สันติภาพ ออนไลน์

สันติภาพ ออนไลน์ สื่อท้องถิ่นจังหวัดพิษณุโลกและภาค?

การสื่อสารในปัจจุบันนับว่ามีผลโดยตรงต่อการดำรงชีพของประชาชนอย่างมาก การสื่อข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตรงไปตรงมาจึงเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่สื่อออกไป สันติภาพ ออนไลน์ตระหนักในข้อนี้ จึงขอให้ทุกท่านที่ต้องการสื่อหรือแจ้งข่าวสารใดๆผ่านช่องทางนี้ โปรดเสนอแต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และถูกต้อง ตรงไปตรงมา ดังนั้นเราจึงขอเข้มงวดในการโพส์ต ห้าม มีข้อความหรือสัญลักษณ์ รูป ภาพถ่าย วีดีโอ สื่อ

อื่นใด ในลักษณะเป็นการหมิ่นสถาบันฯ ยั่วยุ ส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้อื่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายบุคคลใด ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และกระทำการใดๆที่ไม่ใช่จรรยาบรรของสื่อที่ดี เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ขอได้โปรดจงช่วยกันรักษากฎกติการ่วมกัน

ขอแสดงความนับถือ
สันติภาพ ออนไลน์

"OTOP น่าน OTOP ล้านนา" 28 มิ.ย.- 3 ก.ค. 2568 นี้ ที่ห้างบิ๊กซีพิษณุโลกวันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. ที่ห้างบิ๊ก...
29/06/2025

"OTOP น่าน OTOP ล้านนา" 28 มิ.ย.- 3 ก.ค. 2568 นี้ ที่ห้างบิ๊กซีพิษณุโลก

วันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. ที่ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ พิษณุโลก อ.เมือง จ.พิษณุโลก นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิดงาน "OTOP น่าน OTOP ล้านนา" โครงการ พัฒนา OTOP น่าน สู่สากล โดยมีนายชัยณรงค์ รักษารัตน์ พัฒนาการจังหวัดน่าน กล่าวรายงาน

ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้จังหวัดน่าน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดน่าน ดำเนินการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2568 ณ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก
การจัดงาน "OTOP น่าน OTOP ล้านนา" นี้เป็นการจัดงานภายในภูมิภาค ที่มีการจัดจำหน่ายสินค้าในจังหวัดน่าน เพื่อสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความรับรู้ถึงอัตลักษณ์และคุณภาพของสินค้าภายในจังหวัด สู่สายตาผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับการจัดงานในวันนี้ เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้โครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOPสู่สากล จังหวัดน่าน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อที่จะนำความเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญา เผยแพร่สู่สาธารณชน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ภาคประชาชนโดยโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP น่านสู่สากล มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้มีความรู้ ทักษะในการผลิต การตลาด ด้านกฎหมาย และทักษะ การเครื่องมือสื่อสารออนไลน์ เพื่อพัฒนาและยกระดับผลิตภัตภัณฑ์ OTOP ให้มีความเป็นเอกลักษณ์และมีมาตรฐานสากล และเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ภายในงานมีการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดน่าน จำนวน 40 ราย ประกอบด้วย ประเภทอาหาร-เครื่องดื่ม, ผ้า-เครื่องแต่งกาย, ของใช้-ของตกแต่ง-ของที่ระลึก และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร

สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จัดงานสังสรรค์ศิษย์เก่าเขียว - ขาว คอนเสิร์ตคาราบาววันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 25...
27/06/2025

สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จัดงานสังสรรค์ศิษย์เก่าเขียว - ขาว คอนเสิร์ตคาราบาว

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 19.50 น. ณ ห้องประชุมคอนเวนชั่น โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชุมพล เสมาขันธ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม นายมนต์ชัย วิวัฒนธนาฒย์ นายกอบจ.พิษณุโลก และนางเปรมฤดี ชามพูนท ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดงาน "สังสรรค์ศิษย์เก่าเขียว-ขาว คอนเสิร์ตคาราบาว" โดยมีนายถวิล น้อยเขียว อุปนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม กล่าวรายงาน

ซึ่งการจัดงานสังสรรค์ศิษย์เก่าเขียว - ขาว คอนเสิร์ตคาราบาว ในวันนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธ์ศิษย์เก่าได้มาพบปะสังสรรค์ประจำปี และสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ดังนั้นเพื่อให้เกิดความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ในปีนี้ทางคณะกรรมการอำนวยการสมาคมศิษย์เก่าจึงได้จัดงานคอนเสิร์ตเขียว - ขาว คาราบาวเต็มวงขึ้น และเปิดประมูลกีต้าร์คาราบาวพร้อมลายเซ็นต์พี่แอ๊ดคาราบาวด้วย

หลังจากนั้นวงคาราบาว นำโดย พี่แอ๊ด พี่เล็ก และพี่เทียรี่ ขึ้นบรรเลงเปิดวงด้วยเพลง "มนต์เพลงคาราบาว" เล่นยาวเกือบสองชั่วโมงก่อนจะปิดท้ายด้วย "เพลงบัวลอย" โดยมีศิษย์ออกมาเต้นพร้อมถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

