สะพานบุญ

สะพานบุญ แบ่งปัน ความรู้ธรรมะ ปฏิบัติธรรมตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ พระอริยะ ในพุทธศาสนา

มา อวดรูปหมาแมวกันค่ะ
16/08/2025

มา อวดรูปหมาแมวกันค่ะ

15/08/2025

"วางได้ ใจก็เบา ไม่หนัก ไม่ทุกข์
ผ่านทุกช่วงเวลาไปให้ได้ เพราะชีวิตคือโรงละคร
ถึงเวลาวางบทเดิม ๆ แล้วก้าวออกมา
นั่งมอง ให้คนอื่นแสดงไปก่อน
แล้วเราค่อยเขียน ‘บทใหม่’ ของตัวเอง
ลบและปล่อยเรื่องเก่าที่วนซ้ำ เพื่อเปิดทางให้สิ่งดีงามเข้ามา"

เพื่อน ๆ ที่อยาก #พัฒนาตนเอง #เปิดใจ เพื่อรับ #บทบาทใหม่
ยินดีให้ทักมาพูดคุยกันได้ค่ะ 🥰

"ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือน นาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภ...
02/08/2025

"ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือน นาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภพอื่น อคฺคํ ฐานํ มนุสฺเสสุ มคฺคํ สตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคม คอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุศล...มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศล มีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่อง ไม่เฉียบขาดเหมือนมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พอ อบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย...ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี...กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น.."

โอวาทธรรมคำสอน : พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
บันทึกธรรมโดยหลวงปู่หลุย จันทสาโร 

ว่ากันต่อต่อไปให้ได้บุญ

เส้นทางแห่งพุทธะ 🥰🥰🥰
02/08/2025

เส้นทางแห่งพุทธะ 🥰🥰🥰

ช่องนี้เผยแพร่คลิปโดยไม่ได้สมัครรับประโยชน์ใด ๆ จาก ยูทูป***แต่ก็ลืมไม่ได้ว่า ทางช่องใช้ Youtube ฟรีๆ ไม่เสียเง....

เทวดา ไหว้มนุษย์ผู้มีศีล สูตรทำบุญไม่เสียเงินพอตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิธัมมัง สรณัง ค...
31/07/2025

เทวดา ไหว้มนุษย์ผู้มีศีล

สูตรทำบุญไม่เสียเงิน

พอตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

ก่อนจะกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวพระพุทธ (เป็นอนุสสติอย่างหนึง) ออกจากบ้านเห็นคนอื่นเขากระทำความดี เป็นต้นว่า ใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ข่าวงานบุญต่างๆ ฯลฯ ก็
ให้นึก อนุโมทนา กับเขา

ผ่านไปเห็นดอกไม้ที่ใส่กระจาดวางขาย
อยู่หรือดอกบัวในสระข้างทาง ก็ให้นึกอธิฐานถวายเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยว่า “พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ”

แล้วต้องไม่ลืมอุทิศบุญให้แม่ค้าขายดอกไม้ หรือรุกขเทวดาที่ดูแลสระบัวนั้นด้วย ตอนเย็นนั่งรถกลับบ้าน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมบูชาพระรัตนตรัยโดยว่า “โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา” (เป็นการบูชาระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ก่อเกิดอานิสงค์แห่งบุญในดวงจิต)

เวลาไปที่ไหนเห็นข่าว คนตาย คนเจ็บ คนป่วย คนที่กำลังมีความทุกข์ ก็ดี ผ่านจุดที่คนตายบ่อยๆ เห็นศาลเจ้า ศาลพระภูมิ ก็ดี ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า บารมีรวมของครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด แผ่บุญไป (เป็นการเจริญเมตตา ฝึกให้จิตมีพรหมวิหาร เป็นการบำเพ็ญบุญ)

ก่อนนอนก็นั่งสมาธิ เอนตัวนอนลง ก็ให้นึกคำบริกรรมภาวนาไตรสรณะคมนี้จนหลับ ตื่นขึ้นมาก็บริกรรมภาวนาต่ออีกตลอดวัน

เหล่านี้คือตัวอย่างเทคนิคการตะล่อมจิต
ให้อยู่แต่ในบุญกุศลตลอดวัน และได้บุญมากกว่าการทำทาน โดยไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว เป็นการทำให้ดวงจิตเราเกิดแสงแห่งบุญทุกขณะลมหายใจเข้าออก สะสมบุญได้ตลอดทั้งวัน

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา
🥰🥰🥰🥰🥰

ศีลธรรม ศีล 5 ปฏิบัติธรรมให้ได้ กับทุกคน เพื่อพัฒนาการ ให้เข้าสู่ความเห็นจริง ไม่ตัดสิน ใคร ผิดถูก อะไร ทุกอย่างต้อง ทำใ...
29/07/2025

ศีลธรรม ศีล 5 ปฏิบัติธรรมให้ได้ กับทุกคน เพื่อพัฒนาการ ให้เข้าสู่ความเห็นจริง ไม่ตัดสิน ใคร ผิดถูก อะไร ทุกอย่างต้อง ทำให้รู้ด้วยตน
**ปฏิบัติธรรมจักระ** และ **จักรวาล** ขอแยกคำอธิบายออกเป็นสองส่วนเพื่อให้ครอบคลุมและชัดเจนนะคะ เนื่องจากคำว่า "ธรรมจักร" และ "จักรวาล" มีความหมายที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาและบริบทที่แตกต่างกันไป รวมถึงคำว่า "จักระ" ที่อาจมีการตีความในแง่มุมอื่นด้วย

