รวมพล คนพอตแตก

รวมพล คนพอตแตก ศูนย์การเรียนรู้ ตลาดForex แบ่งปันความรู้

30/10/2023

นางตัวดี(ทองคำ)วันนี้ผมมองโซนกรอบย่อ Buy
Zone 1998-1995
Zone 1986-1980
ชิตังเมโป้งรวย

อีกออเดอร์ ก่อนหมดไปอีกวัน
18/10/2023

อีกออเดอร์ ก่อนหมดไปอีกวัน

GBPAUD วันนี้ กระผมมองตามภาพครับ
18/10/2023

GBPAUD วันนี้ กระผมมองตามภาพครับ

18/10/2023

Sell นางตัวดี(ทองคำ) 1930-1932

TP 1924-20
SL 1934

17/10/2023

นางตัวดี(ทองคำ)Sell 1930-1932
TP 1: 1928-1910
SL 1939 ขอให้ท่านผู้เจริญทั้งหลายโชคดีคับ

Send a message to learn more

แผนคู่EURJPY  SELL นะครับ  SLตามที่แจ้งเลย
17/10/2023

แผนคู่EURJPY SELL นะครับ SLตามที่แจ้งเลย

17/10/2023

Buy นางตัวดี(ทอง)1915-1910
TP 1922
SL 1907

16/10/2023

ผมกลับมาแล้วครับทุกคนนนนนน

02/03/2022

ไบเดน” ประกาศยืนเคียงข้างยูเครน ห้ามเครื่องบินรัสเซียผ่านน่านฟ้าสหรัฐ
ข่าวต่างประเทศ10:05น.

US President Joe Biden delivers his State of the Union Address before lawmakers in the US Capitol in Washington, DC, U.S., March 1, 2022. Jim Lo Scalzo/Pool via REUTERS
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยเปิดฉากด้วยการกล่าวว่า สหรัฐจะยืนเคียงข้างประชาชนชาวยูเครน พร้อมกับขอให้สมาชิกสภาคองเกรสทุกคนลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงการสนับสนุนยูเครน

“แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนยังกล่าวอย่างกล้าหาญต่อรัฐสภายุโรปว่า ‘แสงสว่างย่อมมีชัยเหนือความมืดมิด’ และในวันนี้ เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐก็นั่งอยู่เคียงข้างสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ ผมขอให้ทุกท่านในอาคารรัฐสภาแห่งนี้ หากท่านยืนได้ ขอให้ท่านยืนขึ้นเพื่อเป็นเกียรติและเพื่อส่งสัญญาณไปถึงทั่วโลกว่า เราสนับสนุนยูเครน”

ADVERTISEMENT

ปธน.ไบเดนกล่าว
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ปธน.ไบเดนได้รับเสียงปรบมือกึกก้องทั่วห้องประชุมของอาคารรัฐสภา ขณะที่สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากสวมชุดสีฟ้าและเหลืองเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการสนับสนุนยูเครน ส่วนเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐได้ปรบมือและโบกธงชาติของยูเครน

“เราคือสหรัฐอเมริกา และเราขอยืนเคียงข้างยูเครน”

ปธน.ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนยังได้ใช้เวที State of the Union ครั้งนี้ ประกาศห้ามไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าสหรัฐ ซึ่งเป็นการใช้มาตรการที่สอดคล้องกับสหภาพยุโรป (EU) และแคนาดา ที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้า

ADVERTISEMENT

“เราจะร่วมวงกับบรรดาชาติพันธมิตรของเรา ด้วยการห้ามไม่ให้เครื่องบินทุกลำของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าสหรัฐ นอกจากนี้ เราจะโดดเดี่ยวรัสเซียมากขึ้น และจะเพิ่มมาตรการกดดันเศรษฐกิจของรัสเซียเพิ่มขึ้นด้วย”

ปธน.ไบเดนกล่าว

02/03/2022

จับตา “ไบเดน” แถลงนโยบายประจำปีเช้านี้ คาดประณามรัสเซียบุกยูเครน
ข่าวต่างประเทศ7:38น.

ภาพ: รอยเตอร์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 09.00 น.ตามเวลาไทย โดยการกล่าวแถลงนโยบายประจำปีในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกสำหรับปธน.ไบเดน และเป็นไปตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่า การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ไบเดนในวันนี้จะได้รับความสนใจไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นการแถลงในช่วงเวลาที่วิกฤตการณ์ในยูเครนยังคงไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย

ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าปธน.ไบเดนจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความสำเร็จ และผลงานของรัฐบาลสหรัฐในปีที่ผ่านมา โดยเขาจะกล่าวถึงการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ พร้อมกับจะกล่าวถึงสิ่งที่เขาจะดำเนินการต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งของเขา

ADVERTISEMENT

ส่วนในประเด็นทางการเมืองนั้น คาดว่าปธน.ไบเดนจะกล่าวประณามรัสเซียที่ใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน รวมทั้งจะกล่าวถึงมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อรัสเซีย และมาตรการให้ความช่วยเหลือต่อยูเครน

