นิตยสารสัตว์น้ำ

นิตยสารสัตว์น้ำ คลังสมองของผู้ประกอบการสัตว์น้ำ

งานมาแล้ว สวัสดิการเริศ ใครสนใจยื่นสมัครได้เลยจ้า
20/11/2025

งานมาแล้ว สวัสดิการเริศ ใครสนใจยื่นสมัครได้เลยจ้า

น้ำใสเปิดรับทีมงานเพิ่ม สมัครเลย!
คลิก! https://forms.gle/1WRfTYef2kxAJa6L9

เก็บตกจากงานเสวนา...กรมประมงชี้ปลาหมอคางดำลดลงชัดเจน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการบูรณาการทั่วประเทศกรมประมงรายงานสถานการณ์ปลาหม...
18/11/2025

เก็บตกจากงานเสวนา...กรมประมงชี้ปลาหมอคางดำลดลงชัดเจน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการบูรณาการทั่วประเทศ

กรมประมงรายงานสถานการณ์ปลาหมอคางดำจากการสำรวจในพื้นที่ระบาดและพื้นที่กันชนล่าสุด มีความคืบหน้าเชิงบวกจากการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลสำรวจเดือนกันยายน 2568 พบว่าพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดลดลงเหลือ 17 จังหวัด จากเดิม 19 จังหวัด และความชุกชุมของประชากรปลาหมอคางดำทุกพื้นที่มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน อยู่ในระดับปานกลางและระดับน้อย สะท้อนถึงผลสำเร็จของการบริหารจัดการเชิงบูรณาการที่กรมประมงและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ และยังเดินหน้าดำเนินการตาม 7 มาตรการอย่างต่อเนื่อง หนุนการนำไปใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่า

นางสาวทิวารัตน์ เถลิงเกียรติลีลา ผู้เชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางชีวภาพด้านการประมงน้ำจืด กรมประมง ให้ข้อมูลจากงานเสวนาล่าสุด "น้องหมอคางดำ พระเอก? หรือผู้ร้าย?" ว่า จากการที่กรมประมงได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ผลสำรวจล่าสุด แสดงให้เห็นว่า จังหวัดพัทลุงและปราจีนบุรีไม่พบการแพร่ระบาดแล้ว ส่งผลให้พื้นที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำลดลงเหลือ 17 จังหวัด ขณะที่จังหวัดตราดและปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่กันชนที่กรมประมงให้ความสำคัญในการเฝ้าระวัง ก็ยังไม่พบการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นระบบนิเวศสำคัญของภาคใต้ตอนล่าง ยังคงไม่พบการแพร่ระบาดมาโดยตลอด

สำหรับเกณฑ์การประเมินระดับความชุกชุมของปลาหมอคางดำ กรมประมงใช้เกณฑ์ชี้วัด "จำนวนปลา" ต่อพื้นที่ 100 ตารางเมตร โดยระดับความชุกชุมมาก คือมากกว่า 100 ตัว ระดับปานกลาง 10–100 ตัว และระดับน้อย พบปลาต่ำกว่า 10 ตัว ซึ่งจากผลการสำรวจเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่า 8 จังหวัดอยู่ในระดับปานกลาง และอีก 9 จังหวัดอยู่ในระดับน้อย สอดคล้องกับแนวโน้มการลดลงของประชากรปลาหมอคางดำในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

ด้านความคืบหน้าการดำเนินมาตรการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำตามแผนบูรณาการ 7 มาตรการ กรมประมงสามารถกำจัดปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศรวมกว่า 7.35 ล้านกิโลกรัม แบ่งเป็นในแหล่งน้ำธรรมชาติประมาณ 2.5 ล้านกิโลกรัม และในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำประมาณ 4.8 ล้านกิโลกรัม

