั่วประเทศ เปิดประตูสู่โอกาสเติบโตใหม่ๆ อีกมากมาย
สำหรับพันธกิจของ AIS Infinite SMEs จะดำเนินการภายใต้แนวคิด Transformation และ Standardization ซึ่งประกอบด้วย 3 หลักการใหญ่ ได้แก่
· Infinite Skills เปิดประตูความรู้เพื่อการเติบโตของ SMEs ไทยทั่วประเทศ ซึ่งมี AIS Academy ที่ได้รับการรับรอง ISO 30401 (Knowledge Management Systems) ในการพัฒนาหลักสูตรสำหรับผู้ประกอบการ เนื้อหาครอบคลุมทั้ง 3 แกน ได้แก่ Information Technology, Marketing และ Entrepreneurship พร้อมด้วยความร่วมมือกับ F11/Wecosystem จัดทำคอนเทนต์ที่ย่อยง่ายบนออนไลน์ เกี่ยวกับศาสตร์แห่งการเติบโต ให้เจ้าของธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันทีในโลกจริง
· International Standards ยกระดับ SMEs ไทยสู่มาตรฐานสากล ผ่านความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ depa ในการผลักดันมาตรฐาน ISO 29110 ซึ่งเป็นมาตรฐานเฉพาะทางสำหรับ Software SMEs พร้อมเดินหน้าริเริ่ม ISO Marketplace for SMEs เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
· Infinite Scales จัดทำหลักสูตร Transformative Infinite SME เพื่อตอบโจทย์ SMEs ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งที่เป็นกลุ่มธุรกิจที่กำลังขยายตัว (Scale-up) และกลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ ที่สืบทอดและยกระดับกิจการของครอบครัว โดยร่วมมือกับพันธมิตรจากทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน สถาบันการเงิน และผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA), สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว (AFBE), และ F11/Wecosystem
ด้าน อภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น ซึ่งล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการผลิต ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดแนวโน้มใหม่ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะแนวทาง ESG ที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันบนเวทีโลกในปัจจุบัน
ท่ามกลางบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ กว่า 99% ของภาคธุรกิจไทยยังคงเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย การเสริมสร้างขีดความสามารถและยกระดับมาตรฐานให้กับ SMEs จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จึงร่วมมือกับ AIS ในการสนับสนุนและพัฒนา SMEs ไทยในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น ISO/IEC 29110:2018 การจัดตั้งสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI: Small & Medium Industrial Institute) เพื่อยกระดับ SMEs ไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการผลักดันให้ธุรกิจไทยเดินหน้าอย่างมั่นคงภายใต้แนวทาง “4 Go” ได้แก่ Go Digital & AI, Go Innovation, Go Global และ Go Green นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการผลิตสินค้าและบริการภายใต้ตราสัญลักษณ์ “Made in Thailand (MiT)” – ไทยซื้อไทย ใช้ของไทย ไม่แพ้ใครแน่นอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการของไทย เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและตลาดโลก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และเสริมสร้างความภาคภูมิใจในสินค้าฝีมือคนไทยอย่างแท้จริง
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงความร่วมมือเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับภาคธุรกิจ แต่คือ พันธสัญญาร่วมกันในการสร้างโอกาสใหม่ และวางรากฐานที่มั่นคงให้กับเศรษฐกิจไทยในอนาคต
“AIS เชื่อมั่นเสมอว่า ธุรกิจและประเทศไทยจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ทุกภาคส่วนต้องเติบโตเคียงข้างกัน เพราะทุกคนเปรียบเสมือนฝูงปลาที่แหวกว่ายเป็นจังหวะเดียวกันเพื่อสร้างคลื่นเศรษฐกิจไทยที่มั่นคงและแข็งแรง ดังนั้น AIS Infinite SMEs จึงเกิดขึ้นมาเพื่อส่งพลังและแรงว่ายให้กับ SMEs ไทย เป็นพันธมิตรคนกลางที่ช่วยเชื่อมโยงทุกโอกาส ร่วมสร้าง ร่วมโต และร่วมเปลี่ยนอนาคตเศรษฐกิจไทยสู่การเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด” สมชัย กล่าว
&Technology

ไทยตั้ง บอร์ด AI แห่งชาติ ประชุมนัดแรก เคาะแนวทางการขับเคลื่อน AI สร้างความพร้อมไทย ขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาระดับสูงกองบร...
03/05/2025

ไทยตั้ง บอร์ด AI แห่งชาติ ประชุมนัดแรก เคาะแนวทางการขับเคลื่อน AI สร้างความพร้อมไทย ขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาระดับสูง

กองบรรณาธิการ
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อพัฒนาประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งได้มีการกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อให้ประเทศไทยมีระบบนิเวศที่จะสามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ของภูมิภาค และสร้างการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้กำหนดแนวทางในการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนากำลังคนด้าน AI ให้มีจำนวนเพียงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐาน โดยตั้งเป้าหมายที่จะต้องมีการสร้างความรู้ให้แก่บุคลากรที่เป็น AI User ไม่น้อยกว่า 10,000,000 คน AI Professional ไม่น้อยกว่า 90,000 คน และ AI Developer ที่ไม่น้อยกว่า 50,000 คน ภายในเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ จะมีการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบคลาวด์ Data Center ระบบประมวลผล GPU และการพัฒนาแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์เปิด (Open Source AI Platform) ให้เพียงพอ เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในราคาที่เหมาะสม รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Bank) ที่จะรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา AI ในสาขาต่าง ๆ ในส่วนข้อมูลภาครัฐ จะส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐปรับตัวให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมดภายในปี 2569
คาดว่าการลงทุนด้านโครงสร้างเหล่านี้ จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนของรัฐบาลและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศประกอบกัน
สำหรับการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ AI ในงานธุรกิจและอุตสาหกรรมนั้น จะมุ่งเน้นสาขาที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมเป็นหลัก เช่น การสาธารณสุข การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม เป็นต้น ซึ่งการประยุกต์ใช้ AI จะส่งผลให้การแพทย์ของไทยมีประสิทธิภาพและยกระดับขึ้นเป็นศูนย์กลางของการรักษาพยาบาลในอาเซียนได้ พร้อมกับยกระดับการท่องเที่ยวทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่าย อีกทั้งการใช้ AI ด้านการเกษตรจะทำให้การเพาะปลูกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลผลิตที่สูงขึ้น และสามารถทำงานด้านการพาณิชย์และตลาดอย่างตรงเป้าอีกด้วย ซึ่งคาดว่าการสนับสนุนการประยุกต์ใช้ AI ในด้านต่าง ๆ จะส่งผลดีต่อบริการสาธารณสุข อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เพื่อเร่งการประยุกต์ใช้ AI รัฐบาลจะสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศเพื่อบูรณาการการทำงานด้าน AI ในแต่ละสาขาร่วมกับภาคเอกชนอย่างเป็นระบบต่อไป
#บอร์ดAIแห่งชาติ #ดีอี
#ประเสริฐจันทรรวงทอง

ทรู เผยโฉมสมาร์ทโฟนสุดล้ำนวัตกรรมจอพับ 3 ทบแรกของโลก HUAWEI Mate XT Ultimate Design x True กองบรรณาธิการทรู คอร์ปอเรชั่น...
26/03/2025

ทรู เผยโฉมสมาร์ทโฟนสุดล้ำนวัตกรรมจอพับ 3 ทบแรกของโลก HUAWEI Mate XT Ultimate Design x True


