อินทรีแดง นิวส์

อินทรีแดง นิวส์ ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก อินทรีแดง นิวส์, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, สมุทรปราการ.

กมธ.สวัสดิการสังคมฯ จัดงาน “Senior’s Power : แก่แค่ตัว…แต่หัวใจยังลุย! ชวนทุกคนมาร่วมฟังพลังความคิดข้ามรุ่น กับงานเสวนา ...
27/07/2025

กมธ.สวัสดิการสังคมฯ จัดงาน “Senior’s Power : แก่แค่ตัว…แต่หัวใจยังลุย! ชวนทุกคนมาร่วมฟังพลังความคิดข้ามรุ่น กับงานเสวนา “Senior’s Power : วัยเก๋าไม่มีวันแก่” รวมผู้นำทางความคิดจากทุกช่วงวัย มาร่วมจุดประกายอนาคตสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน !
[ Senior’s Power – วัยเก๋าไม่มีวันแก่ ]

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องสัมมนา B1-2 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร จัดงานสัมมนา “Senior’s Power วัยเก๋าไม่มีวันแก่”
โดยมี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมอย่างคับคั่ง
พบกับวิทยากรหลากรุ่น ตัวจริงทุกวงการ
- นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา – ประธานสภาผู้แทนราษฎร
- นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ – ปธ. กมธ.สวัสดิการสังคม
- นายวิชัย ทองแตง – ปธ.มูลนิธิหนึ่งน้ำใจ
- ดร.ธนกร ศรีสุขใส – ผจก.กองทุนพัฒนาสื่อฯ
- นายธนสุนทร สว่างสาลี – อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ
- นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ – ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 1
- รศ.ดร.อัจฉรา ชลายนาวิน – คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ฯ มธ.
- นางภรณี ภู่ประเสริฐ – ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะฯ สสส.
- นายวิริยะ แต้มแก้ว – ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
- บัวบูชา ปุณณนันท์ – ผู้ประกาศข่าวช่อง 7HD
- ทศ ลิ้มสดใส – ผู้ประกาศข่าวช่อง SpringNews

เสวนาเข้มข้น แลกเปลี่ยนสด ๆ จากตัวจริงทุกวงการ
ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย สื่อ สวัสดิการ ชุมชน หรือมุมมองคนรุ่นใหม่ !
[ การสัมมนาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญ ]

เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีความรู้และความเข้าใจในการส่งเสริม ดูแล และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในทุกมิติ - ทั้งด้าน สุขภาพกาย สุขภาพใจ เศรษฐกิจ และสังคม

เปิดพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้ แสดงศักยภาพ ความสามารถ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน

สนับสนุนแนวคิด “สังคมสูงวัยเชิงสร้างสรรค์” (Active Aging) ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มวัย
ในงานไม่เพียงแต่เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ แต่ยังเป็นการจุดประกายให้สังคมเห็นว่า “วัยเก๋า” คือพลังสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ณัฐชาบุญไชยอินสวัสดิ์ ัสดิการสังคมฯ #ปารเมศวิทยารักษ์สรรค์ #แก่แค่ตัว_แต่หัวใจยังลุย! ’s_Power #วัยเก๋าไม่มีวันแก่ #อาคารรัฐสภา

27/07/2025

LIVE🔴 สัมมนา “นวัฒกรรม กับการเข้าถึง” สวัสดิการสังคม เพื่อคุณภาพที่ดี @บ้านเกาะยอ ต.ท้ายบ้าน #27กค68

“ศักดินัย” สส.ตราด ปชน. ลุยเช็กความพร้อมศูนย์อพยพทั้งจังหวัด คาดระยะเฉพาะหน้ารองรับประชาชนได้ แต่หากนานไปจะลำบาก เรียกร้...
26/07/2025

