
23/08/2025
‘จีน’ เพิ่มพลังงานสะอาด จนก๊าซเรือนกระจกลดลง 1% เดินหน้าเพิ่มแผงโซลาร์เซลล์ ช่วยโลกรอดพ้นวิกฤติสภาพภูมิอากาศ
รายงานจากศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศสะอาด (CREA) ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของ “จีน” ประเทศที่ปล่อยมลพิษมากที่สุดในโลก ลดลง 1% โดยภาคส่วนพลังงานเป็นภาคส่วนที่มีอัตราการลดลงสูงที่สุด อีกทั้งได้แรงหนุนจากเหล็กและปูนซีเมนต์ก็มีส่วนทำให้ปริมาณลดลงเช่นกัน
จีนเพิ่มจำนวนกังหันลมและแผงโซลาร์เซลล์ใหม่มากเป็นประวัติการณ์ จนสามารถผลิตไฟฟ้าจากสองแหล่งนี้ได้มากกว่าความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ที่ 3.7% ทำให้โรงไฟฟ้าพลังความร้อนใช้ถ่านหินน้อยลง จนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนนี้ลงประมาณ 3%
ในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะทำให้กำไรของฟาร์มพลังงานลมและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง แม้ว่าการติดตั้งจะชะลอตัวลงหลังจากเริ่มดำเนินการแล้ว แต่พลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นน่าจะเพียงพอที่จะช่วยลดการปล่อยมลพิษจากภาคพลังงานไปจนถึงปีหน้า
ขณะเดียวกัน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการวัสดุก่อสร้าง โลหะ ปูนซีเมนต์ และเหล็กก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงซบเซา
ทางการจีน รายงานล่าสุดว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนลดลงทุกปีตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และตั้งเป้าที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ถึงจุดสูงสุดภายในปี 2030 และบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060
หากจีนสามารถรักษาระดับไว้เช่นนี้ต่อไปได้ จีนอาจจะปล่อยก๊าซคาร์บอนของจีนอาจถึงจุดสูงสุดก่อนเป้าหมาย แต่จีนยังคงเป็นประเทศผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดของโลก และจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก เพื่อช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
ขณะเดียวกัน หากจีนต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตามที่ประกาศไว้ภายในปี 2060 จะต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซจะต้องลงโดยเฉลี่ย 3% ในอีก 35 ปีข้างหน้า
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain