ขุนอิน ระนาดกล่อมวิญญาณ

27/07/2025

ขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ
EP3 ม่านแก้ว หุ่นกระบอกอาถรรพ์

#ขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ
#หุ่นกระบอกอาถรรพ์
#พี่ม่านแก้ว #ขุนอินณรงค์โตสง่า
#คุณต๊ะของอาถรรพ์
#คุณต๊ะเดอะโกส

หุ่นกระบอก "พี่ม่านแก้ว" ในอดีตการสร้างหุ่นกระบอกมีความเชื่อว่า ถ้าหุ่นจะมีชีวิตหรือมีจิตวิญญาณอยู่ภายใ....

15/07/2025

ความอาถรรพ์ของหุ่นกระบอกอายุกว่าร้อยปี

“ม่านแก้ว”

โปรดติดตามชม เร็วๆนี้

#ขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ
#หุ่นกระบอกอาถรรพ์ #คุณต๊ะเดอะโกส #คุณต๊ะของอาถรรพ์
#พี่ม่านแก้ว #ขุนอินณรงค์โตสง่า

15/06/2025

พี่ม่านแก้ว หุ่นกระบอกโบราณกลับมากรีดกรายร่ายรำมีชีวิตอีกครั้ง เรื่องราวผ่านกาลเวลานับร้อยปี มิอาจลดทอนความงามของศิลปวัฒนธรรมลงได้เลยแม้แต่นิด…
ทีมงานขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ จะขอบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ผ่าน EP3 ติดตามรับชมกันนะครับ..

#ขุนอินณรงค์โตสง่า
#ขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ
#คุณต๊ะของอาถรรพ์ #พี่ม่านแก้ว
#คุณต๊ะเดอะโกส

09/06/2025

มีคอมเม้นท์จาก fc. ช่องเข้ามาว่า....
นาที 17:22 เห็นเเล้วขนลุก
จะเป็นยังไง ตามลิ้งค์นี้ ไปพิสูจน์กันครับ
https://youtu.be/TV3wHfTHg_Q?si=vm36WNVYtLlBVrhj

08/06/2025

ep2 ปู่โสมเฝ้าทรัพย์วัดกุฎีดาว
เชิญสดับรับชม

"ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" วัดกุฎีดาว กับคติความเชื่อเรื่อง "ผีเฝ้าสมบัติ" และการใช้งานวิญญาณในสังคมไทย.วัดกุฎีดาว...

29/05/2025

พร้อมมั้ย??สำหรับep2
ปู่โสมเฝ้าทรัพย์วัดกุฎีดาว
#ขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ
#ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ #วัดกุฎีดาว

28/05/2025

วัดกระชาย....
#วัดกระชาย
#วัดกระซ้าย #อยุธยา
#พระนครศรีอยุธยา
#ขุนอิน

19/05/2025

เชิญสดับรับความหลอน..

วัดกระชายหรือกระซ้าย เป็นวัดที่ตั้งอยู่ ม.10 ต. บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีการกล่าวถึงใน.....

13/05/2025

ก่อนชม Ep.1 ต้องอ่านนะครับ !!!

เรื่อง "ผู้หญิงปริศนามานั่งฟัง ระนาดกล่อมวิญญาณ" อยู่บนต้นไม้

ค่ำคืนหนึ่งที่วัดกระชายหรือกระซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาจารย์ขุนอินและทีมงานได้เดินทางมาถ่ายทำรายการ "ขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ" ณ สถานที่นี้เป็นประเดิมครั้งเเรกของรายการ เเละต้องบอกว่าวัดกระชายเเห่งนี้ เป็นวัดที่ล่ำลือกันนักหนาว่า "เฮี้ยน" ที่สุดเเห่งหนึ่ง เฮี้ยนจนติดอันดับที่ 8 ของเอเซีย เเละมีคนผูกคอตายใต้ต้นไม้ที่อาจารย์ขุนอินไปนั่งตีระนาด ถึง 12 ศพ !! ตามคำบอกเล่า

เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องตีระนาดกล่อมวิญญาณ อาจารย์ขุนอินได้จุดธูป เเละหลับตาทำพนมมือขึ้นเพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเหล่าดวงวิญญาณ ทั้งหลายเพื่อให้การถ่ายทำในวันนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาเเละอุปสรรคใดๆ และมันก็เป็นไปตามนั้นครับ