กองบรรณาธิการ
ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสร้างประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสให้กับลูกค้าครบทุกมิติ ทั้งเครือข่ายคุณภาพ แพ็กเกจบริการที่ออกแบบมาให้ตรงกับไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล ไปจนถึงสิทธิพิเศษที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ร่วมกับ หัวเว่ย ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ส่งมอบ HUAWEI Mate XT Ultimate Design สมาร์ทโฟนสุดล้ำที่มาพร้อม หน้าจอพับ 3 ทบครั้งแรกของโลก ให้ลูกค้าทรูคนสำคัญมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ สุดเอ็กคลูซีฟที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อ มาพร้อมสิทธิพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อให้สัมผัสความกับพรีเมียมเหนือใคร คุ้มค่า โดดเด่น และเหนือระดับยิ่งกว่าที่เคย ด้วยเครือข่ายที่ดีที่สุดจากทรู เหนือระดับยิ่งขึ้นกับบริการที่ใส่ใจ พร้อมแพ็กเกจที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ตรงใจกับไลฟ์สไตล์ ด้วยการเสริมพลังตัวเลขกับมหาจักรวาลเบอร์มงคลทรูด้วยศาสตร์เลขเบอร์มงคลยอดนิยม เบอร์มงคลคู่ดีทุกคู่ เบอร์หงส์เบอร์มังกร เบอร์ผลรวมดี เหนือความคาดหมายด้วยเอกสิทธิ์สุดพิเศษ อาทิ มอบสถานะTrue Black พร้อมบริการหลังการขายเฉพาะบุคคลระดับพรีเมียม บริการส่งมอบเครื่องถึงหน้าบ้าน โดยพนักงานจากทรูที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ และมั่นใจเหนือใครด้วยความปลอดภัยจาก True CyberSafe ปกป้องลูกค้าจากภัยคุกคามไซเบอร์ ด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://ss.true.th/s/XATVjKS หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ที่ทรูช็อป ทรูสเฟียร์ ทรูแบรนด์ช็อป สาขาที่ร่วมรายการ
นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ทั้งในระดับโลก และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มียอดขายเพิ่มขึ้น 7% ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และพร้อมที่จะลงทุนในอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ เพราะวันนี้ สมาร์ทโฟนไม่ใช่แค่เครื่องมือสื่อสาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยีสุดล้ำ สำหรับ HUAWEI Mate XT Ultimate Design ไม่เพียงแต่ยกระดับตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ แต่ยังสร้างแนวโน้มใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคโนโลยีที่ดีไม่เพียงแค่ล้ำหน้า แต่ยังเติมเต็มทุกจังหวะชีวิตให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เมื่อผสานพลังเครือข่ายที่ดีที่สุดจากทรู ร่วมกับ หัวเว่ย ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นนำระดับโลก ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพร้อมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จึงยกระดับความมั่นใจได้ว่าลูกค้าทรูผู้ใช้งาน Huawei Mate XT สมาร์ทโฟนนวัตกรรมสุดล้ำครั้งแรกของโลก จะเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การสื่อสาร การบันเทิง การใช้ชีวิตทุกวันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบที่สุด ตามแนวคิด Everyday Living Tech ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้งานในทุกช่วงเวลาของชีวิต
นายปิยะพันธุ์ นาคะโยธิน หัวหน้าสายงานบริหารธุรกิจค้าปลีก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อเป็นการต้อนรับการเปิดตัว HUAWEI Mate XT Ultimate Design ในประเทศไทย ทรูได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อสร้างสรรค์สิทธิประโยชน์ที่โดดเด่น คุ้มค่า มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด เหนือระดับกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น
เหนือกว่าด้วยเครือข่ายที่ดีที่สุด สร้างมาตรฐานใหม่ของการใช้ชีวิตดิจิทัล ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเชื่อมต่อกับทุกสิ่งที่สำคัญได้อย่างไร้รอยต่อผ่านเครือข่ายที่ดีที่สุดจากทรู การันตีด้วยการครองแชมป์ 8 ปีซ้อน จากสถาบันทดสอบคุณภาพระดับโลกอย่าง nPerf ประเทศฝรั่งเศส
เหนือระดับด้วยบริการที่เข้าใจ ทรูรู้ว่าลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงนำเสนอแพ็กเกจที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ สำหรับลูกค้าทรูที่ซื้อ HUAWEI Mate XT ซึ่งครั้งนี้มาแบบเหนือความคาดหมายด้วยเอกสิทธิ์สุดพิเศษ อาทิ
รับฟรีทันทีไม่ต้องลุ้น Huawei Watch GT5 Pro 46mm Titanium มูลค่า 12,990 บาท (จำนวนจำกัด)
ส่วนลดสูงสุด 19,000 บาท หรือเลือกซื้อเป็นเครื่องเปล่ารับส่วนลด 15,000 บาท (รวมส่วนลด ตามอายุการใช้งาน)
Rotating Stand Aramid Fiber Case และหัวชาร์จ Huawei SuperCharge 66W มูลค่า 4,680 บาท
มอบเบอร์มงคล เสริมพลังให้คุณด้วยตัวเลขกับมหาจักรวาลเบอร์มงคลทรู ที่เป็นศาสตร์เลขเบอร์มงคลยอดนิยม อาทิ เบอร์มงคลคู่ดีทุกคู่ เบอร์หงส์เบอร์มังกร เบอร์ผลรวมดี
ดูฟรี ความบันเทิงครบรส อาทิ เช่น OneD premium , VIU , iQIYI , True ID+ นาน 1 ปี มูลค่า 3,600 บาท
เหนือความคาดหมายด้วยเอกสิทธิ์สุดพิเศษ
สิทธิพิเศษ มอบสถานะเป็น True Black นาน 1 ปี
รับสิทธิ์ เป็นสมาชิก One Siam titanium card ฟรี นาน 3 เดือน ( เช่นรับสิทธิ์จอดรถฟรี และบริการจอดรถ Valet Parking นาน 6 เดือนที่สยามคาร์ปาร์ค, และไอคอนสยาม (ตลอดปี) สามารถแลกสิทธิ์เข้า ONESIAM Member Lounge
HUAWEI Premium Service มูลค่า 35,000 บาท
รับประกันหน้าจอ 1 ปี จำนวน 1 ครั้ง / ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอฟรี 4 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปี
การรับประกันภายในประเทศและภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก 1 ปี
บริการหลังการขาย เฉพาะบุคคลระดับพรีเมียม / บริการรับส่งเครื่องซ่อมถึงหน้าบ้าน
เหนือใครด้วยความปลอดภัยจาก True Cyber Safe ความ Smart ต้องคู่กับ Secure ด้วย True CyberSafe จากทรู ที่ช่วยปกป้องคนไทยจากภัยไซเบอร์ด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ช่วยป้องกันและแจ้งเตือนเมื่อผู้ใช้งานเผชิญกับความเสี่ยง เช่น การเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย หรือการคลิกลิงก์ที่น่าสงสัย เสริมเกราะป้องกันที่ช่วยให้ลูกค้าทรู ใช้งานอย่างมั่นใจ ปลอดภัย และไร้กังวลจากภัยไซเบอร์ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
#ทรู