ทั้งนี้ การกล่าวแถลงนโยบายประจำปีในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่คะแนนนิยมของปธน.ไบเดนตกต่ำเป็นประวัติการณ์เหลือเพียง 43% ท่ามกลางความไม่พอใจของชาวอเมริกันเกี่ยวกับมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

02/03/2022

ทองปิดพุ่ง $43.1 วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ข่าวเศรษฐกิจ7:07น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1,940 ดอลลาร์ในวันอังคาร (1 มี.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ การร่วงของตลาดหุ้นสหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 43.1 ดอลลาร์ หรือ 2.27% ปิดที่ 1,943.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.175 ดอลลาร์ หรือ 4.82% ปิดที่ 25.541 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 13.2 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 1,051.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 33.20 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 2,537.80 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งสัญญาณยืดเยื้อ หลังจากการเจรจาโดยตรงระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครนเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด และทั้งสองฝ่ายจะทำการเจรจารอบต่อไปที่ชายแดนเบลารุสและโปแลนด์ในอีกไม่กี่วัน

นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะยังคงใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายหลักในการปกป้องตนเองจากภัยคุกคามของชาติตะวันตก

ADVERTISEMENT

ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียยุติการโจมตีต่อเมืองต่างๆในยูเครน ก่อนที่จะมีการเจรจาหยุดยิงในรอบต่อไป

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 2 มี.ค. และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย

25/02/2022

รมว.ต่างประเทศยูเครนเผยรัสเซียยิงจรวดถล่มทั่วกรุงเคียฟ
ข่าวต่างประเทศ13:38น.

นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนเปิดเผยว่า กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ถูกโจมตีด้วยจรวดของรัสเซียหลายลูกในช่วงเช้าของวันนี้ (25 ก.พ.)
รายงานหลายแห่งระบุว่า มีเสียงระเบิดดังทั่วกรุงเคียฟ แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้ นายมาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันกล่าวว่า มีการยิงขีปนาวุธอย่างน้อย 30 ลูกภายในเวลา 40 นาที ในกรุงเคียฟ

ADVERTISEMENT

ทั้งนี้ นายคูเลบาทวีตข้อความว่า มีการยิงจรวดจากรัสเซียเข้าถล่มกรุงเคียฟหลายลูก ครั้งสุดท้ายที่เมืองของเราเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้คือปี 2484 เมื่อถูกกองทัพนาซีของเยอรมนีเข้าโจมตี ยูเครนสามารถเอาชนะเหตุการณ์ที่เลวร้ายในครั้งนั้นได้และครั้งนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น หยุดยั้งปูติน โดดเดี่ยวรัสเซีย ตัดสัมพันธ์ทั้งหมด และขับไล่รัสเซียออกจากทุกพื้นที่

'เฟด'ยังคงส่งสัญญาณลดการซื้อสินทรัพย์ปีนี้ ไม่หวั่นตัวเลขจ้างงานเดือน ส.ค.ลดลง และโควิดระบาดใหม่ : เจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง...
10/09/2021

'เฟด'ยังคงส่งสัญญาณลดการซื้อสินทรัพย์ปีนี้ ไม่หวั่นตัวเลขจ้างงานเดือน ส.ค.ลดลง และโควิดระบาดใหม่
: เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณ จะยังคงลดการซื้อสินทรัพย์ในปีนี้ แม้ว่าการจ้างงานในเดือนสิงหาคมโตลดลง และมีผลกระทบจากการระบาดใหม่ โดยมีบางคนสนับสนุนให้ลดในเดือนตุลาคม และบางคนได้ย้ำ การลดโครงการซื้อสินทรัพย์ ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าถึงเวลาที่จะขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ขณะเดียวกัน ได้คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโตปีนี้ประมาณ 6%

เจมส์ บัลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐเซนต์หลุยส์ ให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเชียล ไทมส์ ว่า ภาพใหญ่คือจะลดโครงการซื้อพันธบัตรในปีนี้ และจะยุติลงในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า

บัลลาร์ด ไม่กังวลที่ตลาดแรงงานฟื้นตัวลดลงหลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ สร้างงานน้อยสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนสิงหาคม และยังกล่าวว่า ตลาดแรงงานอาจแข็งแกร่งไปจนถึงปีหน้า หากการต่อสู้กับการระบาดดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้าน โรเบิร์ต คาร์แพลน ประธานธนาคารกลางดัลลัส ได้กล่าวว่า เขายังคงสนับสนุนให้ลดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลงอย่างช้า ๆ ในเดือนตุลาคม ตราบเท่าที่แนวโน้มเศรษฐกิจไม่เปลี่ยนแปลงในเชิงพื้นฐาน

คาร์แพลน กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อกำลังมีผลกระทบต่อดีมานด์ และเขาได้ลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ 6% จาก 6.5% แต่คาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐจะโตประมาณ 3% และเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2.6%

เฟดให้สัญญาว่าจะซื้อหลักทรัพย์กระทรวงการคลัง และหลักทรัพย์ที่มีการจำนองค้ำประกันต่อไปในระดับปัจจุบัน คือ 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน จนกว่าจะมี "ความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ" ที่จะนำไปสู่เป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงานสูงสุด

เจ้าหน้าที่เฟดจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 21 และ 22 กันยายนนี้

จอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางนิวยอร์ก ก็ได้กล่าวว่า เงินเฟ้อเป็นไปตามมาตรฐานแล้ว แต่อยากจะเห็นตลาดแรงงานดีขึ้นเพิ่มอีกก่อนที่จะประกาศว่า เป้าหมายการจ้างงานของเฟดมีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นมาก

“สมมุติว่าเศรษฐกิจดีขึ้นตามที่คาด ก็มีความเหมาะสมที่จะเริ่มลดอัตราการซื้อสินทรัพย์ในปีนี้” วิลเลียมส์ กล่าว

เมื่อเดือนที่ผ่านมา เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า เขาเห็นและผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่เห็นพ้องกันในเดือนกรกฎาคมว่า ธนาคารกลางควรเริ่มลดการซื้อสินทรัพย์ในปีนี้ แต่ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยข้อมูลที่แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จ้างงานเพิ่มเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ลดลงอย่างมากจากการจ้างงานประมาณ 1 ล้านตำแหน่งต่อเดือนในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม

รายงานของเฟดเมื่อวันพุธ ที่ผ่านมา ชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ “ชะลอตัวลงเล็กน้อย” ในเดือนสิงหาคม เนื่องจากการระบาดฟื้นคืนมา ส่งผลกระทบต่อการรับประทานอาหาร การเดินทาง และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี รายงานแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการแรงงานอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยนายจ้างจำนวนหนึ่งต้องดิ้นรนเพื่อจ้างงานเนื่องจาก มีการลาออกมาก มีการเกษียณอายุก่อนกำหนด และมีปัญหาในการดูแลเด็ก

วิลเลียมส์กล่าวว่า การระบาดของสายพันธุ์เดลต้าเริ่มกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการเติบโตของงาน และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโตประมาณ 6% ในปีนี้ หลังจากที่ปรับตัวเลขตามเงินเฟ้อแล้ว โดยมองว่าเงินเฟ้อจะลดลงเหลือประมาณ 2% ในปีหน้า

ส่วนบัลลาร์ด กล่าวว่า เฟดควรจะลดการซื้อสินทรัพย์ภายในปลายไตรมาสแรก เพื่อเป็นทางเลือกมากขึ้นสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ย ขณะที่วิลเลียมส์กล่าวว่า เฟดจะตัดสินใจลดการซื้อสินทรัพย์ แยกจากการเคลื่อนไหวเรื่องอัตราดอกเบี้ย และไม่มองว่าการตัดสินใจลดการซื้อสินทรัพย์ใด ๆ เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเวลาที่จะขึ้นดอกเบี้ย
Source: ข่าวหุ้น
เพิ่มเติม
- Fed presidents Kaplan, Rosengren to sell individual stock holdings to address ethics concerns
: https://www.cnbc.com

CNBC is the world leader in business news and real-time financial market coverage. Find fast, actionable information.

09/09/2021

(Sep 9) ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่ประกาศหั่น QE : ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

อย่างไรก็ดี ECB ไม่ได้ประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินป้องกันผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ในการประชุมวันนี้ โดยโครงการดังกล่าวเทียบเท่ากับโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ขณะเดียวกัน ECB ส่งสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการ PEPP ในแถลงการณ์หลังการประชุม

"จากการประเมินสภาวะทางการเงินและแนวโน้มเงินเฟ้อ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของ ECB มีความเห็นว่า ECB สามารถรักษาสภาวะทางการเงินที่น่าพึงพอใจด้วยการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรในโครงการ PEPP เมื่อเทียบกับในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา และ ECB พร้อมที่จะปรับเครื่องมือทุกอย่างตามความเหมาะสมเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของ ECB ในระยะกลาง" แถลงการณ์ของ ECB ระบุ
ทั้งนี้ โครงการ PEPP มีวงเงินรวม 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ECB ได้ซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวในวงเงินเดือนละ 8 หมื่นล้านยูโร

ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะลดวงเงินในซื้อพันธบัตรตามโครงการ PEPP เหลือเพียง 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ก่อนที่จะลดวงเงินลงอีกในต้นปี 2565 และจะยุติโครงการในเดือนมี.ค.2565

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

09/09/2021

เมื่อพ่อมดการเงิน "โซรอส" ด้อยค่า "สีจิ้นผิง"
: วันนี้พ่อมดการเงินคนดัง (ผู้ที่คนไทยรู้จักกันดี) โจมตีสีจิ้นผิงถี่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังทางการจีนจัดระเบียบครั้งใหญ่ในประเทศ แต่เขาไม่ใช่มิตรของสีจิ้นผิงอยู่แล้ว

คนไทยรู้จักจอร์จ โซรอสกันดีคงไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงกันอีก แต่ช่วงหลังหลายคนคงไม่ได้ติดตามความเคลื่อนของเขามากนัก ในระยะไม่กี่เดือนมานานี้โซรอสเอ่ยถึงจีนบ่อยๆ