จนกระทั่งได้เวลากลับในขณะที่รถกำลังจะวิ่งออกมาจากที่วัดกระชาย ซึ่งในขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี อ.โต๋ที่เป็นตากล้องเเละคนตัดต่อ ได้ยินเสียงมีคนมาเคาะที่กระจก 3 ครั้ง ตรงบริเวณที่นั่งผู้โดยสารหลังคนขับ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ อ.โต๋ นั่งอยู่พอดี แต่คนอื่นๆกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เเละด้วยความกลัว อ.โต๋ จึงได้เก็บเรื่องนี้ไว้แล้วนำมาเล่าให้ฟังในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นอีกวันนึง

แล้วต่อมาก็ได้มีการนำรูปภาพต่างๆ มาเลือกที่จะใช้โปรโมทในรายการ จนมาถึงภาพนี้ซึ่งมีความผิดปกติบางอย่าง คือจะสังเกตได้ว่าเหมือนมีผู้หญิงมานั่งอยู่บนกิ่งไม้ในขณะที่อาจารย์กำลังพนมมือเพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเหล่าดวงวิญญาณก่อนบรรเลงอีกครั้ง ก็เป็นไปได้ว่าดวงวิญญาณของผู้หญิงท่านนี้น่าจะมาตามคำเชิญของอาจารย์ขุนอินเพื่อมานั่งฟังเสียงระนาดตีกล่อมวิญญาณ และขอให้สังเกตุ ดูให้ดีๆ ลองซูมภาพเข้ามาดู มันไม่ใช่ผู้หญิงที่นั่งอยู่คนเดียวในวงกลมสีขาวด้วยนะครับ เเต่จะเป็นตรงไหนบ้างก็ต้องบอกว่า ตาใครตามันเเหละครับ ซึ่งท่านอาจจะมีโชคลาภจากภาพนี้ก็ได้ครับ

เท่านั้นยังไม่พอ !! ในคลิป Ep.1 นาทีที่ 7.25 ก่อนบรรเลงเพลงเสมอผี อ.ขุนอินได้พูดว่า "ขอให้ดวงวิญญาณทุกดวงวิญญาณ จงลงมาฟังพวกเรา" พลันก็มีเสียงหัวเราะของผู้ชายดังเเทรกเข้ามาซะงั้น เเต่พวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเเม้เเต่น้อย จนกระทั่ง อ.โต๋ ซึ่งเป็นคนตัดต่อภาพนั้นเป็นคนที่ได้ยินเป็นคนเเรก เเล้วก็มาถามพวกเราว่า ก่อนตีเพลงเเรกก็คือเพลงเสมอผี ได้มีใครหัวเราะเข้ามาหรือเปล่า

มันจะมีใครหัวเราะได้ยังไงล่ะครับ กำลังถ่ายทำถ้ามีใครหัวเราะเข้ามา ทางทีมกล้องก็ต้องสั่งให้คัด เเล้วเอาใหม่ เเล้วในช่วงเวลาขณะนั้น มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่พวกเรานั้นต้องมานั่งหัวเราะกัน
ต่อมาภายหลังพวกเรานั้นได้มาช่วยกันฟัง ก็จะพอสรุปได้ว่า "ไม่ใช่เสียงคนเเน่นอน" เเละเป็นเสียงหัวเราะที่มีอารมณ์ชอบอกชอบใจ เหมือนว่ากำลังจะได้ฟังเพลง

เอาไว้คลิปลงเมื่อไหร่ก็ขอให้ทุกท่านที่รับชมนั้นลองมาช่วยกันฟังว่ามันใช่เสียงหัวเราะของคนหรือเสียงหัวเราะของดวงวิญญาณ ที่อยู่เเถวๆนั้นดังเข้ามาในกล้องครับ อย่าลืมนะครับ นาทีที่ 7.25 นะครับ
เเล้วพบกันใน Ep.1 เร็วๆนี้ที่วัดกระชาย วัดที่กล่าวกันว่า มีดวงวิญญาณที่เฮี้ยนที่สุด ครับ

08/05/2025

แสกนเลยจ้า ติดตามไว้เถอะ จะได้ไม่พลาดความสยอง

07/05/2025

เพลงกล่อมวิญญาณ...

