Wartani Let' us be the witnesses for Peace through media PATANI. Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian melalui media PATANI.
(3)

Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian melalui media PATANI.
ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพผ่านสื่อปาตานี
Let us be the witnesses for peace through media PATANI.

[Politics ]“มาริษ” ถก รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ขอช่วยเจรจาลดภาษีนำเข้า 36% – ย้ำไทยคือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สำคัญนายมาริษ เสงี่ย...
12/07/2025

[Politics ]

“มาริษ” ถก รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ขอช่วยเจรจาลดภาษีนำเข้า 36% – ย้ำไทยคือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สำคัญ

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการหารือทวิภาคีกับนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 58 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า ได้หยิบยกประเด็นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ที่ 36% ขึ้นหารืออย่างเป็นทางการ

นายมาริษระบุว่า ฝ่ายไทยมีความกังวลต่ออัตราภาษีดังกล่าว และได้ขอให้นายรูบิโอช่วยโน้มน้าวฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ให้พิจารณาทบทวน โดยย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างสองประเทศ และบทบาทของไทยในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้านความมั่นคง

ด้านนายรูบิโอ ชี้แจงว่า แม้อัตราภาษี 36% ที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้หลังเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม 2568 แต่ยังสามารถเจรจาต่อรองได้ โดยขึ้นอยู่กับผลของการหารือระหว่างทั้งสองฝ่าย

“สหรัฐฯ พร้อมเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม แม้จะเลยเส้นตายไปแล้วก็ตาม” นายรูบิโอกล่าว

การหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐฯ ท่ามกลางบริบททางการค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว



--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

[ News ]อัญชนา  เข้าพบเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์เพื่อหารือสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้/ปาตานีเมื่อวันที่ ...
12/07/2025

[ News ]

อัญชนา เข้าพบเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์เพื่อหารือสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้/ปาตานี

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 คุณอัญชนา หีมมิหน๊ะ นักสิทธิมนุษยชนและนายกสมาคมด้วยใจเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (Duayjai Association for Humanitarian Affairs) ได้เข้าพบนายเปโดร สวาห์เลน เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ในการพบปะครั้งนี้ คุณอัญชนาได้กล่าวถึงบทบาทและการดำเนินงานของสมาคมด้วยใจ ซึ่งทำหน้าที่ติดตามและรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้หารือถึงความท้าทายใหม่ที่เธอต้องเผชิญจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออก ในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ทำงานในพื้นที่มาอย่างยาวนาน

การพบปะครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความร่วมมือระหว่างประเทศในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการสร้างสันติภาพในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง



--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

[ News ]สุคิรินบุกจับลักลอบดูดแร่ทองคำกลางสวนปาล์ม! ยึดเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง เตรียมดำเนินคดีนายธีรศักดิ์ สังขโชติ นายอ...
12/07/2025

[ News ]

สุคิรินบุกจับลักลอบดูดแร่ทองคำกลางสวนปาล์ม! ยึดเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง เตรียมดำเนินคดี

นายธีรศักดิ์ สังขโชติ นายอำเภอสุคิริน นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัยบริเวณหมู่ 1 บ้านกะลูบี. ม.1 ต.มาโมง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการลักลอบขุดดินและดูดแร่ทองคำกลางสวนปาล์มอย่างผิดกฎหมาย

ผลการตรวจสอบพบเครื่องสูบน้ำจำนวน 3 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการขุดและดูดแร่ทองคำ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด และส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.สุคิริน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายอำเภอสุคิรินเน้นย้ำว่า การลักลอบแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติไม่เพียงผิดกฎหมาย แต่ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในพื้นที่อย่างรุนแรง ทางฝ่ายปกครองจะเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและทรัพยากรของชาติให้คงอยู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน.



--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

11/07/2025

Muzakarah kitab kuning EP.88
Bersama : WARTANI - PICSEB (Setiap malam sabtu jam 20.30-21.30) Kitab : فريدة الفرائدفى علم العقائد *Asas pegangan Ahlus sunnah wal jamaah* Pembaca : Cikgu Faqir (Ruslee Hj.Abd.Rahman) ..................................................................