# # # 1. **ปฏิบัติธรรมจักร**
**ธรรมจักร** (Dharmachakra หรือ กงล้อแห่งธรรม) เป็นสัญลักษณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา หมายถึง "กงล้อแห่งธรรม" ซึ่งสื่อถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะการหมุนกงล้อแห่งธรรมครั้งแรกเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) แก่ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน คำสอนหลักในที่นี้คือ **อริยสัจ 4** (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ซึ่งเป็นรากฐานของการปฏิบัติในพุทธศาสนา

# # # # การปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับธรรมจักร
- **การปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8**: ธรรมจักรมักถูกตีความว่าเกี่ยวข้องกับ **มรรคมีองค์ 8** (สัมมาทิฏฐิ, สัมมาสังกัปปะ, สัมมาวาจา, สัมมากัมมันตะ, สัมมาอาชีวะ, สัมมาวายามะ, สัมมาสติ, สัมมาสมาธิ) ซึ่งเป็นแนวทางสู่การหลุดพ้นจากทุกข์
- **การนั่งสมาธิและเจริญสติ**: การปฏิบัติสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งในความจริงของชีวิต ตามแนวทางของธรรมจักร
- **สัญลักษณ์ในเชิงปฏิบัติ**: ในบางสำนัก เช่น ในพุทธศาสนาแบบทิเบต ธรรมจักรที่มี 8 ซี่ อาจหมายถึงมรรค 8 หรือในคติไทยอาจตีความ 12 ซี่เป็น **ปฏิจจสมุปบาท 12** (เหตุปัจจัยแห่งทุกข์) หรือ 31 ซี่เป็น **ภูมิ 31** (กามภูมิ, รูปภูมิ, อรูปภูมิ)

# # # # ตัวอย่างการประยุกต์ใช้
- **ในชีวิตประจำวัน**: การยึดหลักธรรม เช่น ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อดำเนินชีวิตอย่างมีสติและไม่เบียดเบียนผู้อื่น
- **ในสัญลักษณ์**: ธรรมจักรปรากฏในธงชาติอินเดีย (อโศกธรรมจักร 24 ซี่) และตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งสื่อถึงการยึดมั่นในความจริงและประชาธิปไตย

# # # 2. **จักรวาลในบริบทพุทธศาสนา**
ในพระพุทธศาสนา คำว่า **จักรวาล** หมายถึงขอบเขตของระบบที่ประกอบด้วยโลก สวรรค์ นรก และภพภูมิต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดจักรวาลในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่เน้นเอกภพหรือกาแล็กซี คำอธิบายเกี่ยวกับจักรวาลในพุทธศาสนามักปรากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถา เช่น ใน **จูฬนีสูตร** ซึ่งระบุว่า:
- **หนึ่งจักรวาล** ประกอบด้วย:
- **4 ทวีปใหญ่**: ชมพูทวีป (โลกมนุษย์ของเรา), อปรโคยานทวีป, อุตตรกุรุทวีป, ปุพพวิเทหทวีป
- **สวรรค์ 6 ชั้น**: จาตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์, ยามา, ดุสิต, นิมมานรดี, ปรนิมมิตวสวตี
- **นรก 8 ขุม** และนรกบริวาร
- **พรหมโลก**: รูปภูมิ 16 ชั้น และอรูปภูมิ 4 ชั้น
- **ขนาดของจักรวาล**: ตามคัมภีร์ หนึ่งจักรวาลมีขนาดประมาณ 1,203,450 โยชน์ (1 โยชน์ ≈ 16 กิโลเมตร) และโอบล้อมด้วย **ภูเขาจักรวาล** สูง 82,000 โยชน์
- **จำนวนจักรวาล**: พระพุทธเจ้าตรัสถึง **อนันตจักรวาล** (จักรวาลนับไม่ถ้วน) และ **โลกธาตุขนาดใหญ่** ซึ่งประกอบด้วยแสนโกฏิจักรวาล (1 ล้านล้านจักรวาล)

# # # # การกำเนิดและการแตกดับของจักรวาล
- ตามคัมภีร์ เช่น จูฬนีสูตร จักรวาลมีวงจรการเกิดและดับ:
- **การเกิด**: เริ่มจากความว่างเปล่า มีฝนตกลงมา น้ำท่วมทั่วท้องจักรวาล จากนั้นเกิดดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และสรรพสิ่ง

- **การดับ**: จักรวาลขนาดเล็กแตกดับด้วยไฟ 7 ครั้ง, น้ำ 1 ครั้ง (มัชฌิมกัปป์) และจักรวาลขนาดใหญ่แตกด้วยลมในรอบมหากัป (รวม 64 รอบต่อมหากัป

- สัตว์ในภพ **อาภัสสรพรหม** เป็นสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มที่มีรัศมีเรืองรอง ไม่มีเพศ และสามารถเหาะเหินได้ ก่อนที่โลกจะค่อย ๆ เกิดขึ้น

