โศภณสนทนา

โศภณสนทนา พูดคุยเรื่องเศรษฐกิจใกล้ตัว การเงิน การลงทุน

ธนาคารกสิกรไทยแจ้งปิดบริการ K PLUS ชั่วคราว เป็นเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 20...
14/07/2025

ธนาคารกสิกรไทยแจ้งปิดบริการ K PLUS ชั่วคราว เป็นเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568 เวลา 01.00 – 04.00 น.

• ส่งผลให้ทุกบริการบน K PLUS จะไม่สามารถใช้งานได้
(ไม่สามารถโอนเงิน เติมเงิน จ่ายบิล และถอนเงินไม่ใช้บัตร)

• รวมถึงบริการที่ต้องยืนยันการทำรายการ หรือยืนยันตัวตนผ่าน K PLUS จะไม่สามารถใช้งานได้ เช่น
– ไม่สามารถโอนเงินเข้า Wallet ต่าง ๆ เช่น YouTrip
– ไม่สามารถยืนยันตัวตนก่อนฝากเงินที่ตู้รับฝากเงินธนาคารกสิกรไทย
(ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนด้วยบัตรเดบิตกสิกรไทย หรือ OTP ได้)
– ไม่สามารถสมัครบริการชำระเงินด้วยการหักบัญชีอัตโนมัติ
– ไม่สามารถสมัครบริการ MAKE by KBank และ LINE BK

ทั้งนี้ บัตรเครดิตและบัตรเดบิตกสิกรไทย รวมถึงการทำธุรกรรมผ่านตู้ ATM หรือช่องทางอื่น ๆ ของธนาคารสามารถใช้งานได้ตามปกติ
.
กรุณาวางแผนการทำธุรกรรมล่วงหน้า ธนาคารขออภัยในความไม่สะดวก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE KBank Live แอดไลน์พิมพ์ (ของแท้ต้องมีแบดจ์ดาวสีเขียวหน้าชื่อ) หรือ
K-Contact Center โทร. 02-8888888 ตลอด 24 ชั่วโมง

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา

โกลเบล็ก แนะสะสมหุ้นกลุ่มเฮลแคร์-โรงพยาบาลนายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด...
14/07/2025

โกลเบล็ก แนะสะสมหุ้นกลุ่มเฮลแคร์-โรงพยาบาล

นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินถึงภาพการลงทุนของเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบต่อมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำหนดการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% นั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอุตสาหกรรมการส่งออกที่ต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหาร (อาหารทะเล /ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป) กลุ่มอัญมณี กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และกลุ่มสิ่งทอ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบทางการค้าและจะส่งผลกระทบต่อความสามารถด้านการแข่งขันอย่างมาก
ทั้งนี้กลุ่มผู้ประกอบการ และนักลงทุน จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ คงต้องรอบทสรุปของอัตราภาษี ท้ายที่สุดแล้วการเจรจาของรัฐบาลไทย โดยทีมไทยแลนด์ จะมีการเจรจาต่อรองอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลาในการเจรจาต่อรองจนกว่าจะครบกำหนดบังคับใช้ วันที่ 1 สิงหาคมนี้

“ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้เต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นส่งออก ที่เผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ดังนั้นมองว่าควรเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออก และมองว่าให้หันมาลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลัก (Domestic Plays) หรือ หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจในประเทศ เนื่องจากจะสามารถลดความผันผวนของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้”

อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นกลุ่มที่เป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจไทย และถือเป็น “Safe Play” โดยยังคง ให้น้ำหนักการลงทุน ได้แก่ กลุ่ม Healthcare Tourism เนื่องจากประเทศไทยตั้งเป้าในการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการให้บริการด้านสุขภาพ (Medical Hub) โดยเฉพาะด้านบริการทางการแพทย์ เพื่อดึงดูด นักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ซึ่งสร้างการเติบโตให้ประเทศไทย

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #หุ้นไทยวันนี้ #เจรจาการค้า #ภาษีทรัมป์

หุ้นไทยวันนี้ไซด์เวย์ในกรอบ 1,100-1,140 จุด เกาะติดสงครามการค้าภาษี นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สาย...
14/07/2025