[ Article News ]ส้มตำกับใจคน: จากอีสานสู่ปาตานี เมื่อครกและครัวเชื่อมวัฒนธรรมหากเอ่ยถึง “ส้มตำ” ใครหลายคนย่อมคิดถึงภาพขอ...
11/07/2025

[ Article News ]

ส้มตำกับใจคน: จากอีสานสู่ปาตานี เมื่อครกและครัวเชื่อมวัฒนธรรม

หากเอ่ยถึง “ส้มตำ” ใครหลายคนย่อมคิดถึงภาพของสตรีอีสานกำลังตำมะละกอในครกเคล้าเสียง “ตําป๊อกๆ” ที่กระแทกจังหวะอย่างมั่นใจ เสียงนั้นไม่เพียงเป็นสัญญาณของรสแซ่บที่จะตามมา แต่ยังเป็นเสียงแห่งวัฒนธรรมการกินที่ข้ามพรมแดนจากอีสานสู่ใต้ จากไทยสู่มลายู และจากครัวแม่สู่ครัวเพื่อนบ้าน

ในพื้นที่ปาตานี/จังหวัดชายแดนใต้ ที่ซึ่งอัตลักษณ์ของชาวมลายูมุสลิมโดดเด่นในวิถีชีวิต ภาษา และศาสนา การมาถึงของส้มตำไม่ใช่เพียง “ของกินต่างถิ่น” แต่เป็นเรื่องราวของการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และปรับเปลี่ยนอย่างลงตัว

ส้มตำในแบบมลายู: ไม่ใช่แค่เผ็ด แต่ต้อง ‘ฮาลาล’

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้ส้มตำถูกปรับเข้าสู่วิถีของคนมลายูปาตานี คือ “การทำให้เป็นอาหารฮาลาล” กล่าวคือ วัตถุดิบต้องสะอาด ปราศจากสิ่งต้องห้าม เช่น ปลาร้าที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือน้ำปลาที่ไม่ได้รับรองฮาลาลจึงต้องถูกแทนที่ด้วยกะปิ กุ้งแห้ง หรือเครื่องปรุงรสตามท้องถิ่นที่มั่นใจว่าเหมาะกับหลักศาสนา

ส้มตำในตลาดชายแดนใต้ จึงมักไม่มีกลิ่นปลาร้ารุนแรงเหมือนบางถิ่น แต่มีเสน่ห์เฉพาะในรสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม กุ้งแห้งเน้นๆ ถั่วฝักยาวหั่นเป๊ะ พริกขี้หนูสวนซอยบางๆ และบางแห่งอาจใส่มะม่วงหิมพานต์ด้วย!

กินคนเดียวไม่มัน กินกับเพื่อนคือสุขนิยม

วัฒนธรรมการกินส้มตำของชาวมลายูไม่ได้ต่างจากคนอีสานนัก เพราะ “ความเป็นหมู่” คือหัวใจของการกิน การสั่งส้มตำจานโต กินกับข้าวเหนียว ไก่ทอด ห่อใบตอง หรือแม้แต่ “นาซีกาบู” (ข้าวมันแบบท้องถิ่น) ล้วนเป็นวิถีของการรวมกลุ่ม พบปะ และพูดคุยกัน

ส้มตำจึงกลายเป็นอาหารกลางวันที่ไม่แบ่งศาสนา ไม่แบ่งภาษา กินได้ทุกวัย ทุกกลุ่ม แถมยังแสดงถึงการยอมรับวัฒนธรรมต่างถิ่นโดยไม่ละทิ้งอัตลักษณ์ของตัวเอง

จากอีสานถึงปาตานี: อาหารนำหน้าความเข้าใจ

ในภาวะที่ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมและการเมืองยังปรากฏในพื้นที่สามจังหวัด การที่ “ส้มตำ” กลายเป็นอาหารยอดนิยมในตลาดมลายู ไม่เพียงแต่สะท้อนพลังของการอยู่ร่วมกัน แต่ยังสอนเราว่า

อาหารคือเครื่องมือของสันติภาพ หากเราเริ่มต้นที่ความเข้าใจรสชาติของกันและกัน

ดังที่ครกใบเดียวสามารถบดมะละกอกับพริกให้เป็นจานโปรดได้ เราเองก็สามารถใช้ชีวิตบนความหลากหลายให้กลมกล่อม หากเราพร้อมเปิดใจ ใส่ใจ และเคารพความแตกต่าง