# # # 3. **ความเกี่ยวข้องระหว่างปฏิบัติธรรมจักรและจักรวาล**
ในบริบทของพุทธศาสนา การปฏิบัติธรรมจักร (เช่น การเจริญมรรค 8 หรือปฏิจจสมุปบาท) มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ปฏิบัติเข้าใจความจริงของชีวิตและจักรวาล ซึ่งรวมถึง:
- **การเข้าใจสังสารวัฏ**: ธรรมจักรที่หมุนเวียนเปรียบเหมือนวงล้อของการเวียนว่ายตายเกิด (สงสารจักร) ซึ่งการปฏิบัติธรรมช่วยให้หลุดพ้นจากวงจรนี้

**การเชื่อมโยงกับจักรวาล**: การปฏิบัติสมาธิและปัญญาทำให้ผู้ปฏิบัติตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจและจักรวาล เช่น การเห็นความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ของสรรพสิ่งทั้งในระดับบุคคลและจักรวาล

# # # 4. **คำว่า "จักระ" ในบริบทอื่น**
หากคุณหมายถึง **จักระ** (Chakra) ในความหมายของศูนย์พลังงานตามประเพณีอินเดีย (เช่น ในโยคะหรือตันตระ) ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับ "พลังจักรวาล" ดังที่ปรากฏในบางแหล่งข้อมูล:
- **จักระ** หมายถึงจุดรวมพลังงานในร่างกาย มี 7 จุดหลัก (เช่น จักระราก, จักระสะดือ, จักระหัวใจ) ซึ่งเชื่อว่าเป็นช่องทางรับพลังจากจักรวาล
- **การปฏิบัติพลังจักรวาล**: เป็นการฝึกสมาธิแบบโยคีหรือฤๅษีที่เน้นการซึมซับพลังธรรมชาติ (เช่น คลื่นพลังคอสมิค) เพื่อรักษาสุขภาพหรือพัฒนาจิต แต่ไม่ใช่แนวทางหลักในพระพุทธศาสนา และอาจไม่นำไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์

- การฝึกนี้อาจทำให้รู้สึกถึงการหมุนวนในร่างกาย ซึ่งสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของพลังในจักรวาล แต่ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคน

# # # สรุปและคำแนะนำ
- หากคุณสนใจ **ปฏิบัติธรรมจักร** ในแง่พุทธศาสนา แนะนำให้ศึกษาและปฏิบัติตาม **มรรคมีองค์ 8** หรือเจริญสติปัฏฐาน 4 เพื่อพัฒนาศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งเป็นหนทางสู่การหลุดพ้น
- หากสนใจเรื่อง **จักรวาล** ในมุมมองพุทธศาสนา อาจศึกษาคัมภีร์ เช่น **จูฬนีสูตร** หรือ **ไตรภูมิพระร่วง** เพื่อเข้าใจโครงสร้างและวงจรของจักรวาลตามคติพุทธ
- หากสนใจ **จักระ** หรือพลังจักรวาล อาจลองศึกษาโยคะหรือการฝึกสมาธิแบบตันตระ แต่ควรระวังว่าวิธีเหล่านี้อาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของพุทธศาสนาคือการหลุดพ้น
@แฟนตัวยง #การหลุดพ้น

28/07/2025

รัก ทุกพระองค์🥰🥰

วิบากกรรมที่เท้าหลวงตามหาบัว" .. แล้วคิดไปถึงองค์หลวงตามหาบัว ที่องค์หลวงปู่ลีเล่าเสมออย่างชื่นชมว่า "เป็นผู้มีมหาเมตตา ...
28/07/2025

วิบากกรรมที่เท้าหลวงตามหาบัว

" .. แล้วคิดไปถึงองค์หลวงตามหาบัว ที่องค์หลวงปู่ลีเล่าเสมออย่างชื่นชมว่า "เป็นผู้มีมหาเมตตา คือเมตตาใหญ่เหนือกว่าเมตตาทั้งหลาย แต่ทำไมองค์พระหลวงตาจึงมีวิบากกรรมที่เท้า" เป็นแผลเน่าทรมานขันธ์ถึงขั้นต้องตัดนิ้ว

เป็นแผลติดเชื้อกินลึกเข้าไปถึงกระดูก ได้รับทุกขเวทนาทางกายและลูกศิษย์ก็คิดต่อไปไกลว่า "องค์หลวงทำไมไม่ไปประเทศพม่า ไม่ไปประเทศเขมร แต่ทำไมไปช่วยประเทศลาว ไปช่วยไทใหญ่ เมตตาชาวไทใหญ่" หรือว่าในอดีตหลวงตาเคยเกิดเป็นกษัตริย์สู้รบกับพม่ากับเขมรมาก่อน ท่านอาจเกิดความระอากับคนเหล่านั้น ท่านจึงไม่ไปทางนั้น

"แต่ทำไมองค์ท่านกลับมีปฏิสัมพันธ์ดีกับประเทศลาวยิ่งนัก" เมื่อลูกศิษย์คิดฟุ้งซ่านเพราะความรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตัวเองเห็นไม่ได้ องค์ท่านคงสลดสังเวชจิตคิดสงสารสัตว์ตาดำ ๆ หัวใจแดง ๆ มืดบอดเที่ยวคลำโน่นคลำนี่ไม่เข้าเรื่อง

