
29/07/2025
"ถ้าเรื่องเล็กยังผ่านมันไปไม่ได้ เจอเรื่องใหญ่จะทำอย่างไร"
"ถ้าเรื่องเล็ก ๆ ยังผ่านมันไปไม่ได้ เจอเรื่องใหญ่ ๆ จะทำอย่างไร"
คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องที่สุด เพราะการรับมือกับปัญหา-อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชีวิตในแต่ละวันได้ ถือเป็นบทเรียนบทแรก ๆ ที่จะสอนให้เราเรียนรู้ที่จะรับมือกับปัญหาที่ใหญ่ขึ้นได้ในวันต่อ ๆ ไป ในแง่ของทักษะฝีมือ เราจะเก่งขึ้นได้ก็ต้องผ่านการลงมือทำบ่อย ๆ จนชำนาญ ปรับปรุงและประยุกต์ใช้จนเชี่ยวชาญขึ้นได้ ... แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่สำคัญมากอีกสิ่งหนึ่งในวันที่เราพบพานกับปัญหาอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือความล้มเหลวเล็กบ้างใหญ่บ้างและสร้างหนทางไปสู่ความสำเร็จได้ในแต่ละมื้อแต่ละเดย์ คือ "ภูมิต้านทานทางใจ"
ภูมิต้านทานทางใจ คือ ทักษะทางใจที่จะรับมือกับ 'อารมณ์' ต่าง ๆ ที่ทำให้ใจสั่นคลอนโดยเฉพาะอารมณ์ด้านลบ เช่น ความเศร้า ความเครียด ความวิตกกังวล ความหงุดหงิด ความไม่ได้ดั่งใจ และความผิดหวัง เป็นต้น ... ใจที่มั่นคงพอจะสั่นคลอนได้ยาก และเมื่อสั่นคลอนก็ต้องรับมือและจัดการกับความรู้สึกนั้นได้อย่างเหมาะสม
อารมณ์ คือ สิ่งพื้นฐานของมนุษย์ เราทุกคนต่างมีความรู้สึกทั้งนั้น
แต่เราก็จะเห็นว่า บางคนรับมือกับความเครียด ความเจ็บปวด ความเศร้า ความวิตกได้ดี ไม่ใช่เขาไม่รู้สึกนะ แต่เขารับมือและจัดการกับมันได้ดี แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับปัญหาที่เข้ามาได้อย่างดี ... ในขณะที่บางคนก็ดิ่งเลย ไปต่อไม่ได้ บางคนก็เลือกที่จะไม่เผชิญกับปัญหา ไม่กล้าคว้าโอกาส ลองทำแล้วยากก็เลิก ทำแล้วล้มเหลว เลิกทันที ไม่เคยทำอะไรได้ดี ไม่เคนทำอะไรได้สำเร็จ
จนวันหนึ่ง ชีวิตมันต้องเจอกับปัญหาที่ใหญ่โต เลี่ยงไม่ได้ คนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันทางใจหลายคนอาจจมกับความเครียด ความเศร้า แล้ววนลูปจมอยู่กับความรู้สึกนั้นจนไปต่อไม่ได้ มองว่าตัวเองไร้ความสามารถ ทำไม่ได้ รับมือไม่ได้หรอก ใหญ่เกินรับมือ (เพราะเล็ก ๆ ก็ยังรับมือไม่ได้เลย) หรือหลายคนก็เลือกที่จะจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิม บ้างเลือกที่จะพึ่งยาเสพติด กินเหล้า สูบบุหรี่ หรืออื่น ๆ ในการแก้ปัญหา บางคนหนีปัญหาไปเลย ไม่แก้ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไม่ทำแล้ว ไม่เอาแล้ว ... จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ นั้น
ดังนั้นการฝึกฝนการรับมือกับ 'ความรู้สึก' ด้านลบที่ผ่านมาในชีวิตแต่ละวันให้ได้อย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะนี่คือ 'ทักษะ' ที่ฝึกฝนได้ และเป็นทักษะที่จะเป็นต่อคนคนหนึ่งมาก ๆ ในแง่ของการเติบโตและการใช้ชีวิต และแน่นอนว่า คุณครูคนแรกที่จะสอนทักษะนี้ให้กับลูกได้ก็คือ คุณพ่อคุณแม่
เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับเรื่องที่กระทบใจล้วน ๆ ที่แก้ไขเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว เช่น ความไม่ได้ดั่งใจ ผลสอบที่ไม่ดี การแพ้ในการแข่งขัน ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ แบบนี้ก็ต้องฝึกฝนทักษะใจที่ใช้ในการรับมือกับ 'ความรู้สึก' ที่เกิดขึ้น พ่อแม่ต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ลูกได้ระบาย ได้พัก ได้นิ่ง ได้ร้องไห้ โวยวายในกรอบที่เหมาะสมได้ ... ไม่ใช่ไปดุให้ลูกเก็บกดความรู้สึกลงไป หรือคิดว่าความรู้สึกของลูกนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องแค่นี้เอง ไกลหัวใจ ทั้งที่ใจมันร้อนรนหรือแตกสลายไปแล้ว แบบนี้ไม่ดี พ่อแม่ต้องเข้าใจ
ในขณะเดียวกัน หากชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคสารพันที่ให้ลูกต้องรับมือ-จัดการ-แก้ไข ไม่ว่าจะเรื่องของความใหญ่หรือความยากของปัญหา แบบนี้ต้องฝึกฝนทักษะที่ใช้ในการจัดการปัญหาเป็นสำคัญ เราต้องเชื่อว่าเราควบคุมสถานการณ์ได้ เราต้องรับมือกับความรู้สึกหงุดหงิด รวมถึงความคิดที่จะล้มเลิกและยอมจำนนต่อปัญหาให้ดี แล้วเริ่มลงมือทำให้ได้ ทำแล้วเป็นอย่างไรว่ากันอีกที แต่เราต้องเริ่มลงมือทำก่อนภายใต้ 1 สมอง 2 มือและทรัพยากรที่เรามีอยู่ แล้วค่อยประเมินสถานการณ์อีกที
ที่กล่าวมานั้นไม่ง่ายเลย แต่นั่นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกให้เขารับมือและก้าวผ่านมันไปได้นั่นเอง จากเรื่องเล็ก ๆ เช่นการบ้าน สิ่งที่ได้รับมอบหมาย หรือการทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงรอยกับเพื่อน มันจะพัฒนาไปเป็นสิ่งที่ใหญ่ ๆ อย่างการบริหารคน บริหารงาน ชิ้นงานส่งลูกค้า หรือปัญหาระดับชาติก็ได้ ใครจะรู้
ถ้าพ่อแม่ต้องการ How to สร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้กับลูก พ่อหมอแนะนำให้ลองไปอ่านคู่มือ “สอนเด็กให้รู้จักวิธีรับมือเมื่อเจอปัญหา” ของ สสส. ได้เลย ที่เว็บไซต์ https://happychild.thaihealth.or.th/?p=152184
เชื่อเถอะ นี่คือ ทักษะที่จำเป็นและมีประโยชน์
#หมอวินเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