สำนักข่าวอามาน - Aman News Agency

สำนักข่าวอามาน - Aman News Agency สำนักข่าวอามาน AMAN NEWS AGENCY
Alternative Media For Peace

แม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมให้กำลังใจทหารพรานบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดที่นราธิวาส ย้ำเร่งช่วยเหลือ-ติดตามตัวคนร้าย เมื่อวันที...
15/06/2025

แม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมให้กำลังใจทหารพรานบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดที่นราธิวาส ย้ำเร่งช่วยเหลือ-ติดตามตัวคนร้าย

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อย ทพ.4916 ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ม.2 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา

จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย และเสียชีวิต 1 นาย ได้แก่ อส.ทพ.ฮัมรู สะมะแอ ส่วนผู้บาดเจ็บ อส.ทพ.อับดุลรอมัน จิใจ ,อส.ทพ.อังศกร สุขสมาน ,อส.ทพ.อินทรี โตมร ,อส.ทพ.ศราวุฒิ เลี่ยนเส้ง ,อส.ทพ.นันทวัฒน์ รงรักษ์ อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์อย่างใกล้ชิดและอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำกระเช้าเยี่ยมจาก พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และเงินบำรุงขวัญมอบให้ผู้บาดเจ็บ พร้อมสอบถามเหตุการณ์และกล่าวชื่นชมในความกล้าหาญ เสียสละของกำลังพล และย้ำว่า รัฐบาลและผู้บังคับบัญชาทุกระดับพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องสิทธิ สวัสดิการ และการดูแลฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามสถานการณ์ นำผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอความร่วมมือประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสผ่านสายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร. 061-1732999 หรือสายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โทร. 1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยืนยันเดินหน้าดูแลความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

15/06/2025
Malaysia perihatin Sumbangan alat - alat sekolah kepada 60 orang pelajar miskin dan anak yatim Pattani, 15 Jun ( aman ne...
15/06/2025

Malaysia perihatin Sumbangan alat - alat sekolah kepada 60 orang pelajar miskin dan anak yatim

Pattani, 15 Jun ( aman news agency) - Konsul Jeneral Malaysia di Songkla Ahmed Fahmi Ahmad Sarkawi menyampaikan sumbangan alat - alat persekolahan kepada 60 orang pelajar miskin dan anak yatim dari tiga sekolah di Pattani selatan Thailand.

Alat - alat sekolah yang di agihkan antaranya pakaian sekolah , kasut , buku dan alat - alat tulis.

Penyerahan diadakan di sekolah Triamsuksa Pattani.

"saya berharap dapat membantu pelajar dapat meneruskan pembelaran dan dapat mengurang bebanan ibu bapa kami mendoakan anak anak berjaya dalam persekolahan dan habiskan sekolah mencari ilmu sebanyak mumkin" kata Ahmad Fahmi ketika berucap pada majlis penyampaian.

Terdahulu, Fahmi menyertai mesyuarat Agong Tahunan Persatuan Alumni Malaysia di Thailand dan pemilihan presiden baru yang diadakan hotel Park Intown Pattani.