ท่าทีล่าสุดคือการที่เขาบอกว่า การลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ของ BlackRock Inc (บริษัทจัดการการลงทุนข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน) ในจีนตอนนี้เป็น "ความผิดพลาด" และมีแนวโน้มที่จะเสียเงินของลูกค้า และยังบอกว่า BlackRock แยกแยะรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนกับบริษัทเอกชนห่างไกลจากความเป็นจริงเกินไป

ทำไมโซรอสถึงมาโจม BlackRock บริษัทอเมริกันแท้ๆ ? นั่นก็เพราะเมื่อเดือนที่แล้ว BlackRock กลายเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ต่างประเทศรายแรกที่ดำเนินธุรกิจกองทุนรวมในประเทศจีนที่ถือหุ้นโดยตนเองทั้งหมดโดยที่รัฐจีนไม่เข้ามายุ่ง เข้ามาโกยกองทุนค้าปลีกที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่ 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมๆ กับที่รัฐบาลจีนยกเลิกขีดจำกัดการถือครองของต่างชาติในธุรกิจกองทุนเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2020

พูดง่ายๆ คือ BlackRock เข้ามาโกยเงินในจีน เมื่อจีนเปิดเสรีภาคกองทุน แต่โซรอสกลับลุกลี้ลุกลนกับเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเขาสนับสนุน "ตลาดเปิด" และ "สังคมเปิด" แท้ๆ แถมยัง "พยากรณ์ในเชิงสาปแช่ง" ให้ BlackRock เจ๊งในจีนเสียอีก

โซรอสไม่แคร์ที่จะถูกมองว่าสองมาตรฐาน เพราะเขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับจีน โดยเฉพาะกับสีจิ้นผิงไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างน้อยก็ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเขาบอกว่า “จีนไม่ใช่ระบอบเผด็จการเพียงแห่งเดียวในโลก แต่เป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุด แข็งแกร่งที่สุด และล้ำหน้าที่สุดทางเทคโนโลยี” และ “สิ่งนี้ทำให้สีจิ้นผิงเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุดของสังคมเปิด”

มาถึงปีนี้เขาก็ยังโจมตีสีจิ้นผิงและถี่ขึ้นอีก ความเห็นที่สั่นสะเทือนมากเป็นพิเศษมาจากบทความของเขาใน Financial Times ที่ชื่อ "นักลงทุนในจีนภายใต้อำนาจของสี เผชิญกับอาการตาสว่างแบบตั้งตัวไม่ติด"

อาการตาสว่างที่ว่านี้เกิดขึ้นจากการตระหนักว่าจีนไม่ได้เสรีอย่างที่คิดและความเชื่อ (ผิดๆ) ว่าจีนจะวิวัฒนาการเป็นสังคมเสรีนั้นผิดมหันต์ จะเห็นได้จากการจัดระเบียบและกวาดล้างภาคส่วนต่างๆ ของสีจิ้นผิง และยังส่งภาครัฐเข้าไปถือหุ้นและนั่งในบอร์ดของบริษัทใหญ่ๆ เรื่องนี้กระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนภายนอกและเป็นการตัดตอนธุรกิจในประเทศตัวเองไม่ให้โต

โซรอสก็เหมือนคนภายนอกจีนที่เชื่อว่าสักวันจีนต้องพังเแน่ๆ ตัวที่จะทำจีนพังคือภาคอสังหาฯ ที่ถูกปั่นมาหลายปีแล้ว อาจจะเป็นสิบปีด้วยซ้ำ

เนื้อหาของบทความตอนหนึ่งบอกว่า "สีจิ้นผิง ผู้นำจีน ปะทะกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ การปราบปรามกิจการเอกชนของเขาเป็นแรงฉุดสำคัญต่อเศรษฐกิจ ภาคที่เปราะบางที่สุดคืออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย ประเทศจีนมีความเจริญรุ่งเรืองด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่ตอนนี้กำลังจะถึงจุดสิ้นสุด"

ปรากฎว่าหลังจากบทความนี้ออกไปรัฐบาลจีนสั่งเตือนบริษัทอสังหาฯ ใหญ่ๆ ที่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน โดยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อหลีกเลี่ยงความโกลาหลของตลาดอสังหาฯ เพราะหากอสังหาฯ พังเมื่อไร เศรษฐจีนจะซวนเซทันที เงินออมและเงินลงทุนของประชาชนนั้นส่วนใหญ่ฝากไว้กับภาคนี้
โซรอสเตือนว่า "This could cause a crash" (มันอาจจะพังลงได้) แต่อย่างที่บอกคือผ่านมานับสิบปีแล้ว จีนก็ยังสามารถคุมอสังหาฯ ไม่ให้พังได้ แต่ก็ไม่อาจจะแก้ปัญหามันได้เหมือนกัน

โซรอสอาจจะเดาผิดเหมือน "กูรู" ตะวันตกคนอื่นๆที่เดาเรื่องจีนผิดตลอด แต่มีเรื่องหนึ่งที่โซรอสอาจจะถูกคือ สีจิ้นผิงไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจเหมือนเติ้งเสี่ยวผิง หรืออย่างน้อยไม่ได้คิดจะสานต่อมรดกตลาดเปิดเหมือนเติ้งเสี่ยวผิง