AIS PLAY จับมือ กกท. ถ่ายทอดสด ฉลามเยาวชลเกมส์ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ชวนส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาเยาวชนไทยกองบรรณาธ...
26/03/2025

AIS PLAY จับมือ กกท. ถ่ายทอดสด ฉลามเยาวชลเกมส์ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ชวนส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาเยาวชนไทย

กองบรรณาธิการ
AIS PLAY ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ขับเคลื่อนวงการกีฬาไทย เตรียมถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ฉลามเยาวชลเกมส์ ในฐานะ Official Broadcaster ผู้ถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการ ให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์รับชมคอนเทนต์กีฬาตัวจริงจากการกีฬาแห่งประเทศไทยในรูปแบบ FULL HD ชมสดมากที่สุดที่เดียวเท่านั้น จัดเต็มไฮไลท์และรีรัน พร้อมทีมนักพากย์มืออาชีพ ครอบคลุมการแข่งขัน 52 ชนิดกีฬา โดยสามารถรับชมฟรีทุกเครือข่ายผ่านช่อง T Sports 7HD ยิงสด 3 ช่อง บน AIS PLAY ทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่วันนี้ – 3 เมษายน 2568
ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่า การถ่ายทอดสด ฉลามเยาวชลเกมส์ ในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับการรับชมกีฬาของคนไทย ให้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์กีฬาได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนเยาวชนไทยในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งมีนักกีฬาเยาวชนจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมมากกว่า 15,000 คน และแข่งขันใน 52 ชนิดกีฬา การทำงานร่วมกันในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงการรับชมกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาเยาวชนที่กำลังฝึกฝนและตั้งใจที่จะเป็นนักกีฬาในระดับสูงต่อไป จึงขอเชิญชวนแฟนกีฬาทั่วประเทศ ร่วมติดตามและส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทยในการแข่งขันครั้งนี้"ฝ
รุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าส่วนงาน AIS PLAY กล่าวว่า การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ฉลามเยาวชลเกมส์ ให้คนไทยได้รับชมการแข่งขัน ผ่าน AIS PLAY เป็นการมอบประสบการณ์การรับชมกีฬาที่ดีที่สุดให้กับแฟนกีฬาไทย นอกจากนี้ เพื่อย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดสดคอนเทนต์กีฬาคุณภาพสำหรับคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง AIS ยังได้เตรียมถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ครั้งที่ 7 ข้าวหลามเกมส์ ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย
ร่วมส่งแรงเชียร์เยาวชนไทยในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ฉลามเยาวชลเกมส์ รับชมสดฟรีทุกเครือข่าย พร้อมไฮไลท์และรีรัน ผ่านช่อง T Sports 7HD จัดเต็ม 3 ช่อง บน AIS PLAY ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งแอปพลิเคชัน AIS PLAY, กล่อง AIS PLAYBOX, Website https://aisplay.ais.co.th/portal, Smart TV, Apple และ 3BB GIGATV
#กกท. #ฉลามเยาวชลเกมส์ #กีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่40

ทรู ลุยแจ้งความดำเนินคดีขบวนการสร้างเฟคนิวส์ใส่ร้าย บิดเบือน ทำข้อมูลเท็จ กรณีการประมูลคลื่นความถี่ กองบรรณาธิการทรู คอร...
26/03/2025

ทรู ลุยแจ้งความดำเนินคดีขบวนการสร้างเฟคนิวส์ใส่ร้าย บิดเบือน ทำข้อมูลเท็จ กรณีการประมูลคลื่นความถี่

