เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/pongsinnermann

TerritoryMag, 88/17 หมู่ 6 ห้วยโป่ง โคกสำโรง ลพบุรี, Amphoe Khok Samrong (2025)

27/08/2025

Mudvayne ปล่อยทีเซอร์ลึกลับ คาดเตรียมปล่อยเพลงใหม่ในรอบทศวรรษ
หลังจากการกลับมารวมตัวในปี 2021 และสร้างความฮือฮาด้วยการทัวร์ใหญ่ทั่วสหรัฐฯ รวมถึงเทศกาลยักษ์อย่าง Inkcarceration, Louder Than Life และ Aftershock ล่าสุด Mudvayne ได้จุดกระแสคาดการณ์ครั้งใหม่ เมื่อพวกเขาปล่อยทีเซอร์ลึกลับผ่าน Instagram ที่ชวนให้แฟนๆ เชื่อว่า เพลงใหม่อาจใกล้จะเปิดตัวเต็มที่
แม้จะยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดเกี่ยวกับทิศทางหรือวันเปิดตัว แต่จังหวะเวลาเชื่อมโยงกับการทัวร์ฉลองครบรอบ 25 ปี อัลบั้ม L.D. 50 ที่จะเริ่มในวันที่ 11 กันยายนนี้ ที่ Dubuque, IA และลากยาวไปจนถึง 26 ตุลาคม ที่ Mohegan Sun Arena, CT การทัวร์ครั้งนี้ยังมี Static-X และ Vended ร่วมเปิดการแสดงตลอดเส้นทาง ทำให้ความคาดหวังต่อการกลับมาของซาวด์ Nu-Metal สไตล์ Mudvayne ยิ่งสูงขึ้น
Mudvayne ห่างหายจากการทำเพลงสตูดิโอมานานนับ 10 ปี การกลับมาของพวกเขาในฐานะกำลังหลักแห่ง Nu-Metal รุ่นบุกเบิก จะเป็นการทวงบัลลังก์ในสายการแสดงสด และยังจะเป็นสัญญาณการเปิดศักราชใหม่แห่ง Nu-Metal ที่หลายคนรอคอย

27/08/2025

สองผัวเมียลาออก-ถูกปลดฟ้าผ่า! Cradle of Filth สั่นคลอนกลางทัวร์อเมริกาใต้
Cradle of Filth กำลังเผชิญความปั่นป่วนครั้งใหญ่ระหว่างทัวร์ละตินอเมริกา เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสมาชิกต่อเนื่องเพียงไม่กี่วัน เริ่มจาก Zoe Marie Federoff คีย์บอร์ดและนักร้องประสานหญิง ประกาศถอนตัวกลางทัวร์ โดยระบุสั้นๆ ว่า เหตุผลเป็นเรื่องส่วนตัวและขอความเป็นส่วนตัวจากแฟนเพลง ก่อนจะตามมาด้วยการประกาศลาออกของสามีเธอ Marek “Ashok” Šmerda มือกีตาร์ผู้ร่วมวงมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเปิดเผยถึงความไม่พอใจต่อการจัดการภายในวง ทั้งเรื่องค่าตอบแทนต่ำ ความเครียดสูง และพฤติกรรมที่ไม่เป็นมืออาชีพ
โดย Ashok ยืนยันว่าเขาได้ขอถอนผลงานการประพันธ์ทั้งหมดออกจากการวางจำหน่ายในอนาคต รวมถึงเพลงที่เป็นประเด็นกับ Ed Sheeran โดยมองว่าเป็นการกระทำที่งี่เง่าแบบตัวตลก ที่บิดเบือนจากเจตนาเดิม แม้มีแรงกดดันสูง แต่เขาย้ำว่าจะปิดฉากการเดินทางกับวงด้วยความภาคภูมิ เพื่อแฟนเพลงและทีมงาน กระนั้นไม่นานหลังแถลงการณ์ Dani Filth ฟรอรต์แมนของวงได้ประกาศปลด Ashok ออกจากตำแหน่งทันที พร้อมย้ำว่า Cradle of Filth จะไม่ยกเลิกการแสดงใดๆ ในทัวร์อเมริกาใต้ แม้ในช่วงเวลานี้จะต้องขึ้นโชว์ด้วยกีตาร์ตัวเดียวจนกว่ามือกีตาร์ตัวแทนจะเดินทางมาสมทบ
Zoe ภายหลังยังได้โพสต์ชี้แจงเพื่อยุติข่าวลือเรื่องชีวิตคู่ โดยยืนยันว่าเธอกับ Ashok ตัดสินใจเรื่องการลาออกมานานแล้ว และทั้งคู่ยังคงยืนหยัดเคียงข้างกัน การจากไปพร้อมกันของสองสามีภรรยานี้ทำให้อนาคตของ Cradle of Filth เต็มไปด้วยคำถาม ท่ามกลางตารางทัวร์อันยาวเหยียดทั้งยุโรปและเม็กซิโก ขณะที่ Dani Filth ยังคงประกาศจะพาวงฝ่ามรสุมครั้งนี้ต่อไป