โซรอสคิดว่าจีนจะเป็นจีนได้จะต้องเดินบนเส้นทางทุนนิยมเสรีเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าสีจิ้นผิงเป็นอันตรายต่อ "รัฐจีน" เขาไม่ได้มองจีนเป็นศัตรู แต่ผิดหวังที่จีนไม่เดินบนเส้นทางทุนนิยม
เขาถึงกับบอกว่า "สีไม่เข้าใจว่าตลาดดำเนินการอย่างไร เป็นผลให้การเทขายถูกปล่อยใม้เกิดขึ้นมากเกินไป เริ่มทำร้ายวัตถุประสงค์ (การดำรงอยู่) ของจีนในโลก"

จุดนี้โซรอสเห็นเหมือนบางคนที่คิดว่าสีจิ้นผิงไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ และสิ่งที่สีจิ้นผิงทำตอนนี้คือการทำร้ายเศรษฐกิจจีนชัดๆ

แต่โซรอสคงจะลืมไปว่ารัฐจีนยังคงเป็นสังคมนิยมและพร้อมที่จะหวนคืนสู่รากเหง้าเดิมเมื่อสถานการณ์เรียกร้อง พวกฝ่ายซ้ายนั้นเข้าใจเรื่องทุนได้ดีกว่านายทุน แต่ความเข้าใจนั้นมีขึ้นเพื่อป้องกันการขูดรีกอบโกยแบบนายทุน ขณะที่นายทุนรู้จักทุนนิยมและรักตลาดเสรีเพราะทำให้พวกเขากอบโกยได้ง่าย
มีแต่นายทุนเท่านั้นที่ไม่ชอบสังคมนิยม เพราะสังคมนิยมมีศัตรูคือนายทุน เหมือนในบทความก่อนหน้าของผู้เขียนเรื่อง "ได้กลิ่น "การปฏิวัติ" โชยมาแต่ไกลจากในจีน" ที่ชี้่ต่อไปนี้จีนจะมุ่งสู่การแบ่งปันความมั่งคั่งที่เท่าเทียม และหมดยุคของนายทุนที่รวยตามลำพัง

โซรอสนั้นต้องการให้จีนเป็นไปตามแนวทางของเติ้งเสี่ยวผิง ดังจะเห็นได้จากบทความที่โจมตีสีจิ้นผิงโดยตรงใน Wall Street Journal เมื่อเดือนเมษายน ในชื่อ "เผด็จการของสีจิ้นผิงคุกคามรัฐจีน" เขาบอกว่า "ในการแสวงหาอำนาจส่วนตัว เขาได้ปฏิเสธแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจของเติ้งเสี่ยวผิงและเปลี่ยนพรรคคอมมิวนิสต์ให้กลายเป็นกลุ่มคนคล้อยตามเขา"

ข้อความนี้ชัดเจนว่าโซรอสผิดหวังที่จีนไม่เปิดเสรีแบบเติ้งเสี่ยวผิงอีก และยังกระแทกกระทั้นไปที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าได้แต่เออออหม่อหมกับสีจิ้นผิง

นี่คือความยอกย้อนโดยแท้เพราะชื่อพรรคก็บอกอยู่แล้วว่า "คอมมิวนิสต์"

อีกอย่างคือ ต่อให้สีจิ้นผิงไม่สานต่อมรดกของเติ้งเสี่ยวผิงก็ใช่ว่าเขาทรยศต่อเติ้งเสี่ยวผิง เพราะเติ้งเองชูแนวทาง "สังคมนิยมที่มีคุณลักษณะแบบจีน" มันหมายความว่าจีนยังเป็นสังคมนิยมอยู่ไม่ว่าจะรับทุนนิยมมาแค่ไหนก็ตาม

ที่สำคัญสังคมนิยมมีแต่วิวัฒนาการไปสู้สังคมคอมมิวนิสต์ในท้ายที่สุดไม่มีทางถอยหลังกลับไปสู่สังคมนายทุน และสังคมศักดินา เติ้งเสี่ยวผิงมองไว้ว่าการเปิดตลาดจีนก็เพื่อให้จีนวิวัฒนาการเป็นขั้นตอนที่แท้จริงจากสังคมทุน ไปสู่สังคมนิยมแท้ๆ และสังคมคอมมิวนิสต์ในที่สุด

ทฤษฏี "สังคมนิยมที่มีคุณลักษณะแบบจีน" นั้นมีความจำเป็น มันออกมาตอนที่จีนมีความมั่งคั่งทางวัตถุในระดับที่ค่อนข้างต่ำและจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมก่อนที่จะมุ่งสู่รูปแบบสังคมนิยมที่เท่าเทียมมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ตามที่อธิบายไว้ในลัทธิมาร์กซ์แบบดั้งเดิม

ไม่อย่างนั้นสีจิ้นผิงคงไม่ผลักดันแนวคิด "วงไพบูลย์แห่งความมั่งคั่ง" มันหมายถึงมีกินมีใช้เท่าๆ กันนั่นเอง เพราะตอนนี้จีนเริ่มอิ่มตัวกับทุนนิยมแล้ว เห็นได้จากภาวะการณ์หลายๆ อย่างมุ่งไปสู่ความเสื่อมถอยทางสังคม เพราะผู้คนหลงเงินและวัตถุ เกิดการสั่งสมทุนที่ไม่เท่าเทียม