กองบรรณาธิการ
ทรู คอร์ปอเรชั่น แจ้งจับขบวนการสร้างเฟคนิวส์ มุ่งบ่อนทำลายชื่อเสียงบริษัทฯ และผู้บริหารของบริษัทฯ จากกรณีมีผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อก (TikTok) รายหนึ่งใช้ชื่อว่า สุรีมาทางนี้ โพสต์คลิปวิดิโอสั้นอันเป็นข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น อย่างต่อเนื่อง โดยวิธีการตัดต่อข้อมูล นำมาจัดเสนอใหม่และบิดเบือนเพิ่มเติม รวมทั้งมีการระบุชื่อผู้บริหารทรู นำภาพเก่ามาตัดต่อปรับเนื้อหา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน สร้างความเสียหายให้แก่ทั้งผู้บริหารที่ถูกกล่าวอ้างถึงและบริษัทฯ ลั่นเอาเรื่องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายจนถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ทีมกฎหมาย ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้นำหลักฐานข้อความและคลิปวิดิโอต่างๆ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำความผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกมาตรา และให้มีการสืบสวนต่อถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งขบวนการ เนื่องจากการกระทำของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อบริษัทฯ โดยผู้กระทำผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยสาเหตุที่จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดีว่า บริษัทฯพบว่ามีขบวนการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง ด้วยการโพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอที่มีลักษณะเป็นการโฆษณาต่อบุคคลอื่นที่ได้พบหรือได้อ่านข้อความดังกล่าว อันเป็นข้อความและคลิปที่ไม่มีมูลความจริง บิดเบือนข้อเท็จจริง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอีกหลายคลิปที่มีเนื้อหาระบุชื่อ นามสกุล และตำแหน่งของผม พร้อมให้ข้อมูลที่ผิดจากข้อเท็จจริง เป็นเหตุให้มีความเข้าใจผิด และนำมาซึ่งการแสดงความคิดเห็นที่เป็นการใส่ความทั้งต่อบริษัทฯและตัวผม โดยเผยแพร่ต่อสาธารณะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และสื่อโซเชียลมีเดีย ปลุกปั่นให้เชื่อว่าบริษัทฯและผู้บริหารของบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอย่างไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทฯและผมได้รับความเสียหายและกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่เข้าข่าย Fake News เช่นนี้ เกิดขึ้นอีกในอนาคต
ทรู คอร์ปอเรชั่น ขอยืนยันว่า บริษัทฯยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด และเชื่อว่าการสร้างสังคมออนไลน์ที่สะอาดปราศจากการโกหก บิดเบือน หรือปลอมแปลง เป็นแนวทางในการสร้างสังคมที่ดี ซึ่งการดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด จะเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมหลีกเลี่ยงการสร้างเฟคนิวส์ และใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางสร้างสรรค์มากขึ้น
#ทรู #ทรูคอร์ปอเรชั่น

AIS ชวนเป็นเจ้าของ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN สมาร์ทโฟนจอ 3 พับ บางที่สุดในโลก ลดสูงสุด 14,000 บาท กองบรรณาธิการAI...
26/03/2025

AIS ชวนเป็นเจ้าของ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN สมาร์ทโฟนจอ 3 พับ บางที่สุดในโลก ลดสูงสุด 14,000 บาท

กองบรรณาธิการ
AIS ร่วมส่งต่อประสบการณ์สุดล้ำเหนือระดับกับสมาร์ทโฟนแฟลกชิป HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ที่มาพร้อมนวัตกรรมขั้นกว่าพลิกโฉมวงการสมาร์ทโฟน กับเทคโนโลยีจอ 3 พับ ที่ใหญ่ที่สุดและบางที่สุดในโลกเพียง 3.66 มม.แต่คงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง และดีไซน์พรีเมียมสุดหรู ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G ที่ดีที่สุด
ลูกค้า AIS สามารถจองเป็นเจ้าของ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ได้แล้ววันนี้ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ รับส่วนลดสูงสุด 14,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถใช้ AIS Points แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท พร้อมรับการดูแลระดับพรีเมียมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ การรับประกันหน้าจอ 1 ปี (จำนวน 1 ครั้ง) โดย HUAWEI Care, บริการรับ-ส่งเครื่องซ่อมถึงหน้าบ้าน และบริการด้านการบำรุงรักษารวมถึงบริการเฉพาะบุคคล พิเศษสำหรับลูกค้าเซเรเนด รับส่วนลด 50% เมื่อเปิดเบอร์ VIP (เบอร์โฟร์) แบบ Exclusive พร้อมแพ็กเกจ 2,999 บาท สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันนี้ – 28 มีนาคม 2568 ที่ AIS Shop ทุกสาขา หรือทาง AIS Online Store คลิก https://m.ais.co.th/PYHrOz6uo
&Technology

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกเป็นครั้งที่สองชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอ...
26/03/2025

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกเป็นครั้งที่สอง

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกเป็นครั้งที่สอง - Thai-smes