ส้มตำ…ไม่ใช่แค่อาหาร แต่คือเรื่องเล่า
เรื่องของส้มตำในปาตานี อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ในสายตานักวิชาการ แต่มันคือชีวิตจริงของผู้คน ร้านค้าริมทาง และแม่ค้าที่ตำส้มตำใส่กุ้งแห้งไม่ขาดสาย เพราะเธอรู้ว่า “ของกิน” นี้ กินแล้วอร่อย กินแล้วเข้าใจกัน กินแล้วอยู่ร่วมกันได้

เพราะที่สุดแล้ว…บางที “สันติภาพ” ก็อาจเริ่มได้จากจานส้มตำจานหนึ่ง

หมายเหตุ
-ส้มตำในพื้นที่สามจังหวัดมักดัดแปลงวัตถุดิบให้สอดคล้องกับวิถีฮาลาล
-ร้านอาหารมลายูจำนวนมากในปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส เพิ่มเมนู “ตำไทย-ตำผลไม้” และ “ตำมะม่วง” เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่
-งานวิจัยด้านอาหารในพื้นที่พบว่า อาหารเป็นหนึ่งในช่องทางที่คนต่างวัฒนธรรมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน (อ้างอิง: วารสารวัฒนธรรมศึกษา ม.อ.ปัตตานี)



--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

[ News ]ชาวตำบลบุดีรวมพลัง! ประกาศไม่เอาน้ำกระท่อม-ใบกระท่อม พร้อมต้านยาเสพติดทุกชนิด ปกป้องอนาคตลูกหลานชมรมผู้นำตำบลบุด...
11/07/2025

[ News ]
ชาวตำบลบุดีรวมพลัง! ประกาศไม่เอาน้ำกระท่อม-ใบกระท่อม พร้อมต้านยาเสพติดทุกชนิด ปกป้องอนาคตลูกหลาน

ชมรมผู้นำตำบลบุดี ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ตำบลบุดี อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ประกาศจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านยาเสพติด โดยเฉพาะพืชกระท่อมในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งน้ำกระท่อมและใบกระท่อม ที่กำลังแพร่ระบาดในหมู่เยาวชนอย่างน่าห่วง

โดยตัวแทนชุมชนได้แถลงร่วมกันว่า “เราชาวตำบลบุดีขอประกาศไม่อนุญาตให้มีการซื้อขายน้ำกระท่อม ใบกระท่อม และสิ่งเสพติดทุกชนิดในพื้นที่ของเรา เพราะสิ่งเหล่านี้คือภัยร้ายที่กำลังบ่อนทำลายอนาคตของลูกหลานเรา”

การรวมพลังในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตระหนักร่วมของผู้นำท้องถิ่น ครอบครัว และประชาชน ว่าการแพร่กระจายของพืชกระท่อมในรูปแบบเครื่องดื่ม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สี่คูณร้อย” ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมของเยาวชนในชุมชนอย่างชัดเจน

นอกจากการประกาศไม่อนุญาตแล้ว ผู้นำตำบลยังเตรียมผลักดันมาตรการป้องกันและบำบัด โดยอาศัยกลไกชุมชน ศาสนา และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในตำบลบุดี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้กับเยาวชน พร้อมทั้งส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การกีฬา การเรียนศาสนา และการฝึกอาชีพ

การขับเคลื่อนของตำบลบุดีครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของพลังประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้/ปาตานี ที่ใช้พลังศรัทธาและความรักในชุมชน ร่วมกันลุกขึ้นปกป้องอนาคตของลูกหลานจากภัยเสพติดที่คุกคามทุกครัวเรือนในปัจจุบัน.