คำร้อง/ทำนอง อ.ขุนอิน ณรงค์โตสง่า
ขับร้อง ปิยะวรรณ แสงวิเศษ
ปี่มอญ เดชาวัต เมธีอัษฎาวุธ
ระนาดเอก ขุนอิน ณรงค์โตสง่า

#ขุนอินระนาดกล่อมวิญญาณ
#เพลงกล่อมวิญญาณ #ระนาด
#ขุนอินณรงค์โตสง่า #ขุนอิน #เรื่องผี
#วิญญาณ #ติดเทรน

08/03/2022

ขุนอินโชว์ เพื่อผู้ป่วยโรคหู....
ถ้าพูดถึงสงครามก็ต้องคิดถึงวราดิเมียร์ ปูติน แต่ถ้าพูดถึงขุนอินก็ต้องคิดถึงเสียงระนาด
แต่เสียงระนาดของผม นั้นจะไร้ซึ่งความไพเราะถ้าผู้ฟังนั้นเป็นป่วยโรคหู เเละมีปัญหาในการรับฟัง ดังนั้นเรามาร่วมกันบริจาคเงินให้กับผู้ยากไร้ที่ป่วยเป็นโรคหูกันนะครับ

จั่วหัวมาขนาดนี้เเล้วก็คงทราบกันดีว่าเรื่องที่ผมจะเขียนให้อ่านกันในวันนี้ก็คงต้องเกี่ยวกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหูอย่างเเน่นอน แต่มันก็จะเป็นเรื่องราวที่ดีๆ ซึ่งล้วนจะมีเเต่เรื่องของบุญกุศลกันทั้งสิ้น ว่าแล้วก็ติดตามอ่านกันได้ ณ บัดนี้เลยครับ
หลังจากเมื่อกลางปี พศ.2553 ตัวผมนั้นได้ป่วยเป็นโรคหูอยู่ประมาณ 3 เดือนกว่าๆ ซึ่งอาการนั้นก็คือ หูข้างซ้ายของผมนั้นจะรับเสียงหรือได้ยินเสียงที่เล็กๆเเหลมๆไม่ค่อยได้ คือมันจะมีอาการเเสบหูชั้นในเเละสะดุ้งขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงแบบนั้น เช่นการวางเเก้วน้ำบนโต๊ะกระจก เเละที่สำคัญก็คือเสียงระนาดเอกของผมที่ตีเองบรรเลงเองอีกด้วย เเละหนักเข้าไปกว่านั้นอีกมันจะเเถมด้วยการมีเสียงดังคล้ายๆกับคลื่นวิทยูที่ยังจับสัญญาณช่องไม่เจอ มันดังอยู่ที่บริเวณเเก้วหูชั้นในของผมเเบบแผ่วๆเบาๆไม่ดังมาก เเต่เวลาถึงจุดพีคสุดๆมันก็จะดังขึ้นมามากกว่าเดิมซึ่งมันก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอะไร เเต่มันก็สร้างความกังวลใจเเละความรำคาญให้ผมเป็นอย่างยิ่งซึ่งมันก็จะเป็นๆหายๆ สลับกันไป 5 วันบ้าง 7-8 วันบ้างตามเรื่องตามอาการของมันที่เราไม่สามารถจะกำหนดการเป็นเเละการหายของมันได้เลยครับ
แต่ในปีนั้นผมก็โชคดีที่ได้ไปแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาและได้ไปพบกับเเพทย์เฉพาะทางโรคหูชาวไทยระดับอาจารย๋ใหญ่ ซึ่งตัวท่านได้ทำการรักษาโรคหูให้กับคนไทยมาหลายสิบปีที่เมืองชิคาโก้ หลังจากที่ท่านได้พูดคุยถามไถ่ในอาการเเละการใช้ชีวิตประจำวันของผมโดยละเอียดเเล้วนั้น ท่านก็สรุปมาว่าผมนั้นกินเค็มจนร่างกายมันสะสมความเค็มได้ที่ มันก็เลยทำให้เส้นลิงค์ตรงโพลงจมูกที่มันยันระหว่างโพลงจมูกกับเเก้วหูนั้นบวมขึ้นมาเเล้วมันก็ขยายไปยันเยื่อเเก้วหูที่สำหรับปิดขวางเพื่อกรองเสียงไม่ให้เข้าไปในรูหูเรานั้นเยอะเกินไป ก็คือเส้นลิ้งค์มันบวมเเล้วไปยันเเก้วหูหลุดมาจากบล๊อค จึงทำให้มันรั่วเเล้วมีลมซึมๆเข้ามาในประสาทหูชั้นในของผม จึงทำให้มันมีเสียงดังคล้ายคลื่นวิทยุดังอยู่ในรูหูของผมนั่นเอง เเล้วเสียงต่างๆที่มันเล็กๆ