หุ้นไทยวันนี้ไซด์เวย์ในกรอบ 1,100-1,140 จุด เกาะติดสงครามการค้าภาษี

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ ปรับตัวขึ้นสลับย่อตัว นักลงทุนรอติดตามพัฒนาการด้านสงครามการค้า ซึ่งล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 35% กับแคนาดา และเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก ซึ่งยังเป็นพัฒนาการการค้ารอบใหม่ที่ไม่ค่อยดี อย่างไรก็ตามอาจกดดันตลาดหุ้นไทยไม่มาก เนื่องจากตลาดรับรู้มาระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติชะลอและเป็นบวกได้อ่อน ๆ ทั้งนี้นักลงทุนรอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/68 โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกันในต่างประเทศ รวมทั้งติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ อาทิ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/68 ของจีน

โดยให้กรอบแนวรับ 1,100 จุด และแนวต้าน 1,140 - 1,145 จุด

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #ภาษีทรัมป์ #หุ้นไทยวันนี้

14/07/2025

#ราคาทอง
ลดลง 50 บาท
ทองแท่ง 51,500 บาท รูปพรรณ 52,300 บาท

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.38 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ  32.44 บาทต่อดอ...
14/07/2025

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์
แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.37-32.50 บาทต่อดอลลาร์) แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทว่า เงินบาทกลับสามารถทยอยแข็งค่าขึ้น ตามอานิสงส์การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ล่าสุด สามารถปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาศัยจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงแถวโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ในการปรับสถานะถือครอง ทยอยขายเงินดอลลาร์ออกมาบ้าง (Sell on Rally)
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดค้าปลีก พร้อมรอลุ้น รายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน
สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลง โดยเงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทใกล้โซนแนวต้านในช่วงที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยปรับสถานะถือครอง ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทนั้นเป็นไปอย่างจำกัด ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กอปรกับความเสี่ยงการเมืองในประเทศไทย อาจกดดันให้เงินบาทยังมีความเสี่ยงอ่อนค่าลงบ้าง แต่เงินบาทจะอ่อนค่าได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยหากราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ จากการประเมินในเชิงเทคนิคัล การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาท (USDTHB) ในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้เงินบาทมีโซนแนวต้านแรกแถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (โซนแนวต้านถัดไป 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวรับจะอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์)
อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (หรืออ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน)
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็อาจยังคงเป็นปัจจัยหนุนเงินดอลลาร์ในช่วงระยะสั้นต่อไป
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.10-32.80 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #เงินบาท

“ธปท.-กกร. ร่วมหารือรับมือภาษีนำเข้าสหรัฐฯ วางแนวทางลดผลกระทบ-ดันเอกชนเพิ่มศักยภาพแข่งขัน”วันนี้ มีการประชุมหารือร่วมกัน...
11/07/2025

“ธปท.-กกร. ร่วมหารือรับมือภาษีนำเข้าสหรัฐฯ วางแนวทางลดผลกระทบ-ดันเอกชนเพิ่มศักยภาพแข่งขัน”

วันนี้ มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้แก่ 1) คุณเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2) คุณพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย 3) คุณผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กับคณะผู้บริหาร ธปท. นำโดย 1) นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 2) นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน 3) นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน เพื่อหารือการประเมินภาพเศรษฐกิจและผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
โดย ธปท. และ กกร. จะเร่งหารือเพิ่มเติมในรายละเอียดของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในแต่ละภาคธุรกิจ รวมถึงภาคการผลิตของประเทศในภาพรวม เพื่อเสนอแนะแนวทางการลดผลกระทบและการแก้ปัญหาระยะสั้นในมิติต่าง ๆ อีกทั้งส่งเสริมให้ภาคธุรกิจปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (competitiveness) ในระยะยาวต่อไป

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #ภาษีทรัมป์ #เจรจาการค้า #กกร #ธปท

11/07/2025

#ราคาทอง เปิดเช้านี้ ปรับขึ้น 100 บาท
ทองแท่ง 51,350 บาท
รูปพรรณ 52,150 บาท

 #ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีแกว่งตัวรับแรงกดดันมาตรการภาษี"ทรัมป์"นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก...
11/07/2025

#ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีแกว่งตัวรับแรงกดดันมาตรการภาษี"ทรัมป์"

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งออกข้างตามข่าวความคืบหน้ามาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศอัตราภาษีใหม่ของประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม มีสองประเทศที่น่าจับตาคือ บราซิลโดนสูงถึง 50% และฟิลิปปินส์ 20% ทำให้การที่ไทยถูกเรียกเก็บภาษี 36% สูงกว่าหลายประเทศในอาเซียนและเอเชียบางส่วน
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐทำ new high อาจเป็นปัจจัยหนุนดัชนีได้บ้าง และรวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาด แต่วันนี้ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐต่อไป และรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างไร โดยทีมไทยแลนด์จะมีการหารือแนวทางเจรจากับสหรัฐกันที่บ้านพิษณุโลกเช้าวันนี้