นี่คือทฤษฎีมาร์กซิสต์แท้ๆ ดังนั้นนายทุนทั้งหลายต้องตระหนักเอาไว้ว่าจีนไม่มีทางเป็นทุนนิยมเสรีอย่างที่เขาใฝ่ฝันหรอก

เพียงแต่สิ่งน่ากังวลคือ สีจิ้นผิงเร่งรัดวิวัฒนาการทางสังคมเร็วไปไหมกับการผลักดันจีนเป็นสังคมนิยมที่เข้มข้นอีก หลังจากทดลองเป็นทุนนิยมมานานกว่า 40 ปีแล้ว - เรื่องนี้เราต้องจับตากันต่อไป

ครั้งสุดท้ายที่จีนเร่งรัดจะเป็นสังคมนิยมบริสุทธิ์ผุดผ่องให้ได้คือทศวรรษที่ 50 (การก้าวกระโดดใหญ่) และทศวรรษที่ 60 (การปฏิวัติวัฒนธรรม) ผลคือพังพินาศไปทุกมิติสังคมและเศรษฐกิจ คนตายไปนับล้าน

จนบัดนี้เหมาเจ๋อตงก็ยังถูกมองว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เก่งกาจ แต่อ่อนด้อยเรื่องเศรษฐกิจ จีนต้องอาศัยใบบุญของเติ้งเสี่ยวผิงมาช่วยเก็บกวาดในทัศวรรษที่ 70 และ 80

โซรอสชี้ไว้อย่างถูกต้องว่า "คอมมิวนิสต์ล้มเหลวเพราะปัญหารื่องตัวผู้บัญชาการ ข้อเสนอของคาร์ล มาร์กซ์—ที่ว่าดึงจากทุกคนตามความสามารถและให้ทุกคนตามความต้องการ—เป็นแนวคิดที่น่าสนใจมาก แต่ผู้ปกครองคอมมิวนิสต์กลับให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ส่วนตนของประชาชน"

ผู้นำจีนอาจไม่สนใจผลประโยชน์ส่วนตน แต่การตัวบุคคลไม่กี่คนอาจทำให้เสียการณ์ได้

สีจิ้นผิงจะเป็นแบบเหมาเจ๋อตงหรือไม่ โซรอสบอกในบทความของ Wall Street Journal ว่า "สหรัฐเป็นตัวแทนของสังคมเปิดที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งบทบาทของรัฐบาลคือการปกป้องเสรีภาพของแต่ละบุคคล สีเชื่อว่าเหมาเจ๋อตง ได้คิดค้นรูปแบบการปกครองที่เหนือกว่า ซึ่งเขากำลังดำเนินอยู่ นั่นคือ สังคมปิดแบบเผด็จการที่บุคคลอยู่ภายใต้รัฐที่มีพรรคเดียว"

ขณะที่โซรอสเยินยอสหรัฐว่าเป็น "ตัวแทนของสังคมเปิดที่เป็นประชาธิปไตย" ในบทความนี้ อีกบทความใน Financial Times เขากลับสนับสนุนที่ทางการสหรัฐออกกฎหมายกีดกันบริษัทจีน คำถามก็คือทำแบบนี้แล้วยังเรียกว่าเป็นสังคมเปิดได้เต็มปากอีกหรือ?

โซรอสบอกว่าสีจิ้นผิงพยายามที่จะรั้งอำนาจตัวเองไว้เพื่อสานต่อการล้างบางในประเทศ เรื่องนี้อาจมีส่วนจริง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด สิ่งที่เกิดขึ้นในจีนนั้นอาจเป็นผลพวงจากการที่สหรัฐกีดกันและเปิดสงครามการค้ากับจีนด้วย นั่นคือการบีบให้จีนจนมุม จนจีนต้องคลายความเป็นทุนนิยมและสังคมเปิดลงเพราะมันคือจุดอ่อนให้ถูกโจมตี

โซอรสมีมูลนิธิที่ชื่อ Open Society Foundations ซึ่งมีจุดประสงค์ คือการส่งเสริมประชาธิปไตยและสังคมเสรี หรือ "สังคมเปิด" ตามชื่อมูลนิธิ

แต่เราต้องระมัดระวังกับคนที่มักอ้างหลักการประชาธิปไตย เพราะบางคนนั้นอ้างประชาธิปไตยและการเปิดเสรีเพื่อหวังผลทางเศรษฐกิจด้วย เช่น บางประเทศทำเป็นส่งเสริมประชาธิปไตยทางการเมืองแต่ใจหวังให้เปิดเสรีเศรษฐกิจ และบีบให้ประเทศโน้นประเทศนี้เปิดเสรีด้านต่างๆ

จุดประสงค์แอบแฝงก็เพื่อทำให้ประเทศนั้นเป็น "สังคมเปิด" เมื่อเปิดแล้วก็เจาะเข้าตลาดได้โดยง่าย เข้ามายึดกุมทรัพยากรและโครงสร้างสำคัญของประเทศนั้นไป คือการใช้ประชาธิปไตยเป็นอาวุธอย่างหนึ่ง