--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

11/07/2025

Yala IP Market : ตลาดส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวสู่การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จัดโดย สำนักงานบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา สถาบันวิจัยและพัฒนาชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
🗓️ 11-13 กรกฎาคม 2568
📌 ลานกิจกรรม ชั้น 1 โลตัสสาขายะลา
✨ชวนช๊อปสินค้าหลากหลาย และกิจกรรมมากมาย
📣 highlight ✨
11 กรกฎาคม 2568
➡️ เวลา 14.00 เป็นต้นไป พบกับแฟชั่นโชว์ลวดลายผ้าอัตลักษณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
➡️กิจกรรมเสวนาการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยเครื่องหมายการค้า
โดย เจ้าของแบรนด์ดัง ❗️❗️NUNUH และ Dawaniz
➡️ร้านค้าดัง “อัยด้ามาแล้ว ไก่ยอทอดกรอบ” และ “แบวี น้ำลำไย“
➡️สินค้าชุมชนชื่อดัง อาทิ เจ๊ปูกุยช่ายเบตง, กล้วยหินฉาบบันตู, กล้วยหินฉาบตรานังตา, น้ำจิ้มรสเด็ด FANADA, ผลิตภัณฑ์แปรรูปกล้วยป้าผิว, ปลาส้มและข้าวเกรียบบาตูมัส และอีกมากมาย
➡️ร่วมสนุกกับเกมส์ IP Bingo พร้อมลุ้นรางวัลมากมาย 🎁
ชมการถ่ายทอดสดผ่านเพจ : focusmultimedia and technology
#ราชภัฏยะลา #ตลาดส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยว #การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

11/07/2025

ตลาดส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวสู่การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จัดโดย สำนักงานบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา สถาบันวิจัยและพัฒนาชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
🗓️ 11-13 กรกฎาคม 2568
📌 ลานกิจกรรม ชั้น 1 โลตัสสาขายะลา
✨ชวนช๊อปสินค้าหลากหลาย และกิจกรรมมากมาย
📣 highlight ✨
11 กรกฎาคม 2568
➡️ เวลา 14.00 เป็นต้นไป พบกับแฟชั่นโชว์ลวดลายผ้าอัตลักษณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
➡️กิจกรรมเสวนาการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยเครื่องหมายการค้า
โดย เจ้าของแบรนด์ดัง ❗️❗️NUNUH และ Dawaniz
➡️ร้านค้าดัง “อัยด้ามาแล้ว ไก่ยอทอดกรอบ” และ “แบวี น้ำลำไย“
➡️สินค้าชุมชนชื่อดัง อาทิ เจ๊ปูกุยช่ายเบตง, กล้วยหินฉาบบันตู, กล้วยหินฉาบตรานังตา, น้ำจิ้มรสเด็ด FANADA, ผลิตภัณฑ์แปรรูปกล้วยป้าผิว, ปลาส้มและข้าวเกรียบบาตูมัส และอีกมากมาย
➡️ร่วมสนุกกับเกมส์ IP Bingo พร้อมลุ้นรางวัลมากมาย 🎁
ชมการถ่ายทอดสดผ่านเพจ : focusmultimedia and technology
#ราชภัฏยะลา #ตลาดส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยว #การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

[ News ]ปอเนาะกว่า 100 แห่งในชายแดนใต้/ปาตานี ผนึกพลัง “ไม่เอากระท่อม” ใช้ศาสนาบำบัดฟื้นฟูเยาวชน ปักหมุดพื้นที่ปลอดยาเสพ...
11/07/2025

[ News ]

ปอเนาะกว่า 100 แห่งในชายแดนใต้/ปาตานี ผนึกพลัง “ไม่เอากระท่อม” ใช้ศาสนาบำบัดฟื้นฟูเยาวชน ปักหมุดพื้นที่ปลอดยาเสพติด

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ที่สถาบันศึกษาปอเนาะพัฒนาเยาวชน (ปอเนาะปาแด) หมู่ 7 ตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ตัวแทนโต๊ะครูปอเนาะร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกระดับ และประชาชนในพื้นที่ จัดกิจกรรม “รวมพลังไม่เอากระท่อม” ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด ด้วยการชูหลักศาสนาเป็นเครื่องมือบำบัดและฟื้นฟู โดยมีการขึ้นป้ายไวนิลข้อความ “พืชกระท่อมเป็นสิ่งมึนเมา เป็นสิ่งฮะรอม (ต้องห้าม)” เพื่อสื่อสารต่อสาธารณะอย่างชัดเจน

กิจกรรมในวันนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย เช่น ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายนูรุดดีน โตะตาหยง, เจ้าหน้าที่จากชุดสันติสุขที่ 104, ผู้แทน ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ขณะที่ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. นายธีรวิทย์ เธียรฆโรจน์ ได้ลงพื้นที่แทนเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมย้ำเป้าหมายเปิดปฏิบัติการ “120 วัน วาระพืชกระท่อม” ภายใต้แผนบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เผยว่า มีปอเนาะมากกว่า 100 แห่งในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้เตรียมเข้าร่วมขบวน “ไม่เอากระท่อม” อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างพื้นที่ปลอดยาเสพติดทั้งทางกายภาพและในระดับจิตสำนึกของเยาวชน