กองบรรณาธิการ
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกประจำปี 2025 โดย Corporate Knights และเป็นบริษัทเดียวที่ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งใน Global 100 ถึงสองครั้ง Schneider Electric เคยติดอันดับบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดประจำปี 2021 จากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกซึ่งสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ความสำเร็จที่โดดเด่นนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นระยะยาวและแนวทางของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการสร้างผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้
"นับเป็นเวลานานหลายปีที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคยึดมั่นเรื่องความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงาน การเป็น IMPACT company สำคัญมากกว่าการเป็นแค่เป้าหมายขององค์กร โดยเป็นทั้งแรงผลักดันที่กำหนดทิศทางการตัดสินใจทางธุรกิจของเรา และเป็นแรงบันดาลใจให้กับพนักงานของเราด้วยเช่นกัน" โอลิเวียร์ บลูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว "การได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกจาก Corporate Knights ถึงสองครั้ง และการได้รับการยอมรับด้าน ESG ในอีกหลายเรื่องด้วยกัน นับเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เราสร้างผลกระทบเชิงบวกที่มีคุณค่าในระยะยาวได้จริง"
ในปีนี้ การที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งอีกครั้ง เป็นการสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทฯ ในแนวทางปฏิบัติด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น ความหลากหลายทางเพศของผู้บริหารและกรรมการบริษัทและโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การใช้ไฟฟ้าและการลดคาร์บอน ซึ่ง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้คะแนนสูงจากความมุ่งมั่นพยายามในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้ โดยที่ไม่เพิ่มการใช้พลังงานหรือไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่ม รวมถึงมีการลงทุนอย่างจริงจังในการวิจัยและพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนี้ Corporate Knights ยังเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงระหว่างแรงจูงใจในการจ่ายค่าตอบแทนผู้บริหารกับประสิทธิภาพความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการที่ชไนเดอร์ ได้รับการจัดอันดับในด้าน ESG อีกหลายรายการ
"การที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในดัชนี Global 100 ถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น เพราะยังไม่เคยมีบริษัทใดที่สามารถครองตำแหน่งอันดับหนึ่งถึงสองครั้ง" โทบี้ ฮีพส์ ซีอีโอของ Corporate Knights กล่าว "ความสำเร็จนี้เกิดจากการที่ชไนเดอร์ สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง ให้ผลลัพธ์ที่มากกว่าการมุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรตัวเอง โดยชไนเดอร์ฯ มอบทั้งเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สนับสนุนการลดคาร์บอน และช่วยเหลือบริษัทอื่นๆ อีกมากมายในการเปลี่ยนองค์กรสู่ความยั่งยืน"
ดัชนี Global 100 ประจำปี เป็นการรวบรวมโดย Corporate Knights ซึ่งเป็นบริษัทสื่อและบริษัททำวิจัยของแคนาดา โดยอาศัยฐานข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative data) ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวข้องกับทรัพยากร พนักงาน ซัพพลายเออร์ รายได้ที่ยั่งยืน และการลงทุน โดยวิธีการจัดอันดับของดัชนี Global 100 จะใช้ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักแบบคงที่ (fixed) และแบบแปรผัน (variable) เพื่อจัดอันดับบริษัทในกลุ่มเดียวกัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอยู่ในทำเนียบของ Global 100 ทุกปี ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา และอยู่ในอันดับท็อป 10 ถึง 7 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดในกลุ่มคู่แข่งที่ทำธุรกิจด้านการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า
การได้รับรางวัลนี้ทั้งในปี 2021 และ 2025 เกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเริ่มต้นและช่วงสิ้นสุดของโปรแกรม Schneider Sustainability Impact ที่มีระยะเวลา 5 ปี โดยเป็นโปรแกรมวัดความก้าวหน้าของบริษัทตามเป้าหมาย ESG ในหลายแง่มุม ซึ่งกำหนดสิ้นสุดปลายปี 2025 และช่วยรักษาความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ในการบรรลุความพยายามทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น
ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของชไนเดอร์ ได้รับการยืนยันเพิ่มเติมด้วยคะแนนล่าสุดจากผู้ให้บริการจัดอันดับ ESG ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นหลายรายตามที่ปรากฏอยู่ในตารางข้างล่างนี้
#ชไนเดอร์

รพ.จุฬาฯ ร่วมกับ สภากาชาดไทย เปิดตัว Check PD แอพพลิเคชันตรวจหาความเสี่ยงเป็นพาร์กินสัน สำหรับวัย 40 ปีขึ้นไป กองบรรณาธิ...
15/01/2025

รพ.จุฬาฯ ร่วมกับ สภากาชาดไทย เปิดตัว Check PD แอพพลิเคชันตรวจหาความเสี่ยงเป็นพาร์กินสัน สำหรับวัย 40 ปีขึ้นไป

