https://www.blockdit.com/thaijeennews

ไทยจีนนิวส์ - Thaijeennews, Beijing (2025)

24/08/2021

จีนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนาม

เมื่อวันจันทร์ 1 วันก่อนการมาเยือนของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ ไปยังเวียดนาม วัคซีนป้องกันโควิด-19 ถูกส่งเข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือจากกองทัพจีนไปยังกองทหารเวียดนาม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กองทัพจีนและเวียดนามรักษาความร่วมมือที่ดีมาอย่างยาวนาน โดยเสริมว่าการบรรลุเป้าหมายในการต่อต้านจีนผ่านการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับเวียดนามถือเป็นความปรารถนาของสหรัฐฯ

กระทรวงกลาโหมของจีนประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ตามคำร้องขอจากเวียดนาม กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชุดใหม่ให้กับกองทัพเวียดนาม

เวียดนามเป็น 1 ในกว่า 20 ประเทศที่ PLA ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่กองทัพในปีนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม นอกเหนือจากเวียดนาม PLA ได้ให้วัคซีนแก่กัมพูชา เมียนมาร์ และประเทศอื่นๆ

ตามรายงานของสำนักข่าวเวียดนาม พล.ท.อาวุโส ฮวง ชุนเซน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม กล่าวว่า ความช่วยเหลือด้านวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากกระทรวงกลาโหมของจีน แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่าง 2 ประเทศ ฮวงยังยืนยันถึงความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างเวียดนามและจีน โดยกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้ง 2 เป็นเสาหลักของความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างเวียดนามและจีนมาโดยตลอด

ขณะนี้เวียดนามกำลังประสบกับคลื่นที่ร้ายแรงที่สุดของ COVID-19 ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนาม ประเทศได้บันทึกผู้ป่วยยืนยันรายใหม่มากกว่า 10,000 รายในหนึ่งวันเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน ตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 23 สิงหาคม ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยในประเทศอยู่ที่ 358,456 ราย

บังเอิญ วัคซีนที่บริจาคโดย PLA มาถึงเวียดนามก่อนแฮร์ริส ตามแผนที่วางไว้ แฮร์ริสจะมาถึงเวียดนามในวันอังคารนี้หลังจากที่เธอไปเยือนสิงคโปร์ และกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่ไปเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เยือนเวียดนามในวันที่ 28 กรกฎาคม และแฮร์ริสจะเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสคนที่ 2 ของสหรัฐฯ ที่เยือนเวียดนามภายในเวลาไม่ถึงเดือน

BBC อธิบายว่าการมาเยือนของแฮร์ริสเป็น "ส่วนหนึ่งของการรุกที่มีเสน่ห์ทางการทูตโดยฝ่ายบริหารของไบเดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญที่สหรัฐฯ ยึดถือในภูมิภาคนี้ รายงานระบุว่า แฮร์ริสจะใช้การบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 23 ล้านโดสเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไม่คาดคิด เพื่อเสนอความร่วมมือด้านการแพทย์และสุขภาพที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

หวัง เวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเดินทางในเอเชียของ แฮร์ริสกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า "จีนถือเสมอว่าการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศควรเอื้อต่อการส่งเสริมความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก ที่มีขนาดใหญ่."

จีนจะยินยอมหากการเยือนเวียดนามของแฮร์ริสมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม แต่ถ้าตั้งใจที่จะส่งเสริมเป้าหมายในการต่อต้านจีน โจว ป๋อ นักวิจัยของ Center for International ความปลอดภัยและยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงหวา กล่าว

โจวกล่าวว่าในขณะที่สหรัฐฯ ล้มเหลวในการยึดครองอัฟกานิสถานเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ สหรัฐฯ คาดว่าจะหาทางออกจากพื้นที่โดยเปลี่ยนสถานะให้แข็งแกร่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เขาเสริมว่าการเยือนเอเชียของเจ้าหน้าที่อย่างแฮร์ริสอาจถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้

“เป็นที่แน่นอนว่าการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องมีความตั้งใจที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่จีน แต่นี่เป็นความคิดที่ปรารถนาโดยสหรัฐฯ” โจวกล่าวในขณะที่เขาเน้นว่า “คำกล่าวของผู้นำกองทัพเวียดนามยังแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดีด้วย ระหว่างจีนและเวียดนาม กองทัพจีนและเวียดนามรักษาความร่วมมือในด้านต่างๆ มาช้านาน การสนับสนุนของจีนต่อเวียดนามไม่เพียงสะท้อนให้เห็นในความช่วยเหลือด้านวัคซีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในด้านอื่นๆ เช่น การฝึกอบรมบุคลากรด้วย"

โจวตั้งข้อสังเกตว่าจีนเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และทั้ง 2 ประเทศมีการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและระหว่างประชาชนอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะมีประเด็นขัดแย้งอยู่บ้าง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็มุ่งมั่นที่จะแก้ไขด้วยการเจรจาและปรึกษาหารืออย่างสันติ ไม่ใช่ด้วยกำลัง

“ดังนั้น ทั้งเวียดนามและประเทศอื่นใดจะไม่กระโดดขึ้นรถม้าของสหรัฐฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมบ่อยครั้ง” โจวกล่าว

อ้างอิง https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232267.shtml

หน้าแรก Diplomacy จีนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนาม จีนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดน....