“ศักดินัย” สส.ตราด ปชน. ลุยเช็กความพร้อมศูนย์อพยพทั้งจังหวัด คาดระยะเฉพาะหน้ารองรับประชาชนได้ แต่หากนานไปจะลำบาก เรียกร้องทุกฝ่ายหาทางยุติการปะทะ คืนชีวิตปกติสุขให้ประชาชนโดยเร็ว
วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด เขต 1 พรรคประชาชน เข้าเยี่ยมและดูความพร้อมของศูนย์อพยพทั่วทั้งจังหวัดตราด พบว่าหลายจุดอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อม แต่ได้เห็นความร่วมมือร่วมใจของฝ่ายต่างๆ เชื่อว่าจะสามารถช่วยกันจัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับดูแลพี่น้องประชาชนได้
โดยเบื้องต้นศูนย์อพยพมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอาหารเพียงพอสำหรับระยะเฉพาะหน้าในช่วง 1-2 วันข้างหน้า แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อกว่านั้น อุปกรณ์ อาหาร สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ อาจไม่เพียงพอต่อการดูแลประชาชน
ทั้งนี้ในศูนย์อพยพมีกลุ่มเปราะบางค่อนข้างมาก เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง จึงควรมีเจ้าหน้าที่ประจำเข้ามาดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้จากการสอบถามประชาชนและเจ้าหน้าที่ มีสิ่งของเครื่องใช้ที่ยังต้องการเพิ่มเติม เช่น เสื่อ ยากันยุง นมผงสำหรับเด็ก แพมเพิส
ตนจึงขอเสนอต่อทางจังหวัดตราด ให้ตั้งศูนย์ประสานงานกลางเพื่อทำหน้าที่ 2 ส่วนสำคัญ หนึ่งคือสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ให้ประชาชนมีการรับรู้ไปในทิศทางเดียวกัน สองคือทำหน้าที่บริหารจัดการสิ่งของเครื่องใช้ที่ภาคส่วนต่างๆ ส่งมาช่วยเหลือ เนื่องจากเราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อแค่ไหน การจัดสรรสิ่งของให้เพียงพอสำหรับประชาชนในศูนย์พักพิงในช่วงระยะเวลาต่างๆ จึงมีความสำคัญ
หลังจากนี้ตนจะติดตามการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและช่วยประสานความร่วมมือเพื่อให้คนตราดผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ สุดท้ายขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางยุติการใช้ความรุนแรงและการปะทะกันด้วยกำลังโดยเร็ว เพื่อให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยกลับมาเป็นปกติสุข ไม่มีการสูญเสีย และเศรษฐกิจปากท้องสามารถเดินหน้าได้ตามปกติ

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ศักดินัยนุ่มหนู #สถานการณ์ชายแดนไทย_กัมพูชา ัมพูชา #ศูนย์อพยพชั่วคราว #จังหวัดตราด

“เท้ง ณัฐพงษ์” รุดเยี่ยมศูนย์พักพิง จ.สุรินทร์ ให้กำลังใจประชาชน-เจ้าหน้าที่ หวั่นหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย ประชาชนต้องอพย...
26/07/2025

“เท้ง ณัฐพงษ์” รุดเยี่ยมศูนย์พักพิง จ.สุรินทร์ ให้กำลังใจประชาชน-เจ้าหน้าที่ หวั่นหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย ประชาชนต้องอพยพอีกรอบ แนะรัฐบาลเร่งดูแลศูนย์พักพิง-สนับสนุนของใช้จำเป็นที่ยังขาดแคลน
วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 09:00 น. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ รังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เข้าพื้นที่เยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราว ในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ โดยได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในการอุปโภคบริโภคของประชาชน
หัวหน้าพรรคประชาชนได้เข้าสอบถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ถึงปัญหาและอุปสรรคในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมถึงสอบถามสิ่งของที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคที่ศูนย์พักพิงยังขาดแคลน พบว่าห้องน้ำในศูนย์พักพิงยังขาดแคลนและไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ขาดสิ่งของในการอุปโภคหลายหลายรายการ เช่น ยากันยุง เสื้อผ้า ต้องการการสนับสนุนจากหน่วยงานนอกพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ณัฐพงษ์กล่าวว่า บริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราวอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ยังถือเป็นพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงจากรัศมีการยิงของฝั่งกัมพูชา โดยมีเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นจำนวนมาก หากสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนยังไม่คลี่คลายหรือไม่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องวางแผนในการอพยพประชาชนจากบริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ใกล้เคียงกับชายแดน ย้ายไปยังอำเภอเมืองสุรินทร์มากขึ้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน
ณัฐพงษ์ยังได้พูดคุยเพื่อให้กำลังใจและขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในการความช่วยเหลือ พร้อมขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เร่งปรับปรุงดูแลศูนย์อพยพ สนับสนุนของใช้จำเป็นให้เพียงพอ โดยระหว่างนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งการระดมสิ่งของจำเป็นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการได้

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #รังสิมันต์โรม #สถานการณ์ชายแดนไทย_กัมพูชา ัมพูชา #ศูนย์พักพิงชั่วคราว #จังหวัดสุรินทร์

26/07/2025

LIVE🔴 เสวนา “Senior’s Power : วัยเก๋าไม่มีวันแก่” แก่แค่ตัว…แต่หัวใจยังลุย! #2 @รัฐสภา #26กค68