ซึ่งหลังจากคอนเสิร์ตคาราบาวจบแล้ว ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร นายกสมาคมศิษย์เก่าฯ กล่าวว่าในปีหน้าเตรียมจะติดต่อ "อัสนี-วสันต์" มาเล่น เรียกเสียงปรบมือจากบรรดาศิษย์เก่าเขียว-ขาว อย่างกึกก้อง

พิษณุโลก ชุดสืบสวน 6  เปิดปฎิบัติการจับกุมเครือข่าย”หลอกลงทุนเทรดทองคำ”มูลค่าความเสียหาย กว่า 18 ล้าน ล่าสุดตามล่าที่เมื...
25/06/2025

พิษณุโลก ชุดสืบสวน 6 เปิดปฎิบัติการจับกุมเครือข่าย”หลอกลงทุนเทรดทองคำ”มูลค่าความเสียหาย กว่า 18 ล้าน ล่าสุดตามล่าที่เมืองชลบุรี หลังหลอกชาวบ้านท้องที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร โดยตำรวจภาค 6 จับกุมได้แล้ว 10 คน หลบหนีได้ 1 คน

วันนี้ 25 มิ.ย.68 พลตำรวจโท กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6,ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 6 ร่วมจับกุมเครือข่ายหลอกลงทุนการเทรดหุ้นเทรดทอง ความเสียหายมูลค่า 18 ล้านบาท ในพื้นที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร
โดย พล.ต.ต.เดชพล เปรมศิริ ผบก.สส.ภ.6 ,พ.ต.อ.สุทธิเวท บุญยรัตนกลิน รอง ผบก.สส.ภ.6 ,พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รรท รอง ผบก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รอง ผบก.สส.ภ.6 ,พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ ถาบุญชู ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.วรเชษฐ์ พลขัน ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.6 สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ รวม 11 ราย จับกุมแล้ว 10 คน คงเหลือ 1 คน ดังนี้
1.นายต่อฯ ม.1 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.อุดรธานี เมื่อ 23 มิ.ย.2568
2.นายสมฯ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.ปทุมธานี เมื่อ 24 มิ.ย.2568
3.นายฉัตรฯ ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.ปทุมธานี เมื่อ 24 มิ.ย.2568
4.น.ส.อริสฯ ต.แม่ลาน อ.ลี้ จ.ลำพูน ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.ลำพูน เมื่อ 24 มิ.ย.2568
5.นายกรฯ ต.ป่าตุ้ม อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ทำหน้าที่บัญชีม้า+ม้าถอนเงิน จับกุมที่ จ.เชียงราย เมื่อ 24 มิ.ย.2568
6.นายแสนฯ ม.6 ต.บ้านโพธิ์ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ทำหน้าที่ผู้รวบรวมเงิน จับกุมที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อ 23 มิ.ย.2568
7.นายธนฯ ม.9 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่รวบรวมเงิน จับกุมที่ จ.ปทุมธานี เมื่อ 24 มิ.ย.2568
8.นายมณฯ ซอยสุขุมวิท 69 พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่ Boss รวบรวมเงิน จับกุมที่ด่านห้วยไร่ จ.แพร่ เมื่อ 23 มิ.ย.2568
9.นายพรฯ ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่ ผู้จัดการการเงิน (อยู่ระหว่างจับกุม )
10.นายสมฯ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่ผู้คุมบัญชีม้า พาไปถอนเงิน จับได้แล้ววันนี้ 25 มิ.ย.68 ที่ จ.ชลบุรี
11.น.ส.สโรฯ ม.12 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำหน้าที่ผู้คุมบัญชีม้า พาไปถอนเงิน ตรวจยึดของกลาง และทรัพย์สินตาม พรบ.ฟอกเงินฯ จับแล้ววันนี้ 25 มิ.ย.68 ที่ จ.ชลบุรี
1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 10 เครื่อง 2.สมุดบัญชีกสิกรไทย 3 ฉบับ 3.บัตรATM ธนาคารกสิกรไทย 1 แผ่น 4.สมุดบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาติ 1 ฉบับ 5.สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ 1 ฉบับ 6.สมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพ 1 ฉบับ 7.สลิปเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ 8.เงินสดรัฐบาลไทย จำนวน 132,040 บาท 9.ธนบัตรจีน 1 หยวน 4 ฉบับ รวม 4หยวน // 100 หยวน 122 ฉบับ รวม 12,200 หยวน // 5 หยวน 1 ฉบับ
10.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ yaris สีขาว ทะเบียน 8 กษ 8624 กทม.จำนวน 1 คัน 11.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ mazda สีขาว ทะเบียน 8 กน 1010 กทม. จำนวน 1 คัน
แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
ชุดสืบภาค 6 ระบุ พฤติการณ์แห่งคดีว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 พนักงานสอบสวนประจำ สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้แจ้งให้ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6 ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 นาง สุธามาศ กฤชภากรณ์ ผู้เสียหาย ได้มาพบพนักงานสอบสวน แจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้มีชายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด โดยใช้บัญชีแอพพลิเคชั่น ติ๊กต๊อก ชื่อ Bank official ได้ขอคุยกับ นางสุธามาศฯทางแอพพลิเคชั่นไลน์ นางสุธามาศฯ ซึ่งใช้บัญชีไลน์ ชื่อว่า Suthamas 555 ได้พูดคุยติดต่อกับผู้ใช้บัญชี ติ๊กต๊อก ชื่อ Bank official นี้ ซึ่งได้ใช้บัญชีผู้ใช้ในแอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ Bank เข้ามาติดต่อกับนางสุธามาศฯ จากการพูดคุยกับผู้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ Bank ได้ชักชวนการ เทรดหุ้นเทรดทอง โดยผู้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ Bank นี้ ได้ย้ำกับนางสุธามาศฯว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่เทรดหุ้นและทองมานี้ไม่เคยขาดทุน และมีกำไรมาโดยตลอด และได้หลอกลวงชักชวนให้นางสุธามาศฯ ผู้เสียหายนำเงินไปร่วมลงทุนเทรดทอง อ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนอย่างสูง นางสุธามาศฯ จึงยอมลงทุนด้วย โดยในครั้งแรกๆแสร้งแสดงผลกำไรและสามารถเบิกถอนมาได้จริง จากนั้นเมื่อนางสุธามาศฯเพิ่มการลงทุนได้อ้างเหตุต่างๆให้นางสุธามาศฯโอนเงินให้ นางสุธามาศฯหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปร่วมลงทุนเป็นเงินรวม 18,838,550 บาท โดยลักษณะการหลอกลวงของผู้ต้องหาเป็นลักษณะการหลอกลวงประชาชน เข้าข่ายความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน”
สืบสวนพบว่าเป็นเครือข่ายร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงินหลอกลงทุนการเทรดหุ้นเทรดทอง โดยขบวนการดังกล่าวจะมีการหาบัญชีม้า ซึ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ 1-5 เมื่อมีเงินที่ได้จากการหลอกลวงเข้าบัญชีแล้ว ผู้ต้องหาที่ 9 จะเป็นผู้สั่งการ(โดยรับคำสั่งจาก ผู้ต้องหาที่ 8 อีกที) ให้ผู้ต้องหาที่ 7 แจ้งจุด พิกัดนัดกดเงินแก่ ผู้ต้องหาที่ 10-11 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 10-11 จะเดินทางไปยังจุดนัดเพื่อควบคุมผู้ถือบัญชีม้าถอนเงินออกมา เมื่อได้เงินแล้ว ผู้ต้องหาที่ 10-11 ได้ส่งเงินไปรวบรวมไว้ที่ ผู้ต้องหาที่ 6 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 6 ก็นำเงินไปมอบให้ผู้ต้องหาที่ 8 และ 9 โดยผู้ต้องหาที่ 9 จะนำเงินไปมอบให้ BOSS ใหญ่นายทุนชาวจีนต่อไป ซึ่งบัญชีม้าถอนเงินจะได้รับค่าจ้าง 1,000-2,000 บาทต่อบัญชี ,คนควบคุมบัญชีม้าไปถอนเงินจะได้รับค่าจ้าง 3,000 บาท ต่อบัญชี ,คนรบรวมเงินจะได้ค่าจ้าง 1% ของยอดเงินที่รวบรวมส่งนายทุน ทั้งนี้จะได้ทำการสืบสวนขยายผลติดตามคนร้ายต่อไป

