
06/08/2025
ภาษาไทย พี่คูณ สรุปไว้แล้ว
เรมโค เอเวนเนโพลจะย้ายจากทีม Soudal Quickstep ไปอยู่ทีม Redbull Bora Hansgrohe ในวันที่ 1 มกราคม 2026
เสร็จสิ้นดีลแห่งปีที่ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ปี 2022
การย้ายทีมครั้งแรกในชีวิตของเรมโคครั้งนี้มีความหมายมากสำหรับทุกๆ คนที่มีส่วนรวม
ด้วยมูลค่าค่าตัว 5-7 ล้านยูโรต่อปี เรมโค เอเวนเนโพลเป็นหนึ่งในนักปั่นที่ค่าตัวเยอะที่สุดในวงการตอนนี้ ถ้าจะเปรียบให้เห็นว่ามันเยอะขนาดไหน เรมโคได้ค่าตัวมากกว่าคริส ฟรูมหลังที่เขาคว้าแชมป์ Tour de France 4 สมัย มากกว่าโยนาส วิงเกโก (แชมป์ Tour สองสมัย) มากแทบจะเท่าค่าตัวทาเดจ์ โพกาชา (ราวๆ 8.3 ล้านยูโรต่อปี)
เรมโคยังไม่เคยชนะ Tour แม้แต่ครั้งเดียว
ค่าตัวที่เรมโคจะได้ยาก Redbull มากับความคาดหวังว่าเขาจะเป็นแชมป์ Tour de France ได้ในเร็วๆ นี้ กลับกันตัวเรมโคเองไม่สามารถผิดพลาดได้อีกแล้วในแกรนด์ทัวร์ การถอนตัวกลางสนาม หรือการเสียเวลาหลายๆ นาทีระหว่างแข่งแกรนด์ทัวร์เหมือนที่ผ่านมาน่าจะเป็นสิ่งที่ทีมใหม่ยอมรับไม่ได้
====
1
ทำไมต้องย้าย
เรมโคเริ่มแข่งกับทีม Quickstep ตั้งแต่อายุ 19 ปี และเป็นหนึ่งในนักปั่นคนแรกๆ ที่ข้ามระดับ U23 ด้วยความสามารถที่เก่งเกินนักแข่งในวัยเดียวกัน ผมไม่คิดว่าทีม Quickstep ในตอนนั้นคิดว่าเรมโคจะกลายมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์แกรนด์ทัวร์ได้ เพราะช่วงแรกเขาเองก็ดูถูกปั้นมาในรูปแบบของทีม Quickstep นั่นคือเป็นนักแข่งสนาม one day race และรายการคลาสสิคหลายๆ รายการ แต่ด้วยความสามารถของเรมโคเอง นอกจากจะชนะสนาม one day race ได้บ้างแล้วแต่กลับชนะรายการสเตจเรซแบบหนึ่งสัปดาห์ได้แทบทุกสนามที่ลงแข่ง
ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาทีม Quickstep เลยปรับตัวมาเป็นทีมที่อยากได้แชมป์แกรนด์ทัวร์ ปลดนักแข่งรายการคลาสสิค จ้างนักไต่เขามาฟอร์มทีมช่วยเรมโค จนคว้าแชมป์ Vuelta a Espana ได้สำเร็จในปี 2022 และคว้าอันดับสามใน Tour de France แรกที่เขาลงแข่งในปี 2024
แต่ถ้าเราจะบอกว่า Soudal Quickstep พาเรมโคมาได้ไกลที่สุดแล้วก็คงไม่ผิดนัก ชัดเจนว่าทีมขาดผู้ช่วยให้เรมโคในระดับเดียวกับ UAE, Visma และ Redbull ด้วยงบทำทีมที่ไม่สูงเท่าระดับซุปเปอร์ทีมอื่นๆ และแนวทางการทำทีมที่ยังรักษารากความเป็นทีมล่าแชมป์รายการคลาสสิคและสปรินต์อยู่ ถ้าเรมโคอยากจะขยับอันดับโพเดียมให้สูงขึ้น Quickstep ไม่ใช่ทีมที่จะช่วยเขาได้
====
2
ดีลแห่งปี