โดยให้กรอบแนวรับ 1,100 จุด และแนวต้าน 1,120 จุด

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #ภาษีทรัมป์ #หุ้นไทยวันนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวัน 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.69 บาทต่อด...
11/07/2025

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวัน 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.69 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวัน 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.69 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รวมถึงช่วงวันหยุดที่ 10 กรกฎาคม ของตลาดการเงินไทย เงินบาท (USDTHB) โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.54-32.76 บาทต่อดอลลาร์) แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามจังหวะการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในช่วงคืนวันพฤหัสฯ หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มตลาดแรงงานและภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากนัก
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้นแถว 3,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ใช้จังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงในการทยอยปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ด้วยการทยอยขายเงินดอลลาร์แถวบริเวณโซนแนวต้าน (Sell USD on Rally) ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทก็ดูจำกัดแถวโซน 32.70 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ในช่วงนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ ขณะเดียวกันก็อาจกดดันบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย หลังหลายประเทศในฝั่งเอเชีย เสี่ยงเผชิญอัตราภาษีนำเข้าที่สูงกว่าคาดการณ์และสูงกว่า ที่บรรดานักวิเคราะห์รวมถึงธนาคารกลางฝั่งเอเชียได้ใช้ประเมินไว้ก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป หลังราคาทองคำก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าวก็อาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อีกทั้ง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า ในการทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือปรับสถานะถือครอง ทำให้ในช่วงนี้ หากไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มักจะส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนสูง เมื่ออ้างอิงจากสถิติในอดีต เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 32.65-32.75 บาทต่อดอลลาร์ ในระยะสั้น ทั้งนี้ แม้เราจะเริ่มเห็น บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเทศปรับมุมมองเชิงลบต่อเงินบาทชัดเจน เช่น มีการ Call Short THB (Long USDTHB) โดยบางส่วนอาจมองว่า เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าทะลุระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ แต่เราจะมั่นใจมากขึ้น ว่าเงินบาทได้กลับเข้าสู่แนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ตามการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend Following
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.75 บาท/ดอลลาร์

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #เจรจาการค้า #เงินบาทแข็งค่า #เงินบาท

ราคาทองคำวันนี้ (9 ก.ค. 2568) ขยับลง 200 บาท ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำ หรือ Gold Traders Association ณ เวลา 0...
09/07/2025

ราคาทองคำวันนี้ (9 ก.ค. 2568) ขยับลง 200 บาท

ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำ หรือ Gold Traders Association ณ เวลา 09.03 น. ที่ผ่านมา

ทองคำแท่งมีราคารับซื้อในประเทศอยู่ที่บาทละ 50,900 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 51,000 บาท

สำหรับทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้ออยู่ที่บาทละ 49,876.40 บาท ส่วนราคาขายออกอยู่ที่ 51,800 บาท

ราคาทองคำโลก (Gold Spot) อยู่ที่ระดับ 3,303 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ทางด้าน ฮั่วเซ่งเฮง รายงานแนวโน้มราคาทองคำ (เช้า) ประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ราคาทองคำโลกยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Down หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นยืนเหนือระดับ 4.4% สูงสุดในรอบสองสัปดาห์ ส่งผลให้ตลาดเริ่มหันกลับมาสนใจพันธบัตรสหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้ดอกเบี้ย อีกทั้งด้านค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าหลังความตึงเครียดด้านภาษีการค้าระหว่างประเทศเริ่มมีท่าทีผ่อนคลาย
โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขยายเส้นตายการจัดทำข้อตกลงการค้ากับนานาประเทศออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค. โดยย้ำว่าจะไม่มีการขยายเวลาเพิ่มเติมอีก ในขณะที่เงินเยนยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังนายเรียวเซ อาคาซาวะ หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าของญี่ปุ่นได้ออกมาแสดงจุดยืนว่าจะปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจชาติ จากภาระภาษีนำเข้าจากสหรัฐสูงถึง 25% ส่วนฝั่งยุโรปเองก็เร่งเจรจาการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า 10% ที่อาจเริ่มมีผลก่อนวันที่ 1 ส.ค.นี้ ทางด้านกองทุน SPDR ขายทอง 1.15 ตัน รวมสุทธิ 946.51 ตัน

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #ภาษีทรัมป์ #ราคาทองรูปพรรณ #ราคาทองแท่ง #ราคาทอง