26/08/2025

Slayer - Reign in Blood (1986)
กลางทศวรรษ 1980 ที่โลหิตของวงการเมทัลกำลังเดือดพล่าน Slayer ได้ปลดปล่อยงานที่ถูกขนานนามว่าเป็นคำสาปสังหารแห่ง Thrash Metal ทั้งมวล นามว่า Reign in Blood (1986) ผลงานความยาวเพียง 29 นาที แต่กลับสั่นสะเทือนทั้งวงการ และบังคับให้โลกต้องนิยามความโหดร้ายขึ้นใหม่อีกครั้ง ด้วยเสียงกรีดร้องเปิดม่านใน “Angel of Death” เป็นการปะทุแห่งนรกที่ Jeff Hanneman บรรจงร้อยเรียงจากเงามืดของค่ายกักกัน Auschwitz เนื้อหาอันเลือดเย็นทำให้ค่าย Columbia ปฏิเสธการจัดจำหน่าย ต้องอาศัย Geffen เป็นผู้ปล่อยสู่ตลาด แต่แทนที่ความอื้อฉาวจะทำให้มันดับแสง กลับยิ่งโหมไฟให้ความดิบเถื่อนกลายเป็นตำนาน ความเร็วระดับ 220 BPM ที่ Dave Lombardo กระหน่ำราวกองทัพม้าปีศาจ เบสและเสียงร้องของ Tom Araya ที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล และกีตาร์คู่ Kerry King กับ Hanneman ที่ซัดริฟฟ์ดั่งฝนกรด ล้วนทำให้ผู้ฟังถูกบดขยี้โดยพายุแห่งโลหิต
Rick Rubin โปรดิวเซอร์จาก Def Jam ที่ครั้งหนึ่งเชี่ยวชาญโลกแห่งฮิปฮอป กลับจับ Slayer ขึ้นแท่นด้วยสายตาอันยาวไกล เขาเปลื้องเอฟเฟ็กต์ออกจากซาวด์ ทิ้งไว้เพียงความกระชับ และการฟาดฟันที่ตรงไปตรงมา ผลลัพธ์คือซาวด์ที่ชัดเจนแต่ดุดัน จนผู้ฟังสัมผัสได้ทุกหมัด ทุกแผล และทุกเสียงร้องที่แทงทะลุอก งานชิ้นนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการผลิตเพลงเมทัลที่โหดแต่คมชัด จนวงรุ่นหลังนับไม่ถ้วนเดินตาม
เพลงอย่าง “Raining Blood” กลายเป็นบทสวดในสนามรบคอนเสิร์ต ผู้ชมเงยหน้ารับสายฝนเลือดจากเวที ราวถูกดึงเข้าสู่สงครามโลกีย์ที่ไม่รู้จบ “Postmortem”, “Altar of Sacrifice” และ “Jesus Saves” ก็ตอกย้ำว่านี่เป็นคัมภีร์แห่งความโหดที่ต่อเนื่องทุกวินาที
แม้อัลบั้มจะถูกกล่าวหาว่าเป็นงานพวกนาซีหรือลัทธิปีศาจ แต่ Slayer ไม่เคยชี้นำ หากเพียงใช้ประวัติศาสตร์และภาพสยองเป็นอาวุธ พวกเขาฉีกภาพลักษณ์ดนตรีเมทัลที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงความบันเทิง ให้กลายเป็นพิธีกรรมแห่งความตายที่ไม่มีใครอาจเพิกเฉย
กาลเวลาผ่านไป Reign in Blood ยังคงถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์เมทัล Rolling Stone จัดให้อยู่ในอันดับ 6 แห่ง 100 อัลบั้มเมทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เสียงจาก Kerrang!, Metal Hammer และ Decibel ต่างสรรเสริญว่านี่คือคัมภีร์แห่ง Thrash Metal ที่ยกระดับความรุนแรงไปถึงขีดสุด และยังปูทางให้กำเนิด Death Metal มันคืออัลบั้มที่ไม่รู้จักผ่อนปรน ไม่รู้จักประนีประนอม ทุกวินาทีคือการกราดยิงแห่งซาวด์ที่ตรงและเร็วที่สุดในยุค หาก Master of Puppets คือการสร้างปราสาทแห่งศิลปะ Reign in Blood ก็คือการทลายปราสาทนั้นลงมาเป็นซากเศษอิฐเปื้อนเลือด ที่ยังคงก้องกังวานอยู่ในความทรงจำของโลกแห่งเมทัลที่ไม่มีวันสิ้นสุด!