26/07/2025

LIVE🔴 เสวนา “Senior’s Power : วัยเก๋าไม่มีวันแก่” แก่แค่ตัว…แต่หัวใจยังลุย! @รัฐสภา #26กค68

25/07/2025

CLIP🔴 "ศุภโชติ-วรภพ" สส.ปชน. แถลงติดตามความคืบหน้าการคัดค้านการลงนาม สัญญารับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน @รัฐสภา #25กค68

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ศุภโชติไชยสัจ #วรภพวิริยะโรจน์ #เซ็นสัญญาซื้อไฟ ังงาน #นายกฯ #รัฐบาลลักหลับ

“ศรายุทธ ใจหลัก” เลขาธิการพรรคประชาชน ส่งถึงสมาชิกพรรคฯ กรณีการประทุษร้ายระหว่างประชาชนสองประเทศ(25 ก.ค. 68) “ศรายุทธ ใจ...
25/07/2025

“ศรายุทธ ใจหลัก” เลขาธิการพรรคประชาชน ส่งถึงสมาชิกพรรคฯ กรณีการประทุษร้ายระหว่างประชาชนสองประเทศ
(25 ก.ค. 68) “ศรายุทธ ใจหลัก” เลขาธิการพรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก: จากเลขาธิการส่งถึงสมาชิกพรรค กรณีการประทุษร้ายระหว่างประชาชนสองประเทศ
📋 จากเลขาธิการถึงสมาชิกพรรคประชาชน
จากกรณีการปะทะด้วยการใช้กำลังทางทหารระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา นำมาซึ่งกระแสความเกลียดชังและการประทุษร้ายระหว่างพี่น้องประชาชนสองประเทศ ก่อให้เกิดอันตรายแก่พี่น้องประชาชนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชา และพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทย 🇹🇭🇰🇭
ในนามเลขาธิการพรรค ขอสื่อสารไปยังสมาชิกพรรค และพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนพรรค เพื่อให้สอดคล้องกับจุดยืนอุดมการณ์และแนวทางการปฏิบัติของพรรคประชาชน ดังนี้
1. สมาชิกพรรคต้องไม่ส่งเสริม สนับสนุน และสื่อสารให้เกิดการประทุษร้ายระหว่างประชาชนสองประเทศ บนพื้นฐานความเกลียดชังเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
2. ขอให้สมาชิกช่วยรณรงค์สร้างความเข้าใจแก่สังคม
3. หากพบในโซเชียลมีเดีย ให้ร่วมกดรายงาน (Report) ต่อแพลตฟอร์มที่พบเห็น ว่าเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ความรุนแรง (Violence) หรือเป็นอาชญากรรมบนพื้นฐานความความเกลียดชัง (Hate Crime)
4. หากท่านใดพบเจอเหตุการณ์ประทุษร้าย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์และดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดต่อไป เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการทำผิดกฎหมายแผ่นดิน
กระทรวงการต่างประเทศไทย แนะนำให้พี่น้องคนไทยเดินทางออกจากกัมพูชา อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาประสบปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน สามารถติดต่อได้ที่:
☎️สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ (+855) 975 749 682
☎️สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ (+855) 86 608 999
☎️กองคุ้มครองฯ กรมการกงสุล 096 216 1837 , 096 183 6736 , 064 564 7573
☎️Call Center กรมการกงสุล (+66) 2 572 8442 (ตลอด 24 ชม.)
ศรายุทธิ์ ใจหลัก
เลขาธิการพรรคประชาชน
25 กรกฎาคม 2568

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ศรายุทธใจหลัก #เลขาธิการ_ปชน #สถานการณ์ชายแดนไทย_กัมพูชา ัมพูชา #สมาชิกพรรคฯ

พรรคประชาชนแฉรัฐบาลลักหลับหลังกระแสค้านเงียบ 29 ก.ค.นี้ เร่งเซ็นสัญญาซื้อไฟโดยไม่เปิดเผยราคา ส่อเอื้อเอกชน-คนไทยต้องจ่าย...
25/07/2025