ข่าวลือเรื่องการพยายามย้ายทีมหรือมีทีมอื่นมาทาบทามเรมโคมีมาตั้งแต่ 2022 หลังเรมโคได้แชมป์ Vuelta ซึ่งช่วงแรกเป็นทีม Ineos ที่ต้องการหาแชมป์แกรนด์ทัวร์คนใหม่ แต่ปัญหาของทีม Soudal Quickstep คือสัญญาสปอนเซอร์ใหญ่ของทีม บริษัท Soudal ระบุไว้ว่าข้อแม้ในการสนับสนุนทีมต่อไปคือเรมโคต้องอยู่ในทีมด้วย ถ้าเรมโคไม่อยู่ Soudal ก็ไม่อยู่
ผู้จัดการทีมตอนนั้น แพททริค เลอแฟร์เลยพยายามเอาใจให้เรมโคอยู่ต่อด้วยการสัญญาว่าจะพยายามสร้างทีมมาซัพพอร์ทเขาให้ได้ดีที่สุดซึ่งทีมก็ทำได้ ถึงจะไม่ได้ผู้ช่วยให้เรมโคในระดับเดียวกับ UAE / Visma ก็ตาม ทำให้ Ineos ล้มเลิกความตั้งใจในการซื้อตัวเรมโคออกจากสัญญาทีมปัจจุบันที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2026
ข่าวเรื่องการย้ายทีมมาเริ่มอีกครั้งหลัง Tour de France 2024 ที่เรมโคคว้าอันดับสามได้ในครั้งแรกที่ลงแข่ง ซึ่งรอบนี้คนสนใจคือ Redbull Bora-Hansgrohe ที่พยายามจะซื้อตัวเรมโคออกจากสัญญาปัจจุบันให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะ การจะฉีกสัญญาทั้งสามฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (ทีมสองทีมและนักปั่น) ต้องยอมรับข้อตกลงร่วมกัน โดยมีสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) เป็นผู้อนุมัติการย้ายทีมก่อนจบสัญญาเก่าถึงจะสิ้นสุด
ซึ่งสุดท้ายดีลที่ว่าก็สำเร็จเมื่อวานนี้ จนมีประกาศออกมาจากทั้งสามฝ่าย นั่นคือเรมโคจะย้ายไป Redbull Bora ก่อนตัวเองหมดสัญญากับ Soudal Quickstep 1 ปี (เข้าทีมใหม่ 1 มค 2026) โดยที่ข่าววงในจากนักข่าวประจำวงการชื่อดังคุณ Daniel Benson อดีตบรรณาธิการบริหาร Cyclingnews รายงานว่าทาง Redbull Bora จะเป็นคนจ่ายค่าสัญญาที่เหลือของเรมโคให้ทาง Soudal Quickstep โดยอาจจะมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพิ่มเติมในการย้ายทีมก่อนสัญญาเก่าจบด้วย
====
3
ทำไมต้องเป็น Redbull?
เป็นคำถามที่ตอบไม่ยาก และมีสองมิติ มิติแรกคือเรื่องเงิน - Redbull คงเป็นทีมเดียวในเปโลตองตอนนี้ที่ a.) มีเงินจ้างนักปั่นค่าตัวระดับเรมโค และ b.) ยังขาดแชมป์แกรนด์ทัวร์ในอนาคต (โรจ์ลิคคงแข่งอีกไม่นาน และยังไม่มีคนไหนในทีมที่พอการันตีผลงานแชมป์ได้แน่นอนเหมือนโรจ์ลิค)
เหตุผลหลักในการย้ายของเรมโคก็คือเรื่องการสนับสนุนเขาในแกรนด์ทัวร์ และถ้าเราดูสถิติย้อนหลังก็ชัดเจนว่า ถ้าอยากมีโอกาสได้แชมป์แกรนด์ทัวร์ มันมีแค่ 3 ทีมที่พอจะให้โอกาสนั้นกับเราได้
ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีแค่ 4 ทีมที่คว้าแชมป์แกรนด์ทัวร์ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง -
Visma Lease a Bike เก็บไป 7 แชมป์
UAE Team Emirates เก็บไป 5
Redbull Bora Hansgrohe ได้ 2 แชมป์
Ineos Grenadiers ได้ 2 แชมป์