พัทยา  นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามชายฝั่งอาเซียน 2025 เน้นย้ำความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง และมั่งคั่ง...
25/06/2025

พัทยา นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามชายฝั่งอาเซียน 2025 เน้นย้ำความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง และมั่งคั่ง ทางทะเลในอาเซียน

วันที่ 25 มิ.ย.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีและกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามชายฝั่งอาเซียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) ซึ่งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ที่โรงแรมฮิลตัน พัทยา จังหวัดชลบุรี

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ประเทศสมาชิกต้องร่วมกันปกป้องจากภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบ การค้ายาเสพติด การประมงผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมผู้ร่วมจัดงานที่ทุ่มเทดำเนินการประชุมจนสำเร็จ โดยเฉพาะการเปิดเวทีให้หน่วยงานทางทะเลจากประเทศอาเซียน ผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญ อาทิ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความร่วมมืออย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังรู้สึกยินดีที่ผู้เข้าร่วมจะได้ร่วมกิจกรรมหลากหลาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างกรอบความร่วมมือและปฏิบัติการระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนมีส่วนช่วยสนับสนุนเป้าหมายระยะยาว ในการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเลในภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้ายด้วยการอวยพรให้การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในหมู่ประเทศสมาชิกอาเซียน ภายใต้แนวคิดหลักของปีนี้คือ “ส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ทางทะเลในอาเซียน” (Fostering Maritime Safety, Security, and Prosperity in ASEAN)

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการการฝึก และรับฟังการบรรยายสถานการณ์การฝึกของศูนย์ปฏิบัติการ ศรชล. พร้อมรับชมการฝึกซ้อมการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (Search And Rescue: SAR)

อนึ่ง การประชุม ASEAN Coast Guard Forum เป็นการประชุมหน่วยยามฝั่งในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของประเทศในอาเซียน มีผู้แทนหน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่งและหน่วยบังคับใช้กฎหมายทางทะเลจากประเทศสมาชิกและประเทศสังเกตการณ์อาเซียนเข้าร่วม รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนการจัดการประชุมฯ รวมผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ทั้งหมดประมาณ 50 คนโดยในปีนี้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACF 2025 ตามมติที่ประชุม ACF 2023 ซึ่งอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2566 โดยฟิลิปปินส์ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACF 2024 เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา

พิษณุโลก  เปิดนิทรรศการเทศกาล "ปักธงชัย โฮมกันเด้อ : ปักธงชัย ใจกลางเมือง"วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลา 17.30 น. ณ ลานโปร...
25/06/2025

พิษณุโลก เปิดนิทรรศการเทศกาล "ปักธงชัย โฮมกันเด้อ : ปักธงชัย ใจกลางเมือง"

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลา 17.30 น. ณ ลานโปรโมชั่นชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พิษณุโลก นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนางวราภรณ์ เสริมภักดีกุล ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร นายไสว เจริญศรี นายอำเภอนครไทย ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่าและศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวรายงานฯ

สำหรับการจัดนิทรรศการ "เทศกาลปักธงชัย (Co-creation) โฮมกันเด้อ : ปักธงชัย ใจกลางเมือง" จัดขึ้นภายใต้โครงการวิจัย "การพัฒนาขับเคลื่อนด้วยงานเทศกาลในท้องถิ่นเพื่อยกระดับประเพณีปักธงชัยอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สู่หนึ่งในเทศกาลสำคัญของชาติและรับรู้ในระดับนานาชาติ" เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและภาคีเครือข่ายทางวัฒนธรรมอำเภอนครไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของงานประเพณีปักธงชัยอำเภอนครไทย และเพื่อสร้างพื้นที่ซึมซับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความหลากหลาย อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้และความยั่งยืนให้กับชุมชนในพื้นพื้นที่ ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย การจัดนิทรรศการผลงานศิลปหัตกรรมท้องถิ่น การแสดงดนตรีและศิลปะพื้นบ้าน กิจกรรม DIY และการเสวนาในหัวข้อ "ประเพณีปักธงชัย" โดยมีผู้นำชุมชนและเครือข่ายวัฒนธรรมร่วมเป็นวิทยากรการเสวนา

"35 ปี มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมยกระดับความสามารถการแข่งขันสู่เวทีโลก"วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลา 10.15 น. ที่ชั้น 1 อาคา...
25/06/2025

"35 ปี มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมยกระดับความสามารถการแข่งขันสู่เวทีโลก"

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลา 10.15 น. ที่ชั้น 1 อาคารวิสุทธิกษัตริย์ (หอศิลป์) มหาวิทยาลัยนเรวร
รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร จัดแถลงข่าว 35 ปี มหาวิทยาลัยเรศวร โดยเปิดเผยว่า จากข้อมูลความสำเร็จของมหาวิทยาลัยนเรศวร ในการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ของการพัฒนายาแพทย์แผนไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล และระบบนิเวศเพื่อการส่งเสริมบริการสุขภาพด้วยนวัตกรรมเพื่อเป็นศูนย์กลางการให้บริการของอาเซียน ว่าระบนิเวศในการผลิตยาแพทย์แผนไทยด้วยมาตรฐานสากลของมหาวิทยาลัยนเรศวร มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ตามห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของการผลิตยาจากแพทย์แผ่นไทย และตามนโยบายของประเทศที่วางไว้
เหตุผลที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ก็เพราะมหาลัยนเรศวรมีความโดดเด่นด้านยาสมุนไพรและการบริการทางด้านสุขภาพเฉพาะทาง และได้เล็งเห็นโอกาสของการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ จากการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยา และบริการทางการแพทย์ จากข้อมูลของสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังพบว่า หากจะพัฒนาสมุนไพร
ไทยไปสู่การเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้มาตรฐานนั้นต้องดำเนิน
ตาม Value Chain ตั้งแต่การเริ่มการวิจัยพื้นฐานและวิจัยทางสาธารณสุข
ไปจนถึง การส่งต่อผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค ซึ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร มีความเชี่ยวชาญความสามารถและความชำนาญใน Ecosystem ที่ตอบสนองต่ออุตสาหกรรมยาและบริการสุขภาพเพื่อสุขภาพอย่างครบวงจร
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยนเรศวร มีโรงงานสารสกัดและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชนิดน้ำ ของคณะเภสัชศาสตร์(NU Herbal) ซึ่งเป็นหน่วยกลางน้ำสำหรับการผลิตสารสกัดสมุนไพร ที่ได้การรับรอง GMP

นอกจากนี้ เพื่อควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพของยา มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐเพียงแห่งเดียว ที่มีสถานสัตว์ทดลองเพื่อการวิจัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก AAALAC International และOECD GLP. ในส่วนของห้องปฏิบัติการ ได้ Certificate Animal Biosafety Level 3 (ABSL-3) และมีสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรรมชาติ (CosNat) ของคณะเภสัชศาสตร์ พร้อมทั้งสถานพัฒนามาตรฐานและเฝ้าระวังการปน
เปื้อนสารตกค้างทางการเกษตร (OASSAR) ของคณะเกษตรศาสตรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ครอบคลุมการวิเคราะห์ทางกายภาพและทางเคมี การทดสอบสารตกค้าง การทดสอบประสิทธิภาพทั้งในระดับหลอดทดลองและในเซลล์

