The People Everyone has their own inspiring story
(5)

21/07/2025

"วันที่ตั้งอนาคตใหม่ เราพูดถึงปฏิรูปกองทัพ แก้รัฐธรรมนูญ ไม่มีแก้ 112 นี่คือข้อเท็จจริง ผมท้าให้เปิดเลยว่าเราพูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์หรือเปล่า ณ วันนั้น ถ้ามี มาคุยกับผม”
‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ กล่าวในงาน 55 ปี เนชั่น Exclusive Talk ผ่าทางตันประเทศไทย Chapter 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์พญาไท โดยมี 3 บรรณาธิการจากเครือเนชั่น ร่วมตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนกับอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะก้าวหน้า เพื่อตอบคำถามว่า ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่ ‘ทางตัน’ หรือไม่
EP.3 จะเป็นคิวของ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ อดีตนายกรัฐมนตรี วันพุธที่ 23 ก.ค. 2568 เวลา 18.30 – 20.00 น. ทาง เนชั่นทีวี ช่อง 22 และ ช่องทางออนไลน์ทุกสื่อในเครือเนชั่น
#คนการเมือง #ธนาธร ึงรุ่งเรืองกิจ #เนชั่น #การเมือง

“วิธีการป้องกันตัวเองคือ เราไม่อินกับ ‘ความโด่งดัง’ มากนัก เราไม่เชื่อว่านั่นคือความจริง เราทำงานก็เพื่องาน มันไม่ใช่ทั้...
21/07/2025

“วิธีการป้องกันตัวเองคือ เราไม่อินกับ ‘ความโด่งดัง’ มากนัก เราไม่เชื่อว่านั่นคือความจริง เราทำงานก็เพื่องาน มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรา”

ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของนักร้องขวัญใจใครหลายคน ‘นิโคล เทริโอ’ ผู้หญิงที่เคยอยู่ท่ามกลางแสงไฟ แต่ไม่เคยยึดติดกับมัน และเลือกจะ “อยู่ตรงกลาง” อย่างที่เธอว่าไว้ เพราะที่ตรงนั้นมั่นคงกว่า

ในวัย 50 นิโคลยังร้องเพลง ยังเรียนรู้ และยังมีความสุขกับจังหวะของตัวเอง เธอเล่าถึงช่วงชีวิตที่ทุกอย่างเคยพังพร้อมกัน ทั้งงาน ทั้งใจ จนถึงขั้นไม่อยากมองตัวเองในกระจก แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาให้ได้ในฐานะ ‘มืออาชีพ’ ที่ไม่ขอปั้นหน้าแสร้งเป็นมีความสุข หากไม่รู้สึกจากภายในอย่างแท้จริง

ในฐานะแม่ เธอยังพูดถึงความเป็นแม่ที่ไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใด นอกจากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมีความสุขและปลอดภัย และการส่งต่อประสบการณ์ ตลอดจนทัศนคติในการทำงานให้กับ ‘น้องทิกเกอร์’ ที่กำลังไปได้ดีกับเส้นทางศิลปิน เช่นเดียวกับเธอ

ติดตามบทสัมภาษณ์ ทั้งแบบตัวอักษร และแบบคลิปสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยเสียงหวาน อบอุ่น ของพี่นิกกี้ ที่คอมเมนต์ด้านล่าง

สัมภาษณ์: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ถ่ายภาพ: จุลดิศ อ่อนละมุน

#นิโคลเทริโอ #นักร้อง #ความเป็นแม่ #ศิลปิน #น้องทิกเกอร์

รสชาติที่หายไป และความหิวที่ไม่มีวันอิ่มเคยสงสัยไหมว่าเหตุใดอาหารบางอย่างที่เราตั้งใจจะกินแค่ชิ้นเดียว กลับจบลงที่การกิน...
21/07/2025

รสชาติที่หายไป และความหิวที่ไม่มีวันอิ่ม

เคยสงสัยไหมว่าเหตุใดอาหารบางอย่างที่เราตั้งใจจะกินแค่ชิ้นเดียว กลับจบลงที่การกินจนหมดถุง ทั้งที่ความอร่อยของมันก็ไม่ได้น่าประทับใจขนาดนั้น หรือเหตุใด การไดเอ็ตที่เริ่มต้นอย่างสวยงามมักจะจบลงด้วยน้ำหนักที่กลับมาเท่าเดิม หรือบางทีอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