26/08/2025

ตั๋ว Preheadline มีถึง 1 กันยายนนี้!

Pre Headline ticket On sale Now !!!

FESTI PRESENT
HUb Smash: Raise the flag

งาน Metal Fest สุดเดือด ณ Artspace@Bantadthong

โดยมี วง จากสังกัด HUb Records อย่าง
Voiceless of fear : เจ้าของผลงาน มื้ออาสัญ Technical Death สุดเดือดที่ผ่าน สมรภูมิมาอย่างโชคโชน

Silence of Genocide : วง Death หัวหอกแห่งยุค Modern ที่จัดความมัน กระชากวิญญาณ กันมาหลายครั้งจนมีแฟนคลับติดตามกันมากมาย

Past of the pain : Speed thrash death metal สุดเก๋า แห่งสยามประเทศ พร้อมจะจัดความเน็วเลือดสาดชนิดจิตหลุดกันเลย

และแขก รับเชิญพิเศษ

NARAKA : BRUTAL DEATH 3 ชิ้น ที่เขย่าวงการ หลังยุคโควิด อันเป็นที่เลื่องลือในความโหดดิบ เสริฟความมันเต็มที่

และยังมี

* Secret Headline

วง Head line ที่ยังไม่เปิดเผยตอนนี้ แต่รับรองว่า เป็นวงที่ทุกคนรู้จักกันดี ผ่านเรื่องราวในวงการ ต่อสู้มาหลายปี จนยืนหยัดเป็น1ในวงการ

ฉะนั้น เตรียมตัวกดบัตรให้ดี เปิด pre order บัตร ราคา 450 บาท เท่านั้น มีเวลา 1 สัปดาห์ ในการวัดใจว่า กล้ามาสนุกกกับเรารึเปล่า

บัตรราคาปกติ 650 บาท
บัตรหน้างาน 890 บาท

เริ่มเปิดจอง ตั๋ว Pre headline
ซื้อบัตรได้ทาง https://www.ticketmelon.com/HUBSMASH2/Hubsmash2/