พรรคประชาชนแฉรัฐบาลลักหลับหลังกระแสค้านเงียบ 29 ก.ค.นี้ เร่งเซ็นสัญญาซื้อไฟโดยไม่เปิดเผยราคา ส่อเอื้อเอกชน-คนไทยต้องจ่ายไฟแพง จี้นายกฯ - รมว.พลังงาน ยกเลิกทันที
วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ และ วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวติดตามความคืบหน้ากรณีการคัดค้านการลงนามในสัญญารับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนเพิ่มเติมรอบ 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการที่เต็มไปด้วยข้อกังวล ทั้งด้านความโปร่งใส ความคุ้มค่า และผลกระทบต่อประชาชน
แม้การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจะเป็นเป้าหมายที่ดีในหลักการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่สะท้อนถึงหลักธรรมาภิบาลหรือการวางแผนพลังงานที่ตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง พรรคประชาชนได้คัดค้านประเด็นนี้ตั้งแต่ปลายปี 2567 โดยระบุปัญหาหลัก 3 ประการ ได้แก่
(1) ไม่มีการเปิดประมูลแข่งขันอย่างโปร่งใส การกำหนดราคาซื้อขายไฟฟ้าในรอบนี้ใช้ข้อมูลต้นทุนพลังงานหมุนเวียนจากอดีต ซึ่งสูงกว่าราคาจริงในปัจจุบัน ทั้งที่ต้นทุนพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกลดลงต่อเนื่องทุกปี จึงเป็นราคาที่ “แพงเกินจริง” โดยไม่มีการแข่งขันใด ๆ มากำกับ
(2) ไม่มีความจำเป็นต้องรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติม ประเทศไทยในขณะนี้มีสำรองไฟฟ้าเกินความจำเป็นแล้ว การเดินหน้ารับซื้อเพิ่มเติมจะยิ่งเพิ่มภาระให้กับระบบโดยไม่จำเป็น และจะผลักต้นทุนส่วนเกินเหล่านี้ไปสู่ค่าไฟฟ้าของประชาชน
(3) มีการล็อกโควตาให้เฉพาะกลุ่มทุนรายเดิม โครงการรอบนี้กำหนดให้เฉพาะเอกชนที่เคยยื่นโครงการไว้ตั้งแต่ปี 2565 ได้รับการคัดเลือกก่อนโดยอัตโนมัติ เป็นการปิดโอกาสผู้ประกอบการรายใหม่และทำลายหลักการแข่งขันเสรี
ในช่วงปลายปี 2567 ภายใต้แรงกดดันจากภาคประชาชนและฝ่ายค้าน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติให้ “ชะลอ” การลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารอบนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่อย่างรอบคอบ แต่แทนที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะรับฟังเสียงคัดค้านและยกเลิกโครงการดังกล่าว กลับมีมติ กพช. เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ให้เดินหน้ากระบวนการเจรจากับเอกชนต่อไป โดยให้มีการปรับลดราคารับซื้อบางส่วนก่อนลงนามในสัญญา
แม้จะมีการ “เจรจาต่อรอง” เพื่อให้ราคาถูกลง แต่ปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่ราคาเพียงอย่างเดียว เพราะการดำเนินโครงการที่ไม่จำเป็นนี้ยังจะสร้างภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนไปอีกกว่า 25 ปีตลอดอายุของสัญญา ซึ่งเป็นภาระระยะยาวที่ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ต้น
สิ่งที่สำคัญและน่ากังวลที่สุด คือความไม่โปร่งใสของกระบวนการล่าสุด เมื่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ให้เอกชนที่ได้รับคัดเลือก ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 2,180 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรอบ 3,600 เมกะวัตต์ ภายในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยไม่มีการเปิดเผยผลของการเจรจาราคาต่อสาธารณะแต่อย่างใด ประชาชนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ามีการปรับลดราคากันจริงหรือไม่
ถ้าราคาที่เจรจาลดลงเพียงเล็กน้อย เช่น 1 สตางค์ และรีบเร่งให้ลงนามในสัญญาโดยไม่มีการเปิดเผย รายละเอียดต่อประชาชน นั่นเท่ากับว่าเป็นการ “ลักหลับ” เอาผลประโยชน์ของประชาชนไปมอบให้กับ กลุ่มทุนพลังงานโดยไร้ความยุติธรรม
พลังงานควรเป็นของประชาชน ไม่ใช่สินค้าของกลุ่มทุนไม่กี่รายที่สามารถล็อกสัญญาระยะยาวกับรัฐไปได้โดยไม่ต้องแข่งขัน พรรคประชาชนขอยืนยันว่าการเปลี่ยนผ่านพลังงานควรเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ไม่ใช่เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อผลักภาระใหม่ให้ประชาชนจ่ายค่าไฟแพงขึ้นในอนาคต
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนและยกเลิกกระบวนการรับซื้อไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นนี้ทันที และดำเนินการจัดทำกระบวนการใหม่ที่มีความยุติธรรม โปร่งใส และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
แต่หากรัฐบาลยืนยันที่จะเพิ่มภาระค่าไฟแก่ประชาชน ภายในสัปดาห์หน้าพรรคประชาชนจะยื่นเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นกลไกสุดท้ายเพื่อหยุดยั้งกระบวนการนี้

