Face line news ข่าวทั่วไป ข่าวอาชญากรรม ข่าวบันเทิง

ศุลกากรแถลงผลการจับกุมบุหรี่ต่างประเทศละเมิfเครื่องหมายการค้า มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 215 ล้านบาทวันที่ 26 กันยายน ...
27/09/2025

ศุลกากรแถลงผลการจับกุมบุหรี่ต่างประเทศละเมิfเครื่องหมายการค้า มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 215 ล้านบาท

วันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น. นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร นายคณิต มีปิด รองอธิบดีกรมศุลกากร และคณะผู้บริหารกรมศุลกากร ร่วมแถลงผลการจับกุมบุหรี่ต่างประเทศละเมิดเครื่องหมายการค้า มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 215 ล้านบาท
ณ ห้องโถง อาคาร 1 ชั้น 1 กรมศุลกากร (คลองเตย)

นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันและปราบปรามสินค้าที่ละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศและอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค กรมศุลกากรในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล การนำเข้า - ส่งออก และผ่านแดนสินค้า จึงดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งการบังคับใช้กฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่น
ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งนำระบบเทคโนโลยีบริหารความเสี่ยงมาใช้ในการกำกับดูแลการตรวจปล่อยสินค้า และยังได้ประสานงานด้านการข่าวกับทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันมิให้สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าเล็ดลอดเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปรามร่วมกับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ทำการตรวจสอบสินค้าผ่านแดนจากประเทศ CAMBODIA ปลายทางประเทศ MAXICO จำนวน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ สำแดงสินค้าเป็น บุหรี่ โดยผ่านเข้าทางท่าเรือแหลมฉบัง และออกทางสนามบินภูเก็ต
ผลการตรวจพบเป็น บุหรี่ (CI******ES) ที่มีเครื่องหมายการค้า “Marlboro” โดยพนักงานศุลกากร มีเหตุสงสัย
ในสินค้าซึ่งมีลักษณะหรือพฤติการณ์การละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า จึงได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ (Thai Customs IPR Recordation System (TCIRs)) พบว่ามีตัวแทนสิทธิในเครื่องหมายการค้า “Marlboro” ได้ยื่นคำขอแจ้งข้อมูลสินค้าเครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์ล่วงหน้าเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 106/2565 เรื่อง การควบคุมการส่งออก การนำเข้า และการนำผ่าน
ซึ่งสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ในการนี้ตัวแทนสิทธิฯ ได้เข้าร่วมตรวจสอบ พบว่าสินค้าดังกล่าวมิใช่ของจริง ซึ่งหากหลุดรอดเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ นอกจากจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว
ยังอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขอนามัยของประชาชน รวมทั้งส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อสังคมในวงกว้างกรมศุลกากรจึงได้ทำการตรวจยึดบุหรี่ (CI******ES) ที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า จำนวน 19,200,000 มวน มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 144 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน (18 กันยายน 2568) ด่านศุลกากร
ท่าอากาศยานภูเก็ต ได้ทำการตรวจสอบสินค้าผ่านแดนจากประเทศ CAMBODIA ปลายทางประเทศ MEXICO จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ สำแดงชนิดสินค้าเป็นบุหรี่ ผลการตรวจสอบพบเป็นบุหรี่ต่างประเทศละเมิดเครื่องหมายการค้า
จำนวน 9,568,000 มวน มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 71 ล้านบาท รวมแล้วจากทั้งสองกรณี กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดบุหรี่ต่างประเทศละเมิดเครื่องหมายการค้า รวม 28,660,000 มวน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย
ทางเศรษฐกิจ 215 ล้านบาท

กรณีนี้เป็นความผิดฐานนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร
โดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น หรือยอมให้ผู้อื่นยื่นใบขนสินค้า และเอกสารหรือข้อมูล ซึ่งเกี่ยวกับ
การเสียอากรหรือปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 ไม่ถูกต้องหรือไม่บริบูรณ์ อันเป็นความผิด ตามมาตรา 202 มาตรา 244 ประกอบมาตรา 252 และเป็นความผิดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผ่านแดน ตามมาตรา 102 มาตรา 104
และมาตรา 106 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2560 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ.2565 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2565 และ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่อว่า กรมศุลกากรจะมุ่งมั่นในการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายศุลกากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการตรวจสอบสินค้า เพื่อประสิทธิผลที่ยั่งยืนและคุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาวต่อไป