ติดตามรายละเอียดทางเพจของเรา

26/08/2025

เลขพัสดุ #ไปรษณีย์ไทย
จัดส่ง No.22, No.23 และ No 24 ครับ

26/08/2025

Sacramentum สูญเสีย Nisse Karlén นักร้องนำและผู้ก่อตั้ง เสียชีวิตด้วยวัย 50 ปี
วง Blackened Death Metal ระดับตำนานจากสวีเดน Sacramentum ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันการจากไปของ Nisse Karlén นักร้องนำและผู้ก่อตั้งวง ด้วยวัย 50 ปี โดยสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการฆ่าตัวตาย หลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตมาอย่างยาวนาน โดยในแถลงการณ์ของวงระบุว่า “ด้วยความเศร้าโศกอย่างที่สุด เราขอแจ้งข่าวการสูญเสียเพื่อนอันเป็นที่รัก สมาชิกและหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Sacramentum, Nisse Karlén เขาเลือกที่จะจากโลกนี้ไปเพราะการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต ขณะนี้เราขอความเป็นส่วนตัวให้กับครอบครัว เพื่อน และสมาชิกวง”
Sacramentum ถือกำเนิดขึ้นที่ Falköping ประเทศสวีเดน ในปี 1990 (ในชื่อ Tumulus) โดย Nisse Karlén เริ่มต้นจากการเป็นมือกีตาร์ ก่อนจะเปลี่ยนมาถือไมค์และเบส เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์อัลบั้ม Far Away From the Sun (1996) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานต้นแบบของ Melodic Black Metal และยังตามมาด้วย The Coming of Chaos และ Thy Black Destiny ที่ตอกย้ำชื่อเสียงของวงให้เป็นตำนาน
ด้วยซาวด์ที่ผสานความดุดันของ Death Metal เข้ากับบรรยากาศเยือกเย็นของ Black Metal, Sacramentum จึงถูกกล่าวถึงเคียงคู่กับ Dissection และมีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังทั่วยุโรปและอเมริกาเหนือ
แม้จะเงียบหายไปช่วงหนึ่ง แต่ Sacramentum ได้กลับมาขึ้นเวทีเทศกาลใหญ่และรีอีชชูอัลบั้มในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมรดกทางดนตรีที่ Nisse Karlén และวงได้สร้างไว้ และในการสูญเสียครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งบาดแผลของวงการเมทัลที่ต้องอำลาศิลปินผู้ทิ้งร่องรอยไว้ในห้วงมืดของเสียงดนตรีไปตลอดกาล!