jeneral Malaysia di Songkla



yatim

15/06/2025

150668 ปัตตานี ยุติธรรม ลุยแก้ปัญหาหนี้ ภายใต้ จัดกิจกรรม มหกรรมแก้หนี้ ปีที่ 2
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. 68 ณ ห้องน้ำพร้าวบอลรูม โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี นายกูเฮง ยาวอหะชัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม" ปีที่ 2 ครั้งที่ 36 โดย กระทรวงยุติธรรม ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตามมาตรการแก้ไข ปัญหาหนี้สิน ภายใต้ปรัชญาที่จะไม่ชัดต่อวินัยทางการเงิน และไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรมของผู้มีภาระหนี้สิน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ที่เกิดจากความสมัครใจเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย สร้างการตระหนักรู้ และเข้าใจ เพื่อเลือกใช้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทใน การยุติข้อพิพาททางแพ่ง และข้อพิพาททางอาญาตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 ประกอบด้วย การไกล่เกลี่ยหนี้สินก่อนฟ้อง ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 และหลังศาล มีคำพิพากษา ตามระเบียบกรมบังคับคดี ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้ ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เช่าซื้อ ลิสสิ่ง ที่ผิดนัดชำระหนี้เข้าเกณฑ์ฟ้อง หรือไม่มีกำลังผ่อนชำระตามสัญญา เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผน และสร้างวินัยทาง การเงินให้แก่ประชาชน เป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนต่อไป
ในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน กระทรวงยุติธรรมได้นำกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาในการแก้หนี้ ใน 3 รูปแบบ ได้แก่
แบบที่ 1 การจัดงานรูปแบบ Events ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 47 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 36 โดยการจัดงาน ครั้งที่ 35 ที่ผ่านมามีลูกหนี้ขอไกล่เกลี่ยกว่า 43,642 ราย มีทุนทรัพย์กว่า 6,444 ล้านบาท ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน กว่า 3,069 ล้านบาท
แบบที่ 2 การจัดกิจกรรมการไกล่เกลี่ย ปรับโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยเฉพาะลูกหนี้ กยศ. มีการปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์กว่า 401,248 ราย สามารถลดภาระประชาชน เช่น ลดเบี้ยปรับกว่า 1,312 ล้านบาทลดค่าธรรมเนียมศาลกว่า 20 ล้านบาท ค่าจ้างทนายความกว่า 41 ล้านบาท
แบบที่ 3 การจัดกิจกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ตามบริบทของพื้นที่ โดยสำนักงานยุติธรรมจังหวัด สำนักงานบังคับคดีจังหวัด และภาคีในพื้นที่
สำหรับการจัดงาน ในจังหวัดปัตตานี ในครั้งนี้ กำหนดจัดงาน ระหว่างวันที่ 15-17 มิถุนายน 2568 โดยได้เชิญชวนลูกหนี้ เข้าร่วมงานทั้ง 3 วัน จำนวนกว่า 1,033 ราย ราย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินข้าร่วมให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท/ ทั้งก่อนฟ้อง และหลังศาลมีคำพิพากษา รวมการจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ และให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และการสร้างวินัยทางการเงิน จากธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีลูกหนี้เดินทางเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

30/05/2025

ศอ.บต. ร่วมกับ วชช.นรา และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จัดกิจกรรมเพิ่มช่องทางอาชีพ แก่เยาวชนจบต่างประเทศ เป็นมัคคุเทศก์ต้อนรับแขกบ้านเมืองในชายแดนใต้

วันนี้ (29 พฤษภาคม 2568) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับวิทยาลัยชุมชนนราธิวาส กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศ ได้ประกอบอาชีพและผ่านการรับรองสมรรถนะในการปฏิบัติงาน "การฝึกอบรมวิชามัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยว" หลักสูตรการฝึกอบรมมัคคุเทศก์ทั่วไป (ต่างประเทศ) รุ่นที่ 2 ณ ห้องประชุมน้อมเกล้า อาคาร ศอ.บต. โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และจบการศึกษาจากต่างประเทศกว่า 40 คน มีนางกนกรัตน์ เกื้อกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (พม.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม

โดยการฝึกอบรมมัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยว แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรม ประกอบด้วย การฝึกอบรมไกด์ และการศึกษาเส้นทางในจังหวัดชายแดนภาคใต้และประเทศไทย โดยจะมีการฝึกอบรมตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้มีโอกาสสอบวัดความรู้ใบประกอบวิชาชีพมัคคุเทศก์ และเพื่อให้เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จบการศึกษาจากต่างประเทศ และมีทักษะภาษามลายู อาหรับ อังกฤษ และภาษาอื่นๆได้มีงานทำ ในพื้นที่ถิ่นกำเนิด

ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวถึงการจัดกิจกรรมดังกล่าวว่า เป็นโครงการต่อจิ๊กซอว์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมัคคุเทศก์ ที่เป็นคนในพื้นที่จริงๆจะสามารถต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และสร้างความเข้าใจที่ดีต่อนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เข้าเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถหลงใหลในวัฒนธรรม ประเพณี อาหาร ความเป็นอยู่ของพื้นที่ปลายด้ามขวาน สามารถสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพและประเทศต่อไปในอนาคต ดังนั้นไกด์หรือมัคคุเทศก์จำเป็นต้องรู้จุด Landmark และสถานที่สำคัญที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมบ้านเมืองเรา ให้มีความรู้สึก "มาครั้งนี้และอยากมาตลอดไป" สำหรับการดำเนินงานนั้น ศอ.บต. บูรณาการ การทำงานร่วมกับวิทยาลัยชุมชนนราธิวาส กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดกิจกรรมขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สำเร็จการศึกษา และผู้ที่สนใจได้แสดงศักยภาพความสามารถทางวิชาชีพ ตามมาตรฐานที่กำหนด และเพื่อสนับสนุนการประเมินและรับรองสมรรถนะ ให้เป็นไปตามมาตรฐานอาชีพและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ พร้อมกับส่งเสริมการมีงานทำ เพิ่มโอกาสในการพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน โดยการอบรมมัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยว จะแบ่งออกเป็น อบรมความรู้ด้านวิชาการ วิชาความรู้พื้นฐาน และความรู้เฉพาะทาง

แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงร่วม 3 ฝ่าย ถึงความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นย้ำความโปร่งใส ยึดหลักสิ...
30/05/2025

แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงร่วม 3 ฝ่าย ถึงความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นย้ำความโปร่งใส ยึดหลักสิทธิมนุษยชน

วันนี้ ( 29 พฤษภาคม 2568 ) เวลา 09.15 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า/ กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ร่วมกับ พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9/ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ,ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ,รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) โดยเน้นย้ำว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รอบคอบ และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ พบกลุ่มขบวนการ ผู้ก่ออาชญากรรม ได้กระทำการด้วยความโหดเหี้ยม โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างสุดซึ้ง

จากเหตุที่เกิดขึ้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ดำเนินการติดตามผู้กระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ และกำชับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบในเหตุต่างๆ

แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่าหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนดำเนินการควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมาย จากหลักฐานวัตถุพยาน หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ และจากการแจ้งข้อมูลของพี่น้องประชาชน สามารถขยายผลบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุในพื้นที่หลายเหตุการณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดหลักของกฎหมาย โดยมีมาตรการควบคุมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการใช้กฎหมายปกติ ไม่กระทำเกินกว่าเหตุ และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเด็ดขาด เจ้าหน้าที่ทุกระดับได้รับการอบรมเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ รอบคอบ และไม่เลือกปฏิบัติ

ในส่วนของการควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ต้องมีเหตุผลอันควรเชื่อว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรง และต้องประสานผู้นำชุมชน รวมถึงแจ้งญาติให้ทราบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสถานที่ควบคุมตัว ระยะเวลา และสิทธิในการเข้าเยี่ยม โดยจะมีการจัดทำหนังสือบันทึกการควบคุมตัวและให้แพทย์ตรวจร่างกาย พร้อมเชิญผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนาเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม

โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย โดย กองกำลังทหารพราน งานสืบสวนคดีความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งมีผลการปฏิบัติดังนี้ เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 16 ครั้ง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 34 คน ให้การรับสารภาพ 22 คน นำไปสู่การดำเนินคดีเบื้องต้นเวลานี้ 7 ราย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอีกหลายราย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุต่างๆ ได้แก่
1. เหตุระเบิดรถบัสรับ-ส่ง นักเรียนทางราชการ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 153 ริมถนนสาย 42 บ้านคลองขุด อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2559
2. เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณหน้าร้านน้ำชานายไพรัช บริเวณปากทางเข้าค่ายลูกเสือ หมู่ที่ 6 ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559
3. เหตุระเบิดเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 4808 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 บริเวณสะพานรอยต่อบ้านดอเฮะ ตำบลริโก๋และ บ้านสือแด ตำบลสากอ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส วันที่ 18 ตุลาคม 2567
4. เหตุคนร้ายลอบยิงนายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม หรือนายกอาร์ม นายกเทศมนตรี รือเสาะ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567
5. แขวนป้ายผ้า ข้อความ สันติภาพยั่งยืน ถนนสาย 418 ใกล้สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง PTT Station อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อ 13 กรกฎาคม 2566 ซึ่งในวันเดียวกัน มีการแขวนป้ายผ้าในพื้นที่จังหวัดยะลา รวม 10 จุด และมีวัตถุต้องสงสัย ระเบิดปลอม 3 จุด
6. เหตุคนร้ายวางเพลิงเผากล้องวงจรปิด บริเวณสามแยกบายพาส หมู่ 2 ตำบลโกตาบารู อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เมื่อ 30 มีนาคม 2568
นอกจากนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังได้จัดตั้ง “ศูนย์ซักถาม” จำนวน 6 แห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งศูนย์เหล่านี้ดำเนินการภายใต้หลักการเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด เพื่อซักถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการคลี่คลายสถานการณ์ความไม่สงบ และเพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้ต้องสงสัยที่อาจถูกชักจูงเข้าสู่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน

ท้ายที่สุด แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 หมายเลข 061-1732999 หรือสายด่วน 1341 ตลอด 24 ชม.