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ศุภโชติไชยสัจ #วรภพวิริยะโรจน์ #เซ็นสัญญาซื้อไฟ ังงาน #นายกฯ #รัฐบาลลักหลับ

สส.พรรคประชาชน เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเลือดสนับสนุนโรงพยาบาลพื้นที่ชายแดนวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 สส.พรรคประชาชน นำโดย พร...
25/07/2025

สส.พรรคประชาชน เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเลือดสนับสนุนโรงพยาบาลพื้นที่ชายแดน
วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 สส.พรรคประชาชน นำโดย พริษฐ์ วัชรสินธุ, รักชนก ศรีนอก, ภัสริน รามวงศ์, ปิยรัฐ จงเทพ ร่วมบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยบรรยากาศที่โรงพยาบาลมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อบริจาคเลือดหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา
ทั้งนี้เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.) ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้เชิญชวนคนไทยที่มีความพร้อมทางร่างกาย ร่วมกันบริจาคเลือดได้ที่สถานรับบริจาคใกล้บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมส่งไปยังโรงพยาบาลในการช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยผู้มีความพร้อมทางร่างกายต้อง (1) สุขภาพร่างกายและใจแข็งแรง (2) นอนหลับพักผ่อนสนิท ไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง (3) กรณีรับประทานยา โปรดแจ้งแพทย์คัดกรองสุขภาพ (4) รับประทานอาหารประจำมื้อ ก่อนมาบริจาคโลหิต โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง (5) ดื่มน้ำให้ได้ปริมาณ 300-500 ซีซี ก่อน-หลัง บริจาคโลหิต (6) งดสูบบุหรี่ 1 ชั่วโมง ก่อน-หลัง บริจาคโลหิต (7) งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก่อน-หลัง บริจาคโลหิต และ (8) ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์

เพิ่มเติม: https://www.facebook.com/share/p/19dYjKNt5c/

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #พริษฐ์วัชรสินธุ #รักชนกศรีนอก #ภัสรินรามวงศ์ #ปิยรัฐจงเทพ #บริจาคโลหิต #สถานการณ์ชายแดนไทย_กัมพูชา ัมพูชา #สภากาชาดไทย

“คริษฐ์” ถอดบทเรียนน้ำท่วมเหนือ หลายข้อเสนอ ปชน. เคยชงแต่รัฐบาลไม่ยอมทำ แนะเร่งพัฒนาแผนที่เสี่ยงภัย-บริหารจัดการพื้นที่ท...
24/07/2025