เเหลมๆ ก็รอดเข้ามาตรงรอยรั่วแล้วเข้าไปกระทบประสาทหูชั้นในของผมจนทำให้เกิดมีอาการสะดุ้งเเละเเสบหูเมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้น ง่ายๆว่าเเก้วหูชั้นนอกมันรั่วจึงไม่สามารถกรองเสียงที่เข้ามาในประสาทหูชั้นในได้นั่นเองครับ
หลังจากนั้นคุณหมอที่เมืองชิคาโก้ก็ได้จ่ายยาเเก้อักเสบผมมากินพร้อมกำชับว่าให้ผมนั้นงดกินเค็มทุกชนิดประมาณว่าจะเมนูอะไรก็ตามห้ามใส่น้ำปลาหรือเกลือเเละซอสที่มีรสเค็มโดยเด็ดขาด และผมก็ได้ปฏิบัติโภชนาการตามที่ท่านได้สั่งไว้โดยเคร่งครัดรัสเซีย และจากนั้นไม่นานผมก็หายจากโรคนี้ไปเป็นปลิดทิ้ง เเละก็เลิกกินน้ำปลาไปประมาณ 8 ปี เเล้วหลังจากนั้นผมก็เริ่มที่จะกลับมากินเค็มบ้างอีก เเต่มันก็จะไม่ได้มากมายเหมือนเดิมนะครับ
และเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ผมก็เริ่มกลับมาเป็นโรคนี้เหมือนเดิมอีกครั้งโดยไม่มีสาเหตุใดๆ เพียงเเต่ว่าครั้งนี้มันย้ายจากข้างซ้ายมาเป็นข้างขวา เเละพอรู้ว่ามันเริ่มมีอาการผมก็เลยงดบริโภคน้ำปลา งดกินเค็มทุกกรณีในเมนูต่างๆ แต่มันก็ยังคงเป็นๆหายๆอยู่เหมือนเดิม ทั้งๆที่ผมนั้นก็ได้เลิกกินเค็มไปสองเดือนกว่าๆ เเต่มันก็ยังไม่ยอมหายขาดเหมือนกับที่ผมนั้นเป็นครั้งเเรก ความกังวลใจเเละความรำคาญมันก็บังเกิดกับตัวผม มันหมดอารมณ์ที่จะตีระนาด ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเวลาที่มันกำเริบเเละมีอาการเสียงดังในรูหูของผมในช่วงตอนกลางคืนก็นั่นเเหละครับ ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันยันหว่างเลยครับ เเล้วในช่วงที่โรคหูของผมกำเริบอยู่นั้นมันก็จะเป็นอะไรที่ผมมีความรู้สึกที่ย่ำเเย่มากๆ เลยครับ
เเล้วก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ผมนั้นได้รับการติดต่อให้ไปแสดงที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ก็เลยทำให้ผมนั้นได้คิดถึงอาจารย์เเห้ว หมอดูเทวดาขึ้นมาทันทีทันใด คือบ้านของอาจารย์เเห้วนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งตัวผมนั้นได้รู้จักกับท่านเเละเคารพนับถือความเก่งของท่านเป็นการส่วนตัว พอคิดขึ้นได้ผมก็เลยโทรศัพท์ถึงอาจารย์เเห้วทันทึ เเละหลังจากที่ผมได้พูดคุยกับท่านเรื่องอาการโรคหูของผมทางโทรศัพท์ จากนั้นผมก็ได้ปฏิบัติตามพิธีกรรมที่อาจารย์เเห้วได้เเนะนำผมมา ในคืนวันที่ 10 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นแล้วโรคหูที่ผมกำลังเป็นอยู่นั้นก็ได้หายไปเป็นปลิดทิ้งจนถึงทุกวันนี้เลยครับ