ทำให้เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ทางยาที่ผลิตไปจากมหาวิทยาลัย เป็นไปตามข้อ กำหนดสำคัญของการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศ และเป็นไปตามมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ ทำให้ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรไทยที่ผลิตด้วยมาตรฐานสากล สามารถจำหน่ายได้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีความร่วมมือกับภาคเอกชนในด้านการทำตลาดยา และพร้อมที่จะส่งต่อสู้ระบบบริการสุขภาพแบบครบวงจร เพราะมหาวิทยาลัยมีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิขั้นสูง (Super Tertiary Care) และมีสถานบริการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการรับรอง ตลอดจนสามารถผลิตกำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมและบริการทางการแพทย์ ซึ่งโครงการนี้จะช่วยให้ GRP ของภาคเหนือตอนล่าง เติบโตประมาณ 0.7%-1% ภายใน 3 ปี และช่วยให้ GPP ของจังหวัดพิษณุโลก เติบโตประมาณ 2.24% ในปีแรก

เกษตร ม.นเรศวรจัดกิจกรรมรับน้องสร้างสรรค์ปลูกฝังจิตสำนึกในวิถีไทยให้ GEN Zเย็นวานนี้ (21 มิ.ย 68) คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยาก...
22/06/2025

เกษตร ม.นเรศวรจัดกิจกรรมรับน้องสร้างสรรค์ปลูกฝังจิตสำนึกในวิถีไทยให้ GEN Z
เย็นวานนี้ (21 มิ.ย 68) คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรม “นาหรรษา วิถีไทยสไตล์ GEN Z” เพื่อเพื่อให้นิสิตใหม่กว่า 400 คน ได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบไทยๆ ผ่านประสบการณ์จริง ทั้งการดำนา การปลูกผักสวนครัว การแสดง ในรูปแบบที่สนุกสนานและสร้างความสำพันธ์ระหว่างนิสิตใหม่และรุ่นพี่ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายสำคัญในการเปิดมุมมองให้นิสิตใหม่ได้ตระหนักถึงความเหน็ดเหนื่อยของเกษตรกรไทย ผ่านประสบการณ์จริง พร้อมปลุกจิตสำนึกแห่งความเป็นนักนวัตกรรมทางการเกษตร ที่พร้อมคิดค้นและประยุกต์ใช้องค์ความรู้เพื่อพัฒนาเครื่องมือหรือเทคโนโลยี ที่ช่วยลดภาระแรงงานของเกษตรกร เพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตได้มากขึ้นอย่างยั่งยืน พร้อมกิจกรรมสันทนาการที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยในมุมมองของ GEN Z โดยมี ผผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ วงค์ตามี รองคณบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศ คณะเกษตรศาสตร์ฯ มาเป็นประธานในพิธีเปิด ณ บริเวณด้านหน้าคณะเกษตรศาสตร์ ม.นเรศวร

กลุ่มประชาชนคนพิษณุโลก แจ้งความกล่าวโทษ "นายกอุ้งอิ้ง"วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่สถานตำรวจภูธรอำเภอ...
22/06/2025

กลุ่มประชาชนคนพิษณุโลก แจ้งความกล่าวโทษ "นายกอุ้งอิ้ง"

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่สถานตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิษณุโลก กลุ่มประชาชนคนพิษณุโลก นำโดย อาจารย์จักษ์ พันธ์ชูเพชร อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย นางแน่งน้อย อัศวกิตติกร และประชาชนชาวพิษณุโลก กว่า 100 คนได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลกตามนัดหมายกันทางเฟสบุ๊ค เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสาวแพองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในกรณีคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายฮุน เซน กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมี พ.ต.อ.วัชรพงษ์ สิทธิรุ่งโรจน์ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ออกมารับคำร้องด้วยตนเอง

อาจารย์จักษ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา มีความสุ่มเสี่ยงและอาจจะทำให้ดินแดนและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต้องสูญเสียให้ประเทศกัมพูชา ด้วยการกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิบไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป และตามข้อความการสนทนายังมีลักษณะเป็นการคบคิดกับผู้ร่วมสนทนากระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศที่เป็นปรปักษ์ต่อราชอาณาจักรไทย หรือกระทำการใดๆ
เพื่ออุปการะแก่การดำเนินการรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศในทางที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้เกิดเหตุร้ายแก่ประเทศจากภายนอก การกระทำดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมันคงของชาติอันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3
ความผิดต่อความมันคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 119 มาตรา 120 มาตรา และ 122 ประกอบกับมาตรา 128 และมาตรา 129
อาจารย์จักษ์ ได้แจ้งว่า ประชาชนคนพิษณุโลกจะจัดชุมนุมแสดงจุดยืนให้กำลังใจกับทางกองทัพ แม่ทัพภาคที่สอง และทหารผู้เสียสละ อีกทั้งเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองจากประเด็นดังกล่าว ในวันพุธที่ 25 มิถุนายน2568 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ที่สวนสาธารณะริมน้ำน่าน ตรงข้ามที่ทำการไปรษณีย์พิษณุโลก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุ่มนุมกันจำนวนมาก

กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีรับเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพระราชทาน เพื่อส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่จังหวัดพิจิตรวันที่ 20 มิ...
20/06/2025

กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีรับเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพระราชทาน เพื่อส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่จังหวัดพิจิตร
วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 นาฬิกา ที่ คลังน้ำมันพิจิตร เลขที่ 99/8 หมู่ 9 ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 พระราชทาน เพื่อมอบให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ โดยมี หม่อมหลวง ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS Group และคณะผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมให้การต้อนรับ และ พลเอก วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักมูลนิธิชัยพัฒนา และคณะ พลตรี นพดล ยงพาณิชย์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ เข้าร่วมพิธี
ในการนี้ พลเอก วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักมูลนิธิชัยพัฒนา เสนอให้กองทัพภาคที่ 3 นำเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้แก่เกษตรกรพื้นที่คลังน้ำมันพิจิตร จำนวน 13 ครัวเรือน รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ ตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในรอบการทำนาปี 2568 (ช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง เดือนพฤศจิกายน 2568) โดยใช้พื้นที่แปลงนาประมาณ 200 ไร่
ทั้งนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ ให้กับเหล่าเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพิจิตรในวันนี้ ดังนั้นกองทัพภาคที่ 3 จึงขอให้เกษตรกรทุกท่าน น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และนำเมล็ดพันธุ์ดังกล่าว ไปเพาะปลูกขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ซึ่งเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรให้เป็นไปตามพระราชประสงค์

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เตรียมยื่นถอดถอนนายกฯ แพทองธาร วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา ...
19/06/2025

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เตรียมยื่นถอดถอนนายกฯ แพทองธาร

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ ออกแถลงการณ์โดยระบุถึงกรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงยอมรับว่าคลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้นเป็นคลิปเสียงของตนสนทนากับสมเด็จฮุนเซนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งเป็นการด้อยค่าไม่ให้เกียรติทหารและกองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน อีกทั้งการสนทนาได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง อาจเข้าข่ายเป็นความผิด ดังนี้

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เช่น มาตรา 5 บุคคล มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย
(1) ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม (4) สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน

2. ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานเป็นกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

3. นอกจากกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในหลายมาตราดังกล่าว ยังส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิผู้นำทหาร คือ แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา ซึ่งหมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชาถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ และยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต และละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณะกรรมาธิการจึงไม่อาจปล่อยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศต่อไป จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมกันนี้ มีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 และตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 รวมทั้งดำเนินการเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีต่อองค์กรต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในแถลงการณ์ของ กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา ยังได้ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนรับฟังข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายและขอให้ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงบ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาจะยืนยันหยัดทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมจะยืนเคียงคู่กับประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตย และประเทศชาติอย่างสุดกำลัง

พิษณุโลก “เฮียฝา”เศรษฐีหนองตม สู้ 4 ปี ไม่หยุด!! ร้องศูนย์ดำรงธรรม เรียกร้องความเป็นธรรมอีกครั้ง หลังฟ้องอดีตลูกเขย- อดี...
18/06/2025

พิษณุโลก “เฮียฝา”เศรษฐีหนองตม สู้ 4 ปี ไม่หยุด!! ร้องศูนย์ดำรงธรรม เรียกร้องความเป็นธรรมอีกครั้ง หลังฟ้องอดีตลูกเขย- อดีตผู้จัดการแบงก์ยักยอกทรัพย์กว่า 65 ล้านบาท วันนี้ยังไม่ได้คืนสักบาท แม้เดินขอหลักฐานจากแบงค์ชาติ เจอหลักฐานผู้รับเงินโอนปลายทางธนาคารชื่อดัง (ลำปาง)แต่ตำรวจบอก ไม่มีผู้รับเงิน บางเคส เดินชน”อัยการ”ก็เจอ คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง

วันนี้ 18 มิ.ย.68 นายสมยศ พงศ์กิตติโพสิฐ อายุ 56 ปี พร้อมด้วยบิดา คือ นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี อายุ 81 ปี หรือเฮียฝา เศรษฐีชาวหนองตม ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม เดินทางพร้อมนำเอกสารหลักฐานๆ มายื่นเรื่องต่อนายเชาวลิตย์ ชมวิจิตร ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลกที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพราะไม่ได้รับเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน
สืบเนื่องจาก 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งคู่เคยเข้ามาร้องเรียนและบุกไปที่หน้าธนาคารชื่อดังซึ่งเป็นคู่กรณี ว่า ถูกลูกสาวซึ่งเป็นลูกติดภรรยาและลูกเขย เคยเป็นอดีตผู้จัดการธนาคารดังกล่าวในพื้นที่ภาคเหนือ ยักยอกทรัพย์เงินในบัญชีธนาคารที่ได้ทยอยฝากไว้กว่า 65 ล้านบาท อ้างว่า ต้องฝากบัญชีรวมยอดมากๆแก่สมุห์บัญชีเพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการธนาคาร
ตลอดระยะที่ผ่านมา ไม่ได้เงียบ ต้องเดินทางไปร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตนเอง ให้ตรวจสอบเส้นทางเงินบัญชีธนาคารของอดีตลูกเขย อาทิ รายการโอนเงินต่างๆ ก็ระบุปลายทางของผู้รับเงินดังกล่าวเป็นของคู่กรณี และมีการโอนเงินออกหลายครั้งชัดเจน
แต่เมื่อเอาผิดทางคดี กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคนของรัฐ อาทิ ตนทำหนังสือร้องเรียนไปที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อ 15 กรกฎาคม 2564 และแจ้งให้ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย ติดตามและตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารสาขาพิษณุโลกได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่นำไปแจ้งความต่อสภ.เมืองลำปางแล้ว กลับไม่ดำเนินคดีใดๆ รองผกก.สอบสวนฯ แจ้งว่า มีการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม สาขาถนนฉัตรไชย ลำปาง จำนวน 2 รายการ คือ ยอด 300,000 และยอด 500,000 บาท แต่ไม่ทราบบัญชีปลายทาง จึงไม่ดำเนินดดีใดๆ
นอกจากนี้ รายการบางบัญชีนำไปฟ้องต่ออัยการ สำนวนความอาญาระหว่าง นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี ผู้กล่าวหา กับ นางสุวรรณฯ (ขอสงวนนามสกุล) กับพวกรวม 2 คน ผู้ต้องหา ข้อหาปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้สิทธิปลอมและลักทรัพย์ ซึ่งผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองแพร่ เห็นควรสั่งฟ้อง แต่ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 5 รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดแพร่ ก็มีคำสั่งเด็ดขาด ไม่ฟ้อง
นอกจากนี้บางคดี ความอาญาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลชั้นต้นพิษณุโลกก็ยังถูกพิจารณาคดีให้ยกฟ้องอีก
ล่าสุด “เฮียฝา” ได้พยายามหาหลักฐานใหม่ เพื่อจะขอยื่นฟ้องศาลอุทธรณ์ พร้อมให้ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลกได้ประสานไปยังตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกและประสานต่อตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญบัญชีการโอนเงินไปยังปลายทางของคู่กรณี แต่ทางตำรวจตรวจสอบแล้วกลับไม่พบปลายทางของผู้รับเงินนั้น เป็นไปได้อย่างไร สร้างความเคลือบแคลงใจและสงสัย เพราะมีหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับแจ้งว่าไม่มีปลายทางของผู้รับเงิน จึงต้องออกมาขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนและกระบวนการยุติธรรม เพื่อหวังว่าสุดท้ายปั้นปลายชีวิตจะได้ใช้เงินที่ตนเองเป็นผู้หามาด้วยความยากลำบาก แต่กลับโดนคนใกล้ชิดที่ไว้ใจมาก่อเหตุยักยอกทรัพย์ไปเช่นนี้
อนึ่งเรื่องราวของ นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี หรือเฮียฝา ทำธุรกิจค้าข้าวเปลือก ปล่อยเงินกู้ รับฝากจำนองโฉนดที่ดินทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท แต่งงานกับภรรยาและมีลูกแท้ๆด้วยกัน 2 คนเป็นลูกชาย ส่วนภรรยาอีกคน มีลูกติดมาด้วย 3 คน หนึ่งในนั้นก็คือภรรยาของอดีตผู้จัดการธนาคารที่ตนได้ฝากเงินไว้ หลังภรรยาเสียชีวิตจึงมีการแบ่งทรัพย์สิน
ลูกชายคนโตจึงเห็นความผิดปกติ พบเงินถูกถอนไปโดยไม่มีสมุดบัญชีและมีการทำตั๋วแลกเงินไม่สั่งจ่ายเป็นเช็คหลายครั้ง จนมาทราบภายหลังว่าเงินในบัญชีถูกถ่ายโอนไปยังบัญชีของคู่กรณี จึงนำหาพยานและหลักฐานต่างๆต่อสู้คดีร่วมกับบิดา แม้บางครั้งช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งพ่อลูกก็เคยบุกไปที่ธนาคารสร้างความแตกตื่นและไม่พอใจต่อพนักงานธนาคาร กระทั่งดิ้นรนไปแบงค์ชาติ และสภ.ลำปาง และสภ.แพร่ และอัยการต่างๆ หวังให้คู่กรณีถูกดำเดินคดีตามกฎหมาย แต่วันนี้ทุกอย่างมืดมน แทบไร้ความหวัง.

พิษณุโลก ผู้ว่าฯ-นายกฯอบต.ชมพู ลุยหนุนท่องเที่ยวเกษตรชุมชน เงินจาก“ทุเรียน -ผลไม้ของดีตำบลชมพู” สะพัดถึงสวน”บ้านรักไทย” ...
15/06/2025