แล้วองค์ท่านจึงกล่าวขึ้นว่า "พ่อแม่ครูจารย์เคยเกิดเป็นกษัตริย์ แล้วยกทัพไปตีเมือง ๆ หนึ่ง ได้รับชัยชนะ แต่ด้วยความโมโหโกรธา จึงตัดคอกษัตริย์นั้นเสีย เอาเลือดมาล้างเท้า จึงเป็นกรรมของท่าน ทำให้ท่านต้องได้รับทุกขเวทนาที่เท้า จนกระทั่งนิพพาน จึงจะหมดเวรกัน"

(หลวงปู่ลี กุสลธโร)
"พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม".....................................................................

⚔️ พิธีปฐมกรรมพระยาละแวก ในอดีต เมื่อพม่าเข้ามารุกรานไทยอยู่เสมอ เขมรมักฉวยโอกาส จากด้านหลัง ยกทัพเข้ามาตีไทยซ้ำเติมอยู่หลายครั้ง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงเห็นว่า ไม่อาจปล่อยให้เขมรทำเช่นนี้ต่อไปได้ พระองค์จึงยกทัพไปตี กรุงละแวก เมืองหลวงของเขมร และสามารถจับพระยาละแวก กษัตริย์เขมรได้ เมื่อทรงนำตัวพระยาละแวกกลับมา

พระองค์ได้ประกอบ "พิธีปฐมกรรม" โดยให้พระยาละแวกนั่งอยู่ใต้แท่น แล้วทรงประทับอยู่ด้านบน ให้ผู้อื่น ล้างพระบาทของพระองค์ แล้วปล่อยน้ำจากพระบาทนั้น ไหลลงมารดศีรษะของพระยาละแวกต่อหน้าผู้คนจำนวน มากในพิธี หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ก็ได้สั่งประหารชีวิต พระยาละแวกทันที การกระทำนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อความโหดร้าย แต่เป็นการส่งสาสน์ให้เขมรและประชาชนเห็นถึง อำนาจและความเด็ดขาดของพระมหากษัตริย์ไทย นับแต่นั้นมา #เขมร ก็ไม่กล้ายกทัพเข้ามารุกรานไทยอีกเป็นเวลานานนับร้อยปี ⚔️

📌อ้างอิงจาก พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.๒๑๓๖-๒๑๓๗ พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา และ หนังสือพระประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

 #สัจธรรมความจริง ว่าด้วยเรื่องของคน เราทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดีแต่อย่าหวังกับความดีที่ได้กระทำเพราะคนก็ค...
27/07/2025

#สัจธรรมความจริง

ว่าด้วยเรื่องของคน เราทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดีแต่อย่าหวังกับความดีที่ได้กระทำเพราะคนก็คือคนจำแนกหลากหลายแตกต่างกันไป

หลวงตาถึงเน้นย้ำว่าทำดีแล้วให้ปล่อยวาง
อย่าไปติดหรือหวังว่าต้องได้รับผลตอบแทน

หลายครั้งในประวัติศาสตร์ บ้านพี่เมืองน้อง เพื่อน หรือคนใกล้ตัว นำมาซึ่ง เหตุของปัญหา

ความจริงที่น่าเศร้า... ที่หลายคนไม่อยากยอมรับ
บางครั้ง... ศัตรูที่เจ็บที่สุด
ไม่ใช่คนแปลกหน้า
แต่คือ "คนที่เราเคยช่วยเหลือด้วยใจจริง"

เรายื่นมือในวันที่เขาตกต่ำ
เราแบ่งปันในวันที่เขาไม่มี
แต่วันหนึ่ง... เขากลับเป็นคนที่แทงเราได้ลึกที่สุด

เพราะอะไร?
บางคนลืมบุญคุณ บางคนอิจฉา
บางคนเกลียดที่เรารู้ "จุดเริ่มต้น" ของเขาดีเกินไป

จงจำไว้ว่า...
ไม่ใช่ทุกคนที่เราช่วย จะรู้จักคำว่า "สำนึก"

เราคนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลทุกคนด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและจริงใจ

สิ่งนี้ เราคนไทยควรรักษาไว้

 #เคยมีผู้ที่ไปกราบหลวงปู่สิมแล้วถามหลวงปู่ว่า  #เทวดามีจริงหรือ ถ้ามีจริง หลวงปู่เรียกมาปรากฏกายให้ดูหน่อยองค์หลวงปู่ก็...
23/07/2025

#เคยมีผู้ที่ไปกราบหลวงปู่สิมแล้วถามหลวงปู่ว่า

#เทวดามีจริงหรือ ถ้ามีจริง หลวงปู่เรียกมาปรากฏกายให้ดูหน่อย
องค์หลวงปู่ก็ตอบไปว่า อันเทวดานั้นมีจริงแท้แน่นอน แต่ผู้ที่จะได้พบเทวดา ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจ บริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าใครๆก็เห็นได้ ถ้าอยากเห็นจริงๆต้องมั่น ปฏิบัติกรรมฐาน ฝึกตนให้เป็นผู้ที่มี ศีล สมาธิ แล้วเมื่อนั้นจึงจะได้เห็นเอง
ส่วนหนึ่งจากที่หลวงปู่เคยแสดงธรรมไว้ แล้วมีโอกาศได้ไปรับฟังมานอกจากนี้ยังมีผู้ที่บันทึก คำสอนไว้อีกมากมาย องค์หลวงปู่สิมกับพระเครื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการพุทธาภิเษก

๑. หลวงปู่สิมเคยพูดถึงการสร้างพระสร้างเหรียญว่า "เหมือนกับการที่คนเราตกปลา หากมีแต่เบ็ดแต่ไม่มีเหยื่อ ปลามันก็ไม่กิน จึงได้สร้างพระเสกเหรียญขึ้น เพื่อล่อให้คนมาสนใจก่อน เมื่อคนสนใจในพระในเหรียญอันเปรียบเสมือนปลามาติดเบ็ดที่มีเหยื่อแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของพระที่จะสอดแทรกธรรมะเข้าไปพร้อมกับการแจกเหรียญแจกพระด้วย นับเป็นประโยชน์หลายสถาน"

๒. เรื่องพระเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น หลวงปู่สิมว่าเป็นของเก่าแก่มีมาแต่โบร่ำโบราณ สำหรับป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นแก่รูปธรรมขันธ์ 5 สำหรับอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยภยันตราย 108 ก็พอช่วยให้รอดพ้นอันตรายได้บ้างเหมือนกัน แต่ถ้าจะให้พ้นภัยในวัฏสงสารจริงๆ ก็ต้องเป็นการภาวนานั่นแหละ

๓. เคยกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า เคยได้ยินว่า การปลุกเสกนั้น เหนื่อยเหมือนวิ่งรอบสนามหลวง2-3 รอบ จริงหรือไม่ หลวงปู่สิมตอบว่า “ทำด้วยจิต ไม่เหนื่อยหรอก”

๔. เกี่ยวกับเรื่องสายสิญจน์นั้น หลวงปู่สิมก็เคยพูดไว้เช่นกันว่า
“จิตไม่จำเป็นต้องวิ่งไปตามสายสิญจน์เสมอไปหรอก อยู่ที่กำหนดต่างหาก หาไม่แล้ว หลวงปู่อยู่เชียงใหม่ จะมาเสกพระที่กรุงเทพได้หรือ.???”(คาดว่า น่าจะเป็นพระแก้วมรกต 2525 ฉลอง 200 ปีกรุงรัตนโกสินทร์)

๕. แต่ในบางกรณี หลวงปู่ก็จะกำหนดจิตตามสายสิญจน์เช่นกัน โดยมีครั้งหนึ่ง มีคนเอาพระพุทธรูปมาให้ปลุกเสก แต่พอดีท่านจะไปพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศพอดี หลวงปู่สิมก็บอกว่า เอาไปโยงสายสิญจน์ที่วัดบวรที่หลวงปู่กำลังจะไปนั่งปรกก็ได้ คนที่นำพระมาก็ถามว่า จะได้หรือ หลวงปู่ก็ตอบว่า

#สายสิญจน์ไปถึงไหนจิตก็ไปถึงนั่นนั่นแหละ

๖. หลวงปู่สิมเคยบอกว่า “พระแก้วมรกตศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ในโบสถ์วัดพระแก้วนั้นมีเทวดาอยู่เป็นหมื่น ภาวนาให้ดีๆแล้วจะเห็นเอง”

๗. อีกครั้ง หลวงปู่สิมท่านเคยว่าตรงเอาไว้ว่า “พระพุทธรูปทั้งหลายที่ศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรก็ได้นั้น ไม่ใช่เป็นพระพุทธเจ้ามาประทานให้ เพราะจิตของพระพุทธเจ้าเข้านิพพานไปแล้ว ไม่มาวุ่นวายอะไรแบบนี้หรอก แต่เกิดจากอำนาจของเทวดาที่รักษาพระพุทธรูปนั้นๆต่างหาก”

๘. จิตที่ฝึกดีแล้ว เป็นของมีฤทธิ์มีอำนาจมาก เหมือนกับกระแสน้ำที่ตกลงมาจากน้ำตกใหญ่ๆนั่นแหละ”

๙. "หลวงพ่อโสธร"นั้น บูชาให้ดีๆแล้วจะรวย เพราะเทวดาที่รักษาองค์หลวงพ่อโสธรเด่นทางลาภมาก

๑๐. ครั้งหนึ่งที่เคยตามหลวงปู่สิมไปพิธีพุทธาภิเษกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ท่านนั่งปรกไปได้ประมาณ 3 จบ เกรงว่างหลวงปู่จะเหนื่อย เพราะอายุมากแล้ว เลยกราบเรียนถามท่านว่า หลวงปู่จะกลับแล้วหรือไม่ แต่หลวงปู่ตอบว่า

“มาแล้ว ก็นั่งให้เขาให้ครบๆจนจบนั่นแหละ”

๑๑. เกี่ยวกับเซียนพระที่ซื้อขายพระเครื่องเป็นอาชีพ หลวงปู่สิมก็ไม่เคยตำหนิ พร้อมกับยังกล่าวอีกด้วยว่า