การแถลงข่าวในวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของหน่วยงานด้านความมั่นคงในการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน ยืนยันถึงความโปร่งใส ยุติธรรม และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนในการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอขอบคุณทุกความหวังดีต่อกำลังพล ย้ำ! ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของอุปโภคบริโภค  ตามที่ได้มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน...
27/05/2025

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอขอบคุณทุกความหวังดีต่อกำลังพล ย้ำ! ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของอุปโภคบริโภค
ตามที่ได้มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์แสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ผู้ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการส่งสิ่งของเครื่องใช้ประเภทเสื้อผ้า รองเท้า รวมทั้งอาหารแห้ง เช่น กาแฟ เครื่องดื่ม หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาให้เจ้าหน้าที่สำหรับใช้อุปโภค บริโภค โดยเมื่อรูปภาพและข้อความดังกล่าว ได้ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ และมีการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ได้มีพี่น้องประชาชนที่ห่วงใย โทรศัพท์เข้าไปสอบถามยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานถึงเรื่องราวความต้องการดังกล่าว ในอีกด้านหนึ่งอาจมีพี่น้องประชาชน เกิดความเข้าใจผิด ถึงการดูแลในเรื่องสิทธิสวัสดิการของกำลังพลซึ่งอาจได้รับไม่ครบถ้วนหรือมีความขาดแคลนในสิ่งของจำเป็นบางอย่าง และมีบุคคลบางกลุ่มนำข้อความที่ปรากฏไปขยายผลบิดเบือนอันอาจนำความเสื่อมเสียมาสู่หน่วยงานได้ เช่น หน่วยทหารในพื้นที่ จชต. มีความขาดแคลนขอรับบริจาคเสื้อผ้า อาหาร รองเท้า รวมไปถึงกางเกงชั้นใน อันอาจทำให้ผู้รับรู้ข่าวสารเกิดความวิตกกังวลและมีความห่วงใยถึงมาตรฐานการปฏิบัติงานรวมทั้งสิทธิและสวัสดิการของกำลังพลชั้นผู้น้อยในพื้นที่ที่จะได้รับจากหน่วยต้นสังกัด
จากเรื่องดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอเรียนให้สาธารณชนได้รับทราบ ดังนี้
1 จากข้อมูลที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีพี่น้องประชาชนส่งสิ่งของบริจาคไปให้เจ้าหน้าที่นั้น จากการสอบถามผู้รับสิ่งของปลายทาง พบว่า ไม่ได้เกิดจากการเรียกร้องหรือร้องขอ แต่เกิดจากการที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์มีความปรารถนาดีและต้องการส่งกำลังใจไปให้กับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวด้วยตนเอง
2 สิ่งของเสื้อผ้าและรองเท้า ที่เจ้าหน้าที่ได้รับนั้น ไม่ใช่เครื่องแบบและรองเท้าสำหรับใช้ในการปฏิบัติราชการ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเครื่องแบบหรืออุปกรณ์สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานนั้น ผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้ให้การดูแลใส่ใจเป็นอย่างดี รวมทั้งมีการแจกจ่ายที่ครบถ้วน สามารถใช้งานได้เหมาะสมกับภารกิจ
3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีความห่วงใยในการปฏิบัติงาน และเข้าใจถึงความปรารถนาดีของพี่น้องประชาชน ที่มีต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งปฏิบัติงานด้วยความยากลำบากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอเรียนให้ทราบว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ไม่ได้ปิดกั้นความปรารถนาดีของทุกท่าน และขอเน้นย้ำว่า หน่วยต่างๆไม่ได้มีความขาดแคลน เสื้อผ้า อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม สำหรับกำลังพลที่ใช้ในการปฏิบัติราชการ แต่อย่างใด

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจ้งกรณีเหตุคนร้ายลอบยิงสองสามีภรรยาในพื้นที่ จ.ยะลา พบเชื่อมโยง 3 คดีเหตุความไม่สงบจากกรณ...
19/05/2025

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจ้งกรณีเหตุคนร้ายลอบยิงสองสามีภรรยาในพื้นที่ จ.ยะลา พบเชื่อมโยง 3 คดีเหตุความไม่สงบ

จากกรณีเหตุคนร้ายลอบยิง นายบือราเฮง สีละรู อายุ 47 ปี และ นางสาว สตีมาลีแย อัปดุลเล๊าะ อายุ 46 ปี สองสามีภรรยาเสียชีวิต บริเวณบ้านเลขที่ 94 หมู่ที่ 2 ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 1930 น. ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดขณะ นายบือราเฮงฯ กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน และ นางสาวสีตีมาลีแยฯ กำลังอาบน้ำอยู่ข้างบ้าน ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พบปลอกระสุนปืนคาร์บิน ขนาด 0.30 มิลลิเมตร ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 ปลอก และเศษกระสุน จำนวน 1 ชิ้น สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตั้งปมขัดแย้งเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป

ซึ่งภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้น มีกระแสข่าวทางสื่อโชเชียลพยายามบิดเบือนโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่มีสาเหตุใดที่เจ้าหน้าที่ต้องไปกระทำการอย่างนั้น เนื่องจากบ้านเมืองมีหลักกฎหมายสำหรับบังคับใช้ หากพบว่าบุคคลใดเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายก็สามารถนำกฎหมายมาบังคับใช้กับบุคคลนั้นๆได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอให้การยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าจะนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนกรุณาตรวจสอบข่าวสารที่ได้รับทราบอย่างรอบคอบถี่ถ้วน เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างความรุนแรง หวังผลความแตกแยกของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อวัตถุประสงค์แอบแฝงทางการเมืองต่อไป

สำหรับผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนที่ใช้ในเหตุการณ์ความรุนแรงหลายคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเชื่อมโยงกัน โดยสามารถสรุปได้เป็น 3 คดีหลัก ดังนี้
1. กรณีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 06.00 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.วัฒนารมย์ ชูปาน ระหว่างขับรถออกจากวัดพร้อมพระ-สามเณร ทำให้สามเณรมรณภาพ 1 รูป และบาดเจ็บหลายราย ในพื้นที่ หน้าวัดเกาะอภินิหาร หมู่ที่ 6 ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ผลการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนจำนวน 30 ปลอก ยืนยันว่ายิงมาจากปืน M16 กระบอกเดียวกัน ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จำนวน 6 คดี ที่สำคัญพบว่าเคยใช้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและประชาชนมาแล้วจำนวนมากเป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และประชาชนเสียชีวิต จำนวน 4 ราย
2. กรณีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 15.30 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นางสง่า แสงย้อย หญิงชรามีความพิการทางสายตา เสียชีวิต และนายทัศไนย์ ตั้งคง บาดเจ็บ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากโรงพยาบาลจะแนะ เพื่อที่จะกลับบ้าน เหตุเกิดบนถนนรอยต่อ หมู่ที่ 4 กับ หมู่ที่ 5 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บหลักฐานวัตถุพยานพบปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 9 พบว่ามีประวัติเคยใช้ก่อเหตุรวม 3 คดี กรณียิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน และประชาชนเสียชีวิตรวม 2 ราย
3. กรณีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 19.45 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้าน บ้านเลขที่ 1/3 และ 1/4 หมู่ที่ 5 ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บรวบรวมวัตถุพยานพบปลอกกระสุนปืนเล็กกล ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 29 ปลอก ใช้ยิงมาจากปืน จำนวน 2 กระบอก โดยกระบอกที่ 1 พบว่าใช้ก่อเหตุมาแล้ว 26 คดี เคยใช้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนชุดคุ้มครองตำบล พระสงฆ์ และประชาชนในพื้นที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่วนกระบอกที่ 2 ได้มาจากการทำร้ายสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ขณะลาดตระเวนเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู บริเวณถนนริมคลองชลประทานบ้านโคกยาง หมู่ที่ 5 ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สนธยา ชัยสิทธิ และ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อมร บุญทอง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และคนร้ายได้ปล้นเอาอาวุธประจำกายไปด้วย และนำไปใช้ก่อเหตุมาแล้ว 4 คดี ส่วนปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 9 มิลลิเมตร ที่พบในที่เกิดเหตุพบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนที่ก่อเหตุมาแล้ว จำนวน 3 คดี มีประชาชนเสียชีวิตจำนวน 1 ราย

โดยทั้งหมดเกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและแนวร่วมโดยมุ่งหวังเพื่อให้เกิดความหวาดระแวง สร้างความแตกแยกในสังคม ด้อยค่าเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องการให้ประชาชนตอบโต้กันไปมา เพื่อที่จะให้เข้าสู่ภาวะที่ควบคุมไม่ได้ สร้างเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะเปิดโอกาสให้กลุ่มขบวนการ แบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จในที่สุด ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ใช้ความรุนแรง สำหรับคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทุกคดี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ จะรีบเร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