พิธีกรดัง ‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ บนเส้นทางใหม่กับ ‘รวมไทยสร้างชาติ’‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ เป็นคนที่พี่น้...
27/09/2025

พิธีกรดัง ‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ บนเส้นทางใหม่กับ ‘รวมไทยสร้างชาติ’

‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ เป็นคนที่พี่น้องประชาชนรู้จักจากบทบาทพิธีกร ดีเจ และผู้ประกาศข่าวนอกจากนี้ยังเป็นพิธีกรที่กล้าใช้ภาษาอีสานในสื่อหลักอย่างเป็นทางการ เป็นคนแรกๆ ในประเทศไทย

นอกจากบทบาทพิธีกร ดีเจ และผู้ประกาศข่าวแล้ว ‘เคนโด้’ ยังได้ใช้ชื่อเสียงที่ได้มาในการตอบแทนสังคม ผ่านการเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้เสียหายหลายคดี ไม่ว่าจะเป็น เมจิกสกิน, Forex 3D, K4, ฌาปนกิจสงเคราะห์ และอีกหลายปัญหาของประชาชน

--ปกป้องสถาบันหลักของชาติ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์

จากวันนี้ ‘เคนโด้’ ได้เลือกที่จะเพิ่มอีก 1 บทบาทคือ การใช้ชีวิตบนเส้นทางการเมือง เพื่อเผยแพร่อุดมการณ์ ‘รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้เขาได้ทั้งช่วยเหลือผู้คน และพัฒนาอีสาน ตามแนวคิดถ้ามีชื่อเสียงแล้วไม่สามารถช่วยคนได้ ก็ไม่ต้องมี

โดย ‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ ได้เลือกที่จะสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากที่เขาได้พูดคุยกับหลายพรรคการเมือง แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มีอุดมการณ์อย่างหนักแน่นในการปกป้องสถาบันหลักของชาติ รวมถึงตั้งใจในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และรวมไทยสร้างชาติก็เปิดโอกาสให้เคนโด้ช่วยเหลือประชาชนให้มากขึ้น ตามอุดมการณ์ที่ทำมาหลายปี

ผมเหมือนหมาบ้าที่ช่วยประชาชนมา10ปี กัดไม่ปล่อยในหลายคดีดัง โดน อิทธิพลกดทับ การใช้กฎหมายปิดปาก แต่ผมก็สู้จนชนะช่วยประชาชนที่เสียหายกว่า 10,000 ล้านบาท ผมโดดเดี่ยวเพราะทำคนเดียว วันนี้ผมตัดสินใจจะสู้ไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะหัวหน้าพรรคท่านพีระพันธุ์ฯ ก็ชนแหลกเพื่อประชาชน ผมศรัทธาในตัวท่านและพรรคที่มุ่งช่วยประชาชนจริงๆ

รวมทั้งผลงานที่ปรากฏของกระทรวงพลังงานภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไม่ว่าจะเป็นการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การลดค่าไฟ และเสนอกฎหมายปฏิรูปราคาพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์ หรือปฏิรูปโครงสร้างราคาน้ำมัน

ได้คุยกับพรรคการเมืองหลายพรรคมาแล้ว จนในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจร่วมเดินหน้าไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะเขาได้ทำการศึกษามาอย่างดีแล้วว่าเป็นพรรคที่ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ เพราะฉะนั้นไม่ขายชาติแน่นอน รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง ดังที่เห็นได้จากความไม่พอใจของนายทุนพลังงาน ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ และเป็นพรรคที่เห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ดูได้จากการตรึงราคาก๊าชหุงต้ม การลดราคาค่าไฟอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเสนอแก้ไขกฎหมายเรื่องน้ำมันอีกด้วย

-- เมื่อบ้านเฮา เอาโอกาสในชีวิตมาไว้ใกล้บ้าน

ด้วยความเป็นคนอีสานเลือดแท้ จากจังหวัดริมน้ำโขง อย่างหนองคาย สิ่งที่เขามองเห็นอย่างต่อเนื่องคือวิถีชีวิตของคนหนองคายที่ต้องดิ้นรนออกไปทำงานต่างถิ่นต่างแดน แม้ต้องจากครอบครัว จากบ้าน เพื่อแสวงหาโอกาสในชีวิตที่ดีกว่า