“ศาสนา คือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลงเยาวชน”

นายสุเทพ หวันโซ๊ะ ผู้ช่วยบาบอประจำสถาบันปอเนาะพัฒนาเยาวชน กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของสถาบันนี้คือการสอนศาสนาแบบดั้งเดิม แต่เมื่อมีเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดราว 30 คนเข้ามาขอรับการบำบัดทางศาสนา จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สถาบันแห่งนี้กลายเป็น “ปอเนาะฟื้นฟูบำบัด” จนปัจจุบันมีเยาวชนมากกว่า 100 คนเข้ารับการฟื้นฟู

“ถ้าปอเนาะไม่รับเยาวชนเหล่านี้ไว้ แล้วพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน เราต้องช่วยกัน เพราะศาสนาเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือพวกเขา” นายสุเทพ กล่าว

จากคำสอนสู่มาตรการร่วมในชุมชน

ด้านนายนูรุดดีน โตะตาหยง ปลัดอำเภอหนองจิก กล่าวเสริมว่า อำเภอได้ใช้พื้นที่ของปอเนาะปาแดเป็นพื้นที่นำร่องในการรณรงค์ “ไม่ใช้ใบกระท่อมในทางที่ผิด” พร้อมส่งเสริมให้เยาวชนเรียนรู้ควบคู่การฝึกอาชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การปลูกผักและเลี้ยงสัตว์

พร้อมกันนี้ ได้มีการประสานงานกับผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และร้านค้าต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจว่า การค้าพืชกระท่อมในลักษณะมึนเมายังคงผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติอาหาร และถือเป็นความผิดทางศาสนาอิสลามที่ห้ามการเสพของมึนเมา

“เมื่อกระท่อมกลายเป็นยาเสพติด มันจึงผิดทั้งทางกฎหมายและศาสนา”

นายอัชฮา เจะดาโฮะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือของผู้นำท้องถิ่นในขณะนี้ ส่งผลให้สถานการณ์การแพร่กระจายของใบกระท่อมในพื้นที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยชี้ว่า เมื่อเยาวชนนำกระท่อมไปผสมกับสารอื่นจนกลายเป็นยาเสพติด ก็ถือว่าเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายบ้านเมืองและบทบัญญัติทางศาสนา

“เมื่อเข้าใจตรงกันว่านี่คือของมึนเมา เราก็ต้องยืนหยัดร่วมกัน เพื่ออนาคตของลูกหลานในพื้นที่นี้”

การรวมพลังของปอเนาะในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการเผชิญหน้ากับพืชเสพติดเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของสังคมมุสลิมในพื้นที่ ที่ใช้พลังศรัทธาและชุมชนในการนำทางเยาวชนกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง พร้อมส่งสารสำคัญว่า “ศาสนาไม่เคยทอดทิ้งใคร หากเราพร้อมที่จะกลับมา”




--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

[ Justice ]JASAD จวกเจ้าหน้าที่คุมตัวกรรมการมัสยิดกลางพิธีฝังศพ ชี้ “ไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติ” แถมสร้างบาดแผลถาวรต่อชีวิตอ...
10/07/2025

[ Justice ]

JASAD จวกเจ้าหน้าที่คุมตัวกรรมการมัสยิดกลางพิธีฝังศพ ชี้ “ไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติ” แถมสร้างบาดแผลถาวรต่อชีวิต

อับดุลเลาะ เงาะ ประธานองค์กรติดตามสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 วิจารณ์กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงควบคุมตัวชายคนหนึ่งในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ขณะร่วมพิธีฝังศพ พร้อมระบุว่าเป็นการกระทำที่ “ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพจิตใจผู้สูญเสีย และละเลยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”

ชายที่ถูกควบคุมตัวรายนี้เป็นหนึ่งในกรรมการมัสยิด และมีหน้าที่สำคัญในการจัดพิธีศพที่ชาวบ้านกำลังประกอบร่วมกัน แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่นำตัวออกไปต่อหน้าผู้คน โดยอ้างอำนาจตามกฎอัยการศึก ซึ่งอนุญาตให้ควบคุมตัวบุคคลได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ

อับดุลลอฮ์ ระบุว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของชายผู้นี้ที่ถูกควบคุมตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้ในระบบว่าเขาเคยถูกควบคุมตัวมาก่อนแล้ว และครั้งนี้ก็อาศัยข้อมูลนั้นในการอ้างเหตุ

“ผมได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงผ่านโทรศัพท์ของภรรยาผู้ถูกควบคุมตัว ถามว่าผมกลัวไหม กลัวครับ แต่ลึก ๆ ผมคิดว่า ถ้าประชาชนอย่างเรายังไม่ลุกขึ้นพูด ยังไม่เรียกร้อง วันหนึ่งความอยุติธรรมก็จะกลืนกินทั้งพื้นที่นี้” อับดุลลอฮ์ หะยีงอ

เขาเผยว่า แม้เจ้าหน้าที่มักกล่าวว่า “หากไม่ผิด จะมีการเยียวยาความเสียหายทางจิตใจให้ 30,000 บาท” แต่ในความจริงไม่มีใครเต็มใจแลกอิสรภาพและความปลอดภัยในชีวิตกับเงินจำนวนดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญผลกระทบทางจิตใจอย่างถาวร เช่น ภาวะ PTSD หรือ Panic Disorder

“ไม่มีใครอยากนอนในค่ายทหารเป็นเดือน ๆ แล้วกลับออกมาพร้อมความทรงจำที่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต” เขาระบุ

อับดุลลอฮ์กล่าวทิ้งท้ายว่า การบังคับใช้กฎหมายพิเศษที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีการตรวจสอบ และสามารถใช้ซ้ำกับบุคคลเดิมได้โดยไม่จำกัด เป็นอำนาจที่น่ากลัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าตนไม่มีที่ยืนในกระบวนการยุติธรรม

“เราทุกคนต่างต้องการให้ผู้กระทำผิดถูกลงโทษ แต่มันต้องเป็นไปบนหลักนิติธรรม และต้องมั่นใจได้ว่าเป็นตัวผู้กระทำผิดจริง ๆ ไม่ใช่แค่ใครบางคนที่ถูกเลือกเพราะระบบอนุญาตให้ทำได้”

“ด้วยใจรักในสิทธิมนุษยชน” อับดุลลอฮ์ หะยีงอ

องค์กร JASAD มีบทบาทในการติดตามและเก็บข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากการควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษในจังหวัดชายแดนใต้/ปาตานี โดยมุ่งหวังให้เกิดการถ่วงดุล ตรวจสอบ และยุติการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในพื้นที่.




--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

[ News Analysis ]Peace Survey กับความปรารถนาแห่งสันติภาพปาตานี  เมื่อเสียงประชาชนดังกว่าระเบิด“Peace Survey เป็นชุดข้อมู...
10/07/2025

[ News Analysis ]

Peace Survey กับความปรารถนาแห่งสันติภาพปาตานี เมื่อเสียงประชาชนดังกว่าระเบิด

“Peace Survey เป็นชุดข้อมูลภาคประชาชนที่สะท้อนเสียงของผู้คนในจังหวัดชายแดนใต้/ปาตานีอย่างตรงไปตรงมาและต่อเนื่องมาแล้ว 7 ปี สิ่งที่สะท้อนจากผลการสำรวจของประชาชนกว่า 10,000 คนคือ “เจตจำนงแห่งสันติภาพ” ซึ่งยังคงมั่นคง แม้จะมีเสียงระเบิดในยามค่ำคืน หรือคลื่นความรุนแรงที่วนซ้ำในประวัติศาสตร์ของพื้นที่

”เหตุการณ์ระเบิดที่ตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานีในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเพียงฉากหนึ่งของความไม่สงบที่ดำเนินมาต่อเนื่องกว่า 20 ปี แม้ประชาชนในพื้นที่จะ “ชิน” กับสถานการณ์ แต่นั่นไม่ใช่ความยินยอม หากคือภาวะจำยอมเพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจและชีวิตส่วนตัว

ความชินชากลายเป็นบาดแผลเรื้อรังที่บ่งชี้ว่า กลไกรัฐยังไม่สามารถคลี่คลายเงื่อนไขความรุนแรงได้อย่างแท้จริง และเสียงเรียกร้องของประชาชนจึงยิ่งควรได้รับการใส่ใจมากขึ้น