อาจารย์เเห้ว ท่านเก่งจริงๆครับ สมกับฉายาของท่านว่าหมอดูเทวดา โดยที่ท่านได้บอกกับผมว่า ตัวผมนั้นได้ไปกล่าวอะไรเอาไว้อย่างหนึ่งแล้วผมยังไม่ได้ทำตามที่ได้บอกไว้ ดังนั้นแล้วเขาจึงกลับมาทวงให้ผมเป็นโรคหูอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งท่านอาจารย์เเห้วก็ได้สอนวิธีขอขมาอภัยให้ผมทางโทรศัพท์ เเล้วก็ให้ผมนั้นได้ปฏิบัติตามที่ท่านบอกมา เท่านั้นเองเเหละครับโรคหูของผมก็หายไปจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกเเต่ก็จริงครับ
หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับท่านอาจารย์แห้วเเล้วนั้นผมก็ทราบทันทีว่าเมื่อครั้งที่ผมเป็นโรคหูครั้งเเรกเมื่อ 11 ปีก่อนหน้านี้ผมได้ไปบนบานศาลกล่าวตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายเเห่ง รวมถึงครูที่บ้านผมเองด้วย ก็เนื่องจากผมได้ไปรักษาโรคหูของผมตามโรงพยาบาลเเละคลินิคเฉพาะถึง 3 เเห่งและถ้ารวมครั้งที่ผมเป็นเมื่อปีที่เเล้วอีก 1 ครั้งก็จะเท่ากับเป็น 4 ครั้งพอดี เสียเงินไปหมื่นกว่าบาท แต่อาการก็ไม่เคยที่จะดีขึ้นเลยสักครั้งเดียว ยกเว้นในครั้งที่ผมไปพบหมอที่ชิคาโก้ ดังนั้นเเล้วเมื่ออยู่เมืองไทยผมก็เลยต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั่นเองเเหละครับ
คือในทุกครั้งที่ผมได้ไปบนบานศาลกล่าวผมก็ได้ทำการเเก้บนไปเรียบร้อยในทุกๆเเห่ง แต่ทุกครั้งที่ผมได้ไปเเก้บนนั้นผมก็จะตั้งจิตอธิฐานว่าผมจะทำคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ป่วยเป็นโรคหูเหมือนกับตัวผม แต่จนเเล้วจนรอดผมก็ยังไม่ทำตามที่ได้ตั้งอธิฐานจิตเอาไว้ สาเหตุก็เพราะมันมีเรื่องราวอะไรต่างๆเข้ามามากมายจนทำให้ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ประกอบกับกาลเวลามันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเเล้วก็ไม่มีใครมาคอยเตือนความจำตัวผมในเรื่องนี้ เเล้วส่วนลึกๆในใจของผมก็คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เพราะว่ามันเป็นเเค่การอธิฐานจิตไม่ได้ไปบนบานศาลกล่าวอะไรใครไว้ที่ไหน เรื่องก็เลยโดนสิ่งที่ผมมองไม่เห็นทำให้ผมนั้นกลับมาเป็นโรคหูนี้อีกครั้ง ซึ่งก็ตรงตามที่อาจารย์เเห้วได้บอกกับผมไว้นั่นเเหละครับ เเละทั้งหมดนี้ผมก็ต้องกราบขอบคุณอาจารย์เเห้ว เจ้าสำนักวังนาคราช เเห่งเมืองตาคลี ผู้เก่งกาจเเละโด่งดังเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
หลังจากนั้นผมก็เริ่มคิดที่จะทำคอนเสิร์ตการกุศลช่วยเหลือผู้ที่เป็นโรคหูอย่างจริงจัง เเล้วพอดีว่าผมได้ไปฉีดวัคซีนโควิค 19 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งผมได้รับการชักชวนเเละติดต่อประสานงานจากหมอโจเจ้าของศูนย์การเพทย์ธนบุรี ซึ่งท่านนั้นเป็นมิตรสหายของผมนั่นเอง โดยหมอโจท่านก็มีเพื่อนนักเรียนเเพทย์รุ่นเดียวกันกับท่านนั้นเป็นเเพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าอยู่หลายคน เเล้วก็เลยทำให้ผมนั้นได้รู้จักคุณหมอที่นั่นหลายต่อหลายท่านเเละผมก็เลยถือโอกาสปรึกษากับพี่หนูนายเเพทย์ประจำอยู่ที่นั่น