ดังนั้นสิ่งที่ ‘เคนโด้’ อยากเห็นคือการสร้างชุดนโยบาย ‘เมือบ้านเฮา’ สร้างงาน สร้างอาชีพในแต่ละท้องถิ่นตามจุดแข็งของแต่ละพื้นที่ ให้ทุกคนมีโอกาสใกล้บ้าน ไม่ต้องออกเดินทางไปแสวงหาโอกาสต่างถิ่น ต่างแดน

เช่น จังหวัดหนองคายที่เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก หากมีการสนับสนุน ผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นตัวนำในการสร้างงาน สร้างอาชีพ

วันนี้ ‘เคนโด้’พร้อมแล้วที่จะใช้ชื่อเสียงโอกาสทางการเมืองเพื่อตอบแทนสังคม รวมทั้งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้แก่พี่น้องประชาชนและพัฒนาบ้านเกิดของเฮาอย่างแท้จริง

กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าว จับเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายเว็บไซต์ UFA-Dตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ต...
27/09/2025

กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าว จับเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายเว็บไซต์ UFA-D

ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้มีการกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์-การพนันออนไลน์ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./ผอ.ศนรด.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง จตช./รอง ผอ.ศนรด. อำนวยการควบคุมสั่งการชุดปฏิบัติให้กวาดล้างการพนันออนไลน์ในเขตพื้นที่ จ.ลพบุรี โดยสั่งการให้ ภ.1 มี พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 ร่วมปฏิบัติ ในวันนี้ (26 ก.ย.68) เวลา 06.00 น.

นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ
ผบก.สส.ภ.1,พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผบก.ภ.จ.ลพบุรี,พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1,พ.ต.อ.อาสาฬห์ ถมยา รอง ผบก.ภ.จ.ลพบุรี,พ.ต.อ.พงษ์สุริยะ สุวรรณพันธ์ รอง ผบก.ภ.จ.ลพบุรี,พ.ต.อ.พัทธนันท์ ทรงสมถวิล ผกก.สส.ภ.จ.ลพบุรี,พ.ต.อ.จรินทร์ อธิบธานนท์ ผกก.สภ.เมืองลพบุรี,พ.ต.อ.พูนสุข เตชะประเสริฐพร ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 พร้อมด้วยเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1

ได้ทำการสืบสวนกลุ่มบุคคลผู้กระทำความผิดในพื้นที่ ที่มีพฤติการณ์ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์เครือข่ายเว็บไซต์ UFA-D ต่อมาได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันกระทำความผิด โดยวันนี้เวลาประมาณ 06.30 น. ได้ร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจ ภ.จ.ลพบุรี เข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวของกลุ่มบุคคลเป้าหมาย จำนวน 7 จุดดังนี้
จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 159 หมู่ 2 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
-ตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ คิมเบอร์ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 21 นัด
จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 250/2 ม.6 ต.กกโก อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
-ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในทำธุรกรรมทางการเงินให้แก่ลูกค้า
จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 49/2 ม.2 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
-ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง ที่ใช้ในทำธุรกรรมทางการเงินให้แก่ลูกค้า และเงินสดในบัญชี จำนวน 138,975.51 บาท
-สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันดังกล่าว
-ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 2 ซิม
จุดที่ 4 บ้านเลขที่ 272/65 หมู่บ้านสิรัญญาพาร์ค ม.1 ต.ถนนใหญ่ อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
-ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย
จุดที่ 5 โรงแรม พีเจ ลอฟท์ โฮเทล ห้องพักเลขที่ 201 หมู่ 8 ต.ป่าตาล อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
-จับกุม นายณัฐวุฒิ นาคสกุล อายุ 27 ปี บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดลพบุรี ที่ 220/2568 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (บาคาร่า และสล็อตแมชชีน) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
-ตรวจยึดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 2 ชุด
-ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง ที่ใช้ในทำธุรกรรมทางการเงินให้แก่ลูกค้า
จุดที่ 6 บ้านเลขที่ 142/125 หมู่ 2 ต.กกโก อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
-จับกุม นายณภดล อ่อนบุรี อายุ 27 ปี บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดลพบุรี ที่ 223/2568 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (บาคาร่า และสล็อตแมชชีน) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
จุดที่ 7 บ้านเลขที่ 136 หมู่ 4 ต.บ้านโปร่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี
-จับกุม นายศักดิ์ชาย กัณหวรรณ อายุ 27 ปี บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดลพบุรี ที่ 222/2568 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (บาคาร่า และสล็อตแมชชีน) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”