”การเมืองแห่งอำนาจ กับการเมืองแห่งความหวัง“
ข้อเสนอ 8 ข้อของ Peace Survey ไม่ใช่แค่ข้อเสนอด้านนโยบาย แต่คือการเรียกร้องให้เปลี่ยน “โครงสร้างการจัดการความขัดแย้ง”
- การลดความรุนแรงต่อเป้าหมายอ่อนแอ
- การยกเลิกการวิสามัญฆาตกรรม
- การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง
- การยอมรับอัตลักษณ์
คือสิ่งที่รัฐไทยและกลไกความมั่นคงยังไม่พร้อมรับ แม้ประชาชนจะเรียกร้องอย่างต่อเนื่องก็ตาม

”สันติภาพที่ถูกทำให้เป็นของคนอื่น
เสียงประชาชนใน“ Peace Survey สะท้อนว่าพวกเขา “พร้อมสำหรับสันติภาพ” แต่กลับไม่มีความก้าวหน้าเพราะรัฐไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนกำหนดอนาคตของตนเอง รัฐยังคงควบคุมกระบวนการพูดคุยสันติภาพไว้ในมือกลุ่มอำนาจกลาง ผู้ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่ในความรุนแรง แต่มีอำนาจเหนือมัน

ข้อเสนอเรื่อง “กฎหมายสันติภาพชายแดนใต้” หรือ “คณะกรรมาธิการพิเศษ” เป็นแนวทางสร้างความโปร่งใสต่อสาธารณะ และตอกย้ำว่าประชาชนไม่ควรถูกกีดกันจากโต๊ะเจรจาอีกต่อไป

”จากผลสำรวจ“ พบว่า
- ร้อยละ 55.4 ของประชาชนต้องการฟังข้อมูลการพูดคุยจากรัฐโดยตรง
- ร้อยละ 33.6 ไม่เคยได้ยินข่าวพูดคุยเลย
- ข้อเสนอ 8 ข้อของ Peace Survey ล้วนสะท้อนความต้องการสิทธิ อัตลักษณ์ ความปลอดภัย และการมีส่วนร่วม

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ “ความฝัน” หากแต่คือ “สิทธิพื้นฐาน” ตามรัฐธรรมนูญ

”บทวิเคราะห์นี้ต้องการสื่อถึงความจริงอย่างตรงไปตรงมา“ แต่นุ่มนวลกับผู้ได้รับผลกระทบ และกดดันผู้มีอำนาจให้ตระหนักถึงความชอบธรรมของเสียงประชาชนในพื้นที่

“Peace Survey คือกระจกสะท้อนเสียงประชาชนที่รัฐไม่ควรเมินเฉยอีกต่อไป การตอบสนองเสียงเหล่านี้ด้วยนโยบายที่เป็นรูปธรรม จะไม่เพียงแค่หยุดระเบิดในปัตตานี แต่จะหยุดความไม่ไว้วางใจที่ฝังลึกระหว่างรัฐกับประชาชนมาช้านาน

หากรัฐยังไม่ฟังประชาชนที่อยู่ใต้เสียงระเบิด เสียงปืน และความไม่เป็นธรรม
เราอาจไม่มีวันได้ยิน “เสียงสันติภาพ” อย่างแท้จริง

อ้างอิง
• ThaiPBS ศูนย์ข่าวภาคใต้. (2568). Peace Survey สำรวจความคิดเห็นปชช. เสนอ 8 นโยบาย ดับไฟใต้.
• Peace Survey (2559–2566), ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch).

• รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560
• พระราชบัญญัติกระจายอำนาจฯ และหลักสิทธิมนุษยชนสากล




--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

คืนนี้งดรายการ​ Wartani​ Politics​ Talkเจอกันใหม่สัปดาห์หน้า ต้องขออภัยท่านผู้ชมมา ณ ทีนี้ด้วยร่วมสนับสนุน content WARTA...
10/07/2025

คืนนี้งดรายการ​ Wartani​ Politics​ Talk
เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า

ต้องขออภัยท่านผู้ชมมา ณ ทีนี้ด้วย

ร่วมสนับสนุน content WARTANI ผ่านบัญชีธนาคาร กสิกรไทย เลขบัญชี 1461453534 : นาซีฮะฮ์ มะโซะ




--------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

ที่อยู่

Ban Hat Yai

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Wartaniผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Wartani:

แชร์