ในเรื่องการทำคอนเสิร์ตเพื่อนำรายได้มามอบให้กับผู้ป่วยโรคหูของโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยเริ่มเเรกนั้นก็ตั้งใจว่าจะจัดครั้งเเรกประมาณเดือนมีนาคม 2565 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เเต่ว่าจนถึงบัดนี้เเล้วสถานการณ์ต่างๆนั้นก็ยังไม่เอื้ออำนวย ผมจึงได้คิดว่าเราควรไปจัดคอนเสิร์ตที่อื่นก่อนดีกว่าเเล้วก็โอนเงินเข้าโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างอะไรในวัดถุประสงค์ เพราะถ้าปล่อยให้มันเนิ่นนานไปโรคหูของผมนั้นอาจจะกลับมาเป็นอีกก็เป็นไปได้ครับ เพราะในบางครั้งบางวัน มันก็จะเริ่มมีอาการที่คล้ายๆกับเสียงไมโครโฟนหอนเบาๆอยู่ในรูหูของผมสลับกันไปมาทั้งสองข้างอยู่บ่อยๆ เเต่มันก็จะดังอยู่เเค่ประมาณ 10 วินาทีเเล้วมันก็จะหายไป ผมจึงคิดว่าถ้ามีโอกาสทำได้ก็ควรทำไปก่อนจะดีกว่าครับ
ประกอบกับในวันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่จะถึงนี้ ผมจะไปบรรเลงดนตรีไทยประกอบพิธีบวงสรวงศาลพระพรหมที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะสมุย ในตอนช่วงเช้า ซึ่งตัวผมนั้นจะต้องไปตีระนาดในงานนี้อยู่เป็นประจำทุกๆปีอยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสจัดการเเสดงคอนเสิร์ตการกุศลที่มีชื่อว่า "ขุนอินโชว์ เพื่อผู้ป่วยโรคหู" ครั้งที่ 1 ณ ร้านอาหารศาลาไทย เกาะสมุย ไปเป็นประเดิมเสียเลยครับ
เเล้วถ้าถามว่าทำไมถึงต้องไปจัดคอนเสิร์ตนี้ไกลถึงเกาะสมุย ก็ง่ายๆว่า คือผมเเละคณะต้องเดินทางไปงานที่เกาะสมุยอยู่เเล้วแถมด้วยเจ้าของร้านอาหารศาลาไทยก็คือคุณสถิย์ ทวีชัย นั้นเป็นเจ้าของร้านที่ใจบุญ ใจดี ยินดีให้ผมใช้สถานที่ฟรีๆ เเละอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้ผม เเถมยังจะร่วมบริจาคเงินส่วนตัวให้อีกต่างหาก และสำคัญไปกว่านั้นร้านนี้บรรยากาศดีมากๆ ตบเเต่งร้านเป็นเเบบไทยๆที่สวยงาม แถมยังมีลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารในร้านอยู่แบบไม่ขาดสายทั้งๆที่นักท่องเที่ยวบนเกาะสมุยก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
เเล้วถ้าถามต่อไปอีกว่าทำไมผมถึงต้องบริจาคให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าด้วยล่ะครับ ก็ตอบง่ายๆอีกว่า ตัวผมนั้นเป็นเด็กนักเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป วังหน้า ซึ่งเด็กทุกคนในสถาบันนี้จะมีความผูกพันกับสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพียงเเต่ว่าจะมากหรือน้อยต่างกันไป โดยเหตุผลเบื้องต้นอีกอย่างก็คือพวกเราชาวนศ. นั้นจะต้องเดินผ่านรูปปั้นของท่านที่ประดิษฐานอยู่ด้านข้างโรงละครเเห่งชาติเเละพวกเราก็จะยกมือไหว้ท่านทุกวันในขณะที่ยังเป็นนักเรียนนักศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป เเล้วนี่ยังไม่รวมถึงความประทับใจส่วนตัวของผมที่มีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เเละคุณหมออีกหลายๆท่านของโรงพยาบาลเเห่งนี้อีกด้วยนะครับ