คำถามเหล่านี้ คือใจกลางของปริศนาที่นักข่าวอาหารและนักเขียนมือรางวัล อย่าง ‘มาร์ค แชทซ์เคอร์’ (Mark Schatzker) ได้อุทิศเวลานับทศวรรษเพื่อไขคำตอบ ผลงานของเขาไม่ได้ชี้ไปที่ ‘สารอาหารปีศาจ’ ตัวใหม่ แต่ชี้ไปที่สิ่งที่ถูกมองข้ามมาตลอด นั่นคือ ‘รสชาติ’ (flavor)​

เขาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความไม่พอใจต่ออุตสาหกรรมอาหาร จากการที่ผู้ผลิตไม่ ‘แยแส’ ต่อรสชาติที่แท้จริง

“อาหารที่เรากินในวันนี้ยังดูเหมือนอาหารอยู่ก็จริง แต่รสชาติของมันกลับต่างไปจากที่เคยเป็นอย่างสิ้นเชิง” หรือ “รสชาติไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย รสชาติคือวิธีของร่างกายในการบอกว่ามันต้องการอะไร”

แชทซ์เคอร์ ไม่ใช่นักเขียนสายอาหารธรรมดา เขาคือนักสืบแห่งรสชาติ ผู้เดินทางข้ามพรมแดนจากโลกวารสารศาสตร์ไปสู่ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เขาเป็นนักเขียนประจำของ ‘Modern Diet and Physiology Research Center’ และมีผลงานตีพิมพ์ในสื่อชั้นนำ อย่าง ‘The New York Times’ และ ‘The Wall Street Journal’ พื้นฐานด้านจิตวิทยาและชีวเคมี ทำให้เขามีมุมมองที่ไม่เหมือนใครในการเชื่อมโยงสิ่งที่เรารู้สึก เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในร่างกาย

“ผมไม่ได้เรียนวิทยาศาสตร์อาหารอย่างเป็นทางการ แต่ผมอยากรู้ว่ารสชาติที่หายไปจากอาหาร มันหายไปตอนไหน ทำไม และจะเอาคืนได้อย่างไร” เขาเล่าไว้ในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ทำให้เขากลายมาเป็น ‘นักรื้อฟื้นภูมิปัญญาแห่งการกิน’ ในแบบที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการกระแสหลักมักมองข้าม

อ่านบทความฉบับเต็มที่ลิงก์ในคอมเมนต์

เรื่อง: เอกประภู บรรณสรณ์

#อาหาร #รสชาติบำบัด #อาหารแปรรูป #ภูมิปัญญาการกิน #กินอย่างรู้เท่าทัน #อาหารกับสมอง

พระพุทธรูปแห่งบามิยัน: กำเนิดและพัฒนาการของมรดกประวัติศาสตร์ที่ถูกตาลีบันทำลายในปี 2001ในความสูง 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะ...
21/07/2025

พระพุทธรูปแห่งบามิยัน: กำเนิดและพัฒนาการของมรดกประวัติศาสตร์ที่ถูกตาลีบันทำลายในปี 2001
ในความสูง 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล เมืองบามิยัน (Bamiyan) ตั้งอยู่ประมาณ 200 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ตั้งอยู่ภายในหุบเขาหิมะซึ่งแวดล้อมไปด้วยหุบเขาที่ตั้งตระหง่าน เมืองบามิยันเคยเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปประทับยืนสององค์ที่สูงที่สุดในโลกในสมัยโบราณ
พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้มีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจของชาวพุทธมาตั้งแต่สมัยโบราณ หลวงจีนเสวียนจั้งหรือพระถังซำจั๋งเคยกล่าวถึงพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ในบันทึกของท่าน ในสมัยปัจจุบัน นักโบราณคดีจำนวนหนึ่งทั้งชาวอัฟกานิสถานเองและชาวต่างชาติได้บูรณะ ศึกษา เขียนหนังสือ และจัดสัมมนาเกี่ยวกับโบราณคดีที่เมืองบามิยันอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ก่อนหรือแม้แต่หลังการทำลายพระพุทธรูปทั้งสองนี้
การบุกยึดกรุงคาบูลกลับมาอีกครั้งของกลุ่มตาลีบันในปี 2021 ทำให้อยากชวนหวนกลับไปนึกถึงภาพการระเบิดทำลายพระพุทธรูปทั้งสองในปี 2001 อีกครั้ง พร้อมกับความเป็นห่วงต่อโบราณวัตถุ โบราณสถานที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในอัฟกานิสถาน
พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้มีความสำคัญอย่างไรทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี
เรื่อง : เชษฐ์ ติงสัญชลี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
หมายเหตุ : บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี 2564
#อัฟกานิสถาน #พระพุทธรูปแห่งบามิยัน #ตาลีบัน

