
03/09/2025
เวลาเรานึกถึงหุ้นสหรัฐฯ ภาพในหัวมักจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Apple, Tesla หรือ NVIDIA ที่ราคาวิ่งหวือหวาและเต็มไปด้วยข่าวรายวัน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ยังมีหุ้น “นอกสายตา” ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนัก ทว่ากลับเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง
ธุรกิจเหล่านี้อาจไม่มีความตื่นเต้นเหมือนหุ้นเทค แต่กลับเป็นเหมือน “เครื่องจักรผลิตเงินสด” ของเศรษฐกิจ เป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคและองค์กรต้องใช้บริการอยู่เสมอ และมักจะยืนหยัดได้แม้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน
วันนี้เราจะพาไปสำรวจ 3 Sector ที่แม้จะดูธรรมดา แต่กำลังขยายตัวแบบเงียบ ๆ และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นมายาวนาน
1️⃣ ธุรกิจจัดการขยะ ♻️
เริ่มกันที่ธุรกิจที่หลายคนอาจมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วเป็นหนึ่งในเสาหลักของสังคมสมัยใหม่ เพราะไม่ว่าจะยุคไหน เศรษฐกิจจะดีหรือร้าย สิ่งที่เราหนีไม่พ้นคือ “ขยะ”
ขนาดตลาดธุรกิจจัดการขยะเติบโตจาก 330.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2017 ไปถึง 530 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 หรือเฉลี่ยปีละ 6% (ที่มา: Wikipedia)
ความต้องการกำจัดขยะมีอยู่เสมอ และการสร้างหลุมฝังกลบหรือโรงเผาขยะใหม่ก็ทำได้ยาก ทำให้บริษัทเดิมแทบผูกขาดตลาด
ตัวอย่างเช่น Waste Management (WM) ยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งในอเมริกาเหนือ มีเครือข่ายหลุมฝังกลบกว่า 260 แห่ง และศูนย์รีไซเคิลอีกกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมตั้งแต่การเก็บขยะ, คัดแยก, รีไซเคิล, ไปจนถึงการผลิตพลังงานจากก๊าซชีวภาพ
รายได้ปี 2024 อยู่ที่ 22.06 พันล้านดอลลาร์ (+8%) กำไรสุทธิ 2.75 พันล้านดอลลาร์ (+19%) และครึ่งปีแรก 2025 รายได้เพิ่มเป็น 23.95 พันล้านดอลลาร์ (+14.18%)
จุดเด่นคือการลงทุนในเทคโนโลยีรีไซเคิลอัตโนมัติ ลดต้นทุนต่อหน่วยและเพิ่มอัตรากำไรอย่างต่อเนื่อง (ที่มา: Macrotrends)
อีกหนึ่งรายคือ Republic Services (RSG) เบอร์สองของตลาดที่เน้น “ตลาดภูมิภาค” และการควบรวมกิจการท้องถิ่น ทำให้ขยายพื้นที่ให้บริการได้รวดเร็ว ลดต้นทุนขนส่ง และมีสัญญาระยะยาวกับเทศบาลหลายร้อยแห่ง จึงสร้างรายได้สม่ำเสมอแม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย
2️⃣ ธุรกิจขนส่งทางราง 🚂
จากของเสีย มาสู่การขนส่งสินค้าที่เป็นหัวใจของการค้า “รถไฟ” เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใช้ขนส่งสินค้าหนักในระยะไกลได้ถูกกว่าทางถนน และการสร้างเส้นทางใหม่ต้องใช้เงินมหาศาล จึงมี “คูเมือง” ป้องกันคู่แข่ง
Union Pacific (UNP) ครองพื้นที่ฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ มีเส้นทางรางกว่า 32,000 ไมล์ เชื่อมท่าเรือสำคัญกับเครือข่ายทั่วประเทศ ขนส่งได้ตั้งแต่สินค้าเกษตร, น้ำมัน, เคมีภัณฑ์, ไปจนถึงรถยนต์ ปี 2024 ทำรายได้ 24.25 พันล้านดอลลาร์ และกำไร 6.75 พันล้านดอลลาร์ ไตรมาส 2/2025 กำไร 1.8 พันล้านดอลลาร์
ล่าสุดกำลังเจรจาควบรวมกับ Norfolk Southern เพื่อสร้างเครือข่ายครอบคลุม 43 รัฐ ลดเวลาขนส่งลง 1–2 วัน และเพิ่มมูลค่าตลาดกว่า 47% (ที่มา: Barron’s)
อีกค่ายคือ BNSF Railway บริษัทรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ภายใต้ Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ จุดแข็งคือเครือข่ายครอบคลุมฝั่งตะวันตกและตอนกลาง พร้อมสัญญาระยะยาวกับลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก ทำให้รายได้มั่นคง
3️⃣ ธุรกิจประกันภัย 🛡️
ปิดท้ายด้วยธุรกิจที่ฟังดูธรรมดาแต่โมเดลทำเงินชั้นยอด “The Float” หมายถึงเงินค่าเบี้ยที่บริษัทได้รับมาแล้ว แต่ยังไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมทันที จึงนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อและสร้างผลตอบแทนเพิ่ม
Progressive (PGR) คือผู้นำด้านประกันรถยนต์ในสหรัฐฯ ใช้ Data และ AI วิเคราะห์พฤติกรรมขับขี่เพื่อคิดเบี้ยแบบเฉพาะบุคคล พูดง่าย ๆ ว่า มีการเก็บข้อมูลการขับจริง เช่น ความเร็ว การเบรก ระยะทาง แล้วใช้ AI ประเมินความเสี่ยงของแต่ละคน ถ้าขับปลอดภัย เบี้ยจะถูกลง ถ้าเสี่ยง เบี้ยจะสูงขึ้น
ทำให้แข่งขันด้วยราคาได้โดยไม่เสียกำไร ปี 2022 มี Float (เงินค่าเบี้ยประกันที่เก็บมาแล้ว แต่ยังไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมทันที) ราว 29.3 พันล้านดอลลาร์ ใช้เป็นทุนให้พอร์ตลงทุนมูลค่า 52.3 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 99.72% ของหุ้นทั้งหมด
หมายความว่าบริษัทมี “เงินทุนฟรี” มหาศาลเอาไปลงทุนต่อได้ และถ้าบริหารดีจะสร้างกำไรเพิ่มได้มากโดยไม่ต้องพึ่งการกู้ยืม (ที่มา: Rational Walk, GuruFocus)
ส่วน Chubb (CB) เป็นผู้นำประกันวินาศภัยระดับโลก มีลูกค้าในกว่า 50 ประเทศ เชี่ยวชาญการรับประกันความเสี่ยงซับซ้อน เช่น ความรับผิดทางกฎหมาย งานวิศวกรรม และภัยธรรมชาติ จุดแข็งคือเครือข่ายตัวแทนระดับโลกและฐานทุนแข็งแกร่ง ทำให้รองรับความเสี่ยงใหญ่ได้ดีกว่าคู่แข่ง
📌 ถ้าอยากตามข่าวคริปโต หรืออัพเดทเรื่องการลงทุนใหม่ๆ ก็อย่าลืมเพจ Digitonize เด้อ! 😉
#หุ้น #หุ้นสหรัฐ