24/08/2021

เส้นทางสีเขียว จากปารีสถึงปักกิ่ง จีนขับเคลื่อนเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ตั้งแต่ปี 1995 องค์การสหประชาชาติได้จัดการประชุมของภาคี (COP) ถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เป็นประจำทุกปีเพื่อรวบรวมฉันทามติทั่วโลก ในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืนในยุคหลังอุตสาหกรรม ในปี 1997 พิธีสารเกียวโตได้ข้อสรุปหลังจากการเจรจาที่ยากลำบากหลายครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาปฏิเสธที่จะให้สัตยาบันต่อพิธีสารและแคนาดาถอนตัวในปี 2011 ในการประชุมที่โคเปนเฮเกนในปี 2009 เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีการแบ่งแยกอย่างลึกซึ้งระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาเกี่ยวกับเป้าหมายในการลดการปล่อยมลพิษ

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมใน 2015 การประชุมครั้งที่ 21 ของภาคีแห่ง UNFCCC (COP21) จัดขึ้นที่ปารีส ในพิธีเปิด ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อ้างคำพูดของคนจีนโบราณว่า "ทุกสิ่งอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและเติบโตไปพร้อมกับการบำรุงเลี้ยง" เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เสริมสร้างความมั่นใจและทำงานร่วมกันเพื่อสร้างกลไกการกำกับดูแลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบวิน-วิน เสมอภาค และสมดุลในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในระหว่างการประชุม จีนประสานตำแหน่งนโยบายอย่างแข็งขันกับสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศพัฒนาแล้วที่สำคัญอื่นๆ และเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาผ่านพื้นฐาน ประเทศกำลังพัฒนาที่มีใจเดียวกัน "กลุ่ม 77 + จีน" และ กลุ่มอื่นๆ ในการเจรจา

การประชุมจบลงด้วยการยอมรับข้อตกลงปารีส ซึ่งประกอบด้วยบทความ 29 เรื่อง ซึ่งรวมถึงเป้าหมาย การบรรเทา การปรับตัว การสูญเสียและความเสียหาย การเงิน เทคโนโลยี การเสริมสร้างศักยภาพ และความโปร่งใส เอกสารนี้เป็นพื้นฐานทางกฎหมายที่สำคัญสำหรับการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกหลังปี 2020 ความพยายามอย่างแข็งขันของจีนมีบทบาทสำคัญในการสรุปเอกสารประวัติศาสตร์ฉบับนี้

ประธาน COP21 Laurent Fabius ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อใดก็ตามที่ถามถึงความสำเร็จของข้อตกลงปารีส เขาจะเน้นว่าหากปราศจากการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากจีน ก็จะไม่มีข้อตกลงปารีส นอกจากนี้ จีนยังมีบทบาทสำคัญในเงื่อนไขการมีผลบังคับใช้และการปฏิบัติตามข้อตกลง มันเป็นหนึ่งในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่รู้จักกันว่ามีผลใช้บังคับอย่างรวดเร็ว

Nicholas Rosellini ผู้ประสานงานประจำ UN ในประเทศจีน ยกย่องบทบาทสำคัญของจีนในการดำเนินการตามข้อตกลง และตั้งข้อสังเกตว่าความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นของจีนมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย

น้ำใสและภูเขาเขียวขจีเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า ประเทศจีนได้กำหนดเป้าหมายที่สูงและระยะยาวสำหรับการปรับปรุงระบบนิเวศและให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจัง การกระทำของเราได้รับการพิจารณาและประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง ตามรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระหว่างปี 1990 ถึง 2020

ในขณะที่ป่าไม้ทั้งหมด 420 ล้านเฮกตาร์ถูกทำลายไปทั่วโลก ป่าไม้และทุ่งหญ้าในจีนเพิ่มขึ้น 33 ล้านเฮกตาร์ ข้อมูลจากสำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NASA) แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 จีนมีส่วนสนับสนุน 25% ของพื้นที่ปลูกพืชใหม่ทั่วโลก

จีนมีส่วนสำคัญในการประหยัดพลังงานทั้งหมดของโลก ปัจจุบันเป็นผู้บริโภคอันดับ 1 ของพลังงานใหม่และพลังงานหมุนเวียน และการลงทุนด้านพลังงานสะอาดได้แซงหน้าประเทศอื่นๆ มาหลายปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2000 กำลังการผลิตติดตั้งพลังงานหมุนเวียนในประเทศจีนเพิ่มขึ้น 8 เท่า เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และกังหันลมจำนวน 1 ใน 3 ของโลก และครึ่งหนึ่งของยานพาหนะไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารของโลก คาดว่าภายในปี 2035 รถยนต์พลังงานใหม่จะครองตลาดรถยนต์ของจีนมากกว่า 50% โดยที่ 95% หรือมากกว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่

ความสำเร็จเหล่านี้เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นอันยาวนานของจีนในการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความพยายามอย่างเต็มที่ในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของจีน การอนุรักษ์ระบบนิเวศได้รับการจารึกไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และการพัฒนาระบบนิเวศได้รับการระบุว่าเป็น 1 ในลำดับความสำคัญในแผนบูรณาการ 5 ด้าน ในเดือนกันยายน 2020 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 75 ว่าจีนตั้งเป้าที่จะปล่อย CO2 ให้สูงสุดก่อนปี 2030 และบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอนก่อนปี 2060 ความมุ่งมั่นของจีนช่วยอำนวยความสะดวกในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกและ กระตุ้นนโยบายสีเขียวระดับโลก ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2021 แผน 5 ปีที่ 14 และวัตถุประสงค์ระยะยาวตลอดปี 2035 ได้รับการรับรองในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติครั้งที่ 13 สมัยที่ 4 เอกสารนี้อุทิศทั้งบทเพื่อ "ส่งเสริมการพัฒนาสีเขียวและความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ" ในยุคหลังโควิด-19 จีนจะไม่เพียงแต่ทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ยังมีส่วนสนับสนุนมากขึ้นในการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศโลก

อนาคตของทุกสิ่งอยู่ในธรรมชาติ ในเดือนตุลาคม 2021 การประชุมครั้งที่ 15 ของการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วย Biological Diversity (COP15) จะจัดขึ้นที่คุนหมิง ประเทศจีน ในหัวข้อ "อารยธรรมนิเวศวิทยา: การสร้างอนาคตร่วมกันสำหรับทุกชีวิตบนโลก" COP15 จะสำรวจแนวทางใหม่ในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและรวบรวมฉันทามติใหม่เกี่ยวกับความสามัคคีระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

ระบบนิเวศที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรม จากปารีสถึงคุนหมิง จีนได้ดำเนินการอย่างมั่นคงในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยืนอยู่ที่จุดเชื่อมต่อทางประวัติศาสตร์ที่เราเพิ่งเสร็จสิ้นเป้าหมาย 100 ปีแรกและกำลังก้าวไปสู่จุดที่ 2 เราจะยังคงทำงานร่วมกับส่วนที่เหลือของโลกเพื่อสำรวจวิธีที่มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน และทำให้โลกเป็น สถานที่ที่สวยงามมากขึ้น

อ้างอิง https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232289.shtml

หน้าแรก Politics เส้นทางสีเขียว จากปารีสถึงปักกิ่ง จีนขับเคลื่อนเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เส้นทางสีเขียว จา....