(รวมสิ่งของที่ตรวจยึด ทั้งสิ้น 6 รายการ จำนวน 38 ชิ้น)
- อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ คิมเบอร์ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก
- เครื่องกระสุนจำนวน 21 นัด
- โทรศัพท์มือถือ จำนวน 8 เครื่อง
- สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม
- ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 2 ซิม
- คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 2 ชุด

จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในเครือข่ายเว็บพนันดังกล่าว มียอดเงินหมุนเวียน เดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000,000 - 2,000,000 บาท

ทั้งนี้ เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1 จะได้ทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวข้อง และติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป

สวพส. เปิดตัวเครื่องหมาย Eco Brand สินค้าดี จากเกษตรกรดี สู่ผู้บริโภคที่รักสิ่งแวดล้อมสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค...
27/09/2025

สวพส. เปิดตัวเครื่องหมาย Eco Brand สินค้าดี จากเกษตรกรดี สู่ผู้บริโภคที่รักสิ่งแวดล้อม

สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานโครงการหลวงและขยายผลความสำเร็จไปยังพื้นที่สูงในประเทศ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และนานาประเทศ เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม ด้วยการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทดแทนการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมที่ใช้พื้นที่มาก สูญเสียพื้นที่ป่า และเกิดฝุ่นควันจากการเผา

สวพส. ได้เปิดตัว “ECO BRAND” หรือ เครื่องหมายรับรองสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ สินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยตามมาตรฐาน (GAP และเกษตรอินทรีย์) จากการผลิตของเกษตรกรที่มุ่งมั่นดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการประกอบอาชีพในพื้นที่ที่ถูกต้อง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่เผา (สร้าง PM2.5) เพื่อส่งมอบสินค้าที่ดีและปลอดภัยให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจธรรมชาติ

ECO BRAND คือ สัญลักษณ์ความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ตลาด และผู้บริโภค ในการช่วยกันดูแล รักษา และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน จากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือทำไร่หมุนเวียน มาสู่การทำเกษตรที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หันมาปลูกพืชทางเลือก เช่น ผักปลอดภัย กาแฟ และไม้ผล ภายใต้มาตรฐานอาหารปลอดภัย (Good Agricultural Practice: GAP) และเกษตรอินทรีย์ที่ใช้พื้นที่น้อย สร้างผลตอบแทนสูง และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่ต้องการสร้างการรับรู้ ECO BRAND เพื่อให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้บริโภค ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์นี้ นำไปสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ด้วยระบบตรวจสอบที่โปร่งใส บนฐานข้อมูล เกษตรกรสามารถบอกได้ว่า “ใครเป็นผู้ปลูก อยู่ที่ไหน และปลูกอย่างไร” โดยมีระบบสอบทวนย้อนกลับ (Traceability System) ที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าได้ทุกขั้นตอนอย่างแม่นยำ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสินค้าเกษตรที่คุณเลือก ไม่เพียงปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่ยังช่วยรักษาป่า ลดหมอกควัน และสร้างรอยยิ้มให้กับเกษตรกรบนพื้นที่สูง

สวพส. ได้เริ่มดำเนินการรับรอง ECO BRAND เมื่อปี พ.ศ.2566 ปัจจุบันมีเกษตรกร 3,181 ราย 53 กลุ่ม ที่ได้รับการรับรอง ใน 7 ชนิดพืช รวม 5,390 แปลง ประกอบด้วย กาแฟ 913 แปลง โกโก้ 17 แปลง ชา 164 แปลง พืชผัก 2,142 แปลง พืชท้องถิ่น 86 แปลง ไม้ผล (อะโวคาโด เสาวรส องุ่น มะม่วง) 1,974 แปลง และพืชไร่ 88 แปลง ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้า ECO BRAND จากทุกภาคส่วน และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างได้อย่างยั่งยืน
ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้า Eco Brand ได้ทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ “ของดีบนดอย” เป็นช่องทางติดต่อระหว่างเกษตรกรบนพื้นที่สูงกับผู้บริโภคโดยตรง ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดและสร้างความมั่นใจว่าสินค้าที่เลือกซื้อ มาจากระบบเกษตรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
“ทุกครั้งที่คุณเลือก Eco Brand คุณคือคนดีที่ช่วยเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ยั่งยืน”