Soudal Quickstep ของเรมโคทำได้สนามเดียวคือ Vuelta 2022 และตอนนี้คงไม่นับ Ineos ให้เป็นทีมที่จะดันแชมป์แกรนด์ทัวร์ได้สำเร็จ
ถามว่าทีมที่แข็งแกร่งสำคัญแค่ไหนที่จะเพิ่มโอกาสในการได้แชมป์ ลองดูตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็เช่น เซป คุสใน Vuelta 2023 การมีอยู่ของโรจ์ลิค และวิงเกโกในทีมเดียวกันกับคุสช่วยให้เขาได้แชมป์ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าคุสไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับสองคนนี้ โอกาสได้แชมป์แกรนด์ทัวร์คงเป็นไปไม่ได้เลย การมีหัวหน้าทีมที่ทำเวลานำคนอื่นได้ขาดลอยหลายๆ คนก็ทำให้ทีมมีตัวเลือกเยอะในสนามแข่ง ซึ่งเรมโคกำลังจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคุส เพราะใน Redbull ตอนนี้มีทั้งแชมป์แกรนด์ทัวร์และดาวรุ่ง - พริมอซ โรจ์ลิค / จาย ฮินด์ลีย์ / ฟลอเรียน ลิปโปวิทซ์ ยังไม่รวมตัวช่วยในสเตจภูเขาเก่งๆ อีกหลายคน อย่างอเล็กซานเดอร์ วลาซอฟ / กิวลิโอ เพลลิซซารี / แดนนี มาร์ติเนซ รวมถึงแมทเทีย แคททานีโอ ที่ย้ายตามเรมโคมาจาก Soudal Quickstep ด้วย
นอกจากได้ทีมที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ล่าแชมป์แกรนด์ทัวร์มากกว่าเดิมแล้ว Redbull ยังปรับทีมบริหารและโค้ชใหม่ โละคนเก่าออกเกือบครึ่ง เปลี่ยนเอาคนที่รู้ใจและคุ้นเคยกับการโค้ชให้เรมโคตามเขามาด้วย มีโค้ช Klass Lodewyck ที่ตามมาจาก Quickstep และ Sven Vanthourenthout โค้ชทีมชาติเบลเยียมที่เคยพาเรมโคคว้าแชมป์โลกทั้ง Road และ Time Trial ยังไม่รวมฝั่งอุปกรณ์ที่ยังใช้จักรยาน Specialized เหมือนเดิม
====
4
ทางยาก
สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแรกเลยสำหรับ Soudal Quickstep คือ คงกลับไปเป็นทีมล่าแชมป์รายการ one day race / classic เหมือนเดิม ดูจากการที่เพิ่งจ้างอดีตแชมป์โลก แยสเปอร์ สตอยเว็นจาก Lidl Trek ไปเข้าทีม และในแกรนด์ทัวร์คงกลับไปล่าสเตจเหมือนเดิม สิบปีที่ผ่านมา แทบไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็น Quickstep เก็บแชมป์อย่างน้อย 3-4 สเตจในแต่ละแกรนด์ทัวร์ที่ทีมลงแข่ง แต่ผลงานที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของทีมแบบนั้นลดลงในสมัยที่มาฟอร์มทีมให้เรมโคได้แชมป์แกรนด์ทัวร์
ในฝั่งเรมโคเอง ชีวิตคงเครียดขึ้นเยอะกับความคาดหวังที่มากขึ้น และความเพรียบพร้อมที่ Redbull จัดให้แบบนี้หมายความว่าตัวนักแข่งเองไม่สามารถมีข้ออ้างใดๆ ได้อีกที่จะไม่ perform
ปัญหามันอยู่ที่ว่าตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่มีสนามไหนเลยที่ทำให้เราเห็นว่าเรมโคจะสามารถชนะโยนาสและทาเดจ์ได้ในแกรนด์ทัวร์...