“คริษฐ์” ถอดบทเรียนน้ำท่วมเหนือ หลายข้อเสนอ ปชน. เคยชงแต่รัฐบาลไม่ยอมทำ แนะเร่งพัฒนาแผนที่เสี่ยงภัย-บริหารจัดการพื้นที่ท้ายน้ำ-ปรับขั้นตอนเยียวยาประชาชนให้เร็วขึ้น
วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 คริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก เขต 1 พรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “วิภา” ในขณะนี้ว่า เรื่องน้ำท่วมนั้นไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เราจะรับมืออย่างไรให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นี่คือหน้าที่ของรัฐบาลในการบริหารจัดการ โดยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเห็นปัญหาและมีข้อเสนอแนะถึงรัฐบาล
ยกตัวอย่างเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) ที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน ปกติแล้วแม้น้ำท่วมแต่ก็ไม่ได้ท่วมทั้งพื้นที่ ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวานคือพื้นที่ที่ไม่เคยท่วมกลับท่วม และแม้ว่าจะได้รับการแจ้งเตือน แต่ข้อความแจ้งเตือนยังคงมาในลักษณะภาพใหญ่ไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจนในระดับพื้นที่ ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่น้ำไม่เคยท่วมมาก่อน ไม่ได้เตรียมการเพื่อรับมือล่วงหน้า ปัญหานี้ทำให้เห็นชัดว่าแม้ปัจจุบันการแจ้งเตือนจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว แต่เรายังต้องเพิ่มความละเอียดให้ลึกถึงระดับชุมชน และต้องเพิ่มหลักเกณฑ์การแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงสูงที่ไม่เคยโดนน้ำท่วมเลย เพราะพื้นที่นี้จะไม่มีประสบการณ์ในการรับมือน้ำท่วมและมักจะคิดว่าพื้นที่ของเขาอย่างไรก็ไม่ท่วม
ในส่วนนี้รัฐบาลต้องดึงท้องถิ่นเข้ามาจัดการร่วมกับชุมชน โดยยึดหลัก Community-based disaster management ให้คนในชุมชนรับมือภัยพิบัติได้ในเบื้องต้น เริ่มจากการสร้างเครือข่ายในการแจ้งเตือนจากพื้นที่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ แต่ปัจจุบันยังทำกันแบบน้ำท่วมแล้วค่อยโทรบอกกัน ซึ่งอย่างไรก็ไม่ทัน
เรื่องนี้ทำได้ง่ายเพียงมีกระบอกวัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ต้นน้ำ เมื่อฝนตกเกิน 60 มิลลิเมตร ให้แจ้งพื้นที่ปลายน้ำทันที หรือการทำ Flood mark ที่ตอม่อสะพาน แสดงระดับน้ำสูงสุดที่เคยท่วมในพื้นที่เพื่อใช้ในการแจ้งเตือน พร้อมประเมินระยะเวลาเดินทางของน้ำจากหมู่บ้านต้นน้ำไปยังหมู่บ้านปลายน้ำ นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุดที่ปัจจุบันองค์ความรู้ยังกองอยู่ที่ส่วนกลาง ไม่ได้ไปถึงท้องถิ่นและชุมชน และรัฐบาลไม่ได้ผลักดันเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้การวางแผนป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ ต้องมีแผนที่เสี่ยงภัย (Risk Map) ปัจจุบันประเทศไทยเรามีแต่ Hazard Map คือแผนที่ที่ระบุว่าภัยอะไรเกิดขึ้นในพื้นที่ใดบ้าง แต่ Risk Map จะลงรายละเอียดลึกขึ้นถึงการประเมินผลกระทบต่อพื้นที่นั้นๆ ทั้งต่อคน ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนยังไม่เห็นว่าจะมีการผลักดันหรือพัฒนาเรื่องนี้