-นนทบุรี เปิดงาน “ OTOP ทุกการช้อป คือการให้  ”วันนี้ (26 กันยายน 2568) เวลา 16:00 น. ณ ลานโปรโมชั่น โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ...
27/09/2025

-นนทบุรี เปิดงาน “ OTOP ทุกการช้อป คือการให้ ”

วันนี้ (26 กันยายน 2568) เวลา 16:00 น. ณ ลานโปรโมชั่น โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นางระวีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานเปิดงาน “ OTOP ทุกการช้อป คือการให้ ”
นางประภา ปานนิตยกุล พัฒนาการจังหวัดนนทบุรี กล่าวรายงาน วัตถุประสงค์จัดเพื่อส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP และสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินงานมิติใหม่โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ เพียงแต่อาศัยความร่วมมือของภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนนทบุรี สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนนทบุรี และองค์การบริหารส่วนตำบลอ้อมเกร็ด ภาคเอกชน ได้แก่ โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) และโรงเรียนกสินธรเซนต์ปีเตอร์ ภาคประชาชน ได้แก่ เครือข่ายผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP และผู้ประกอบการชุมชนในพื้นที่อำเภอเมืองนนทบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง งานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน -2 ตุลาคม 2568 เวลา 10:00-20:00 น. ขอเชิญชวนผู้สนใจหาซื้อสินค้าได้ในวัน เวลาดังกล่าว

ประยงค์ วิลัย /ภาพข่าว

นนทบุรี-ถนนคนเดิน เที่ยวเพลิน ช็อปผลิตภัณฑ์ชุมชน ชิมผลไม้เมืองนนท์     วันนี้ (26 กันยายน 2568) ณ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ...
27/09/2025

นนทบุรี-ถนนคนเดิน เที่ยวเพลิน ช็อปผลิตภัณฑ์ชุมชน ชิมผลไม้เมืองนนท์
วันนี้ (26 กันยายน 2568) ณ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ นางระวีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยนางประภา ปานนิตยกุล พัฒนาการจังหวัดนนทบุรี เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกอบการโอทอป ผู้ประกอบการชุมชนในงานถนนคนเดิน เที่ยวเพลิน ช็อปผลิตภัณฑ์ชุมชน ชิมผลไม้เมืองนนท์ จัดเต็ม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 - 30 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ราชพฤกษ์ ไฮไลท์สุดว้าว ชอปผลิตภัณฑ์ชุมชน ทั้งอาหารคาวหวาน สมุนไพร และผลไม้เมืองนนท์ บ้านลม • ชิงช้า • ตักปลา • ระบายสีปูนปาสเตอร์ • ลุงปิ้งไข่ โบโซ่ขายาว •โบโซ่บิดลูกโป่ง • Photo Booth จุดถ่ายรูปชิค ๆ โซนศิลปะวัฒนธรรม แสดงการละเล่นสมัยก่อน ดนตรีสดและมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อัดแน่นตลอดงาน งานนี้ “จัดเต็มทุกโซน” ความสนุกครบรส ทั้งช้อป ทั้งชิม ทั้งเล่นเพลินแน่นอน จัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนนทบุรี

ประยงค์ วิลัย /ภาพข่าว

นนทบุรี-พิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี พ.ศ. 2568 วันนี้ (26 กันยายน 2568)  เวลา 13:30 น. ณ ศาลาก...
26/09/2025