“คนส่วนใหญ่ทำงาน แค่พอไม่ให้ถูกไล่ออก และได้รับเงินเดือน แค่พอไม่ให้ลาออก”ประโยคนี้ไม่ได้มาจากนักเศรษฐศาสตร์ หรือนักบริห...
21/07/2025

“คนส่วนใหญ่ทำงาน แค่พอไม่ให้ถูกไล่ออก และได้รับเงินเดือน แค่พอไม่ให้ลาออก”

ประโยคนี้ไม่ได้มาจากนักเศรษฐศาสตร์ หรือนักบริหารองค์กรคนไหน แต่มาจาก ‘จอร์จ คาร์ลิน’ (George Carlin) คอมเมเดียนผู้เชี่ยวชาญการใช้เสียงหัวเราะเปิดโปงความบิดเบี้ยวของสังคม

เขาพูดประโยคนี้ในยุคที่โลกเริ่มเต็มไปด้วย ‘ความมั่นคงปลอม ๆ’ เมื่อคนรุ่นกลางคนยอมก้มหน้าอยู่กับงานที่ไม่ได้รัก แค่เพราะกลัวตกงาน และคนรุ่นใหม่ก็เริ่มเข้าใจว่า “ทำงานเพื่อเงิน” ไม่ใช่คำด่า แต่มันคือการเอาตัวรอด

เพราะยังมีคนมากมายตื่นขึ้นมาทุกเช้า เพื่อไปทำงานที่ไม่ได้อยากทำ เพียงเพราะกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายหนี้ ไม่กล้าลาออกเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นใหม่ยังไง ทั้งที่ทุกครั้งที่เดินเข้าลิฟต์บริษัท หัวใจก็ห่อเหี่ยวลงทุกที

ในทางจิตวิทยา เราเรียกพฤติกรรมนี้ว่า ‘Minimal Compliance’ คือการทำอะไรแบบ “แค่พอผ่าน” ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เพราะไม่มีแรงศรัทธาเหลือให้เชื่อว่ามันจะดีขึ้นได้

ตัวอย่างเช่น พนักงานที่เข้าทำงานตรงเวลา แต่ใช้เวลา 80% ไปกับการเช็กเมลแบบไม่ตอบ, คนที่ร่วมประชุมทุกเช้า แต่ไม่ได้เสนอไอเดียใด ๆ มาเกือบปี หรือหัวหน้าที่ไม่ได้อยากบริหารทีม แต่ก็ไม่ลาออก เพราะผ่อนบ้านยังไม่หมด

เบื้องหลังพฤติกรรมแบบนี้คือ ‘Cognitive Dissonance’ ภาวะความคิดไม่สอดคล้องในตัวเอง

เราเชื่อว่าควรมีชีวิตที่มีความหมาย แต่เรากลับทำงานที่ไม่มีค่าอะไรกับจิตวิญญาณเลย เราคิดว่าความสำเร็จควรมาจาก passion แต่ก็ยอมทำงานที่ไม่ชอบ เพื่ออยู่ให้รอด

เมื่อความคิดกับการกระทำไม่ตรงกัน สมองจะเลือก “ลดเสียงของความจริง” เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด เราจึงบอกตัวเองว่า “เอาน่า งานมันก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก” หรือ “คนอื่นก็ยังอยู่ได้เลย ทำไมเราจะอยู่ไม่ได้”

ซ้ำร้าย หากเจอบรรยากาศองค์กรที่บั่นทอน เราอาจตกอยู่ในภาวะ ‘Learned Helplessness’ คือความรู้สึกว่า “ทำอะไรไปก็ไม่เกิดผล” จนเลิกพยายามแก้ไข เลิกฝันกลางวัน เลิกตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นอยู่

แล้วอะไรคือทางออก?