22 มิ.ย เจอกันที่คู่หา
19/05/2025

22 มิ.ย เจอกันที่คู่หา

รองนายก มะ แคนาดา ท้าชิงแชมป์เก่า ในการเลือกตั้งเทศบาลเมืองรูสะมิแลปัตตานี (19 พ.ค 68) -  บรรยากาศวันสมัครคึกคัก ก่อนหน้...
19/05/2025

รองนายก มะ แคนาดา ท้าชิงแชมป์เก่า ในการเลือกตั้งเทศบาลเมืองรูสะมิแล

ปัตตานี (19 พ.ค 68) - บรรยากาศวันสมัครคึกคัก ก่อนหน้านี้ การเลือกตั้งงสมาชิกสภาและนายกเทศมนตรีเทศบาล ของจังหวัดปัตตานี ทั้ง 16 เทศบาลเสร็จสิ้นลงไปแล้วทั้ง 16 เทศบาลของจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา จนรู้ผลแพ้ชนะไปแล้ว แต่ยังคงเหลือเพียงเทศบาลเมืองรูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ที่ยังไม่สามารถทำการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า ทางเทศบาลเมืองรูสะมีแล อยู่ระหว่างการดำเนินการเปลี่ยนสถานะจากเทศบาลตำบลรูสะมิแล เป็นเทศบาลเมืองรูสะมีแล ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่สามารถเตรียมการเลือกตั้งได้ทัน ทำให้เทศบาลเมืองรูสะมิแล เพียงเทศบาลเดียวที่ยังไม่มี มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาและนายกเทศบาลแต่อย่างใด ล่าสุดทางเทศบาลเมืองรูสะมิแลก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้ โดยทาง กกต.จังหวัดปัตตานี ได้จัดให้มีการสมัครรับเลือกตั้งในวันนี้ (19 พ.ค. )
ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานเทศบาลเมืองรูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี บรรยากาศการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศบาลเมืองรูสะมิแล เป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อมีบรรดาผู้สมัครและบรรดากองเชียร เดินทางมากันเป็นจำนวนมากตั่งแต่ช่วงเช้า โดยในวันนี้พบมีผู้มาสมัครชิงเก้าอี้นายกเทศบาลเมืองรูสะมิแล เพียง 2 ราย ได้แก่ 1 นางอนงค์ คารวนันทน์ อดีตนายกเทศบาลตำบลรูสะมิแล แชมป์เก่า มาในนาม ทีมรักษ์รูสะมิแล โดยจับฉลากได้หมายเลข 1 และ 2 นายมูฮัมหมัด ดือราโอะ อดีตรองนายกเทศบาลตำบลรูสะมิแล มาในนามทีม ฅนสร้างเมืองจับฉลากได้หมายเลข 2

นอกจากนี้ยังมีบรรดาสมาชิกสภาของทั้ง 2 ทีมใน 3 เขตเลือกตั้ง ก็เดินทางมาสมัครพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียงกัน ท่ามกลางการมาให้กำลังใจของทั้ง 2 ทีม อย่างคับคั่ง โดยจะจัดให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ ที่ 22 มิ.ย.68

สำหรับการชิงตำแหน่งนายกเทศบาลเมืองรูสะมิแลในครั้งนี้ ถือว่า ผู้สมัครทั้ง 2 ท่าน มีประสบการณ์การทำงาน และเป็นที่รู้จักอย่างดีของคนในพื้นที่ ทำให้การแข่งขันในครั้งนี้สูสีกันมาก ทำให้ทั้ง 2 ทีมต้องทำการบ้านอย่างหนัก และต้องนำเสนอนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด

ทางด้าน นายมูฮัมหมัด ดือราโอะ หมายเลข 2 กล่าวว่า การลงเลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากมีเจตนารมณ์ที่ต้องการเปลี่ยนรูสะมิแลให้ดีกว่าเดิม เพราะตำบลรูสะมิแลมีโอกาสที่จะพัฒนาให้ดีกว่าเดิมได้ ในทุก ๆ ด้าน แต่ที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับโอกาสในการพัฒนาดีเท่าที่ควร จึงได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้เกิดทีมงานนี้ขึ้นมา โดยใช้ทีมที่ชื่อขึ้นต้นด้วย ฅ ซึ่งมาจากรากหญ้า มารวมตัวกันเพื่อที่จะอาสาพัฒนารูสะมิแลต่อไป