พิษณุโลก ผู้ว่าฯ-นายกฯอบต.ชมพู ลุยหนุนท่องเที่ยวเกษตรชุมชน เงินจาก“ทุเรียน -ผลไม้ของดีตำบลชมพู” สะพัดถึงสวน”บ้านรักไทย” อ.เนินมะปราง ล่าสุดราคาหั่งเช็ง-ทุเรียน ร่วงอีก ! ชาวบ้านตั้งแผงแห่ขายทุเรียนหลง-หมอน ฯลฯ พรึบริมถนนต่ำกว่า 100 บาท ล้งรับซื้อ“สมพร ผลไม้”เผยราคาถูกจับต้องได้หากเทียบกับปีที่ผ่านมา ชวนนักท่องเที่ยวยังมีเวลา ให้ซื้อทุเรียนอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เหตุบางสวนยังไม่ได้ตัดขาย
วันนี้ 15 มิถุนายน 2568 นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกพร้อมนายกเหล่ากาชาดฯ, นายพงษ์มนู ทองหนัก สส.พิษณุโลกเขต 3, นายบุญชนะ คลองภูเขียว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลชมพู พร้อมหน่วยราชการ, เอกชนและชาวบ้านร่วมจัดงาน"ผลไม้ของดีตำบลชมพู"ประจำปี 2568 โดยชาวบ้านแห่ขบวนรถผลไม้หลากชนิด เข้ามาสถานที่จัดงานใกล้เคียงพลับพา ณ.ลานกลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตร บ้านรักไทย ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ซึ่งจัด 2 วัน 2 คืน (14 - 15 มิถุนายน 2568) โดยเน้นไปที่ทุเรียนสายพันธุ์หลงหลิน หมอนทอง พวงมณีฯลฯ ซึ่งเป็นผลผลิตจากผืนดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุของบ้านรักไทยแท้ๆ ท่ามกลางประชาชนเดินทางมาเที่ยวและเลือกซื้อทุเรียนคักคัก เนื่องจากราคาถูกกว่าช่วง2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาทิ ทุเรียนหลงลับแลเดิม 150-180 บาท ปัจจุบันเหลือ 100-120 บาทต่อกิโลกรัม
นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ชื่นชมกับความสามัคคีของชาวบ้านที่ร่วมกันจัดงานของดีบ้านรักไทยตำบลชมพู ซึ่งผลผลิตทุเรียนกำลังออกสู่ตลาด สองฝั่งถนนทางเข้าบ้านรักไทย ก็มีสวนทุเรียนและแผงร้านค้า นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมและซื้อหาเป็นของฝากได้เลย เพราะราคาไม่แพง แถมรสชาติดี น่าประทับใจ ลักษณะเด่นของทุเรียนหลง ลับแล คือ กรอบนอก นุ่มใน เนื้อฉีกๆ กลิ่น ไม่ฉุนมาก
นายบุญชนะ คลองภูเขียว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลชมพู เปิดเผยว่า ทุเรียนถือเป็นผลไม้ของดีตำบลชมพูไปแล้ว จากพื้นที่บนเขาสูง 450 เมตร อากาศเย็น ปริมาณน้ำฝนมาก ทว่าปีนี้ ราคาทุเรียนไม่ดี ด้วยเหตุผลทางการตลาด ชาวบ้านเดือดร้อนขายไม่ได้ราคา จึงต้องจัดงานยิ่งใหญ่กระตุ้นการขาย มีกิจกรรมแข่งกินทุเรียน ประกวดทุเรียน กลางคืนยังมีการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง รำวงย้อนยุคอีกด้วย มีเจ้าของสวนทุเรียนร่วมออกบูธขายทุเรียนกว่า 20 ราย ก็หวังดึงดูดให้คนพิษณุโลกและใกล้เคียงมาเที่ยวและเลือกซื้อทุเรียนกลับไป ซึ่งก็พบว่า คึกคักดี มีเงินสะพัดถึงมือชาวบ้าน จากตั้งกติกาไว้ว่า ขายทุเรียนหมอนทอง (คัดเกรด-พรีเมี่ยม) ราคาต้องไม่เกิน 120 บาทต่อกิโลกรัม แต่ดูแล้ว ชาวบ้านขนทุเรียนมาขาย มีต่ำกว่าร้อยบาทเพียบ ก็เชิญชวนมาเที่ยวบ้านรักไทยเลือกซื้อผลผลิตทุเรียนคุณภาพจากชาวบ้านแท้ๆ
น.ส.สมพร คำอุดม 55/3 หมู่ 7 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง พิษณุโลก เปิดเผยว่า คนปลูกทุเรียนไม่มีเวลาขาย บางรายสวนฯอยู่ไกล ตนจึงไปเหมาทุเรียนมาขาย หากไม่พอ ก็ต้องไปลุยถึงสวนมาขายริมถนน สามารถรวบรวมทุเรียนได้ทุกสายพันธุ์ เริ่มต้นราคา 89 บาท ซึ่งเป็นทุเรียนสุกคาต้น รับประทานวันนี้ ราคาจึงไม่แพง ถือว่า ราคาจับต้องได้ ส่วนทุเรียนตัดจากต้น อาทิ ทุเรียนหมอนทองราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม ทุเรียนหลงฯ ราคา 75 -150 บาทต่อกิโลกรัม หากเทียบกับปีที่ผ่านมา ราคาหลงสูงถึง 300 บาท ส่วนทุเรียนหลินลับแลเคยขาย 300-400 บาทปัจจุบันเหลืออยู่ 200 บาทเท่านั้น
ณ.วันนี้ ปริมาณผลผลิตทุเรียนบ้านรักไทยยังไม่หมด ยังไม่แก่ พอตัดมาจำหน่าย คาดว่า ผลผลิตจะออกสู่ตลาดในอีก 1-2 เดือน ทำให้นักท่องเที่ยวยังพอมีเวลาเดินทางมาท่องเที่ยวบ้านรักไทยได้อีก สามารถเลือกซื้อทุเรียนของชาวบ้านกำลังทยอยออกจากสวนสู่ผู้บริโภคโดยตรง

ที่อยู่

Amphoe Mueang Phitsanulok

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:00
อังคาร 08:30 - 17:00
พุธ 08:30 - 17:00
พฤหัสบดี 08:30 - 17:00
ศุกร์ 08:30 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+6655302371

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สันติภาพ ออนไลน์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สันติภาพ ออนไลน์:

แชร์