แต่ต้องเข้าใจว่าประชาธิปไตยไม่ใช่ของเลวทราม แต่เป็นของดีที่ถูกอำพรางด้วยลัทธิเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจที่เน้นนายทุนมือยาวสาวได้สาวเอา และมันจะกลายเป็นเรื่องมือให้บางคนบ่อนทำลายประเทศหนึ่ง เพื่อเข้าถึงทุนและทรัพยากรของประเทศนั้นๆ

มันไม่ใช่สังคมเปิดที่เขาต้องการ แต่เป็นตลาดที่เปิดอ้าซ่ามากกว่า

คนไทยในศักราชแห่งหายนะทางการเงินปี 2540 ย่อมเข้าใจแจ่มแจ้งว่ากาใช้เสรีนิยมของบางประเทศเพื่อแทรกแซงบ้านเมืองและตลาดของเรามันเป็นเจ็บปวดเพียงใด

จีนในเวลานี้กำลังผนึกตัวเองให้เป็นเอกภาพภายใต้หลักการสังคมนิยมมากขึ้น ลดความเป็นทุนนิยมให้น้อยลง ส่งเสริมค่านิยมฝ่ายซ้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่พวก "สังคมเปิด" (หรือตลาดเปิด) ไม่ต้องการ เพราะทำให้พวกเขาหมดโอกาสทำมาหากิน

โซรอสนั้นชิงชังทรัมป์ถึงขนาดตีโพยตีพายโทษเฟซบุ๊คว่าเป็นเหตุให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง แต่พอทรัมป์จะเล่นงานจีน โซรอสก็รักทรัมป์ขึ้นมาทำที ชมเปาะว่าเป็นนโยบายที่ดีที่สุดของเขา

อนึ่ง ชื่อของมูลนิธิสังคมเปิด Open Society Foundations ของโซรอสนั้นยืมมาจากหนังสือของคาร์ล พอพเพอร์ นักปรัชญาผู้ทรงอิทธิพล (และเป็นอาจารย์ของโซรอสด้วย) ชื่อหนังสือว่า "สังคมเปิดและศัตรูของมัน" เป็นหนึ่งสือที่เชิดชูเสรีประชาธิปไตยแบบตะวันตกและเปิดเผยศัตรูของมันคือเผด็จการอำนาจนิยม

พอพเพอร์นั้นเป็นนักปรัชญาเต็มตัวจึงไม่มีผลประโยชน์เรื่องเงินๆ ทองๆ กับเสรีประชาธิปไตยและความคิดของเขานั้นมุ่งจะรักษาประชาธิปไตยจริงๆ

แต่จอร์จ โซรอสเป็นเช่นไรนั้น ความเห็นของคนทั่วโลกยังเสียงแตกอยู่
บทความโดย กรกิจ ดิษฐาน
Source: Posttoday

– ราคาทองคำร่วงลงในช่วงเช้าวันจันทร์ในเอเชีย ภาพรวมยังอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง รายงานการจ้างงานที่น่าผิด...
06/09/2021

– ราคาทองคำร่วงลงในช่วงเช้าวันจันทร์ในเอเชีย ภาพรวมยังอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง รายงานการจ้างงานที่น่าผิดหวังของสหรัฐฯ ระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจชะลอระยะเวลาการลดลงของสินทรัพย์ ส่งผลให้ทองคำมีแรงหนุน

สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า เพิ่มขึ้น 0.30% สู่ $1,828.25 เมื่อเวลา 00:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (4:15 น. GMT) หลังจากแตะระดับ $1,833.80 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ในช่วงก่อนหน้า

นักลงทุนยังคงวิเคราะห์รายงานการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐในวันศุกร์ เผยให้เห็นว่า การจ้างงานนอกภาคการเกษตร อยู่ที่ 235,000 ในเดือนสิงหาคม เป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบเจ็ดเดือน โดยก่อนหน้านี้เฟดอ้างอิงถึงตัวเลขนี้ให้เป็นเงื่อนไขของการเริ่มลดสินทรัพย์ลง นักลงทุนจึงคาดเดาว่าธนาคารกลางจะชะลอการดำเนินการลง

ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงาน อยู่ที่ 5.2%

รายงานดังกล่าวยังทำให้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งปกติจะเคลื่อนไหวผกผันกับทองคำ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. โดยวันนี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย

ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางออสเตรเลีย และ ธนาคารกลางยุโรป จะส่งมอบการตัดสินใจด้านนโยบายตามลำดับในวันอังคารและพฤหัสบดี

ด้านอุปสงค์ อุปสงค์ทองคำแท่งในตลาดเอเชียถูกแผ่วลงในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าเนื่องจากราคาดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ความหวังเพิ่มต่อเทศกาลที่กำลังจะมาถึงในอินเดียสามารถเพิ่มความต้องการทองคำได้

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่านักเก็งกำไรเพิ่มสถานะซื้อสุทธิ(Long position)ในทองคำและเงิน COMEX ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค.