นนทบุรี-พิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี พ.ศ. 2568

วันนี้ (26 กันยายน 2568) เวลา 13:30 น. ณ ศาลาการเปรียญ วัดไผ่เหลือง ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานในพิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี พ.ศ. 2568 พร้อมด้วยนางระวีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นางประภา ปานนิตยกุล พัฒนาการจังหวัดนนทบุรี กล่าวรายงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีเป้าหมายให้หมู่บ้านและชุมชนที่ได้รับเงินพระราชทาน สามารถนำไปต่อยอดการดำเนินกิจกรรมแก้ไขปัญหายาเสพติด ขยายผลสู่การแก้ไขปัญหาพื้นฐานของหมู่บ้าน และเป็นต้นแบบแก่พื้นที่อื่นต่อไป โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย
กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายภารกิจจากกระทรวงมหาดไทย ให้รับผิดชอบดำเนินงานเสริมสร้างความเข้มแข็งกองทุนแม่ของแผ่นดิน เมื่อเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์พระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติด โดยพระองค์ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อจัดตั้งเป็น “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” หมู่บ้าน / ชุมชน กองทุนละ 8,000 บาท เงินจำนวนนี้ถือเป็นเงินศักดิ์สิทธิ์ จึงเก็บไว้เป็นเงินขวัญถุงในหมู่บ้าน/ชุมชน และให้หมู่บ้าน/ชุมชน จัดกิจกรรมหารายได้สมทบกองทุนแม่ของแผ่นดิน โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความศรัทธา ต่อการดำเนินงานกองทุนฯ หรือราษฎรในหมู่บ้านและชุมชนคิดค้นขึ้นด้วยภูมิปัญญา เพื่อขยายกองทุน ให้มีการงอกเงยขึ้นจนสามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดของหมู่บ้าน/ชุมชน ได้อย่างเพียงพอต่อไป โดยจังหวัดนนทบุรี มีหมู่บ้านที่ได้รับเงินพระราชทานขวัญถุงแล้วทั้งสิ้น จำนวน 240 กองทุน โดยในปีนี้ จังหวัดนนทบุรี มีจำนวนหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินที่เข้ารับเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน จำนวน 7 หมู่บ้าน

ประยงค์ วิลัย /ภาพข่าว

“สุชาติ ชมกลิ่น” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เข้ากระทรวงฯ  วันแรก  ลุยทันที วาง 5 แนวทางขับ...
26/09/2025

“สุชาติ ชมกลิ่น” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เข้ากระทรวงฯ วันแรก ลุยทันที วาง 5 แนวทางขับเคลื่อนงานเพื่อประชาชน ตั้งเป้าเห็นผลใน 4 เดือน

วันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 09.09 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรก ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้สักการะ “พระพุทธสยัมภู” และ “พระภูมิเจ้าที่” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ จากนั้นได้เข้ายังอาคารกระทรวงฯ ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 และอัญเชิญพระพุทธชินราชประดิษฐานในห้องทำงาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ท่ามกลางการต้อนรับจากผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนอย่างอบอุ่น

นายสุชาติฯ กล่าวว่า การได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งครั้งนี้ เป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตการทำงาน และขอให้คำมั่นว่าจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มความสามารถ โดยจะน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์มาใช้เป็นแนวทางหลัก พร้อมทั้งขอบคุณนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่มอบความไว้วางใจให้ร่วมขับเคลื่อนรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งแม้จะมีกรอบเวลาการทำงานเพียง 4 เดือน แต่มั่นใจว่าจะสร้างผลลัพธ์ที่ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรมได้

สำหรับทิศทางการดำเนินงานได้วาง 5 แนวทางสำคัญ เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และตอบสนองความต้องการของประชาชน ได้แก่
1) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประชาชน โดยเน้นการดูแลป่าไม้ ที่ดิน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงการอยู่ร่วมกับป่าและสัตว์ป่า โดยบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพ
2) การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าเป็นฐานการสร้างรายได้ให้ชุมชนและประเทศ
3) การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติเชื่อมโยงข้อมูลและศักยภาพทุกหน่วยงานในกระทรวงฯ เพื่อเข้าถึงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
4) การจัดการสิ่งแวดล้อม เร่งแก้ไขปัญหา PM 2.5 หมอกควัน ไฟป่า และมลพิษข้ามแดน ด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ
5) การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชน
ปรับใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ พร้อมดูแลเจ้าหน้าที่ด่านหน้าให้มีสวัสดิการที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ นายสุชาติฯ ได้กล่าว ทิ้งทาย ว่า “ผมขอให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องประชาชนว่า จะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี และด้วยความร่วมมือของข้าราชการทุกฝ่าย เราจะทำให้การบริหารจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด”

-นนทบุรีร่วมกิจกรรม "การกำจัดปลาหมอบัตเตอร์ด้วยวิธีตกปลาเชิงอนุรักษ์"วันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 09:30 น. นางระวีพร...
26/09/2025

-นนทบุรีร่วมกิจกรรม "การกำจัดปลาหมอบัตเตอร์ด้วยวิธีตกปลาเชิงอนุรักษ์"

