02/08/2025
🔻 บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 30 กรกฎาคม 2568
[English version below 🔻🔻🔻]
ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้:
🔹 สถานการณ์การสู้รบ แม้มีการเจรจาหยุดยิงในคืนวันที่ 29 ก.ค. 68 แต่ยังคงเกิดเหตุการณ์คุกคามจากกำลังกัมพูชาใน 4 พื้นที่ ได้แก่
⚫️ ช่องคานม้า และภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ : ตรวจพบการเพิ่มกำลังของฝ่ายกัมพูชา พร้อมทั้งใช้โดรนบินตรวจการณ์ และในช่วงกลางดึกเกิดการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็ก
⚫️ ผามออีแดง : กำลังกัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุน โดยใช้เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 100 มม. (ค.100) ยิงใส่ฐานฝ่ายไทย แต่ไม่มีการตอบโต้ (ปลอดภัย)
⚫️ ปราสาทตาเมือนธม – ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ : ตรวจพบการเพิ่มกำลังของฝ่ายกัมพูชา
⚫️ วันที่ 30 ก.ค. 68 ฝ่ายกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยทูตฝ่ายกัมพูชา ได้นำผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ และสื่อมวลชนเดินทางมายังจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีได้ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการนำผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศเข้าสู่พื้นที่อันตรายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมาก
🔺 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้ออกแถลงการณ์เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา จากข้อตกลงร่วมกันในการหยุดยิงตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. 68 โดยฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด ด้วยการระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดสันติภาพระหว่างสองประเทศ แต่พบว่าฝ่ายกัมพูชา ได้กระทำการละเมิดข้อตกลงในวันที่ 29–30 ก.ค. 68 ในพื้นที่ต่อไปนี้:
ช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 29 ก.ค. 68 เวลา 21.30 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้ปืนเล็กยิงใส่แนวกำลังไทย ทำให้เกิดการปะทะต่อเนื่องถึงเวลา 22.00 น.
เขาพระวิหาร – ภูมะเขือ / ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 29 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้ปืนเล็กและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้ตอบโต้ตามหลักสากลเพื่อป้องกันตนเอง โดยการยิงดำเนินต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 30 ก.ค. 68
ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 30 ก.ค. 68 เวลา 05.17 น. ตรวจพบการยิงด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชาล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยอย่างชัดเจน
กองทัพบกขอประณามการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบของฝ่ายกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และยืนยันว่าฝ่ายไทยดำเนินการตามหลักสันติภาพ ความอดกลั้น และหลักมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ หากยังมีการละเมิดต่อเนื่อง ไทยจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมอย่างเด็ดขาด
📊 สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2568)
1. พลเรือน
เสียชีวิต: 16 ราย
บาดเจ็บสาหัส: 12 ราย
บาดเจ็บปานกลาง: 13 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย: 13 ราย
▶️ รวมทั้งสิ้น: 54 ราย
2. ทหาร
เสียชีวิต: 15 นาย
บาดเจ็บ: 177 นาย
▶️ รวมทั้งสิ้น: 192 นาย
🚨 สถานการณ์อพยพ
มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงใน 7 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 149,264 คน ดังนี้:
🔷️ อุบลราชธานี: 22,768 คน
🔷️ ศรีสะเกษ: 54,819 คน
🔷️ สุรินทร์: 54,754 คน
🔷️ บุรีรัมย์: 15,039 คน
🔷️ ตราด: - คน
🔷️ สระแก้ว: 1,678 คน
🔷️ จันทบุรี: 206 คน
🤝 ภารกิจช่วยเหลือประชาชน
โดยจิตอาสาพระราชทานใน 4 จังหวัดหลัก ได้แก่:
จิตอาสา 904: 129 นาย
จิตอาสาประชาชน: 2,660 คน
รด.จิตอาสา: 222 นาย
กองทัพไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากการที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย พร้อมทั้งขอประณามการใช้อาวุธโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน
กองทัพไทยขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและเสียสละ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยอย่างถึงที่สุด
📢 ขอให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางที่เป็นทางการของรัฐบาลและกองทัพ และแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
ขอความร่วมมืองดส่งต่อข่าวลือ ข้อมูลเท็จ หรือเนื้อหาบิดเบือน เพื่อความมั่นคงของประเทศ และเพื่อลดความตื่นตระหนกในสังคม