24/08/2021

อุโมงค์ลมของจีน จะช่วยพัฒนาอากาศยาน

อุโมงค์ลมไฮเปอร์เวอซิตีระดับแนวหน้าของโลก ล่าสุดของจีนที่สามารถจำลองความเร็ว 30 มัคที่ระดับความสูงได้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 และจะสนับสนุนโครงการเครื่องบินไฮเปอร์โซนิกและการบินและอวกาศของประเทศ เครื่องบินไฮเปอร์โซนิกที่พัฒนาผ่านเทคโนโลยีนี้ สามารถเข้าถึงที่ใดก็ได้ในโลกภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมง และเทคโนโลยีนี้ยังช่วยพัฒนาเครื่องบินอวกาศที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการปล่อยดาวเทียมและยานอวกาศลง 90 เปอร์เซ็นต์

อุโมงค์ลมไฮเปอร์เวอซิตี JF-22 ได้ขนานนามว่าเป็นแหล่งกำเนิดของเครื่องบินรุ่นถัดไปของจีน สามารถจำลองความเร็วสูงสุด 10 กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 30 เท่าที่ความเร็วของความเร็วเสียง ที่ระดับความสูง 40 ถึง 100 กิโลเมตร China Central Television ( CCTV) รายงานเมื่อวันจันทร์

JF-22 จะเป็นอุโมงค์ลมไฮเปอร์เวอซิตีที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกเมื่อสร้างเสร็จในปี 2022 CCTV รายงาน โดยสังเกตว่า JF-22 จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาเครื่องบินไฮเปอร์โซนิกและอากาศยาน

ตามรายงานของ CCTV ใช้ภาพประกอบของยานพาหนะทดสอบการบินด้วยความเร็วสูง WaveRider X-51 WaveRider ของสหรัฐอเมริกาเป็นภาพเครื่องบินที่มีความเร็วเหนือเสียง

โปรแกรม X-51 รุ่นทดลองนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปูทางสำหรับอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงในอนาคต ข่าวกรองที่มีความเร็วเหนือเสียง การเฝ้าระวังและการลาดตระเวน และการเข้าถึงอวกาศในอนาคต ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ

ฟู เชียนชาว ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินของจีนกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การพัฒนาเครื่องบินที่มีความเร็วเหนือเสียงจะมาเร็วกว่าเครื่องบินในอวกาศ เพราะพวกเขามีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีน้อยกว่า และเครื่องบินที่มีความเร็วเหนือเสียงในยุคแรกนั้นสามารถถูกทิ้งได้ เมื่อใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร เช่น การลาดตระเวนและการโจมตี

ฟูคาดการณ์ว่า หลังจากนั้นเครื่องบินที่มีความเร็วเหนือเสียงสามารถพัฒนาการใช้งานของพลเรือนรวมถึงการขนส่ง

เครื่องบินอวกาศจะพัฒนายากขึ้น แต่ก็คุ้มค่า ฟูกล่าว โดยสังเกตว่าพวกเขาต้องการความเร็วที่เร็วขึ้นและระบบพลังงานที่ซับซ้อนมากขึ้นซึ่งอาจเป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ turbofan, scramjet และ Rocket เพื่อทำลายเครื่องบินลำแรกความเร็วของจักรวาล

CCTV รายงาน หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุโมงค์ลม JF-12 ในปี 2012 ที่สามารถจำลอง มัค 5 ถึง มัค 9 และได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญแก่ภารกิจการบินและอวกาศที่สำคัญของจีน โครงการ JF-22 เริ่มในเดือนมีนาคม 2018

JF-22 จะเข้าร่วม JF-12 และก่อตั้งแพลตฟอร์มทดสอบแอโรไดนามิกชั้นนำของโลก ซึ่งสามารถครอบคลุมความเร็วเหนือเสียงทั้งหมดได้ รายงานกล่าว

อุโมงค์ลมเป็นวิธีที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการพัฒนาเครื่องบินใหม่ เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ เช่น การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์และการทดลองแบบจำลอง ฟูกล่าว

อ้างอิง: https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232234.shtml

หน้าแรก Science Society อุโมงค์ลมของจีน จะช่วยพัฒนาอากาศยาน อุโมงค์ลมของจีน จะช่วยพัฒนาอากาศยาน สิงหาคม 24, 2564 A+ A- Print Email อ.....

24/08/2021

ท้องถิ่นในจีนเร่งปรับปรุงสถานที่ระลึกวีรบุรุษและผู้เสียสละ

รัฐบาลกลางได้กำหนดให้ฝ่ายปกครองระดับล่างและท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสถานที่ระลึกถึงวีรบุรุษและผู้พลีชีพ และปรับปรุงการทำงานของสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการศึกษาความรักชาติอย่างจริงจัง

ประกาศที่ร่วมออกโดยกรมประชาสัมพันธ์คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กระทรวงการคลัง และกระทรวงกิจการทหารผ่านศึก ชี้ว่า การปรับปรุงควรดำเนินการตามหลักการ “ย้ายถิ่นฐานให้ไกลที่สุด การจัดการและการดูแลจากส่วนกลาง” สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และปรับปรุงสถานะโดยรวมของสิ่งอำนวยความสะดวก

อนุสรณ์สถานเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่สำคัญ สื่อการเรียนรู้และการศึกษาประวัติศาสตร์ของ CPC ที่มีชีวิต และความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณอันมีค่า ประกาศดังกล่าวยังต้องการการจัดการโครงการและการกำกับดูแลและทบทวนอย่างเข้มงวด

ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลกลางต้องการให้พื้นที่มีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อสร้างที่เกินจริงและการตกแต่งใหม่แบบลืมอดีต รัฐบาลท้องถิ่นจะถูกรายงานต่อสาธารณะหากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการตกแต่งใหม่หรือหากไม่ผ่านการตรวจสอบโครงการ รัฐบาลท้องถิ่นที่ไม่ได้ใช้เงินช่วยเหลือทางการเงินส่วนกลางตามที่กำหนดจะต้องรับผิดชอบอย่างจริงจัง

พวกเขายังจำเป็นต้องสร้างกลไกการจัดการและการดูแลระยะยาวสำหรับสถานที่ที่ระลึก เพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงเพื่อเป็นโอกาสในการประสานการคุ้มครองสถานที่ระลึกถึงผู้พลีชีพและศูนย์บริการทหารผ่านศึก เพื่อให้เกิดความสามัคคีของการปรับปรุงมาตรฐานและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเพื่อดำเนินการตรวจสอบและทำความสะอาด การบำรุงรักษาและการเสียสละ การรวบรวมวัสดุทางประวัติศาสตร์และ งานตามรอยครอบครัวผู้เสียสละ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับปรุงสถานที่ระลึกถึงผู้พลีชีพและการรักษาชื่อเสียงของพวกเขา บทบัญญัติทั้งหมด 22 มาตรา รวมถึงมาตราฐานหมิ่นประมาทผู้พลีชีพ การโจมตีตำรวจ และรบกวนการทำงานของระบบขนส่งสาธารณะ ถูกเพิ่มเข้าไปในกฎหมายอาญาในข้อบังคับเพิ่มเติม มาตราเหล่านี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการปกป้องชื่อเสียงของวีรบุรุษและผู้เสียสละ และปราบปรามการดูหมิ่นหรือดูหมิ่นทางออนไลน์

ในเดือนกรกฎาคม บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวคนหนึ่งซึ่งโพสต์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ข้างหลุมฝังศพของผู้พลีชีพชาวจีนที่เสียชีวิตในการปะทะกันบริเวณชายแดนหุบเขากัลวาน ได้ปิดบัญชีของเขาบนโซเชียลมีเดียของจีนเนื่องจาก "ไม่เคารพ" ต่อวีรบุรุษ หน่วยงานอัยการในซินเจียงได้ติดต่อแผนกการท่องเที่ยวและแนะนำให้บล็อกเกอร์ถูก Blackllist ในการเดินทางทันที

นักวิเคราะห์ชาวจีนกล่าวว่าการรำลึกถึงวีรบุรุษและการเสียสละอย่างสูงแสดงให้เห็นว่าประชาชนสนับสนุนกองทัพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน รัฐบาลจีนยังหวังว่าประชาชนจะเข้าใจว่าเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศแม้ในยุคแห่งสันติภาพต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด บางครั้งถึงกับต้องเสียชีวิตของทหาร

อ้างอิง https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232235.shtml

หน้าแรก Society ท้องถิ่นในจีนเร่งปรับปรุงสถานที่ระลึกวีรบุรุษและผู้เสียสละ ท้องถิ่นในจีนเร่งปรับปรุงสถานที.....

24/08/2021

จีนประกาศจะให้ความช่วยเหลืออัฟกานิสถาน ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

บริษัทเอกชนยังคงมุ่งมั่นลงทุน ตอกย้ำศักยภาพความร่วมมือต่อไปหลังสถานการณ์คลี่คลาย

ขณะที่กลุ่มตาลีบันดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์และแสวงหาการยอมรับในระดับสากล รัฐวิสาหกิจของจีน (SOE) และบริษัทเอกชนต่างใช้กลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างกันในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยที่อดีตได้ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการดำเนินโครงการใหม่และในระยะหลัง กระตือรือร้นที่จะเจาะตลาดที่ "พันสิ่งรอที่จะทำ"

ขณะที่ทางการกำลังรอดูผลจากรัฐวิสาหกิจ ที่ชั่งน้ำหนักทั้งความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางการเมืองและยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีน ความกล้าหาญของบริษัทเอกชนที่รับความเสี่ยงยังตอกย้ำความสำเร็จทางการทูตของจีนกับกลุ่มตาลีบัน ซึ่งวางรากฐานสำหรับความปลอดภัยและความราบรื่น การดำเนินธุรกิจของจีนในอัฟกานิสถาน

คนวงในในอุตสาหกรรมกล่าว บริษัทเอกชนของจีนตั้งเป้าที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคงในอัฟกานิสถาน แม้ว่ารัฐบาลตะวันตกจะคว่ำบาตรกลุ่มตาลีบัน การเคลื่อนไหวที่มีจุดมุ่งหมายมุ่งร้ายที่จะพัฒนาวัตถุประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของตะวันตกและยับยั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของจีนก็ตาม

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของผู้เล่นชาวจีน ตรงกันข้ามกับสื่อตะวันตกที่ “เอาเปรียบ” แหล่งแร่ที่อุดมสมบูรณ์ของอัฟกานิสถาน หลังจากสหรัฐฯ ถอนตัว อาจส่งการลงทุนที่แท้จริงและการสนับสนุนด้านเทคนิคแก่อัฟกานิสถาน ซึ่งช่วยในการสร้างเศรษฐกิจใหม่หลังความวุ่นวายในปัจจุบัน

รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ที่มีฐานอยู่ในอัฟกานิสถานได้ประเมินนโยบายใหม่ของตาลีบันและจัดทำแผนรับมือ

โฆษกของรัฐวิสาหกิจซึ่งพูดโดยไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า เมื่อวันจันทร์ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาในอัฟกานิสถาน "จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีน" เกี่ยวกับผลกระทบของรายงานการคว่ำบาตรที่นำโดยตะวันตกต่อกลุ่มตาลีบัน

บริษัทได้สร้างทางหลวงสำหรับอัฟกานิสถานและการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อสองปีก่อน

เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่าการตัดสินใจคว่ำบาตรกลุ่มตาลีบันซึ่ง "ขึ้นอยู่กับความประพฤติของพวกเขา" มีรายงานว่าสหราชอาณาจักรกำลังผลักดันการคว่ำบาตรต่อกลุ่มตาลีบันในการประชุม G7 ซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารนี้