ส่วนมาตรการที่ 2 มีการปล่อยปลาผู้ล่า รวมแล้วกว่า 1.14 ล้านตัว ปล่อยปลาขนาด 4–5 นิ้ว ตามความเหมาะสมกับระบบนิเวศ
ทั้งปลากะพงขาว ปลาอีกง ปลาช่อน และปลาเทพา เป็นต้น เพื่อควบคุมประชากรปลาหมอคางดำตามกลไกธรรมชาติควบคู่กับการสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเลี้ยงปลาผู้ล่าในบ่อเพาะเลี้ยงเพื่อลดต้นทุนและควบคุมประชากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มาตรการที่ 4 ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำที่ถูกกำจัดออก ซึ่งกรมประมงยืนยันว่าปลาหมอคางดำสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตปลาป่น น้ำหมักชีวภาพบำรุงต้นไม้ รวมถึงการแปรรูปเป็นอาหารเมนูต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชน สำหรับมาตรการที่ 5 กรมประมงยังสร้างการรับรู้และความตระหนักสร้างการมีส่วนร่วมชุมชน และได้พัฒนาระบบเฝ้าระวังเชิงรุก โดยเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับให้ประชาชนแจ้งพบปลาหมอคางดำได้แบบเรียลไทม์ และมีทีมสำรวจเข้าตรวจสอบทันทีเพื่อควบคุมสถานการณ์อย่างทันท่วงที


ในส่วนมาตรการที่ 6 กรมประมงเดินหน้าการวิจัยเพื่อพัฒนาวิธีการควบคุมปลาหมอคางดำในระยะยาว โดยเฉพาะการศึกษาชุดโครโมโซม 4n เพื่อทำให้ปลาหมอคางดำเป็นหมัน ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพและถือเป็นอีกแนวทางสำคัญที่มีศักยภาพในการควบคุมประชากรในเชิงวิทยาศาสตร์

ขณะทีมาตรการที่ 7 ด้านการฟื้นฟูระบบนิเวศ กรมประมงได้ปล่อยสัตว์น้ำพื้นถิ่นและสัตว์น้ำชายฝั่งกลับคืนสู่ธรรมชาติรวมกว่า 82 ล้านตัว ทั้งปลากะพงขาว ปลาอีกง ปลานวลจันทร์ทะเล หอยหวาน หอยตลับ หอยลาย และปูม้า เพื่อเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นสมดุลของระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติ

นางสาวทิวารัตน์ เสริมว่า ข้อมูลล่าสุดทั้งหมดสะท้อนชัดว่ามาตรการควบคุมปลาหมอคางดำของกรมประมงกำลังสร้างผลลัพธ์ในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง และกรมประมงยังคงร่วมกับชุมชน เกษตรกร และเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อควบคุมและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำ เพื่อสร้างโอกาสให้กับชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างเป็นระบบและยั่งยืน./

“ปูขาวอินทรีย์” สินค้าเศรษฐกิจตัวใหม่ สร้างคุณค่าเพิ่มและรายได้ยั่งยืนให้เกษตรกรเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังได้เปลี่ยน...
31/10/2025

“ปูขาวอินทรีย์” สินค้าเศรษฐกิจตัวใหม่ สร้างคุณค่าเพิ่มและรายได้ยั่งยืนให้เกษตรกร

เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังได้เปลี่ยนบ่อกุ้งร้างที่ต้องหยุดเลี้ยงจากพิษโรคระบาด มาเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ “ปูขาว” โดยเฉพาะ“สินค้าอาหารทะเลอินทรีย์” ตอบโจทย์ตลาด ต้นทุนการผลิตไม่สูง ปูกินอาหารได้ทุกอย่าง ลดต้นทุนการผลิต ใช้ “ปลาหมอคางดำ” เป็นอาหารปู โดยใช้การแช่แข็งก่อนใช้ ทำให้ไข่ปลาฝ่อ ช่วยป้องกันปลาหมอคางดำระบาดในบ่อเพาะเลี้ยงได้จริง อีกโมเดลของการปรับตัวของเกษตรกร
ปัจจุบัน “ปูขาว” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ปูทองหลาง” กำลังเป็นดาวรุ่งในตลาดอาหารทะเล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กรมประมงส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะปูขาวอินทรีย์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะตัวใหญ่ โตเร็ว เนื้อแน่น รสชาติหวานดีกว่าปูทะเลชนิดอื่น

“พี่โชค” นายนัฎฐชัย นาคเกษม ผู้นำเกษตรกรผู้เลี้ยงปูขาว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในลุ่มน้ำปากพนัง เล่าว่า กรมประมงได้ส่งเสริมเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์เปลี่ยนบ่อกุ้งร้างมาเป็นบ่อเลี้ยง “ปูขาว” เหมาะกับการเลี้ยงในบ่อกุ้งร้างที่เป็นพื้นดิน เพราะปูขาวไม่มีพฤติกรรมขุดรูเหมือนปูดำ รวมทั้งยังช่วยลดการจับปูจากธรรมชาติที่ทยอยลดจำนวนลง มีกระบวนการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี กลุ่มของพี่โชคนับเป็นกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงปูขาวอินทรีย์แปลงใหญ่ต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย

เกษตรกรที่นี่ได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำสำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (เกษตรไสใหญ่) สร้างขีดความสามารถเลี้ยง “ปูขาวอินทรีย์” ผลผลิตดี ในราคาที่แข่งขันได้ จากการนำปลาหมอคางดำผสมกับจุลินทรีย์เป็นอาหาร ตัวจุลินทรีย์ช่วยให้ปูกินอาหารได้มากขึ้น และมีกรดอะมิโนที่ช่วยให้ปูมีรสชาติดีขึ้น หวานอร่อยมากขึ้น และที่สำคัญจุลินทรีย์ช่วยให้ตัวปูมีกลิ่นสะอาด ตัวเกลี้ยงสะอาดกว่าปูทะเล

“ปูขาวกินปลาทุกชนิด รวมทั้งปลาหมอคางดำ สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยงปูขาวอินทรีย์จึงถือเป็นโอกาส เกษตรกรมีอาหารเลี้ยงปูที่ต้นทุนไม่สูงและหาได้ในท้องถิ่น ซึ่งการช่วยกันจับปลาหมอคางดำมาเลี้ยงปูเป็นอีกแนวทางช่วยลดจำนวนปลาต่างถิ่นในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกด้วย” นายนัฎฐชัยกล่าว

ทั้งนี้ การใช้ปลาหมอคางดำเป็นอาหารมีโอกาสทำให้ปลาชนิดนี้แพร่พันธุ์ในบ่อและแย่งกินลูกปู แต่ไม่ใช่ปัญหาของเกษตรกรที่ศูนย์เรียนรู้เชิงประยุกต์น้ำเค็มเพื่อการผลิตปูขาว บ้านเนินหนองหงส์ ตำบลเกาะเพชร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีองค์ความรู้จากทีมอาจารย์จาก มทร.ศรีวิชัย ใช้วิธีการ “แช่แข็ง” ในอุณหภูมิติดลบ 20 องคาเซลเซียส เป็นเวลานาน 24 ชั่วโมง จะทำให้ไข่ในปากของปลาหมอคางดำ “ฝ่อ” ไม่สามารถแพร่พันธุ์ต่อได้
“การแช่แข็งอุณหภูมิติดลบ เป็นสิ่งที่อาจารย์ค้นพบและใช้ได้ผล เพราะบ่อเลี้ยงปูขาวของกลุ่มฯ ที่มีอยู่ 30 รายไม่พบปัญหาเรื่องปลาหมอคางดำระบาดในบ่อ หากเกษตรกรไม่มีตู้แช่แข็ง ยังสามารถนำปลาแช่ในถังที่ใส่น้ำแข็ง หรือตู้เย็น นาน 3 วันแทนได้” นายนัฎฐชัย

การใช้ปลาหมอคางดำช่วยให้เกษตรกรเลี้ยงปูขาวด้วยต้นทุนต่ำ มีอัตราแลกเนื้ออยู่ที่ 4 กิโลกรัมของปลาหมอคางดำต่อเนื้อปู 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ เทียบกับการเลี้ยงกุ้ง ปูขาวไม่ต้องใช้เครื่องตีน้ำ ใช้ไฟฟ้าน้อย และอาศัยอุปกรณ์หลัก 2 ตัว คือ ตู้แช่แข็ง และเครื่องสับปลา นอกจากนี้ จุลินทรีย์ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเลี้ยงปูอินทรีย์ นอกจากนำจุลินทรีย์ใช้คลุกเป็นอาหาร นอกจากช่วยบำบัดน้ำหรือตะกอนเลนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น้อมส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหารนิต...
25/10/2025

น้อมส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย

ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหารนิตยสารสัตว์น้ำ

มีข่าวดีมาบอก 📣📣 มาริโอกรุ๊ฟ เปิดรับสมัคร  #พนักงานส่งเสริมงานขาย ในพื้นที่ดังต่อไปนี้ ✨️1. เขตตะวันออก (1) :  ระยอง , จ...
31/07/2025

