
25/07/2025
“วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา เป็นการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เพราะเกือบนำไปสู่การใช้อาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสองมหาอำนาจ”
จิตทิพย์ มงคลชัยอรัญญา เขียนถึงวิกฤตและความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา เพื่อชวนกลับมาทบทวนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และตั้งคำถามว่า ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เราสามารถมีส่วนช่วยลดระดับความตึงเครียดนี้ได้อย่างไร
อ่านได้ที่: https://www.the101.world/cuban-crisis-lessons-thai-cambodia-conflict/
“ผู้นำทั้งสองต้องเผชิญกับข้อจำกัดอย่างหนักจากแรงกดดันภายในประเทศ ทั้งจากกระแสสาธารณชนในทั้งสองประเทศที่ล้วนมองอีกฝ่ายเป็นศัตรู ความคาดหวังจากพันธมิตร และแรงต้านจากภาคส่วนต่างๆ เช่น กองทัพ นักการเมืองสายเหยี่ยวในคณะบริหาร หรือคู่แข่งทางการเมือง”
“หากผู้นำแสดงท่าทีว่า ‘ยอมถอย’ หรือส่งสัญญาณต้องการลดความขัดแย้งต่อสาธารณชน ท่าทีเหล่านั้นมักถูกตีความว่าเป็นความอ่อนแอ หรือบ่งชี้ถึงความไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์และเส้นทางทางการเมืองของผู้นำ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์ที่การยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายตรงข้ามมักถูกมองว่าเท่ากับการยอมจำนนต่อศัตรู”
“สิ่งที่ผู้นำทั้งสองประเทศพยายามทำเพื่อลดความตึงเครียดระหว่างประเทศในขณะที่รักษาภาพลักษณ์ความเข้มแข็งของตน คือการไม่แสดงออกอย่างชัดเจนในที่สาธารณะว่าจะยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่าย ตัวอย่างหนึ่งคือการส่งข้อความผ่านตัวกลางที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรง เช่น ฝั่งโซเวียตได้รับข่าวจากนักข่าว (ที่โซเวียตเชื่อว่าใกล้ชิดกับเคนเนดี) ว่าสหรัฐอเมริกาต้องการลดความตึงเครียด และพร้อมจะถอนขีปนาวุธจากตุรกีอย่างลับๆ หากโซเวียตยอมถอนขีปนาวุธออกจากคิวบา”
“ท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างไทย–กัมพูชาที่ตึงเครียดจนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต หนึ่งในประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่สังคมควรให้ความสำคัญ คือ แนวทางการลดความตึงเครียดในความขัดแย้งระหว่างประเทศ”
#ขีปนาวุธคิวบา #ไทยกัมพูชา #วันโอวัน