นักธุรกิจและผู้สังเกตการณ์ชาวจีนกล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรที่เป็นไปได้อาจรวมถึงการจำกัดการเดินทาง การจำกัดการระดมทุน การใช้และการไหลของเงินทุน การยอมรับในระดับสากล และการติดต่อกับธุรกิจกับประเทศอื่นๆ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด มันอาจตัดบริษัทที่ดำเนินงานในอัฟกานิสถานออกจากระบบธนาคารทั่วโลก เช่นเดียวกับกรณีที่ตะวันตกคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งอาจเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่บังคับให้บริษัทจีนขนาดใหญ่ออกจากประเทศ

โฆษกกล่าว “หากไม่มีแนวทางนโยบาย การลงทุนในอัฟกานิสถานมีความเสี่ยงสูงและไม่คุ้มทุน ตัวอย่างเช่น เงินทุนสำหรับการสร้างโครงการทางหลวงถูกยืมมาจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย แต่เราไม่ได้รับแม้แต่สตางค์เดียว”

นักวิเคราะห์กล่าวว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่อนข้างดีว่าบริษัทของรัฐและบริษัทเอกชนของจีนมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในประเทศ

ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาอัฟกานิสถานในมหาวิทยาลัยหลานโจวกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า โครงสร้างระบอบการปกครองในอนาคตของตาลีบัน ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ และนโยบายการลงทุนจากต่างประเทศนั้นยังห่างไกลจากความจริง เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ลำดับความสำคัญของตาลีบัน “ลำดับความสำคัญในปัจจุบันของตาลีบันคือความมั่นคงของระบอบการปกครองและความสมดุลของอำนาจภายในที่ดีขึ้น” ผู้อำนวยการศูนย์กล่าว

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทของรัฐในการจัดการกับความไม่มั่นคง แต่ก็มี "สิ่งที่รอดำเนินการอยู่นับพัน" สำหรับบริษัทเอกชนของจีนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพวกเขาปรับตัวและกล้าหาญมากขึ้นในการ "ต่อสู้เพื่ออนาคต" เชียนกล่าว

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวรับความเสี่ยงของบริษัทเอกชนจีนนั้นสร้างขึ้นจากนโยบายทางการทูตที่ยืดหยุ่นและประสบความสำเร็จของจีน ซึ่งปูทางสำหรับความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับผู้นำตาลีบันและเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับธุรกิจจีนที่จะดำเนินไปอย่างราบรื่นในอัฟกานิสถาน

หลิว จงอี้ เลขาธิการศูนย์วิจัยเพื่อความร่วมมือจีน-เอเชียใต้ ที่ Shanghai Institutes for International Studies กล่าว มีโอกาสมากกว่าการสกัดทรัพยากรแร่ รากฐานทางเศรษฐกิจของอัฟกานิสถาน รวมทั้งการคมนาคมขนส่ง โทรคมนาคม อุตสาหกรรม และการเกษตร ล้วนพังทลายลง

หลิวกล่าว นอกจากนี้ ขณะที่กลุ่มตาลีบันมุ่งไปสู่การยอมรับในระดับสากลและกำจัดการก่อการร้าย จีนก็อาจรวมประเทศที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางความคิดริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง เข้าไปในผลประโยชน์ของเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน

ในปี 2020 บริษัทจีนมีสัญญาสำหรับโครงการมูลค่า 110 ล้านดอลลาร์ในอัฟกานิสถาน เพิ่มขึ้น 158.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี

อ้างอิง https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232262.shtml

หน้าแรก Diplomacy จีนประกาศจะให้ความช่วยเหลืออัฟกานิสถาน ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จีนประกาศจะให้ความช่วยเหลืออัฟก.....

24/08/2021

ต้นกำเนิดของไวรัสโคโรน่า วิทยาศาสตร์กับการเมือง

แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้บีบบังคับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเมื่อเร็วๆ นี้ และผลักดันสมมติฐานการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการ เนื่องจากกำหนดเส้นตายการสอบสวนที่ประเทศจีนในอีก 90 วันที่นำโดยหน่วยข่าวกรองต่าง ๆ ก็ใกล้เข้ามาแล้ว นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากขึ้นพูดออกมาในการปฏิเสธการสมรู้ร่วมคิดโดยไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันทางการเมืองและดำเนินการทางวิทยาศาสตร์ต่อไป

ความพยายามล่าสุดมาจากนักวิทยาศาสตร์ 21 คนจากประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ซึ่งสรุปว่า "ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่า "SARS-CoV-2 มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการ" จากการทบทวนล่าสุดที่เผยแพร่บนวารสาร Cell Wednesday ไม่มีหลักฐานว่ากรณีแรก ๆ ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันไวรัสวิทยาหวู่ฮั่น (WIV) ตรงกันข้ามกับการเชื่อมโยงทางระบาดวิทยาที่ชัดเจนไปยังตลาดสัตว์ในหวู่ฮั่นหรือหลักฐานว่า WIV ครอบครองหรือทำงาน จนกลายเป็นต้นกำเนิดของ SAS-CoV-2 ก่อนเกิดการระบาดใหญ่

David L. Robertson ศาสตราจารย์ที่ MRC-University of Glasgow Center for Virus Research บอกกับสำนักข่าวอย่าง Global Times ในการสัมภาษณ์ครั้งก่อนว่า "ไม่มีหลักฐานอย่างแน่ชัดว่า SARS-CoV-2 ถูกสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการหวู่ฮั่นหรือหลบหนีจากที่ใดที่หนึ่ง "

Robertson ซึ่งเพิ่งมีส่วนร่วมในบทความเรื่อง "The Animal origin of SARS-CoV-2" ซึ่งตีพิมพ์ใน Science ก็เป็นหนึ่งในผู้เขียนบทวิจารณ์ด้วยเช่นกัน

อ่านบทความ "เอกสารใหม่ชี้! ไวรัส COVID-19 ไม่ได้มาจาก 'แล็บรั่ว' "

หัวข้อที่มาของไวรัสได้กลายเป็น "เรื่องการเมืองมาก" และเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้จัดลำดับความสำคัญของการสอบสวนที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า หากนักวิทยาศาสตร์ติดตามหลักฐานที่นำไปสู่และไม่ถูกติดตามบุคคลหรือสถาบันที่ตกเป็นแพะรับบาปตามสถานการณ์สมมติ