มีข่าวดีมาบอก 📣📣 มาริโอกรุ๊ฟ เปิดรับสมัคร #พนักงานส่งเสริมงานขาย ในพื้นที่ดังต่อไปนี้
✨️1. เขตตะวันออก (1) : ระยอง , จันทบุรี , ตราด
จำนวน 1 ตำแหน่ง
✨️2. เขตตะวันออก (2) : ฉะเชิงเทรา , ปราจีนบุรี , ชลบุรี จำนวน 1 ตำแหน่ง
✨️3. เขตใต้ : ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี

คุณสมบัติ : มีประสบการณ์ในการทำงาน ขยัน อดทน ชำนาญในพื้นที่ 🍁🚘

สนใจเป็นครอบครัวเดียวกับเรา ติดต่อ
☎️ 081-311-1511 , 081-988-0389

ส่งเอกสารได้ที่ Line ID : mario-bp

AXONS โชว์ "AquaPro" แพลตฟอร์มบริหารจัดการฟาร์มกุ้งแบบครบวงจร คว้า "AIBP Enterprise Innovation Awards" ประจำปี 2025     ...
21/07/2025

AXONS โชว์ "AquaPro" แพลตฟอร์มบริหารจัดการฟาร์มกุ้งแบบครบวงจร
คว้า "AIBP Enterprise Innovation Awards" ประจำปี 2025


AXONS ผู้นำด้านเทคโนโลยี AgriTech แบบครบวงจร ได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้ารางวัล "AIBP Enterprise Innovation Awards" ประจำปี 2025 ในสาขา Open and Data จากผลงาน"อควาโปร (AquaPro)" แพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการฟาร์มกุ้งแบบครบวงจร

รางวัล AIBP Enterprise Innovation Awards เป็นรางวัลที่ยกย่ององค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยในปีนี้มีองค์กรส่งผลงานเข้าร่วมกว่า 115 รายชื่อ จาก 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย โดยมีเพียง 74 โครงการ ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย

สำหรับผลงาน "อควาโปร (AquaPro)" ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนี้ เป็นแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการฟาร์มกุ้งแบบครบวงจร ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้ง ด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ การจัดการอาหาร ไปจนถึงการคาดการณ์โรค ด้วยระบบวิเคราะห์จาก AI ทำให้การเลี้ยงกุ้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น กุ้งเติบโตดี แข็งแรง ปราศจากการใช้ยาปฏิชีวนะ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในระยะยาว

นายสรรเสริญ สมัยสุต กรรมการผู้จัดการ AXONS กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้พัฒนานวัตกรรมด้าน AgriTech เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและช่วยยกระดับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารไทยให้ก้าวไกลและยั่งยืน พร้อมทั้งผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นครัวของโลกอย่างแท้จริง

ปัจจุบัน AquaPro สนับสนุนฟาร์มของ CPF ซึ่งเป็นผู้ผลิตกุ้งรายใหญ่ของไทย โดยผลดำเนินงานจากโครงการนำร่อง จำนวน 24 ฟาร์ม พื้นที่กว่า 900 ไร่ พบว่า AquaPro ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มรายได้จากการวางแผนและตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในระยะต่อไป บริษัทฯมีแผนขยายแพลตฟอร์มออกไปสู่เกษตรกรทั่วไป เพื่อให้ข้อมูล Big Data และ AI เป็นตัวช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ต่อยอดสู่การสร้างสมดุลด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมให้กับระบบนิเวศทั้งในประเทศและระดับโลกต่อไป

ทั้งนี้ ในงาน AIBP Conference and Exhibition ซึ่งจัดโดย ASEAN Innovation Business Platform ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มอบรางวัล โดยในส่วนของ AXONS มี นายธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ รองกรรมการผู้จัดการ ด้าน Strategic and Digital Transformation และทีมงานเป็นตัวแทนรับมอบรางวัลดังกล่าว ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ เมื่อ 16 กรกฏาคม 2568 ./

01/06/2025
17/05/2025
กรเกียรติฟาร์ม เปิดรับสมัครพนักงานหลากหลายตำแหน่ง ใครสนใจ งานดี อนาคตไกล ยื่นใบสมัครด่วนค่า
24/04/2025

กรเกียรติฟาร์ม เปิดรับสมัครพนักงานหลากหลายตำแหน่ง ใครสนใจ งานดี อนาคตไกล ยื่นใบสมัครด่วนค่า

เกษตรกรเลี้ยงปลาทั่วประเทศ กระทุ้งนายกฯ ค้านFTA ไทย – EFTA ยกสินค้าปลา-ผลิตภัณฑ์ออกทุกการเจรจาเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาทั่...
16/04/2025