เราไม่ได้แนะนำให้คุณลุกขึ้นลาออกพรุ่งนี้เช้า แต่ขอแค่คุณกล้าตั้งคำถามกับชีวิตบ้าง ว่า ยังมีบางอย่างในตัวเราที่รอจะถูกปลุกอยู่ไหม

เพราะการที่คุณยัง “อยู่รอด” ไม่ได้แปลว่าคุณ “มีชีวิตอยู่” และการทนไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่คุณสมบัติของคนเข้มแข็งเสมอไป บางทีมันคือรอยร้าวที่ยังไม่มีใครสังเกตเห็น

บางทีสิ่งที่องค์กรจ่ายให้คุณทุกเดือน อาจไม่ใช่แค่เงินเดือน แต่มันคือ ‘ค่าชดเชยความฝืนทน’ ที่คุณไม่เคยกล้าตีราคา

และถึงแม้คุณจะยังตอบไม่ได้ตอนนี้ว่า “มันคุ้มไหม” ขอแค่คุณยังอยากรู้คำตอบ นั่นแปลว่าคุณยังไม่หมดไฟ

บางครั้ง...การรู้ว่าเราไม่โอเค คือจุดเริ่มต้นของการดูแลตัวเองอย่างแท้จริง และคุณไม่จำเป็นต้อง ‘เปลี่ยนโลก’ ในเช้าวันจันทร์หรอก แค่เริ่มเปลี่ยนวิธีพูดกับตัวเอง ก็ถือว่าเดินออกจากกับดักได้หนึ่งก้าวแล้ว

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
พาฝัน ศรีเริงหล้า

#สวัสดีวันจันทร์ #จอร์จคาร์ลิน #คนทำงาน #ปัญหาคนทำงาน

21/07/2025

‘คริสโตเฟอร์ รีฟ’ ซูเปอร์แมนผู้เป็นตำนานในโลกภาพยนตร์ที่ยังคงอยู่ในใจผู้ชมตลอดกาล เขาทุ่มเทเพิ่มน้ำหนักถึง 16 กิโลกรัมเพื่อให้สมบทบาทในฐานะซูเปอร์แมน
แม้ต่อมาเขาจะประสบอุบัติเหตุจนต้องนั่งรถเข็นและใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดชีวิต แต่คริสโตเฟอร์ก็ไม่ยอมแพ้ และยังกลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการทั่วโลก
เรื่องราวของเขาเป็นอย่างไร ฟัง vibe จะเล่าให้ฟัง
เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์
ลำดับภาพ : สิมิลัน จำนงค์ทอง
#ฟังvibe #ซูเปอร์แมน

ชา ซาซุน: คุณป้าแห่งซินชอน ผู้สอบใบขับขี่ 960 ครั้ง เพื่อพาหลานไปสวนสัตว์เรื่องราวของคุณป้า ‘ชา ซาซุน’ (Cha Sa-soon) เกิ...
20/07/2025

ชา ซาซุน: คุณป้าแห่งซินชอน ผู้สอบใบขับขี่ 960 ครั้ง เพื่อพาหลานไปสวนสัตว์
เรื่องราวของคุณป้า ‘ชา ซาซุน’ (Cha Sa-soon) เกิดขึ้นราว 20 ปีก่อน ขณะที่เธออายุ 69 ปี และได้สอบใบขับขี่ผ่านเป็นครั้งแรก หลังจากพยายามสอบอยู่นานถึง 960 ครั้ง
หมู่บ้านซินชอน (Sinchon) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตวานจู (Wanju) ห่างจากกรุงโซลราว 180 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ห่างไกล ไกลจนแทบจะไม่มีระบบขนส่งสาธารณะเลยก็ว่าได้ กว่ารถเมล์จะมาแต่ละเที่ยวก็ต้องรอนานนับชั่วโมง หากพลาดไปเพียงนิดเดียว ก็ต้องรอรอบถัดไปนานถึงสองชั่วโมง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความพยายามอันยิ่งใหญ่ ของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่เริ่มผลิบานขึ้นกลางใจ
โดยมี ‘หลาน’ เป็นยาชูกำลังให้เธอมีแรงทำสิ่งที่อยากทำ นั่นคือการพาหลานตัวน้อยไปสวนสัตว์
อ่านเรื่องราวแห่งความพยายามของคุณป้าได้จากลิ้งก์ในคอมเมนต์ด้านล่าง
เรื่อง: วันวิสาข์ โปทอง
ุน #ใบขับขี่ #เกาหลีใต้

‘Donkey Kong’ vs ‘King Kong’ การต่อสู้ของลิงยักษ์ที่สะเทือนโลก ‘Nintendo’ช่วงนี้ดูเหมือนว่า ‘Donkey Kong’ กำลังกลับมาเป็...
20/07/2025