เอาเป็นว่าท่านผู้อ่านนั้นสามารถเข้าร่วมบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนเจริญนคร ชื่อบัญชีมูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า เลขบัญชี 055-0-21604-9 และสามารถโอนเงินผ่านเเอปฯ ธนาคารในโทรศัพท์ของท่านเองได้ตั้งเเต่วันที่ท่านนั้นได้อ่านคอลัมน์โลกใบนี้ดนตรีไทย เลยครับ
ส่วนท่านที่อยู่บนเกาะสมุย หรือที่กำลังจะไปร้านอาหารศาลาไทย นั้นก็เตรียมพบกับผมขุนอิน เเละนักดนตรีไทยจากวงการบูร รวมถึงการเเสดงนาฏศิลปพื้นบ้านคณะไพโรจน์ นักฟ้อนได้ในเวลา 1 ทุ่มตรง ของวันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่จะถึงนี้ เรียกว่าชมคอนเสิร์ตไป รับประทานอาหารไป เเละก็ร่วมบริจาคกันไป นั้นก็จะเป็นอะไรที่อิ่มบุญอิ่มท้องเเละอิ่มอารมณ์กันทุกท่านอย่างเเน่นอนครับ
ส่วนท่านผู้อ่านรวมถึงเพื่อนของผมในเฟสบุ๊คก็สามารถรับชมการเเสดงเเบบไลฟ์สดได้ที่ Fb. khun in thai xylophone เเละที่ Fb. ขุนอิน โหมโรง ณรงค์ โตสง่า ได้พร้อมๆกัน ชมเเล้วถ้าท่านชอบมากก็บริจาคมากหรือถ้าท่านชอบน้อยก็บริจาคน้อยก็ได้ครับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เป็นนักดนตรีไทยควรจะต้องช่วยกันบริจาค 20 50 100 บาท ท่านก็จะได้กุศลผลบุญไปช่วยทำให้ท่านนั้นไม่ป่วยเป็นโรคหู เพราะความจริงเเล้วอาชีพที่มีอัตราเสี่ยงเป็นโรคหูสูงที่สุดก็คือนักดนตรีเเละพนักงานประจำตามโรงงานอุตสาหกรรม นั่นเองครับ เนื่องด้วยพวกเรานั้นได้ฟังเสียงดนตรีจำพวกระนาดเอก ฉิ่ง ฉาบ กรับ ฆ้องวง ที่มีความดังเกิน 85 เดซิเบล มาตั้งเเต่เป็นเด็กน้อย แล้วพออายุมากขึ้นประสาทหูชั้นในก็จะเสื่อมมากขึ้นจากการที่เราได้ยินเสียงดังมากๆสะสมกันมานาน ซึ่งมันก็จะรอดยากจากโรคหูกันทุกคนครับ เพียงเเต่ว่าใครจะเป็นมากเป็นน้อย อาการอย่างไรที่ต่างกันไปเท่านั้นเอง ถ้าท่านไม่เชื่อผมคืนนี้ตอนดึกๆ ท่านลองเข้าไปในรถยนต์ของท่านเเล้วก็ปิดประตูรถให้สนิทโดยที่ไม่ต้องสตาร์ทรถ แล้วให้สังเกตุว่าท่านมีเสียงคล้ายกับจิ้งหรีดเรไรร้องอยู่ในหัวสมองของท่านหรือเปล่า และถ้ามีก็นั่นเเหละครับ ท่านรีบบริจาคเงินของท่านเข้าบัญชีมูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้าโดยด่วนเลยนะครับ เพราะกุศลที่ท่านได้ทำในครั้งนี้ อาจทำให้ตัวท่านนั้นไม่มีอาการโรคประสาทหูชั้นในเสื่อมมากขึ้น หรือมันอาจหายไปเลยก็ได้นะครับ เชื่อคนมีประสบการณ์เถอะครับ
ปล. ประสาทหูชั้นในเสื่อมคือการเริ่มต้นของอาการหูดับ

ขุนอิน
9 มีนาคม 2565