Angela Rasmussen ผู้เขียนร่วมอีกคนหนึ่งของบทความทบทวนกล่าวในโพสต์ล่าสุดว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า SARS-CoV-2 หรือบรรพบุรุษที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเคยอยู่ที่ WIV “การคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นรูปแบบที่ว่า 'รัฐบาลจีนโกหกเรื่องบางอย่าง ดังนั้นสมมติว่าพวกเขากำลังโกหกเรื่องนี้ด้วยโดยไม่มีหลักฐาน' เธอกล่าว

ทฤษฎีแล็บรั่วถูกผลักดันครั้งแรกโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในขณะนั้นในฤดูใบไม้ผลิปี 2020 เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากฝ่ายบริหารของทรัมป์บอกเป็นนัยอย่างยิ่งว่า coronavirus หลุดออกจากห้องปฏิบัติการในหวู่ฮั่น ซึ่งมีรายงานผู้ป่วย โควิด-19 ในประเทศรายแรกของจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันของฝ่ายบริหารของทรัมป์ในการปราบปรามจีน ในขณะที่ยังคงรักษาแนวการเผชิญหน้ากับจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้สืบทอดของทรัมป์อย่าง โจ ไบเดนได้ต่ออายุการเรียกร้องให้สอบสวนต้นกำเนิดในเดือนพฤษภาคม

ในความพยายามที่จะกดดันจีนให้มากขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนการแสวงหาการตรวจสอบต้นกำเนิดของ SARS-CoV-2 ให้กลายเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ดุเดือดในปีที่ผ่านมา แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจะทำงานต่อไปได้ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่การต่อสู้ทางการเมืองไม่ได้หยุดพวกเขาที่จะเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง

อ้างอิง: https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232236.shtml

หน้าแรก Covid-19 Diplomacy Science ต้นกำเนิดของไวรัสโคโรน่า วิทยาศาสตร์กับการเมือง ต้นกำเนิดของไวรัสโคโรน่า วิทยาศาสตร์ก.....

24/08/2021

จีนประกาศเอาชนะเดลต้าใน 35 วัน

จีนควบคุมการแพร่ระบาดในวงกว้างอย่างเดลต้าครั้งล่าสุดได้ภายใน 35 วัน เนื่องจากมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันในประเทศเป็น 0 อีกครั้งในวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีรายงานผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการในช่วงปลายวันนั้น ผลที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าพิสูจน์ประสิทธิภาพของจีน แบบจำลองต่อต้านการแพร่ระบาด

นับตั้งแต่กรณีแรกในการระบาดครั้งล่าสุดที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่สนามบินในหนานจิง เมืองหลวงของมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน การแพร่ระบาดของโรครอบล่าสุดส่งผลกระทบต่อกว่า 10 จังหวัดและภูมิภาค ถือเป็นโรคที่แพร่ระบาดมากที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของอู่ฮั่นในปี 2020 และจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในแต่ละวันเกิน 100 ราย

หวัง กวงฟา ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจที่โรงพยาบาลแห่งแรกของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า กลยุทธ์การแพร่ระบาดแบบ Zero-tolerance ที่แม่นยำของจีนได้ปกป้องประเทศจากการลุกเป็นไฟจากโรคระบาดอีกครั้ง แม้ว่าเดลต้าที่แพร่ระบาดนั้นจะสามารถแพร่กระายได้มาก แต่นี่เป็นการพิสูจน์เพิ่มเติมถึงประสิทธิผลของแบบจำลองการรับมือโรคระบาดของจีน ซึ่งเน้นมาตรการ "Four-Early" ได้แก่ การตรวจหาตั้งแต่เนิ่นๆ การรายงานตั้งแต่เนิ่นๆ การกักกันแต่เนิ่นๆ และการรักษาผู้ป่วย COVID-19 ในระยะเริ่มต้น

นักภูมิคุ้มกันวิทยาจากปักกิ่งบอกจีนสามารถขจัดการแพร่ระบาดของโรคได้ภายใน 35 วัน ในอนาคต การตอบสนองของจีนอาจรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น เนื่องจากประเทศพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ทุกเมื่อเมื่อเผชิญกับการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่และสถานการณ์การระบาดใหญ่

วิธีการต่อต้านการแพร่ระบาดของจีนจะดำเนินต่อไป ในเวลาเดียวกัน นักภูมิคุ้มกันวิทยาแนะนำว่าควรส่งเสริมความพยายามในการกระตุ้นการฉีดวัคซีนเพื่อชะลอการแพร่เชื้อและลดอาการเจ็บป่วยรุนแรง รวมทั้งให้วัคซีนเสริมสำหรับผู้คนที่เป็นด่านหน้า

หลังจาก 35 วัน พบว่าในช่วงสุดสัปดาห์ สถานที่ต่างๆ เช่น ปักกิ่ง เจียงซู และเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ประกาศว่าพวกเขาจะค่อยๆ ยกเลิกมาตราการล็อกดาวน์และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา มณฑลเสฉวนกลับมาเดินทางข้ามภูมิภาคได้ และเส้นทางการจราจรหลักทั้งหมดในหวู่ฮั่นของมณฑลหูเป่ย์ก็กลับมาทำงานอีกครั้งเช่นกัน ปักกิ่งยังเคลียร์พื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดทั้งหมดตามข้อจำกัดของย่านชุมชน 2 แห่งในเขตฟางชานที่ถูกยกเลิกในบ่ายวันอาทิตย์ และชุมชน 2 แห่งในหวางจิงเขตเฉาหยาง จะถูกยกเลิกการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันอังคาร

อ้างอิง: https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232256.shtml

หน้าแรก Covid-19 Society จีนประกาศเอาชนะเดลต้าใน 35 วัน จีนประกาศเอาชนะเดลต้าใน 35 วัน สิงหาคม 24, 2564 A+ A- Print Email จีนควบคุมการแพร....

