05/01/2025
รถไฟฟ้า กับ ชาผลไม้ ความเหมือนที่แตกต่าง 🚘🧋
ต้นปีขอสะท้อนมุมมองของ 2 สินค้าจากจีน ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้อย่างน่าสนใจในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และกำลังเข้ามา สินค้าเจ้าตลาดเดิม ไม่ว่าจะเป็น รถสันดาป หรือ ชานมไข่มุก
เริ่มจาก รถไฟฟ้า จากจีน เข้ามาทำตลาดในไทยภายใต้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาล เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์พลังงานใหม่ เร็วขึ้น เมื่อค่ายรถจากจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็เกิดการแข่งขันด้านราคาตามมา ผู้บริโภคคาดหวังว่า รถจะต้อง 'ราคาถูก' ลงไปเรื่อย ๆ และมักมีมุมมองเชิงลบกับคำว่า 'รถจีน' (ทั้งที่อาจไม่จริงเสมอไป)
ส่วน #ชาผลไม้ ที่กำลังเป็นเทรนด์นั้น ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ทั้งจากจีนและลูกผสมที่กำลังได้รับความนิยม อาทิ JIAN CHA, NAIXUE, TANING คิวต่อแถวซื้อก็ยาว คิวต่อแถวเปิดร้านใหม่ก็ตามมาติด ๆ แต่ที่น่าสนใจคือ 'ราคาแพง' ถึงแก้วละ 120-190 บาท เลยทีเดียว และแม้แต่ร้าน #ชานม พรีเมียมจากต่างแดนอย่าง Nose Tea, Bearhouse, Yi Fang Tea, TP Tea, Chagee ต่างก็ต้องเพิ่มเมนูชาผลไม้แพง ๆ เช่นกัน เรียกว่า การกินชาผลไม้แก้วละเกือบ 200 บาท เป็นเรื่องปกติกันไปแล้ว
ความแตกต่างมีนิดเดียวครับ คือ ..
รถไฟฟ้าจากจีน เน้นไปที่ตลาด ก่อน แล้วถึงตามมาด้วยตลาด แต่ชาผลไม้ เริ่มจากตลาด Premium เลย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีแบรนด์ Mass นะ มีเหมือนกันและแยกกลุ่มเป้าหมายกันชัดเจน ตัวอย่างเช่น Mixue แบรนด์ที่มีสาขาเยอะที่สุด หรือเรียกว่าดังที่สุดก็น่าจะได้
สรุปแล้ว เราคนไทยซึ่งมีแนวโน้มเป็นผู้บริโภคสินค้าจากจีน อาจต้องแยกให้ออกว่า นั้น ๆ เป็น Mass หรือ Premium (หรือกลุ่มอื่น ๆ) เพราะคาดว่าปีนี้รถไฟฟ้าในระดับราคา Premium จะทยอยเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่ามัวเหมาหมดว่า 'ถ้าเป็นรถจีนราคาต้องถูก เดี๋ยวก็ต้องลดอีก' เพราะนั่นอาจใช้ได้ผลในปีที่แล้วครับ
แนวทางการซื้อรถไฟฟ้าจากจีนปีนี้ ลองเทียบให้เหมือนชาผลไม้ครับ เลือกแบบ Mass ก็อร่อยได้เหมือนกัน แต่อาจมีเม็ดมะนาวให้ต้องคายสักหน่อย ส่วนตัวเลือกในแบบ Premium จะมีมากขึ้น จ่ายแพงกว่า ก็ได้น้ำได้เนื้อผลไม้มากกว่า ขอให้ทุกท่านโชคดีตลอดปี 2568 นะครับ 😉