เกษตรกรเลี้ยงปลาทั่วประเทศ กระทุ้งนายกฯ ค้านFTA ไทย – EFTA ยกสินค้าปลา-ผลิตภัณฑ์ออกทุกการเจรจา

เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาทั่วประเทศ ยื่นจม.เปิดผนึกถึงนายกฯ ค้านข้อตกลงการค้าเสรี ไทย-EFTA สินค้าปลาและผลิตภัณฑ์ หวั่นอาชีพล่มสลาย ให้จัดเป็นสินค้าอ่อนไหว ยกออกนอกกรอบทุกเจรจา คงภาษีที่ 5% ปกป้องอาชีพ และความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย เปิดเผยว่า กลุ่มผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ “ไม่เห็นด้วย” กับการเปิดเสรีการค้าในสินค้าปลาและผลิตภัณฑ์ ภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทย กับสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) และในทุกกรอบเจรจา ซึ่งตัวแทนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลา โดยตนพร้อมด้วย นายสมาน พิชิตบัญชรชัย นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย นายสุทธิ มะหะเลา นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย นายพรชัย บัวประดิษฐ์ ประธานแปลงใหญ่ปลานิลชลบุรี นายอมร เหลืองนฤมิตรชัย นายกสมาคมปลานิลไทย และนายพงศ์วิวัฒน์ วงศ์โกศลจิต ประธานชมรมผู้ผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำไทย จึงยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในงานสัมมนาที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัด รับฟังความเห็นการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย – EFTA ที่โรงแรมโนโวเทล มารินา ศรีราชา เมื่อวานนี้ (10 เมษายน 2568) ขณะเดียวกันตัวแทนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วประเทศ ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และถึงประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ผ่านประธานสภาเกษตรกรต่างๆ เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้าน

ตัวแทนเกษตรกรแสดงความกังวลว่า หากข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ รวมถึงธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ผู้ผลิตลูกพันธุ์ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ผู้ค้าปัจจัยต่างๆ ผู้ประกอบการ ตลาดสด ผู้ขนส่ง ทีมจับปลา รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆมากมาย จำนวนกว่า 1 ล้านคน เพราะในประเทศนอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ มีระบบการผลิตสัตว์น้ำ อาหารทะเลที่ทันสมัย ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และสามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาต่ำกว่าประเทศไทย

”เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชน เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาของประเทศ ที่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อย และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอให้ยกรายการสินค้าปลาและผลิตภัณฑ์ทั้งหมดกว่า 100 รายการ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นปลาที่นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ประเทศผู้นำโลกด้านการเพาะเลี้ยง-การผลิตอาหารทะเลออกจากการเจรจาฯข้อตกลงการเปิดเสรีการค้านี้ เพราะผลกระทบจากการเปิดเสรี เปิดให้ปลากว่า 100 รายการ เข้ามาในประเทศแบบไม่ต้องเสียภาษีนี้ จะร้ายแรงมาก ต่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืนของผู้เพาะเลี้ยงปลาและอุตสาหกรรมของประเทศ ขอให้จัดสินค้าปลาและผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าอ่อนไหว เป็นรายการยกเว้นการเจรจา (Exclision List) เช่นเดียวกับ กรณีข้าวของญี่ปุ่น และนมของแคนาดา และคงภาษีที่ร้อยละ 5 และคัดค้านการเปิดเสรี (ภาษีเป็นศูนย์-0%) ในสินค้าเหล่านี้ เพื่อปกป้องอาชีพและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ” ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าว

ในจดหมายเปิดผนึกที่ยื่นต่อรัฐบาล เกษตรกรยังอ้างอิงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อปี 2542 และล่าสุดปี 2567 ที่มีการทะลักเขามาของปลาจากต่างประเทศจำนวนมาก อาทิ ปลาดุก ปลากะพง ส่งผลให้ราคาในประเทศตกต่ำ เกษตรกรต้องประสบภาวะขาดทุนจนต้องเลิกประกอบอาชีพ

นายบรรจง นิสภวาณิชย์
ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย (มือถือ 081-6366362)

ที่อยู่

บางพลี
10270

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00
เสาร์ 09:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+626185885

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ นิตยสารสัตว์น้ำผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง นิตยสารสัตว์น้ำ:

แชร์