กองบรรณาธิการ
รพ. จุฬาฯ จับมือสภากาชาดไทย เปิดตัวแอพ Check PD หลังร่วมกันพัฒนาเพื่อใช้ตรวจหาความเสี่ยงการเป็นพาร์กินสัน เหตุพบสถิติคนไทยเป็นโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นและยังพบในคนอายุต่ำกว่า 60 ปี ชี้ความแม่นยำของการตรวจประเมินมีสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเชิญชวนคนไทยโดยเฉพาะคนอายุ 40 ปีขึ้นไปโหลดแอพประเมินความเสี่ยง เพื่อหาทางป้องกันหรือรักษาได้ทันท่วงที
นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดเผยว่า พาร์กินสันเป็นหนึ่งในโรคความเสื่อมทางระบบประสาทที่พบมากในผู้สูงอายุ และยังเป็นโรคที่มีอัตราการเกิดเพิ่มสูงที่สุดในกลุ่มโรคความเสื่อมทางระบบประสาทด้วยกัน คาดกันว่าในปี 2040 จำนวนผู้ป่วยโรคพาร์กินสันในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว สำหรับประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ จากปัจจัยเสี่ยงเรื่องอายุที่มากขึ้น และปัจจัยทางพันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อม มีผลทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคพาร์กินสันในประเทศไทยเพิ่มสูงมากขึ้นตามสถานการณ์ปัจจุบัน และจากการที่การวินิจฉัยโรคพาร์กินสันในระยะเริ่มต้นยังคงทำได้ยาก เพราะอาจจะมีอาการที่แสดงออกมายังไม่มาก อีกทั้งการขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระบบประสาท ทำให้ผู้ป่วยในบางพื้นที่เข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและการรักษาได้ยาก ส่งผลให้ผู้ป่วยที่เข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยโรคมีอาการที่ค่อนข้างมาก หรืออยู่ในระยะการดำเนินโรคระยะกลาง ทำให้การรักษาค่อนข้างยากและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง อีกทั้งตัวผู้ป่วยเองยังอาจเกิดความทุพพลภาพ และส่งผลต่อคุณภาพในการดำเนินชีวิต ซึ่งโรคนี้แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะแรก สามารถวางแผนการรักษาและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รศ. นพ. ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า แอพพลิเคชัน Check PD เป็นนวัตกรรมที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการวิเคราะห์ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ มาช่วยในการวินิจฉัยกลุ่มอาการโรคพาร์กินสัน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังทางระบบประสาทที่ส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยการตรวจพบโรคพาร์กินสันตั้งแต่ระยะแรกของการดำเนินโรค มีความสำคัญต่อการวางแผนการรักษา และการดูแลที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่มุ่งเน้นสร้างนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพ การพัฒนาระบบบริการที่ทันสมัยและเข้าถึงได้ ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งการพัฒนาแอพพลิเคชัน Check PD นี้ ถือเป็นความสำเร็จในความร่วมมือที่สำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนาระบบสุขภาพ ที่สามารถช่วยให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคพาร์กินสัน สามารถวางแผนการดูแลสุขภาพ การป้องกัน และการรักษาได้อย่างเหมาะสม
ศ. นพ. รุ่งโรจน์ พิทยศิริ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่าโรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่ไม่ได้แสดงอาการทันที แต่มีระยะเวลาของการเตือนและระยะเวลาของการดำเนินโรคที่ค่อนข้างนาน เฉลี่ยนานถึง 10-20 ปี โดยอาการที่ชัดเจนคืออาการสั่น ส่วนอาการเตือนอื่นๆ เช่น อาการท้องผูกเรื้อรัง อาการนอนละเมอ ออกท่าทางหรือออกเสียงที่สัมพันธ์กับเนื้อหาความฝัน ฯลฯ มักถูกมองว่าไม่ใช่อาการผิดปกติ ทำให้ผู้ที่เป็นโรคดังกล่าวไม่คิดว่าตนเองเป็น จึงไม่ได้พบแพทย์และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
จากการที่อาการของโรคพาร์กินสัน ส่งผลให้การใช้ชีวิตของผู้ป่วยเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะพาร์กินสันเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติในการทรงตัว ผู้ที่มีอาการมาก จะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองลำบาก มีความจำเป็นต้องมีผู้ดูแล ดังนั้นหากสามารถตรวจเช็กได้ล่วงหน้าถึงความเสี่ยงที่จะเป็นโรคดังกล่าว เพื่อหาทางป้องกัน หรือลดความรุนแรงของอาการได้ จะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ป่วย เพราะพาร์กินสันเป็นโรคที่ป้องกันและรักษาได้หากตรวจพบได้เร็ว ทางศูนย์ฯ จึงได้ร่วมกับทางสภากาชาดไทย ในการพัฒนาแอปประเมินความเสี่ยงการเป็นโรคพาร์กินสัน หรือแอป CHECK PD ขึ้นมา
“นอกจากผู้สูงอายุที่ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงหลักแล้ว ในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ก็ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน จากสถิติที่พบว่าปัจจุบันแนวโน้มผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน พบในผู้ป่วยอายุน้อยลง และพาร์กินสันเป็นโรคที่มีระยะเวลาในการดำเนินโรคค่อนข้างนาน ดังนั้น การที่สามารถตรวจเช็กได้ล่วงหน้าถึงความเสี่ยงของการเป็นโรคพาร์กินสัน จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อที่จะหาทางป้องกัน หรือเข้าสู่กระบวนการรักษาเพื่อลดอาการรุนแรงของโรค” ศ. นพ. รุ่งโรจน์กล่าว
Check PD เป็นแอพพลิเคชันที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการวิเคราะห์ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ในการวินิจฉัยกลุ่มอาการโรคพาร์กินสัน ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพ การป้องกัน และการรักษาได้อย่างเหมาะสม เพื่อจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน โดยสามารถตรวจเช็กความเสี่ยงการเป็นโรคพาร์กินสันได้ด้วยตนเอง สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาทีในการทำแบบประเมินความเสี่ยง 20 ข้อ ซึ่งการเช็กนี้มีทั้งการตอบคำถาม การทดสอบขยับนิ้ว การทดสอบอาการสั่น การทดสอบการทรงตัว การทดสอบการออกเสียง หลังจบทุกขั้นตอนการเช็กแล้ว สามารถกดรับผลในแอปพลิเคชันได้ทันที ซึ่งผลที่ได้ให้ความแม่นยำสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน CHECK PD ได้แล้ววันนี้ทั้งแอพสโตร์และเพลย์สโตร์
ด้านโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ศิลปินนักเปียโนชื่อดัง ผู้ที่เคยแต่งและร้องเพลงพาร์กินสัน เพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน กล่าวว่า โรคพาร์กินสันสามารถตรวจเช็กหาความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ล่วงหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยง สามารถป้องกันและรักษาได้ ซึ่งทางสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ ได้ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชัน Check PD ขึ้นมา ที่จะเป็นประโยชน์กับการดูแลสุขภาพของทุกคน จึงอยากขอเชิญชวนทุกคนโหลดแอปพลิเคชันนี้และตรวจเช็กความเสี่ยงของตัวเอง หากพบว่ามีความเสี่ยงจะได้เข้าสู่กระบวนการตรวจรักษา เพราะโรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่หากตรวจพบไวก็จะรักษาได้ไว
เพื่อให้แอพพลิเคชัน Check PD เป็นแอพพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องในการคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคพาร์กินสัน อีกทั้งยังเป็นการร่วมสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมลงพื้นที่คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงโรคพาร์กินสันทั่วประเทศ และส่งต่อระบบสาธารณสุขเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง สภากาชาดไทย ยังได้เชิญชวนร่วมกันบริจาค ในโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เพื่อสำรวจประชาชนที่มีความเสี่ยงโรคพาร์กินสัน หรือร่วมบริจาคเงิน 76 บาท ภายใต้แคมเปญ พาร์พบแพทย์ เพื่อร่วมค้นหา คัดกรอง ช่วยเหลือผู้ป่วยพาร์กินสันกว่า 76 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งการบริจาคสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ผู้สนใจสามารถร่วมสนับสนุนโครงการได้โดยบริจาคเงินผ่านบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี สภากาชาดไทย สำนักงานจัดหารายได้ เลขที่บัญชี 045-2-62588-8 ภายหลังโอนเงินบริจาคแล้วสามารถส่งหลักฐานการโอนเงิน แจ้งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และหมายเลขบัตรประชาชน (เพื่อใช้ในการยื่นลดหย่อนภาษี) ระบุว่า ค้นหาพาร์กินสัน พาผู้ป่วยพบแพทย์" ส่งเอกสารมาที่ Email: [email protected] เพื่อที่ทางสภากาชาดไทยจะได้ดำเนินการจัดส่งใบเสร็จรับเงินสำหรับการยื่นลดหย่อนภาษีต่อไป
#รพ.จุฬาฯ #สภากาชาดไทย