คริษฐ์กล่าวต่อว่า ในฐานะผู้แทนจังหวัดตากซึ่งมีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่านถึง 2 สายคือแม่น้ำปิงและแม่น้ำวัง สถานการณ์พายุฝนในพื้นที่ต้นน้ำ ทั้งเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และฝนที่ตกในพื้นที่ ประกอบกับน้ำป่าที่ไหลมาจากทุกทิศทาง มวลน้ำทุกสายจากสามจังหวัดต้นน้ำที่กล่าวมา ไหลลงมาสู่จังหวัดตากทั้งสิ้น สำหรับแม่น้ำปิงนั้น ยังดีที่มีเขื่อนภูมิพลที่สามารถบริหารจัดการรองรับน้ำจากต้นทางได้ทั้งหมด แต่ปัญหาอยู่ที่แม่น้ำวัง
ลุ่มแม่น้ำวังไหลผ่านผ่ากลางจังหวัดลำปางและตากในพื้นที่อำเภอสามเงาและอำเภอบ้านตาก แม่น้ำทั้งคดเคี้ยวและตื้นเขิน ขาดการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือไม่ว่าน้ำไหลมาเท่าไหร่ ก็มาตีบตันในช่วง 75 กิโลเมตรท้ายน้ำ ทำให้พื้นที่ลำปางท่วมขังนานกว่าเดิม ส่วนพื้นที่ท้ายน้ำจมบาดาลเพราะน้ำไม่มีทางไป วันนี้น้ำมาจ่อแล้ว หากปีนี้เอาไม่อยู่ก็จะกลายเป็นการท่วมต่อเนื่อง 4 ปีติด ความเสียหายที่เกิดขึ้นประเมินค่าไม่ได้
ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือการขุดลอกในจุดที่ตื้นเขินตีบตัน รวมถึงมีวิธีบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำเพื่อช่วยพาน้ำออกสู่แม่น้ำปิง โดยการนำโครงสร้างชลศาสตร์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้วมาบริหารจัดการ แต่ต้องเพิ่มเติมระบบเชื่อมโยงจากแม่น้ำถึงอ่าง จากอ่างถึงอ่าง เพิ่มอาคารบังคับน้ำและประตูระบายน้ำเข้ามาเสริม หากเรามีระบบที่ดีจะสามารถพาน้ำส่วนเกินไปพักไว้ที่อ่างเก็บน้ำต่างๆ ได้โดยง่าย
สส.ตาก เขต 1 กล่าวด้วยว่า ตอนนี้สิ้นเดือนกรกฎาคม เรายังต้องเจอกับฝนตกหนักอีกหลายเดือน ปีที่แล้ว สส.พรรคประชาชน ลงพื้นที่กันหนักมากในช่วงภัยพิบัติ เราเห็นปัญหาชัดเจนในเรื่องการเผชิญเหตุ การทำงานที่สะเปะสะปะเพราะไม่มีระบบบัญชาการเหตุการณ์ มูลนิธิ กู้ภัย หน่วยงานของรัฐ อาสาภาคประชาชน ทำงานชนกันไปหมด
จากปัญหาที่เรามองเห็น ปีนี้ภาคประชาชนจึงพัฒนาระบบ JITASA.CARE (จิตอาสาดอทแคร์) เพื่อให้รัฐสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลกลาง เป็นระบบเปิดให้เห็นเลยว่ามีการร้องขออพยพที่บ้านหลังไหนบ้าง บ้านหลังไหนไม่ขออพยพแต่ต้องการอาหารน้ำดื่ม สามารถทำผ่านระบบนี้ และไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ มูลนิธิ หรืออาสาสมัคร เมื่อเห็นคำร้องแล้วสามารถกดยืนยันรับภารกิจได้ แค่นี้ก็ไม่ซ้ำซ้อน ประหยัดงบประมาณ สิ่งที่รัฐต้องเติมคือฐานข้อมูลกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง คนชรา เพื่อให้เราสามารถทำงานเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นี่คือเรื่องที่ง่ายมากแต่รัฐบาลก็ยังไม่ทำ
ส่วนเรื่องการเยียวยา ปีที่แล้ว ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้เสนอมาตรการเยียวยาแบบ Geolocation แต่รัฐบาลเองที่ละเลยและยังเลือกวิธีเดิม คือการทำประชาคมหมู่บ้าน ทำให้ต้องมายกมือให้ว่าบ้านไหนท่วมหรือไม่ท่วม บ้านไหนจะได้เงินล้างโคลนต้องถ่ายรูปโคลนมาด้วย ขั้นตอนยาวเหยียด พื้นที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ น้ำท่วมหนักเมื่อเดือนกันยายน 2567 แต่เพิ่งได้รับเงินเยียวยาล้างโคลนเมื่อสัปดาห์ก่อน จนตอนนี้บ้านโดนท่วมไปอีกรอบแล้ว
จึงต้องถามว่าในปีนี้ รัฐบาลมีแนวทางในการวางระบบบัญชาการรับมือภัยพิบัติอย่างไร มีอะไรที่เราจะได้เห็นการพัฒนาจากปีที่แล้วบ้าง และจะปรับระบบขั้นตอนการเยียวยาน้ำท่วมและค่าล้างโคลนอย่างไร มีการปรับเกณฑ์การเยียวยาอย่างไรบ้าง ขอให้ชัดเจนกับประชาชนในเรื่องนี้ด้วย