$\m/$

25/08/2025

\m/

25/08/2025

Megadeth - Rust in Peace (1990)
ปี 1990 สงครามแห่งซาวด์ Thrash Metal ถูกกรีดออกด้วยคมมีดที่ทั้งเย็นชาและเฉียบแหลม Rust in Peace คือผลลัพธ์แห่งการต่อสู้ดิ้นรน การสรรหาทหารใหม่ และการร้อยเรียงท่วงทำนองแห่งสงครามเข้าสู่บทเพลงที่ทั้งดุดันและซับซ้อน ในห้วงเวลาที่วงการเมทัลกำลังแข่งกันผลักดันขีดจำกัดของความเร็วและความหนักหน่วง Dave Mustaine ได้นำ Megadeth ก้าวสู่สนามรบครั้งใหม่ พร้อมกับกีตาร์คู่หูที่กลายเป็นตำนาน Marty Friedman และมือกลอง Nick Menza ผู้พลิกโฉมซาวด์ของวงให้แข็งกร้าวและแฝงความซับซ้อน
เสียงแรกที่ฟาดฟันลงมาใน “Holy Wars… The Punishment Due” คือการประกาศศึก เพลงเปิดอัลบั้มถูกหล่อหลอมจากความโกลาหลทางการเมืองและการปะทะในไอร์แลนด์เหนือ ริฟฟ์ที่ Mustaine ปล่อยออกมานั้นคือเสียงระเบิดของความเกรี้ยวกราดทางสังคมที่ถูกลั่นกรองเป็นศิลปะ และในขณะที่ท่อนโซโล่พุ่งแหลมออกมา เสียงของ Marty Friedman ก็กรีดเหมือนคมดาบซามูไรที่ตัดทะลุม่านหมอกแห่งสงคราม ทำให้ทุกวินาทีของเพลงนี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและงามสง่า
เมื่อถึง “Hangar 18” บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นสมรภูมิของเงามืดและทฤษฎีสมคบคิด UFO Nick Menza โหมกระหน่ำกลองราวค้อนเหล็กทุบลงบนเกราะ ในขณะที่ Dave Ellefson วางรากฐานด้วยเบสที่หนักและแม่นยำ ก่อนที่กีตาร์คู่ Mustaine และ Friedman จะระเบิดการดวลเดือดราวกับสองแม่ทัพที่กำลังสาดคมดาบเข้าใส่กันจนแสงไฟวาบท้องฟ้าแห่ง Area 51 ตรงกลางอัลบั้ม ความเร็วและความเกรี้ยวกราดไม่ได้ลดลง “Take No Prisoners” คือการบุกประชิดที่ไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจ “Five Magics” คือบทสวดแห่งมนตร์ดำที่เล่นกับจังหวะซับซ้อนและโครงสร้างที่เหนือความคาดหมาย “Poison Was the Cure” สั้นกระชับแต่เต็มไปด้วยพิษสงที่ซ่อนอยู่ในทุกตัวโน้ต
แล้วก็มาถึง “Tornado of Souls” บทเพลงที่ถูกยกขึ้นหิ้งว่าเป็นหนึ่งในกีตาร์โซโล่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมทัล ซาวด์ของ Friedman กรีดสายวาดภาพพายุที่กวาดทุกสิ่งไปอย่างไร้ปรานี ท่วงทำนองนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า บ้าคลั่ง และงดงาม เสียงนั้นคือสายฟ้าที่แหวกสงครามด้วยความโกลาหลที่ถูกกลั่นให้เป็นศิลปะในระดับที่แทบจะไม่อาจทำซ้ำได้อีก
ท้ายที่สุด “Rust in Peace… Polaris” ปิดม่านอัลบั้มด้วยเสียงแห่งยุคนิวเคลียร์ ริฟฟ์ที่ย่ำหนักและบิดเบี้ยวพาผู้ฟังเข้าสู่ห้วงมืดแห่งสงครามนิวเคลียร์ Polaris ขีปนาวุธที่พร้อมทำลายโลก ถูกแปลงเป็นท่วงทำนองแห่งหายนะที่ย้ำเตือนว่ามนุษยชาติอยู่ใกล้ความตายเพียงเสี้ยวลมหายใจ กาลเวลาผ่านมากว่า 3 ทศวรรษ Rust in Peace ยังคงถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมหากาพย์แห่ง Thrash Metal อัลบั้มที่ทุกโน้ตคือการฟาดฟัน ทุกริฟฟ์คือกระสุน และทุกโซโล่คือดาบที่เฉือนร่างศัตรูออกเป็นชิ้นๆ มันคือคัมภีร์แห่งสงครามที่ Dave Mustaine จารึกไว้ด้วยเลือดเนื้อ และฝีมือของเขากับ Marty Friedman อย่างไม่มีวันเลือน!