23/08/2021

เหอหนาน รับมือฝนตกหนักรอบใหม่ ปริมาณน้ำฝนจะไม่รุนแรงเท่ากับพายุกรกฎาคม

มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน เฝ้าระวังฝนตกหนักรอบใหม่ 1 เดือนหลังจากที่มณฑลเหอหนาน ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำท่วมในเดือนกรกฎาคม อย่างน้อย 3 เมืองได้ระงับธุรกิจและ 6 เมืองได้เปิดตัวการตอบสนองฉุกเฉินระดับ II หรือระดับ I สำหรับน้ำท่วม แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าปริมาณฝนรอบนี้จะไม่ "รุนแรง" เท่ากับครั้งก่อนในเดือนกรกฎาคม

ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาเหอหนานที่โพสต์เมื่อวันเสาร์ มณฑลเหอหนานจะมีฝนตกหนักในภูมิภาคตั้งแต่คืนวันเสาร์ถึงวันจันทร์ และช่วงเวลาหลักของฝนตกหนักจะเป็นในวันอาทิตย์

เจิ้งโจว เมืองหลวงของเหอหนาน รวมถึงเมืองต่างๆ เช่น เจียวโจว, ซินเชียง และไคฟางจะมีปริมาณน้ำฝนตั้งแต่ 250 ถึง 400 มิลลิเมตร กระแสลมและลมกระโชกแรงคาดว่าจะทำให้เกิดพายุหรือสูงถึงระดับ 8 ถึง 10 ในบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกกลางของจังหวัด

เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาประจำจังหวัด ระบุ พื้นที่ฝนตกหนักทับซ้อนกับพื้นที่ประสบอุทกภัยในเดือนกรกฎาคม แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศกล่าวว่าปริมาณน้ำฝนรอบใหม่จะแตกต่างจากครั้งก่อนในปลายเดือนกรกฎาคมในแง่ของความรุนแรง

จาง เทา หัวหน้านักพยากรณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ บอกกับสื่อว่า ปริมาณน้ำฝนทั้งหมดจะไม่รุนแรงเท่าที่เห็นในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากกระบวนการปริมาณน้ำฝนในครั้งนี้เคลื่อนที่ได้และจะไม่หยุดนิ่งในบางพื้นที่เช่นในเดือนกรกฎาคม

แต่เขากล่าวว่าปริมาณน้ำฝน "อาจยังคงส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงและไม่เอื้ออำนวยต่อเหอหนาน" เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนครั้งก่อนและน้ำท่วมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ระบบระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมและการเตรียมรับมือเหตุฉุกเฉินยังคงมีความจำเป็น

เมืองต่างๆ รวมทั้ง ชินเจิง, ไคฟาง และ เจิ้งโจวระงับธุรกิจและการผลิตตั้งแต่วันเสาร์เพื่อป้องกันฝน

หลังจากฝนตกหนักและน้ำท่วมในจังหวัดนี้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม และคร่าชีวิตผู้คนไป 302 คน ประชาชนในเจิ้งโจว ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ฝนตกหนักที่สุดในเวลานั้น ได้ให้ความสำคัญกับฝนที่ใกล้เข้ามาในครั้งนี้มากขึ้น

ซินเจิ้ง เมืองทางตอนใต้ของเจิ้นโจว ระงับธุรกิจ โรงเรียน การผลิตและการขนส่งตั้งแต่ 18.00 น. ในวันเสาร์ถึงวันจันทร์ เวลา 02.00 น. ขณะที่ไคเฟิงออกประกาศที่คล้ายกันเพื่อระงับการทำงานทั้งหมดในบริษัท จุดชมวิว สถานที่ก่อสร้าง และร้านค้าตลอดทาง

สำนักรถไฟของเจิ้งโจวระงับรถไฟโดยสาร 59 ขบวนในวันอาทิตย์ และบริการรถโดยสารทั้งหมดในเมืองก็หยุดลงเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่วันอาทิตย์ เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันอาทิตย์ เจิ้งโจวได้ย้ายประชากร 240,000 คนเนื่องจากฝนตก

โพสต์ที่แสดงความพยายามของชาวเจิ้งโจวในการเตรียมพร้อมรับมือกับฝนที่ตกหนัก ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากชาวเน็ตและชาวเน็ตบนแพลตฟอร์มโซเชียล Weibo

เห็นประชาชนจอดรถบนสะพานลอยเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำท่วม ตำรวจท้องที่กล่าวว่าจะไม่ถือว่านี่เป็นการละเมิดกฎการจอดรถ และเตือนเจ้าของรถให้ขับรถออกไปหลังฝนตก

อุโมงค์ปักกิ่ง-กวางโจว ซึ่งถูกน้ำท่วมในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ถูกปิดแล้ว ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น มีการจัดเตรียมคนงานเพื่อติดตามสถานการณ์ในอุโมงค์ในเวลากลางคืนและเตรียมสูบน้ำ

ตำรวจเจิ้งโจวกล่าวใน Weibo ว่าการจราจรในอุโมงค์ทั้งหมด 67 แห่งและสะพานรถไฟ 23 แห่งในเขตเมืองหลักถูกห้ามตั้งแต่เที่ยงวันอาทิตย์

สถานีรถไฟใต้ดินของสาย 3 และ 5 ในเจิ้งโจวได้รับการติดตั้งแผ่นกั้นอลูมิเนียมกันน้ำสูง 50 ถึง 60 เซนติเมตรที่ทางเข้าและกระสอบทรายถูกกองซ้อนอยู่ด้านหลังแผ่นกั้น The Paper รายงานเมื่อวันศุกร์

อ้างอิง https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232163.shtml

หน้าแรก Society เหอหนาน รับมือฝนตกหนักรอบใหม่ ปริมาณน้ำฝนจะไม่รุนแรงเท่ากับพายุกรกฎาคม เหอหนาน รับมือฝนตกหนั.....