 #ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ขาดปัจจัยใหม่ ตลาดยังถูกกดดันจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐ นายอภิชาติ ผู้บ...
09/07/2025

#ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ขาดปัจจัยใหม่ ตลาดยังถูกกดดันจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐ

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดยังถูกดันจากความกังวลด้านภาษีการค้า ทำให้นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนอยู่ โดยล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และอาจเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตรา 200% อย่างไรก็ตามยังไม่ระบุวันที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลยังคับใช้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนยังไม่ค่อยดี และยังมีความไม่แน่นอนทางการค้า
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยเมื่อวานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นแรงกระตุ้นเก็งกำไรในหุ้นบางตัวได้ รวมทั้งเห็นชอบ ถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ลดแรงกดดันด้านการเมือง
โดยแนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/68 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายวันนี้อาจซบเซา เนื่องจากนักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวัง และเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดในวันพรุ่งนี้อาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน สังเกตจากเมื่อวานนี้มูลค่าการซื้อขายหลุดระดับ 30,000 ล้านบาท

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,110 จุด แนวรับถัดไป 1,100 จุด และแนวต้าน 1,130

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #เจรจาการค้า #ภาษีทรัมป์ #หุ้นไทยวันนี้ #หุ้นไทย

"อมรเทพ" ชี้ภาษีทรัมป์36% ทำจีดีพีไทยปีนี้ เสี่ยงโตไม่ถึง 1.8%          นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้...
09/07/2025

"อมรเทพ" ชี้ภาษีทรัมป์36% ทำจีดีพีไทยปีนี้ เสี่ยงโตไม่ถึง 1.8%

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงรุนแรงจากภาษีสหรัฐฯ จากกรณีปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 36% ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบเวียดนาม ที่ถูกเก็บภาษีเพียง 20% โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการ GDP ปี 2568 ลงต่ำกว่า 1.8% ที่เราคาด
โดยภาคส่งออกและการผลิต จะได้รับผลกระทบโดยตรง สำหรับสินค้าหลักที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ชิ้นส่วนโทรศัพท์ HDD หม้อแปลงไฟฟ้า และเครื่องพิมพ์ ซึ่งอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า เช่น เวียดนาม แต่ยังมีสินค้าอื่นที่แม้โดนภาษีสูง แต่ไทยยังพอแข่งขันได้ เช่น ยางรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ อาหารสัตว์และข้าว
ขณะที่ยังมีผลกระทบให้การนำเข้า และการลงทุนชะลอตัว เนื่องจากความไม่แน่นอน ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบลดลง กระทบต่อโลจิสติกส์และคลังสินค้า ขณะที่ FDI อาจย้ายไปประเทศอื่นในอาเซียน ส่งผลต่อการเติบโตระยะยาวของไทย

📍ไม่จำเป็นต้อง "ถอยสุดซอย" แบบเวียดนาม

นายอมรเทพ เห็นว่า ไทยต้องเร่งปรับนโยบายเชิงรุก ควรเน้นการส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มในประเทศ ลดอุปสรรคการลงทุน และเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างมียุทธศาสตร์ พร้อมเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งลดการผูกขาดในประเทศ ขณะเดียวกัน เราต้องลดการส่งออกศูนย์เหรียญ หรือเป็นทางผ่านที่ไทยได้ประโยชน์น้อย
พร้อมมองว่า ไม่จำเป็นที่ไทยต้องยอมสหรัฐฯ ทุกอย่าง ขณะเดียวกัน ไทยต้องเร่งหาตลาดใหม่ที่กระทบน้อย เช่น ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และยุโรป รวมถึงการเร่งเจรจา FTA กับยุโรป และความตกลงแบบครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (CPTPP) รวมทั้งหาทางเร่งตลาดจากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยใช้อาเซียนเป็นที่พึ่งในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

"ผมไม่เชื่อว่าไทยต้องทำแบบเวียดนามที่ลดภาษี 0% ผมเชื่อในการเจรจาระยะยาว แม้ไม่ใช่ดีลที่ดีที่สุด ไม่ถูกใจทุกคน แต่ยังเปิดประตูการต่อรองได้ และผมเชื่อในการปรับตัวของผู้ประกอบการ" นายอมรเทพ ระบุ

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #ภาษีทรัมป์ #เจรจาการค้า #เศรษฐกิจไทย

ที่อยู่

Ban Bang Khu Wat

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ โศภณสนทนาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง โศภณสนทนา:

แชร์