ส่วนตัวผมเอง ผมไม่คิดว่าเรมโคจะเป็นคนล่าแชมป์แกรนด์ทัวร์ที่คงเส้นคงวาเหมือน ทาเดจ์ พริมอซ โยนาส จริงว่าเป็นคนมีพรสวรรค์สูงมาก ถึงจะไม่ใช่แนวโจมตีรุนแรงเหมือนคู่ทาเดจ์ กับโยนาส แต่ power output ของเขาก็สยบนักไต่เขาคนอื่นๆ ได้แบบขาดลอย
ใน Tour 2024 ที่เรมโคได้ที่สาม เขานำห่างที่สี่เกินสิบนาที 😳 แต่มันก็คงเป็นเดิมพันที่ดีที่สุดของ Redbull ในตอนนี้ เพราะทีมกีฬาไหนๆ ก็ตามที่ Redbull เข้ามาเป็นเจ้าของ ความคาดหวังคือ P1 ไม่ใช่โพเดียม และคนที่การันตีที่หนึ่งให้ในตอนนี้ในเปโลตองมีเจ้าของหมดแล้ว มันก็จะเหลือแค่คนที่เคยชนะแกรนด์ทัวร์ และยังดูพัฒนาไปต่อได้ ซึ่งก็คือเรมโค
นอกจากคู่ทาเดจ์ โยนาสที่เรมโคยังต้องก้าวข้ามให้ได้ ตอนนี้ก็ยังต้องเจอเด็กใหม่ไล่หลังอย่างไอแซค เดล โทโร กับฟลอเรียน ลิปโปวิทซ์ด้วย
ฝั่ง Redbull เองก็น่าสนใจว่าจะบริหารทีมและนักแข่งยังไง เพราะโรจ์ลิคเองก็ยังเหลือสัญญากับทีมจนสิ้นปี 2026 การย้ายทีมมาของพริมอซเขาก็หวังว่าจะได้นำทีมใน Tour de France ไม่ต้องมาแย่งบทบาทหัวหน้าทีมเหมือนตอนอยู่ Visma
ทีนี้ นักแข่งดาวรุ่งของทีมอย่างลิปโปวิทซ์ซึ่งเป็นคนเยอรมัน ที่อยู่ในทีมเยอรมันและสปอนเซอร์เกือบทั้งหมดของทีมเป็นบริษัทเยอรมัน ก็คงอยากเห็นนักแข่งเยอรมันถูกดันให้ได้เป็นหัวหน้า ในระหว่างที่เรมโคอยู่กับทีมโดยเฉพาะเมื่อเขาได้โพเดียม Tour ในครั้งแรกที่ลงแข่งไม่ต่างกับเรมโค...การจัดการอีโก้ของนักแข่งก็คงไม่ง่ายเท่าไร ผมเดาว่าในสัญญาของเรมโคกับ Redbull คงมีข้อแม้ว่าจะย้ายมาได้ก็ต้องให้เขานำ Tour คนเดียวด้วย ซึ่งน่าดูว่าทีมจะจัดการยังไง
=====
5
ผมเคยคิดว่าถ้าเรมโคเลือกหนทางชีวิตอีกแบบ เป็นนักแข่ง one week race และรายการคลาสสิค ผลงานของเขาคงเยอะจนนับไม่ถ้วน
ในสนาม One Day Race ผมว่าเขาแข่งระดับแมธธิว แวน เดอ โพลล์ได้ คงพูดได้ว่ามีไม่กี่คนในโลกที่สามารถเลือก “เส้นทาง” ในการเป็นนักแข่งอาชีพได้เหมือนเรมโค ที่เก่งรอบด้าน ลงได้แทบทุกสนามแบบเขา (อีกคนก็ทาเดจ์ไง) แม้แต่แมธธิวก็เลือกไม่ได้ เพราะความเชี่ยวชาญคือรายการคลาสสิค ไม่มีทางจะได้แชมป์แกรนด์ทัวร์ เหมือนทาเดจ์และเรมโค เลยไม่แปลกใจว่าทำไมเรมโคเลือกทางยากที่เป้าหมายสูงสุดคือแชมป์ Tour de France
จริงว่าสู้กับทาเดจ์และโยนาสมันไม่ง่าย แต่ถ้าเราย้อนไปดูช่วงปี 2010s คนที่กวาดเรียบตอนนั้นคือ คริส ฟรูม แต่มันก็ยังมีปีที่วินเชนโซ นิบาลี ขึ้นมาได้แชมป์ Tour (2014) ใช่ คนอาจจะพูดว่าก็ปีนั้นคอนทาดอร์กับฟรูมล้มจนถอนตัวไป นิบาลีเลยชนะ แต่แชมป์ก็คือแชมป์ ไม่ใช่คำว่าไม่สมศักดิ์ศรี เพราะการแข่งแกรนด์ทัวร์ไม่ได้มีแค่การเป็นคนที่เร็วที่สุดใน 21 วัน แต่ก็ต้องสามารถประคองตัวเองแข่งให้จบทุกวันด้วย
ถ้าไม่เลือกทางยากชีวิตการแข่งคงไม่มีความหมาย เดิมพันนี้ใหญ่สำหรับทั้งเรมโคและ Redbull เพราะมันก็มีความเป็นไปได้ที่เรมโคจะไม่ใช่ Tour เลยสักครั้งเดียวจนเขารีไทร์ เหมือนที่พริมอซ โรจ์ลิคคงต้องยอมรับในตอนนี้
ติดตามกันว่าเขาจะทำได้สำเร็จไหมกับการคว้าเสื้อเหลืองครับ เพราะต่อจากนี้ จากที่ได้ค่าตัวสูงเกือบที่สุดในวงการ มีทีมที่ดีที่สุด มีอุปกรณ์ที่ดีที่สุด ถ้าจะไม่ชนะไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้ว