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #คริษฐ์ปานเนียม #น้ำท่วมเหนือ #พายุโซนร้อนวิภา #จังหวัดตาก

“พริษฐ์” เผย อนุ กมธ. งบ มีมติ ปรับลดงบประมาณของรัฐสภา รวมกันทั้งหมด 702 ล้านบาท ตัดออกทั้งศาลาแก้ว-งบปรับปรุงห้องประชุม...
24/07/2025

“พริษฐ์” เผย อนุ กมธ. งบ มีมติ ปรับลดงบประมาณของรัฐสภา รวมกันทั้งหมด 702 ล้านบาท ตัดออกทั้งศาลาแก้ว-งบปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ-ระบบภาพยนตร์ 4D / ขอบคุณประชาชนที่ช่วยกันทักท้วง หวัง กมธ. ยืนตามมติ อนุ กมธ. ในการประชุมสัปดาห์หน้า
(24 ก.ค. 68) “พริษฐ์ วัชรสินธุ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า: เรียบร้อย อนุ กมธ. งบ มีมติ ปรับลดงบประมาณของรัฐสภา รวมกันทั้งหมด 702 ล้านบาท
[ เรียบร้อย : อนุ กมธ. งบ มีมติ ปรับลดงบประมาณของรัฐสภา รวมกันทั้งหมด 702 ล้านบาท ]
ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมยังคงยืนยันว่ารัฐสภาที่ดีและที่เราควรรู้สึกภาคภูมิใจ ไม่ใช่รัฐสภาที่มีภายนอกที่หรูหราหรือยิ่งใหญ่อลังการ แต่คือรัฐสภาที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนต้องการ
วันนี้ ผมได้ไปร่วมประชุมกับ อนุกรรมาธิการ งบประมาณ เพื่อตรวจสอบงบประมาณของรัฐสภา ซึ่งมีหลายส่วนที่ผมได้เคยตั้งข้อสังเกตว่าไม่คุ้มค่าและไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
หลังจากที่ได้ไปร่วมซักถามและแสดงความเห็นตลอดวัน ผมต้องขอบคุณอนุกรรมาธิการที่มีมติเห็นชอบให้ปรับลดงบประมาณของรัฐสภาทั้งหมด 702 ล้านบาท ซึ่งรวมถึง:
โครงการที่ตัดงบออกทั้งโครงการ:
- ปรับลด 123 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงศาลาแก้ว (ตัดออกทั้งโครงการ)
- ปรับลด 118 ล้าน สำหรับ งบปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ CB406 (ตัดออกทั้งโครงการ)
- ปรับลด 43 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงพื้นที่ส่วนภูมิทัศน์-ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ (ตัดออกทั้งโครงการ)
- ปรับลด 13 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงห้องรับรอง ครม. (ตัดออกทั้งโครงการ)
โครงการที่ปรับลดงบประมาณ:
- ปรับลด 126 ล้านบาท สำหรับ งบพัฒนาห้องภาพยนตร์ (ลดงบ 70% โดยเปลี่ยนจากห้องภาพยนตร์พร้อมระบบ 4D มาเป็นห้องสารนิเทศทั่วไปสำหรับนักศึกษา-คณะเยี่ยมชม ที่ไม่มีระบบ 3D หรือ 4D)
- ปรับลด 75 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงระบบไฟบริเวณชั้น B1 & B2 (ลดงบ 64%)
- ปรับลด 59 ล้านบาท สำหรับ งบปรับปรุงพื้นที่ห้องครัว (ลดงบ 50%)
- ปรับลด 57 ล้านบาท สำหรับ งบจัดซื้อจอ LED ขนาดใหญ่ (ลดงบ 80% โดยปรับลดจาก 19 จอ มาเหลือ 4 จอ)
- ปรับลด 21 ล้านบาท สำหรับ ห้องจัดเลี้ยง 4 ห้อง ชั้น 1 โซน C (ลดงบ 50%)
แม้ยังมีบางส่วนที่ผมเชื่อว่าเราสามารถปรับลดได้เพิ่มเติมจากที่คณะอนุกรรมาธิการมีมติไป แต่ผมเห็นว่าการที่พวกเราหลายฝ่ายร่วมกันปรับลดงบประมาณ 702 ล้านบาท ในวันนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการประหยัดเงินภาษีประชาชนท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าสภาผู้แทนราษฎรพร้อมตรวจสอบตนเองและพร้อมฟังเสียงทักท้วงของประชาชน
สำหรับความคืบหน้าในวันนี้:
- ผมขอบคุณ อนุกรรมาธิการ งบประมาณ ทุกท่านทุกพรรค ที่รับฟังและร่วมกันปรับลดงบประมาณดังกล่าว
- ผมขอบคุณ สส. ธเนศ เครือรัตน์ ประธาน อนุกรรมาธิการ งบประมาณ ที่ให้โอกาสผมได้นำเสนอข้อมูลและความเห็นได้เต็มที่
- ผมขอบคุณ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สภา ที่รับฟังและพร้อมให้ความร่วมมือในการปรับลดงบประมาณหลายส่วน
- ผมขอบคุณ เพื่อนๆ สส. ใน กมธ. พัฒนาการเมืองฯ ที่ตัดสินใจบรรจุวาระเมื่อ 2 เดือนก่อน เพื่อนำเอาคำของบประมาณของรัฐสภามาศึกษาและทำการบ้านล่วงหน้า
- ผมขอบคุณ ประชาชน และ สื่อมวลชน ที่ร่วมกันตั้งคำถามและข้อสังเกต จนทำให้การปรับลดงบประมาณในวันนี้ สำเร็จได้
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในวันที่ อนุ กมธ. งบ มานำเสนอผลลัพธ์จากวันนี้ต่อ กมธ. งบ ในสัปดาห์หน้า เพื่อนๆ ใน กมธ. จะยืนยันตามมติของ อนุ กมธ. ที่เสนอปรับลดงบ 702 ล้านบาทของรัฐสภา

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #พริษฐ์วัชรสินธุ #ตัดออกศาลาแก้ว #ปรับลดงบประมาณ #รัฐสภา

ที่อยู่

สมุทรปราการ

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อินทรีแดง นิวส์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์