“อย่าไปว่าเขา เพราะคนเหล่านี้ มีจิตใจที่ผูกพันอยู่กับศาสนา จึงมาสนใจในเรื่องพระเรื่องเจ้า และคนเหล่านี้ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนาแผ่กว้างออกไป(ในส่วนแห่งรูปธรรม) นับว่ามีประโยชน์เหมือนกัน อย่าได้ไปว่าเขา ส่วนจะมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายเอากำรี้กำไรอะไรนั้น ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาโลก เป็นเรื่องของคนที่ยังมีกิเลสอยู่ แต่หากเป็นพระเป็นสงฆ์แล้ว กลับมาขายพระเสียเอง หาเป็นการที่สมควรไม่ เพราะเมื่อบวชมาเป็นพระแล้ว ก็พึงจะต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และระวังรักษาในศีลวินัยให้จงหนัก

#โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์

#องค์หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

#วัดถ้ำผาปล่อง ต.บ้านถ้ำ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

#โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
#องค์หลวงปู่สิม_พุทธาจาโร
#วัดถ้ำผาปล่อง #ตำบลบ้านถ้ำ
#อำเภอเชียงดาว #จังหวัดเชียงใหม่

21/07/2025

ในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทร เกิดในตระกูลใหญ่ มีสมบัติ 40 โกฏิ (1 โกฏิ = 10 ล้าน) อาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถี วันหนึ่งเขาได้ฟังธรรมที่วัดพระเชตวันแล้วอยากบวชมาก จึงขออนุญาตบิดามารดา แต่ท่านทั้งสองไม่อยากให้บวช ต้องการให้ครองเรือนเนื่องจากที่บ้านมีสมบัติมาก แต่ไม่อาจห้ามลูกชายได้จึงอนุญาตให้บวชโดยไม่ค่อยเต็มใจนัก

วันหนึ่ง มารดาของท่านนั่งร้องให้เพราะคิดถึงพระลูกชาย โสเภณีคนหนึ่งมาเห็นเข้าจึงสอบถามสาเหตุ เมื่อทราบแล้ว นางจึงถามว่า ถ้าดิฉันทำให้ท่านสึกได้ คุณแม่จะให้อะไร ? แก่ดิฉัน.

มารดาของพระสุนทรสมุทร กล่าวว่า พวกฉันจะทำเจ้าให้เป็นเจ้าของขุมทรัพย์ตระกูลนี้.
หญิงนั้นกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้นคุณแม่จงให้ค่าจ้างแก่ดิฉันบางส่วนก่อน"

เมื่อนางได้ค่าจ้างแล้วจึงไปกรุงราชคฤห์ ตรวจดูเส้นทางที่พระสุนทรสมุทรบิณฑบาตแล้วไปพักอยู่ในเรือนหลังหนึ่ง จัดเตรียมอาหารอย่างประณีตไว้แต่เช้าตรู่ เมื่อพระสุนทรสมุทรมาบิณฑบาตจึงใส่บาตรท่าน ผ่านไป 3 วัน นางนิมนต์ว่า "ท่านเจ้าข้า ขอท่านจงนั่งฉันที่นี่แหละ"

นางนิมนต์พระเถระให้นั่งฉันที่ระเบียงบ้าน 3 วัน ต่อมานางเอาขนมให้เด็กๆแถวนั้นแล้วพูดว่า "พวกเจ้าจงมาในเวลาที่พระเถระมาฉันภัตตาหาร แม้ฉันห้ามอยู่พวกเจ้าก็จงคุ้ยธุลีให้ฟุ้งขึ้น" วันรุ่งขึ้นเด็กๆก็ทำตามนั้น

นางจึงเรียนพระเถระว่า "แม้ดิฉันห้ามอยู่พวกเด็กๆก็ไม่เชื่อฟัง ยังคุ้ยธุลีให้ฟุ้งขึ้นในที่นี้ ขอท่านเข้าไปนั่งในเรือนเถิด" เมื่อผ่านไป 3 วัน นางเกลี้ยกล่อมเด็กๆอีกว่า "แม้ถูกฉันห้ามอยู่ พวกเจ้าก็จงทำเสียงอึกทึกในเวลาที่พระเถระฉัน" เด็กเหล่านั้นก็ทำอย่างนั้น

วันต่อมานางกล่าวว่า "ท่านเจ้าข้า ในที่นี้มีเสียงอึกทึกเหลือเกิน แม้ดิฉันห้ามอยู่พวกเด็กก็ไม่ฟัง นิมนต์ท่านขึ้นไปนั่งฉันบนปราสาทชั้น 7 เถิด" เมื่อพระเถระขึ้นไปแล้ว นางก็ปิดประตูทุกบาน แล้วเข้าไปหาพระสุนทรสมุทร แสดงมารยาหญิงหลายวิธีเพื่อยั่วยวนท่าน