25/08/2025

Max Cavalera เล่าความทรงจำครั้งสุดท้าย รำลึก Ozzy Osbourne “ตลอดกาลเขาจะถูกจดจำ”
ในบรรดาบุคคลผู้เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งความโกลาหลและอำนาจดิบแห่งเมทัล ไม่มีใครทัดเทียมเงาราชาแห่งรัตติกาล Ozzy Osbourne และเมื่อเสียงหัวใจของเขาดับลงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โลกแห่งเมทัลก็พลันตกอยู่ในความเงียบงัน ราวสนามรบที่เพิ่งสูญเสียแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในนักรบที่ออกมาไว้อาลัยด้วยถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือ Max Cavalera อดีตฟรอนต์แมนแห่ง Sepultura และผู้นำทัพ Soulfly ผู้ซึ่งชีวิตและเส้นทางดนตรีของเขาถูกหลอมด้วยแรงบันดาลใจจาก Ozzy
Max ยอมรับว่าเมื่อได้ข่าวการตายของ Ozzy หัวใจเขาถูกฉีกออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งคือความเศร้า และอีกครึ่งหนึ่งคือยอมรับอย่างสง่างาม ว่า “ผู้ชายคนนี้ เขามีทุกอย่างแล้ว เขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยไฟ ไม่มีบทสรุปใดสมบูรณ์แบบไปกว่านี้” สำหรับ Max ความทรงจำที่เขามีกับ Ozzy คือความผูกพันกันในระดับลึกซึ้ง ทั้งการนั่งพูดคุยกันอย่างเพื่อนเกลอ และได้ยินคำปลุกใจจากปากของไอคอนที่เขาบูชาในวัยเด็ก คำพูดง่ายๆ อย่าง “F**k it. Go for it. Make you new band” ได้กลายเป็นเชื้อไฟที่ทำให้ Soulfly ถือกำเนิดขึ้นหลังการแตกหักกับ Sepultura ความผูกพันนี้ยังส่องสว่างในวันที่มืดมนที่สุดของชีวิต Max และ Gloria ภรรยาและผู้จัดการของเขา เมื่อ Dana ลูกเลี้ยงของเขาเสียชีวิต Ozzy และ Sharon พาพวกเขากลับบ้านด้วยเครื่องบินส่วนตัว มอบเงินช่วยเหลือ และแม้แต่กางเขนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นกำลังใจ “พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำ แต่เขาก็ทำ” Max กล่าวถึงความเมตตาที่เกินกว่าภาพลักษณ์นักร้องผู้บ้าคลั่งบนเวที
Max ยังระลึกถึงช่วงเวลาที่ Sepultura ได้เปิดการแสดงร่วมกับ Black Sabbath และ Alice in Chains ในโชว์อำลา การตะลุย Ozzfest หลายครั้ง ไปจนถึงค่ำคืนใน Hyde Park ที่เวทีเดียวกันรวมเอา Motörhead, Soundgarden, Faith No More, Soulfly และแน่นอน Black Sabbath เขาเอ่ยอย่างปวดร้าวว่า “ครึ่งหนึ่งของวงเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว มันบ้าชิบหาย” และแม้กระทั่งภาพลักษณ์ของ Ozzy ในสายตาคนภายนอกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดโต่ง สำหรับ Max กลับเป็นอีกด้านหนึ่งที่น่ารักและน่าจดจำ เขาหัวเราะเมื่อเล่าว่า ครั้งหนึ่งในสวีเดน Ozzy หันมาถามเขาว่า “ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?” ราวกับนักรบที่เดินทางข้ามสมรภูมิไปทั่วโลกโดยไม่จำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน สิ่งเดียวที่สำคัญคือการเดินหน้าต่อไป
วันนี้ Ozzy หลับใหลอยู่ใต้ผืนแผ่นดินอังกฤษ บ้านหลังใหญ่ใน Buckinghamshire กลายเป็นสุสานส่วนตัวที่บรรจุความทรงจำของเพื่อนสนิทและครอบครัว 110 ชีวิตที่มาร่วมอำลา แต่เสียงก้องในหัวใจของ Max Cavalera ที่ยืนยันว่าเรื่องราวของ Ozzy จะไม่ถูกฝังไปด้วยกัน หากจะยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจแห่งนักรบเมทัลทุกคนไปชั่วกาล “เขาจะถูกจดจำตลอดไป หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างแท้จริง” !