สำหรับโลหะมีค่าอื่นๆ

เงินทรงตัวที่ 24.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาเพิ่มขึ้น 3.4% สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมในช่วงก่อนหน้า

แพลตตินั่มลดลง 0.6%

ในขณะที่แพลเลเดียมขยับขึ้น 0.2%

บทวิเคราะห์โดย : Gina Lee / Investing.com

– ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเช้าวันจันทร์ในเอเชีย แต่ยังอยู่ใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากที่นักลงทุนเลื่อนความคาดห...
06/09/2021

– ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเช้าวันจันทร์ในเอเชีย แต่ยังอยู่ใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากที่นักลงทุนเลื่อนความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มลดสินทรัพย์ออกไปไกลขึ้น

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ที่เทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ขยับขึ้น 0.14% เป็น 92.165 เมื่อเวลา 22:51 น. ET (2:51 น. GMT)

ค่าเงินเยน ขยับขึ้น 0.09% เป็น 109.82 เยนต่อดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ลดลง 0.29% เป็น 0.7437 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ลดลง 0.25% มาที่ 0.7142 หลังจากไต่ระดับขึ้นไปที่ 0.7170 ในวันศุกร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.

ค่าเงินหยวน ขยับขึ้น 0.02% เป็น 6.4541

ค่าเงินปอนด์ ลดลง 0.06% เป็น 1.3856

รายงานการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ รู้สึกผิดหวัง การจ้างงานนอกภาคการเกษตร อยู่ที่ 235,000 ตำแหน่ง ต่ำที่สุดในรอบเจ็ดเดือน และ อัตราการว่างงาน อยู่ที่ 5.2% ในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 91.941 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมในวันศุกร์

ในยุโรป ข้อมูลของสหรัฐฯ ทำให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นตามความคาดหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป จะเริ่มลดระดับสินทรัพย์ลงหลังส่งมอบนโยบายในวันพฤหัสบดีนี้ เงินยูโรทรงตัวที่ 1.18775 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. ที่ 1.1909 ดอลลาร์เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน

นักวิเคราะห์ของ Commonwealth Bank of Australia (OTC:CMWAY) (CBA) ได้คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานเป็นเงื่อนไขสำหรับเฟดที่จะเริ่มลดสินทรัพย์จะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2564

นักวิเคราะห์ของ CBA ระบุในหมายเหตุว่า "สถานการณ์โควิด-19 ที่แย่ลงของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากสถานการณ์ในภาคส่วนอื่น ๆ ของประเทศยังดีอยู่"

ในขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ออสเตรเลียยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. โดยธนาคารกลางออสเตรเลีย จะส่งมอบการตัดสินนโยบายล่าสุดในวันอังคาร

ธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย (OTC:NABZY) คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะลดการซื้อสินทรัพย์อีกครั้ง

ด้านสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin ยังคงอยู่ที่ระดับ 51,785.60 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับ 51,920 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมก่อนหน้านี้ กฎหมาย bitcoin ของเอลซัลวาดอร์ที่จะอนุมัติให้สกุลเงินดิจิตอลถูกกฏหมายในประเทศจะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร
บทวิเคราะห์โดย : Gina Lee / Investing.com

สรุป ราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนหลังกระทรวงแรงงานส...
06/09/2021

สรุป ราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตําแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 720,000 ตําแหน่ง ทําให้นักลงทุนตาตว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟต) อาจยังไม่ประกาศปรับวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้

ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวกดันดัชนีดอลลาร์ให้ร่วง ลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 91.947 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. จนเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคําทะยานขึ้นผ่านระดับสูงสุดเดิมบริเวณ 1,823ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมกับปรับตัวขึ้น ต่อทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,833.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรดี มีแรงขายทํากําไรสลับกลับมาท้ายตลาด ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัว ขึ้นสู่ระดับ 1.335% จากประมาณระดับ 1.299% ในช่วงก่อนการเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงาน

โดยบอลยีสต์พุ่งขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานที่เป็นข้อมูลบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเกินคาตถึง 0.6% จึงเป็นอีกปัจจัยที่สกัดช่วงบวกราคาทองคําเอาไว้

ด้านทองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สําหรับ วันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ปริมาณซื้อขายในช่วงตลาดสหรัฐจะเบาบางกว่าปกติ เนื่องจากตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดทองคํานิวยอร์ก ปิดทําการเนื่องในวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติสหรัฐ

ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,813-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้น โดยหากยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ การขยับขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์

คําแนะนํา เน้นเก็งกําไรระยะสั้นการเข้าซื้อควรรอราคา อ่อนตัวลงบริเวณแนวรับ 1,813-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้น ควรแบ่งขายทํากําไรบางส่วนหาก ราคาทองคําไม่ผ่านโซน 1,833-1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อได้
ดูกราฟราคาทองคำ SPOT XAU/USD
https://th.investing.com/currencies/xau-usd
บทความโดย : วรุต รุ่งขำ / YLG Bullion International

ที่อยู่

Ayutthaya
13140

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ รวมพล คนพอตแตกผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง รวมพล คนพอตแตก:

แชร์