ในบรรดามารยาหญิงนั้นโดยทั่วไปมี 40 วิธี ดังนี้ คือ ทำสะบัดสะบิ้ง, ก้มลง, กรีดกราย, ชมดชม้อย, เอาเล็บดีดเล็บ, เอาเท้าเหยียบเท้า, เอาไม้ขีดแผ่นดิน, ชูเด็กขึ้น, ลดเด็กลง, เล่นเอง, ให้เด็กเล่น, จูบเอง,
ให้เด็กจูบ, รับประทานเอง, ให้เด็กรับประทาน, ให้ของเด็ก, ขอของคืน, ล้อเลียนเด็ก, พูดดัง, พูดค่อย, พูดคำเปิดเผย, พูดลี้ลับ, ฟ้อน ขับ ประโคม ร้องไห้ เยื้องกราย แต่งตัว, ซิกซี้, จ้องมองดู, สั่นสะเอว, ยังของลับให้ไหว, ถ่างขา, หุบขา, แสดงถัน, แสดงรักแร้, แสดงสะดือ, ขยิบตา, ยักคิ้ว, เม้มริมฝีปาก, แลบลิ้น, เปลื้องผ้า, นุ่งผ้า, สยายผม และเกล้าผม

จากนั้นได้กล่าวว่า "ท่านก็เป็นชายหนุ่มสำหรับดิฉัน และดิฉันก็เป็นหญิงสาวสำหรับท่าน, เราทั้งสองแก่แล้ว มีไม้เท้าไปข้างหน้าจักบวช"

ความสังเวชใหญ่ได้เกิดขึ้นแก่พระเถระ ท่านคิดว่า "โอหนอ ! กรรมที่เราไม่ใคร่ครวญแล้วทำ หนัก" ในขณะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ที่วัดพระเชตวัน ห่างไปประมาณ 45 โยชน์ ทรงเห็นเหตุการณ์นั้นแล้วทรงแย้ม.

พระอานนท์ทูลถามพระองค์ว่า "อะไรหนอแล? เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งการแย้ม" พระพุทธองค์ตรัสว่า อานนท์ สงครามของภิกษุชื่อสุนทรสมุทรและของหญิงแพศยา กำลังเกิดขึ้นบนพื้นปราสาทชั้น 7 ในกรุงราชคฤห์.

พระอานนท์ทูลถามว่า ความชนะจักมีแก่ใคร? ความปราชัยจักมีแก่ใคร? พระเจ้าข้า. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "อานนท์ ความชนะจักมีแก่สุนทรสมุทร ความปราชัยจักมีแก่หญิงแพศยา" จากนั้นทรงแผ่พระรัศมีไปให้พระสุนทรสมุทรเห็นพระองค์แล้วตรัสว่า "โยธะ กาเม ปะหันตะวานะ อะนาคาโร ปะริพพะเช กามะภะวะปะริกขีณัง ตะมะหัง พฺรูมิ พฺราหฺมะณัง. แปลว่า บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้ เราเรียกบุคคลนั้นผู้มีกามและภพสิ้นแล้วว่า เป็นพราหมณ์ (เป็นพระอรหันต์)"

เมื่อพระสุนทรสมุทรเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและได้ฟังพระคาถานั้น ท่านก็มีใจสงบนิ่งไปตามลำดับ ในเวลาจบพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วเหาะทะลุช่อฟ้าไปกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วัดพระเชตวัน
ที่มา ธรรมะในพระไตรปิฎก

ในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทร เกิดในตระกูลใหญ่ มีสมบัติ 40 โกฏิ (1 โกฏิ = 10 ล้าน) อาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถ...
21/07/2025

ในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทร เกิดในตระกูลใหญ่ มีสมบัติ 40 โกฏิ (1 โกฏิ = 10 ล้าน) อาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถี วันหนึ่งเขาได้ฟังธรรมที่วัดพระเชตวันแล้วอยากบวชมาก จึงขออนุญาตบิดามารดา แต่ท่านทั้งสองไม่อยากให้บวช ต้องการให้ครองเรือนเนื่องจากที่บ้านมีสมบัติมาก แต่ไม่อาจห้ามลูกชายได้จึงอนุญาตให้บวชโดยไม่ค่อยเต็มใจนัก

วันหนึ่ง มารดาของท่านนั่งร้องให้เพราะคิดถึงพระลูกชาย โสเภณีคนหนึ่งมาเห็นเข้าจึงสอบถามสาเหตุ เมื่อทราบแล้ว นางจึงถามว่า ถ้าดิฉันทำให้ท่านสึกได้ คุณแม่จะให้อะไร ? แก่ดิฉัน.

มารดาของพระสุนทรสมุทร กล่าวว่า พวกฉันจะทำเจ้าให้เป็นเจ้าของขุมทรัพย์ตระกูลนี้.
หญิงนั้นกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้นคุณแม่จงให้ค่าจ้างแก่ดิฉันบางส่วนก่อน"

เมื่อนางได้ค่าจ้างแล้วจึงไปกรุงราชคฤห์ ตรวจดูเส้นทางที่พระสุนทรสมุทรบิณฑบาตแล้วไปพักอยู่ในเรือนหลังหนึ่ง จัดเตรียมอาหารอย่างประณีตไว้แต่เช้าตรู่ เมื่อพระสุนทรสมุทรมาบิณฑบาตจึงใส่บาตรท่าน ผ่านไป 3 วัน นางนิมนต์ว่า "ท่านเจ้าข้า ขอท่านจงนั่งฉันที่นี่แหละ"