ผู้บริโภคคนไทย ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายความเสี่ยงของค่ายมือถือ Oppo - realmeกองบรรณาธิการจากกรณีที่มีการพบว่า โทรศัพท์มือถือ ...
13/01/2025

ผู้บริโภคคนไทย ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายความเสี่ยงของค่ายมือถือ Oppo - realme

กองบรรณาธิการ
จากกรณีที่มีการพบว่า โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ realme และ OPPO เข้ามาให้ข้อมูลกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อชี้แจงที่เกิดขึ้น
ผู้บริหารตัวแทนจาก realme และ Oppo ได้ตอบคำถามกับ กสทช. ว่าได้มีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นในเครื่องโทรศัพท์มือถือจริง ซึ่งเป็นการติดตั้งแอพพลิเคชั่น มาจากโรงงานและในส่วนฟังก์ชันการกู้เงินไม่ได้รับการขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ในส่วนของ OPPO ให้ข้อมูลว่าจะสามารถให้ลบแอพพลิเคชันเองได้ภายใน 1 เดือน
ก่อนหน้านี้ ทั้ง realme และ OPPO มีแถลงการณ์ออกมาว่า จากกรณีที่โหลดแอพ Fineasy ในมือถือทั้ง 2 ค่าย
โดยมือถือทั้ง 2 เจ้าได้ทำการลบข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อออกทั้งหมดและคงไว้เพียงฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการบริการในชีวิตประจำวันเท่านั้น และจะเร่งปล่อยอัปเดตสิทธิ์ให้ผู้ใช้งานให้สามารถลบแอพ Fineasy และหากผู้ใช้งานต้องการลบแอพพลิเคชันดังกล่าวได้ทันที สามารถติดต่อศูนย์บริการ realme และ OPPO ได้ทั่วประเทศ
และหยุดการแสดงผลแอพพลิเคชันสินเชื่อเป็นแอพแนะนำใน APP Market
อย่างไรก็ตาม กสทช. มีหน้าที่ตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ทุกชนิด แต่ไม่ได้มีข้อกำหนดในการอนุญาตให้บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือติดตั้งแอพพลิเคชันต่างๆในเครื่อง

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Byteline & Technology posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share