22/08/2021

เปิดใช้งานแล้ว! เส้นทางทิเบต-จีน รถไฟความเร็วสูง เร็วที่สุดในโลก

ภาพถ่ายทางอากาศที่ถ่ายเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2021 แสดงให้เห็นส่วนของทางหลวงพิเศษลาซา-นากู (R) และทางรถไฟชิงไห่-ทิเบตในเขตปกครองตนเองทิเบตทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

กระทรวงคมนาคมของจีน ระบุถึง ทางรถไฟความเร็วสูงที่เร็วที่สุดในโลกที่วิ่งระหว่างเมืองนักคูและลาซา เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองทิเบตทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้เปิดให้บริการเมื่อวันเสาร์ (21 ส.ค.) โดยเปิดส่วนสุดท้ายระยะทาง 227 กม. ระหว่างนากกู และยางบาเชน

รถไฟความเร็วสูง เส้นทางนักคู-ลาซา ระยะทาง 295 กม. มีความสูงเฉลี่ยมากกว่า 4,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมปักกิ่งและลาซา และเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกที่เชื่อมลาซากับตอนเหนือของทิเบต

การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดระยะเวลาในการขับรถระหว่างลาซาและเมืองนากกูให้เหลือ 3 ชั่วโมงจากเดิมที่ใช้เวลามากกว่า 6 ชั่วโมง

เจ้าหน้าที่กระทรวงดังกล่าวจะขยายขีดความสามารถในการขนส่ง อย่างมีนัยสำคัญและปรับปรุงระดับความปลอดภัยของทางเดินเชื่อมทิเบตกับมณฑลชิงไห่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

โดยเส้นทางรถไฟความเร็วสูงยังบาเชน-ลาซาเปิดให้สัญจรในเดือนตุลาคม 2020

อ้างอิง: http://www.xinhuanet.com/english/2021-08/21/c_1310140972.htm

หน้าแรก Technology เปิดใช้งานแล้ว! เส้นทางทิเบต-จีน รถไฟความเร็วสูง เร็วที่สุดในโลก เปิดใช้งานแล้ว! เส้นทางทิเบต-จ...

22/08/2021

จีนจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการเกิดของเด็ก ผุดนโยบายลูกคนที่ 3

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประเทศจีนผ่านการแก้ไขกฎหมายที่อนุญาตให้แต่ละคู่มีลูกได้ 3 คน และกำหนดนโยบายสนับสนุนการคลอดบุตร โดยผู้สังเกตการณ์เชื่อว่าสิ่งนี้บ่งชี้ว่าจีนได้ย้ายอย่างเป็นทางการ จากการจำกัดการเกิดเป็นการส่งเสริมการเกิด ปูทางให้ไม่เพียงแต่นโยบายลูกคนที่ 3 ที่เนินการทั่วประเทศ แต่ยังอาจสนับสนุนให้เกิดการเกิดมากขึ้น

นโยบายนี้ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือนในการบังคับใช้กฎหมาย หลังจากที่ได้มีการประกาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ณ การประชุมคณะกรรมการกลางสำนักการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) โดยเผยให้เห็นถึงความเร่งด่วนและแรงดึงดูดของการพัฒนาประชากรของจีน ผู้สังเกตการณ์ชาวจีนกล่าวว่าการรุมเร้าโดยอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลง จำนวนแรงงานที่ลดลง และจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น

มาตรการสนับสนุนที่ครอบคลุมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายประชากร ซึ่งไม่ได้เน้นย้ำในการแก้ไขครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของจีน ในการรับมือกับความท้าทายด้านประชากรอย่างแข็งขันและสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับภาวะการเจริญพันธุ์ และคาดว่าจะมีการนำมาตรการที่มีรายละเอียดเพิ่มเติมมาใช้ในเร็วๆ นี้

การแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการวางแผนประชากรและการวางแผนครอบครัวได้ผ่านการประชุมของคณะกรรมการประจำสภาประชาชนแห่งชาติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

การแก้ไขระบุว่าคู่สามีภรรยาหนึ่งคู่สามารถมีลูกได้สามคน และยกเลิกมาตรการจำกัดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงค่าธรรมเนียมการดูแลสังคมและค่าปรับสำหรับคู่รักที่ละเมิดกฎหมายให้มีบุตรมากกว่าที่อนุญาต

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บทบัญญัติ 21 ข้อได้รับการแก้ไข ลบ หรือเพิ่มเติมในกฎหมาย และการแก้ไขมีผลทันทีหลังจากการประกาศเมื่อวันศุกร์

กฎหมายยังแนะนำมาตรการสนับสนุนสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ซึ่งรวมถึงการสำรวจการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรและการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กเพิ่มเติมในชุมชนที่พักอาศัย พื้นที่สาธารณะ และสถานที่ทำงาน

การแก้ไขเพิ่มเติมว่าประเทศส่งเสริมระดับความอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะสม โครงสร้างประชากรที่เหมาะสม และการพัฒนาประชากรที่สมดุลในระยะยาว

จีนจะใช้มาตรการสนับสนุนในภาคการเงิน ภาษี ประกันภัย การศึกษา ที่อยู่อาศัย และการจ้างงาน เพื่อลดภาระการคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร และการศึกษา ตามการแก้ไข

ยู เชจุน รองหัวหน้าคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติกล่าวว่า การแก้ไขนี้มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการพัฒนาที่สมดุลในระยะยาว ของประชากรของประเทศ โดยเน้นที่การดำเนินการตามนโยบายลูกคนที่ 3 การยกเลิกค่าธรรมเนียมการดูแลสังคม และมาตรการจำกัดอื่นๆ ตลอดจนการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนเชิงบวก

กฎหมายว่าด้วยการวางแผนประชากรและครอบครัวมีผลบังคับใช้ในปี 2002 และแก้ไขในปี 2015 ซึ่งเป็นช่วงที่นโยบายลูกคนที่ 2 ของจีนได้รับการบังคับใช้อย่างสมบูรณ์

อ้างอิง: https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232046.shtml

หน้าแรก Society จีนจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการเกิดของเด็ก ผุดนโยบายลูกคนที่ 3 จีนจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการเกิดของเ.....

ไทยจีนนิวส์ - Thaijeennews

24/08/2021

24/08/2021

24/08/2021

24/08/2021

24/08/2021

24/08/2021

24/08/2021

23/08/2021

22/08/2021

22/08/2021

Address

Website

Alerts

Shortcuts

Share

Category