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2568
เวลา 09:30 น. นางระวีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมกิจกรรมการกำจัดปลาหมอบัตเตอร์ด้วยวิธีตกปลาเชิงอนุรักษ์ ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี 80 พรรษา นนทบุรี อ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
โดยมีนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานในกิจกรรมดังกล่าว กิจกรรมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการได้รับการประสานงานจาก เทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งได้พบการแพร่ระบาดของ ปลาหมอบัตเตอร์ ในพื้นที่สวนสาธารณะเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ได้รับแจ้ง สำนักงานประมงจังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมกับ จังหวัดนนทบุรี และ เทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งเป็นผู้บริหารพื้นที่ เพื่อทำการลดจำนวนประชากรปลาหมอบัตเตอร์ลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปลาชนิดนี้ จัดเป็นปลาต่างถิ่น ที่กินทั้งพืชและสัตว์ ลูกปลาพื้นเมือง และขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบ อย่างร้ายแรงต่อระบบนิเวศ และถูกกำหนดให้เป็นปลาต้องห้าม ตามพระราชกำหนด การประมง พ.ศ. 2558 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการดำเนินการไปแล้วถึง 3 ครั้ง แต่จำนวนของปลาหมอบัตเตอร์ กลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมและลดจำนวนประชากรลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเล็ดรอด สู่แหล่งน้ำเปิดของ จังหวัดนนทบุรี
สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมย่อย 3 ส่วนคือ กิจกรรมการตกปลา เชิงอนุรักษ์ ที่เป็นวิธีการที่เหมาะสมและมีผลกระทบน้อยต่อสัตว์น้ำชนิดอื่น กิจกรรม การให้ความรู้และสร้างความตระหนัก และกิจกรรมการปล่อยปลาไทยเพื่อการอนุรักษ์ ปลาตะเพียน 100,000 ตัว ปลาบึก 4 ตัว รวมถึงปลานักล่าอย่างปลาเทพา ซึ่งเป็นปลาประจำจังหวัดนนทบุรี จำนวน 40 ตัว จากศูนย์วิจัยและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดพระนครศรีอยุธยา อันจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์คือการควบคุมและลดจำนวนประชากรปลาหมอบัตเตอร์ อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ในการนี้ มี หัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดนนทบุรี และนายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด ร่วมในกิจกรรมดังกล่าว

ประยงค์ วิลัย ภาพ/ข่าว

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนบ้านครัวใต้ เขตปทุมวัน กรุงเ...
26/09/2025

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนบ้านครัวใต้ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ.2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการฯ,นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิกฯ,นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการฯ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ฯ และ นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัยฯ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ฯ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณชุมชนบ้านครัวใต้ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ รวมจำนวน 22 ครอบครัว 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว 17 ชุด รายบุคคล 5 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 221,500 บาท (สองแสนสองหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยบาทถ้วน) ในการนี้ มูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมสงเคราะห์ ร่วมมอบเงินสด ครอบครัวละ 500 บาท และพุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมการช่วยเหลือทั้ง 3 องค์กรคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 239,850 บาท (สองแสนสามหมื่นเก้าพันแปดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) โดยมี นายอิทธิพล อิงประสาร ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย ณ บริเวณลานกีฬาชุมชนบ้านครัวใต้ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่างๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สตม.ส่งรัสเซียโชว์ ร่วมรักบนร่อนภูเก็ต ดำเนินคดี พร้อมเพิกถอนวีซ่า ขึ้นแบล็กลิสต์ เนรเทศพ้นไทยกรณีปรากฏภาพคลิปคนต่างชาติ...
26/09/2025

สตม.ส่งรัสเซียโชว์ ร่วมรักบนร่อนภูเก็ต ดำเนินคดี พร้อมเพิกถอนวีซ่า ขึ้นแบล็กลิสต์ เนรเทศพ้นไทย

กรณีปรากฏภาพคลิปคนต่างชาติ แสดงท่า ร่วมเพศเปลือยกายบนรถกระบะ วิ่ง โชว์ ไปทั่วเมืองภูเก็ต และปรากฏเป็นภาพคลิปเผยแพร่ทางโซเชียล เป็นการดูถูกประเทศไทย ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างยิ่ง

เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2568 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.ได้สั่งการให้ตรวจสอบการเดินทางของคนต่างชาติดังกล่าว พบข้อมูลว่า ชายผู้ก่อเหตุ ชื่อ นาย Georgii ชาวรัสเซีย อายุประมาณ 23 ปี ก่อเหตุร่วมกับหญิงไทย กำลังเดินทางหลบหนีจากภูเก็ตโดยเครื่องบินมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยเที่ยวบิน PG287 เมื่อ 25 ก.ย.2568

จนกระทั่งเวลา 16.20 น. ชุดสืบสวน บก.ตม.2 ได้เข้าคุมตัวนาย Georgii Dzugkoev ทันทีที่ลงเครื่อง พร้อมทำการตรวจสอบข้อมูล โดยประสานกับ สภ.เมืองภูเก็ต

จากนั้น จัดกำลัง ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปที่ภูเก็ต เพื่อนำตัวส่ง สภ.เมืองภูเก็ตดำเนินคดีต่อไป

โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศฯ ผบช.สตม.ได้สั่งการให้ เพิกถอนวีซ่า และขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้าม ฐานมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อย และกระทำการอันขัดต่อศีลธรรมอันดี ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ซึ่งจะเนรเทศส่งกลับผู้ต้องหา ทันทีหลังดำเนินคดีเสร็จสิ้น

การกระทำดังกล่าวถือว่า เป็นการท้าทายต่อกฏหมายประเทศไทย ซึ่งเตือนคนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย หากไม่เคารพกฎหมายและแสดงออกซึ่งการไม่ให้เกียรติต่อแผ่นดินไทย เช่นกรณีนี้ หรือเคยปรากฎคนต่างชาติเจตนาถ่ายรูปอนาจารโชว์อวัยวะในศาสนสถาน ก็จะถูกจับกุม เพิกถอนวีซ่า และขึ้นแบล็คลิสต์ไม่ให้เข้าประเทศทุกราย

ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ร่วมงานแถลงข่าว โครงการ "THE LITTLE TIGER PROJECTพลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำผู้อำน...
26/09/2025

ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ร่วมงานแถลงข่าว โครงการ "THE LITTLE TIGER PROJECT

พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ
ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และคณะผู้บริหารระดับสูงขององค์การฯ เข้าร่วมงานแถลงข่าว สวมท โครงการ "THE LITTLE TIGER PROJECT" ณ เดอะพาเลช สตูดิโอ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

โครงการดังกล่าวผลิตโดย บริษัท แกรนด์ บิ๊ก แบง จำกัด ผู้ผลิตภาพยนตร์ และภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งโครงการนี้
ประกอบด้วย การผลิตภาพยนตร์ เรื่อง กองพันพยัคฆ์น้อย (The Little Tiger) การจัดแสดงคอนเสิร์ต ตามหาวีรบุรุษ (Finding Heroes) รวมทั้ง การจัดวิ่งมาราธอนมหากุศลเพื่อพี่น้องทหาร (The Battle of Brothers Marathon) ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยภาพยนตร์มีเนื้อหาในการบอกเล่าเรื่องราวที่สร้างจากเรื่องจริงของกองพันทหารราบที่ 21 โดยประเทศไทย
เป็นหนึ่งใน 16 ประเทศ ที่ตอบรับคำร้องขอขององค์การสหประชาชาติในการส่งกองกำลังไปช่วยเหลือเกาหลีใต้

รวมทั้งกิจกรรมการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์ และวีรกรรมของทหารไทยให้แก่ประชาชนชาวไทย

รวมทั้งชาวต่างชาติ เพื่อเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อกองทัพไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดโครงการฯ จะนำไปจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

ในโอกาสนี้ นายปาร์ค ยง มิน เอกอัครราชทูตตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทศไทย,พลอากาศโท วีระศักดิ์ แก่นมณี อุปนายกสมาคมทหารผ่านศึกเกาหลี ในพระบรมราซูปถัมภ์,แพทย์หญิง จิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก, ผู้บริหารจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และผู้บริหาร ของบริษัท แกรนด์ บิ๊ก แบง จำกัด เข้าร่วมงานแถลงข่าวโครงการมงคล

ที่อยู่

Amphoe Bang Yai

เบอร์โทรศัพท์

+66957462578

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Face line newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Face line news:

แชร์

หนังสือพิมพ์ เฟส ไลน์ นิวส์

ถูกต้อง ตรงจริง ไม่จำกัดกาลเวลา