ทางด้าน นางอนงค์ คารวนันทน์ หมายเลข 1 กล่าวว่า ที่ผ่านมา 4 ปีในการดำรงตำแหน่ง ตนเองมีความมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาตามนโยบายที่ได้ให้ไว้กับประชาชนชาวรูสะมิแล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ก็จะทำตามนโยบายที่ได้ให้ไว้กับชาวรูสะมิแลเช่นกัน โดย 4 ปีที่ผ่านมา ก็ได้พัฒนาทุกๆด้านและได้ยกฐานะเทศบาล จากเทศบาลจากเทศบาลตำบลรูสะมิแล มาเป็นเทศบาลเมืองรูสะมิแล และมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าด้านการศึกษา แหล่งท่องเทียว โครงสร้างพื้นที่ฐาน ด้านอุปโภค บริโภค ก็ต้องสานต่อเพื่อพัฒนาให้กับชาวรูสะมิแลต่อไป
#เทศบาลเมืองรูสะมีแล
#ฅนสร้างเมือง
#เลือกตั้งเทศบาลเมือง

แม่ทัพภาค 4 ประชุมหน่วยความมั่นคง พร้อม สั่งการ ยกระดับรักษาความปลอดภัย รับเปิดเทอม พร้อมทั้งเพิ่ม เข้มข้น การบังคับใช้ก...
16/05/2025

แม่ทัพภาค 4 ประชุมหน่วยความมั่นคง พร้อม สั่งการ ยกระดับรักษาความปลอดภัย รับเปิดเทอม พร้อมทั้งเพิ่ม เข้มข้น การบังคับใช้กฎหมาย การควบคุมพื้นที่ควบคู่กับการเร่งกวาดล้างภัยแทรกซ้อน
ที่แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยได้ถ่ายทอดข้อสั่งการสำคัญภายหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เพื่อมุ่งเน้นการขับเคลื่อนภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) อย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกมิติ
ด้านประเด็นสำคัญในที่ประชุมวันนี้ ต้องการเห็นความร่วมมือทั้ง 3 ฝ่าย ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ดำเนินการตามข้อเสนอของผู้ว่าราชการจังหวัด เสริมสร้างการมีส่วนร่วมระดับพื้นที่ ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในแผนรักษาความปลอดภัยเมืองเศรษฐกิจ 8 เมืองหลัก และพื้นที่ 38 อำเภอ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความเข้มข้น การบังคับใช้กฎหมาย การควบคุมพื้นที่ควบคู่กับการเร่งกวาดล้างภัยแทรกซ้อน อาทิ ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย การลักลอบข้ามแดน และเหตุรุนแรง พร้อมเร่งรัดดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุด สิ่งที่สำคัญคือการคุ้มครองดูแลเป้าหมายอ่อนแอ โดยเฉพาะบุคลากรทางการศึกษาที่เปิดภาคเรียนในเดือนพฤษภาคม 2568 พร้อมให้ทุกหน่วยทบทวนแผนการรักษาความปลอดภัย วิเคราะห์สถิติ และกำหนดมาตรการเชิงป้องกันที่ชัดเจนด้วยปฏิบัติการเชิงรุก เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและติดตามเหตุร้ายในพื้นที่รอยต่อ พร้อมประสานการทำงานระหว่างหน่วยอย่างใกล้ชิด “ปฏิบัติจริง ไม่ปล่อยผ่าน” หากพบการบกพร่องหรือไม่ให้ความร่วมมือ ขอให้รายงานโดยตรงเพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขให้ตรงจุดและทันสถานการณ์
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 เน้นย้ำให้ทุกหน่วย สร้างความเข้าใจด้วยการลงพื้นที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง กับพี่น้องประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างการรับรู้ผลกระทบจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุ พร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมแสดงออกถึงการต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ
ด้าน นายนิกร เซ้งเถียร ผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศค.จชต.) ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องในโอกาสการเปิดภาคเรียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 รวมถึงโรงเรียนบางแห่งที่ได้เริ่มเปิดการเรียนการสอนไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ได้เร่งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อวางมาตรการด้านความปลอดภัย และได้ดำเนินการซักซ้อมแนวทางการเฝ้าระวังภัยและปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ เพื่อให้การเปิดภาคเรียนดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย มีความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับครู ผู้ปกครอง และนักเรียนอย่างสูงสุด

รองแม่ทัพภาค 4 พร้อมแพทย์ ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ เน้นย้ำการฝึกอย่างมีคุณภาพ พร้อมส่งเสริมการพัฒนา “น้องคนเล็กของกองท...
16/05/2025

รองแม่ทัพภาค 4 พร้อมแพทย์ ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ เน้นย้ำการฝึกอย่างมีคุณภาพ พร้อมส่งเสริมการพัฒนา “น้องคนเล็กของกองทัพบก” ในทุกมิติ
พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พลตรี รัฐวิชญ์ วุฒิภัทรพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ / แพทย์ใหญ่กองทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจน้องคนเล็กกองทัพบก ทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1 ประจำปี 2568 พร้อมตรวจสอบความพร้อมของหน่วยฝึกทหารใหม่ เพื่อเน้นย้ำให้หน่วยฝึกปฏิบัติตามมาตรฐานการฝึกอย่างเคร่งครัด ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก และแนวทางของกรมยุทธศึกษาทหารบก นอกจากนี้ยังร่วมพบปะ พูดคุย สร้างขวัญกำลังใจ สร้างความอุ่นใจให้กับน้องทหารใหม่อย่างเป็นกันเอง ซึ่งประกอบด้วย หน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 46 และ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 153 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
ในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เน้นย้ำถึงนโยบายสำคัญของผู้บัญชาการทหารบก และความห่วงใหญ่ของแม่ทัพภาคที่ 4 ในการฝึกทหารใหม่ให้ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ พร้อมกำชับให้ครูฝึกประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีความอดทน เข้าใจธรรมชาติของทหารใหม่ที่อยู่ระหว่างการปรับตัว เน้นการดูแลแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ที่หลับที่นอน อาหารการกิน และการใช้ชีวิตร่วมกันภายในหน่วยฝึก
นอกจากนี้ ยังเน้นให้ครูฝึกสร้างความเข้าใจแก่ทหารใหม่ในการดำรงชีวิตในระบบทหาร ปลูกฝังวินัย ความอดทน การมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญ หากสามารถผ่านพ้นไปได้จะเป็นพื้นฐานของการเติบโตอย่างมีคุณภาพ
รองแม่ทัพภาคที่ 4 ยังให้คำแนะนำและแรงบันดาลใจแก่น้องทหารใหม่ ในการพัฒนาตนเองทางด้านการศึกษา โดยเฉพาะผู้ที่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ให้ใช้ช่วงเวลานี้เรียนรู้เพิ่มเติม รวมถึงส่งเสริมให้เตรียมความพร้อมเพื่อสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก สร้างโอกาสที่มั่นคงให้กับชีวิตหลังปลดประจำการ
ในด้านการแพทย์ ได้เน้นย้ำทีมแพทย์ประจำหน่วยฝึกทหารใหม่ให้ดำเนินการเชิงรุก ทั้งการตรวจสอบประวัติสุขภาพรายบุคคล คัดกรองโรค ความเสี่ยง โรคลมร้อน โรคแพร่ระบาดอื่น ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังดูแลทหารใหม่อย่างใกล้ชิด
“การดูแลน้องคนสุดท้องของกองทัพบก เป็นภารกิจสำคัญของผู้บังคับบัญชา ทหารใหม่ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี่ ทุกคนเสียสละ บางคนสมัครใจ บางคนวัดดวงเข้ามา จึงควรได้รับโอกาสในการพัฒนาชีวิต ให้มองช่วงเวลานี้เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ” พลตรี วรเดช เดชรักษา กล่าว
ด้าน พลทหาร แท่นทอง อาจณรงค์ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 153 เปิดเผยความรู้สึกหลังผ่านการใช้ชีวิตในหน่วยฝึกมาเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ว่า ตนสมัครใจเข้ามารับใช้ชาติด้วยความตั้งใจ พร้อมเปิดใจเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ ๆ “สิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ความอดทน การรู้จักใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน ๆ และการปรับตัวให้อยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบวินัยและเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นประสบการณ์ที่ดี
“สำหรับแนวทางในอนาคตหลังจากปลดประจำการ พลทหาร แท่นทอง ระบุว่า มีความตั้งใจอยากมีงานประจำที่มั่นคง หรืออาจเลือกเดินเส้นทางในสายอาชีพทหารอย่างจริงจัง โดยเตรียมตัวสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบกเพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเองและครอบครัวต่อไป”

Address

Klang
94000

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when สำนักข่าวอามาน - Aman News Agency posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to สำนักข่าวอามาน - Aman News Agency:

Share