25/08/2025

Zoe Marie Federoff ประกาศอำลา Cradle of Filth อย่างเป็นทางการ
เสียงออร์แกนที่เคยปกคลุมบรรยากาศอันมืดหม่นของ Cradle of Filth กำลังจะเงียบลงไปชั่วนิรันดร์ เมื่อ Zoe Marie Federoff คีย์บอร์ดและนักร้องประสานหญิงของวง ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการผ่านโพสต์บน Facebook และ Instagram ส่วนตัวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา การจากไปครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางทัวร์ใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้ของวง
ข้อความสั้นๆ แต่เฉียบคมของ Zoe เผยถึงเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจเดินหน้าต่อได้ พร้อมทั้งขอความเป็นส่วนตัวให้กับเธอและครอบครัว เธอย้ำว่าขอให้แฟนเพลงและสื่อเคารพในการตัดสินใจ พร้อมฝากกำลังใจไปยังผู้ที่จะมารับตำแหน่งแทนเธอ รวมถึงอดีตเพื่อนร่วมวง โดยมีประโยคที่สะท้อนความเชื่อและความหวังว่า “God was there after all” อันเป็นคำพูดที่ Roy Khan เคยกล่าวไว้เมื่อกว่าทศวรรษก่อน
Cradle of Filth ยังคงเดินหน้าทัวร์คอนเสิร์ตต่อไป โดยคิวล่าสุดคือค่ำคืนที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ก่อนจะเดินทางต่อไปยังอุรุกวัย ชิลี แปรู โคลอมเบีย และอีกหลายประเทศในลาตินอเมริกา จากนั้นยังมีตารางทัวร์ใหญ่ในเม็กซิโกและยุโรปช่วงปลายปี ท่ามกลางความคาดหวังว่าใครจะก้าวเข้ามาสวมบทบาทผู้สร้างบรรยากาศอันเย็นเยืยบแทนที่ Zoe โดยการอำลาของเธอสร้างความเศร้าให้แก่เหล่าแฟนเพลง และเป็นบทพิสูจน์ว่า Cradle of Filth คือกองทัพแห่งซาวด์ที่ต้องเดินหน้าท่ามกลางความสูญเสียและการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่เปลวไฟแห่งความมืดมนที่ Dani Filth และเหล่าสมาชิกยังคงจุดไว้ไม่มีวันมอดดับลงง่ายๆ !