นางนิมนต์พระเถระให้นั่งฉันที่ระเบียงบ้าน 3 วัน ต่อมานางเอาขนมให้เด็กๆแถวนั้นแล้วพูดว่า "พวกเจ้าจงมาในเวลาที่พระเถระมาฉันภัตตาหาร แม้ฉันห้ามอยู่พวกเจ้าก็จงคุ้ยธุลีให้ฟุ้งขึ้น" วันรุ่งขึ้นเด็กๆก็ทำตามนั้น

นางจึงเรียนพระเถระว่า "แม้ดิฉันห้ามอยู่พวกเด็กๆก็ไม่เชื่อฟัง ยังคุ้ยธุลีให้ฟุ้งขึ้นในที่นี้ ขอท่านเข้าไปนั่งในเรือนเถิด" เมื่อผ่านไป 3 วัน นางเกลี้ยกล่อมเด็กๆอีกว่า "แม้ถูกฉันห้ามอยู่ พวกเจ้าก็จงทำเสียงอึกทึกในเวลาที่พระเถระฉัน" เด็กเหล่านั้นก็ทำอย่างนั้น

วันต่อมานางกล่าวว่า "ท่านเจ้าข้า ในที่นี้มีเสียงอึกทึกเหลือเกิน แม้ดิฉันห้ามอยู่พวกเด็กก็ไม่ฟัง นิมนต์ท่านขึ้นไปนั่งฉันบนปราสาทชั้น 7 เถิด" เมื่อพระเถระขึ้นไปแล้ว นางก็ปิดประตูทุกบาน แล้วเข้าไปหาพระสุนทรสมุทร แสดงมารยาหญิงหลายวิธีเพื่อยั่วยวนท่าน

ในบรรดามารยาหญิงนั้นโดยทั่วไปมี 40 วิธี ดังนี้ คือ ทำสะบัดสะบิ้ง, ก้มลง, กรีดกราย, ชมดชม้อย, เอาเล็บดีดเล็บ, เอาเท้าเหยียบเท้า, เอาไม้ขีดแผ่นดิน, ชูเด็กขึ้น, ลดเด็กลง, เล่นเอง, ให้เด็กเล่น, จูบเอง,
ให้เด็กจูบ, รับประทานเอง, ให้เด็กรับประทาน, ให้ของเด็ก, ขอของคืน, ล้อเลียนเด็ก, พูดดัง, พูดค่อย, พูดคำเปิดเผย, พูดลี้ลับ, ฟ้อน ขับ ประโคม ร้องไห้ เยื้องกราย แต่งตัว, ซิกซี้, จ้องมองดู, สั่นสะเอว, ยังของลับให้ไหว, ถ่างขา, หุบขา, แสดงถัน, แสดงรักแร้, แสดงสะดือ, ขยิบตา, ยักคิ้ว, เม้มริมฝีปาก, แลบลิ้น, เปลื้องผ้า, นุ่งผ้า, สยายผม และเกล้าผม

จากนั้นได้กล่าวว่า "ท่านก็เป็นชายหนุ่มสำหรับดิฉัน และดิฉันก็เป็นหญิงสาวสำหรับท่าน, เราทั้งสองแก่แล้ว มีไม้เท้าไปข้างหน้าจักบวช"

ความสังเวชใหญ่ได้เกิดขึ้นแก่พระเถระ ท่านคิดว่า "โอหนอ ! กรรมที่เราไม่ใคร่ครวญแล้วทำ หนัก" ในขณะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ที่วัดพระเชตวัน ห่างไปประมาณ 45 โยชน์ ทรงเห็นเหตุการณ์นั้นแล้วทรงแย้ม.

พระอานนท์ทูลถามพระองค์ว่า "อะไรหนอแล? เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งการแย้ม" พระพุทธองค์ตรัสว่า อานนท์ สงครามของภิกษุชื่อสุนทรสมุทรและของหญิงแพศยา กำลังเกิดขึ้นบนพื้นปราสาทชั้น 7 ในกรุงราชคฤห์.

พระอานนท์ทูลถามว่า ความชนะจักมีแก่ใคร? ความปราชัยจักมีแก่ใคร? พระเจ้าข้า. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "อานนท์ ความชนะจักมีแก่สุนทรสมุทร ความปราชัยจักมีแก่หญิงแพศยา" จากนั้นทรงแผ่พระรัศมีไปให้พระสุนทรสมุทรเห็นพระองค์แล้วตรัสว่า "โยธะ กาเม ปะหันตะวานะ อะนาคาโร ปะริพพะเช กามะภะวะปะริกขีณัง ตะมะหัง พฺรูมิ พฺราหฺมะณัง. แปลว่า บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้ เราเรียกบุคคลนั้นผู้มีกามและภพสิ้นแล้วว่า เป็นพราหมณ์ (เป็นพระอรหันต์)"

เมื่อพระสุนทรสมุทรเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและได้ฟังพระคาถานั้น ท่านก็มีใจสงบนิ่งไปตามลำดับ ในเวลาจบพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วเหาะทะลุช่อฟ้าไปกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วัดพระเชตวัน

ที่มา ธรรมะในพระไตรปิฎก

ที่อยู่

Ban Nong Pru

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สะพานบุญผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์