24/08/2025

Anthrax - Among the Living (1987)
กลางปี 1987 โลกแห่งเมทัลถูกฉีกออกเหมือนผืนผ้าที่ถูกกงล้อเหล็กบดขยี้ เมื่อ Anthrax ปล่อย Among the Living ออกมา อัลบั้มที่เป็นดั่งคัมภีร์สงครามแห่งซาวด์ ที่ยกพวกพาฝูงชนเข้าสู่สนามเพลิงแห่ง Thrash Metal อย่างเต็มภาคภูมิ ซาวด์กีตาร์ของ Scott Ian และ Dan Spitz แล่นเข้าใส่ดุจใบมีดโกนเฉือนอากาศ ริฟฟ์ถูกซัดถาโถมดั่งฝนห่ากระสุน ในขณะที่กลองของ Charlie Benante กลายเป็นปืนกลกระหน่ำยิงไม่หยุดหย่อน เสริมด้วยเสียงร้องกรีดแทงของ Joey Belladonna ที่สูงเพียงพอจะฉีกม่านฟ้าให้แตกเป็นเสี่ยง
Anthrax ก้าวเข้าสู่สมรภูมิครั้งนี้โดยมีเงาแห่งความสูญเสียโอบล้อม การจากไปของ Cliff Burton มือเบสแห่ง Metallica เพื่อนร่วมศึกที่ดับสลายในอุบัติเหตุรถบัสเพียงหกเดือนก่อนหน้า ความตายครั้งนั้นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงดำมืดที่ถูกอัดลงในหลอดเลือดแห่ง Among the Living ทำให้ทุกโน้ต ทุกถ้อยคำ เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และไม่ยอมจำนน ซึ่งในสนามมวลชนที่คุกรุ่น เพลงอย่าง “Caught in a Mosh” กลายเป็นเสียงเรียกพล ท่อนคอรัสแบบ gang shout ดังประหนึ่งกองทัพนับพันตะโกนก้องกลางสนามรบ ส่วน “I Am the Law” พุ่งเข้ามาด้วยพลังของ Judge Dredd ฮีโร่คอมิกส์ที่ถูกชุบชีวิตด้วยริฟฟ์เหล็กกล้า กลายเป็นกฎแห่ความโหดเหี้ยม และใน “Indians” เสียงตะโกน “war dance!” กลายเป็นธงรบแห่งชนเผ่าที่ถูกกดขี่ ถูกขับออกไปจากแผ่นดินของตัวเอง แต่กลับมีเสียงดนตรีเป็นเกราะป้องกัน เพลงนี้เป็นการประท้วงเพื่อฟื้นคืนศักดิ์ศรีด้วยพลังแห่ง Thrash Metal ที่ร้อนแรงเกินกว่าสยบ
เนื้อหาของอัลบั้มดังก้องไปด้วยบาดแผลแห่งสังคม สงครามนิวเคลียร์ ความเสื่อมของวงการ ความมืดของการเสพติด ความอำมหิตของผู้มีอำนาจ เพลง “Efilnikufesin (N.F.L.)” เป็นเหมือนแถลงการณ์ของคนหนุ่มที่เห็นเพื่อนพ้องถูกฝังทั้งเป็นด้วยยาเสพติด ขณะที่ “A Skeleton in the Closet” ดึงเงามืดจากบทประพันธ์แห่ง Stephen King มาส่องไฟในห้องเย็นแห่งอดีตนาซีที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน
แม้ในห้องอัด Eddie Krmer วิศวกรผู้เคยทำงานกับ Led Zeppelin และ Hendrix จะพยายามดึงเสียงให้ดูทันสมัย ด้วยรีเวิร์บและเอฟเฟกต์ แต่ Anthrax กลับเลือกจะรักษาความดิบเถื่อนเหมือนการซ้อมสดๆ ในโรงเก็บอาวุธ พวกเขาโต้เถียงต่อสู้ จนสุดท้ายได้ซาวด์ที่แห้งและตรงไปตรงมา เหมือนเสียงของหมัดที่กระแทกลงบนกระดูกมากกว่าการเคลือบด้วยสีบนผิวหนัง
ปกอัลบั้มที่ออกแบบโดย Don Brautigam เป็นดั่งภาพแห่งความชั่วร้ายในหมู่มวลมนุษย์ ผู้คนที่เหมือนกันหมด จนเหลือเพียงชายคนหนึ่งที่ยกมือขึ้นทักทายราวกับบอกว่า “เราคือปีศาจท่ามกลางพวกเจ้า” ดั่งคำเตือนว่ามีความชั่วร้ายซ่อนอยู่ในฝูงชนทุกแห่ง
Among the Living ดัน Anthrax ขึ้นสู่ระดับตำนานและปักธงให้พวกเขาเข้าสู่ Big Four แห่ง Thrash Metal เคียงบ่าเคียงไหล่ Metallica, Slayer และ Megadeth มันคืออัลบั้มที่เปลี่ยนสนามมวยปล้ำแห่uง nderground ให้กลายเป็นสนามรบขนาดมหึมาในสเตเดียม และเปลี่ยนวงธรรมดาๆ จาก New York ให้กลายเป็นทัพแห่งเหล็กกล้าที่โลกต้องยกย่อง และในวันนี้ เมื่อเราย้อนฟังเสียงกรีดร้องจากปี 1987 โน้ตแต่ละตัวใน Among the Living ยังคงมีชีวิต ชีวิตที่ถูกจารึกด้วยเลือด ความโกรธ และไม่ยอมจำนนต่อโลกที่เต็มไปด้วยการกดขี่ มันคือพยานแห่งยุคทองของ Thrash Metal และคืออาวุธที่ยังคงฉีกหัวใจผู้ฟังทุกครั้งที่ได้ฟังมัน!

24/08/2025

Deftones – My Own Summer (Shove It) ฤดูร้อนที่กลายเป็นฝันร้ายแห่งโลกเมทัล

Voice-over : MrRockarhythm

TerritoryMag

27/08/2025

27/08/2025

26/08/2025

26/08/2025

26/08/2025

26/08/2025

25/08/2025

25/08/2025

25/08/2025

25/08/2025

24/08/2025

24/08/2025

ที่อยู่

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

ทางลัด

แชร์

ประเภท