‘Donkey Kong’ vs ‘King Kong’ การต่อสู้ของลิงยักษ์ที่สะเทือนโลก ‘Nintendo’
ช่วงนี้ดูเหมือนว่า ‘Donkey Kong’ กำลังกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง เพราะเกมภาคใหม่อย่าง ‘Donkey Kong Bananza’ บนคอนโซล ‘Nintendo Switch 2’ ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากเกมเมอร์ ไปจนถึงการเปิดโซนธีมพาร์ก (Theme Park) ใหม่ที่ ‘Universal Studios Japan’ เมื่อปี 2024 และล่าสุดยังมีข่าวลือว่า Nintendo จับมือ ‘Universal Pictures’ ลงทะเบียนโปรเจกต์ภาพยนตร์ ‘Donkey Kong’ สร้างความตื่นเต้นให้แฟน ๆ ไม่น้อย
แต่รู้หรือไม่ ว่าก่อนที่ทั้งคู่จะสร้างผลงานระดับโลกร่วมกัน ทั้ง Nintendo และ Universal เคยเปิดศึกฟ้องร้องและแตกหักจนถึงขั้นไม่มองหน้ากันมาแล้ว
ปี 1981 ตอนนั้น Nintendo เพิ่งก้าวสู่ตลาดเกมอเมริกา และสร้างปรากฏการณ์ด้วยการส่ง ‘Donkey Kong’ เกมตู้อาร์เคดที่มีตัวละครลิงกอริลล่ายักษ์ที่ปีนป่ายโครงเหล็กและจับตัวหญิงสาวไว้บนตึกสูง โดยมีตัวเอกเป็นช่างไม้ (ภายหลังกลายมาเป็นตัวเอกในเกมใหม่ที่ชื่อว่า ‘Super Mario Bro.’ ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคขึ้นไปช่วย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
แต่ความโด่งดังนี้กลับสร้างปัญหา เมื่อ Universal Studios บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ‘King Kong’ อสูรกายลิงยักษ์ระดับตำนานแห่งฮอลลีวูดมองว่า เจ้าลิงจากแดนปลาดิบใช้กระแสความโด่งดังพญาลิงของตนไปสร้างรายได้
มิถุนายน ค.ศ. 1982 Universal Studios จึงฟ้องร้อง Nintendo ด้วยข้อหาลอกเลียนคาแรกเตอร์และโครงเรื่องจาก King Kong ซึ่งเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้าและผิดลิขสิทธิ์
ทั้งสองฝ่ายใช้ข้อกฎหมายสู้กันไปมา จน Nintendo ได้รับชัยชนะ แต่ก็ทำให้บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ได้รับบทเรียนครั้งใหญ่เรื่องลิขสิทธิ์ ทั้งเรื่องการการจดทะเบียนและปกป้องคาแรกเตอร์เกมของตนอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีพิพาทลักษณะเดียวกันอีก
การแลกหมัดไปมาด้วยข้อกฏหมาย จากคู่พิพาททางธุรกิจสู่การเป็นพันธมิตรได้อย่างไร หาคำตอบได้จากบทความในคอมเมนต์
เรื่อง : อติพงษ์ ศรนารา
ภาพ : IMDb
#นินเทนโด้ #ลิขสิทธิ์

‘จูจีฮุน’ เคยถูกบูลลี่เรื่องสีผิวในซีรีส์ ‘เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา’ จนต้องลบแอคเคาท์โซเชียลมีเดียของตัวเองทิ้งจู...
20/07/2025

‘จูจีฮุน’ เคยถูกบูลลี่เรื่องสีผิวในซีรีส์ ‘เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา’ จนต้องลบแอคเคาท์โซเชียลมีเดียของตัวเองทิ้ง
จูจีฮุนผันตัวจากการเป็นนายแบบเข้าสู่อาชีพนักแสดงผ่านบท ‘เจ้าชายลีชิน’ ในซีรีส์รีเมกจากมันฮวาเรื่องเจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา แต่เขากลับยังรู้สึกประหม่าอยู่ตลอดการถ่ายทำ และได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสีผิว
เขาเล่าว่า ชาวเน็ตหลายคนคอมเมนต์ให้เขาทิ้งบทเจ้าชายลีชิน บางคอมเมนต์ก็มาในรูปแบบคำเหน็บแนมและการเหยียดสีผิว ‘เป็นอย่างไรบ้างเจ้าชาย? นายมีสีผิวที่ไม่ตรงกับบทนะ นายผิวเข้มเกินไป’ คอมเมนต์เหล่านั้นทำให้เขาตัดสินใจลบแอ็คเคาท์โซเชียลมีเดียของตัวเองทิ้ง
แต่สุดท้ายเขาก็สามารถเอาชนะคอมเมนต์บั่นทอนจิตใจเหล่านั้น และก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงมากฝีมือได้จนถึงทุกวันนี้
อ่านเรื่องราวของเขาต่อได้ในคอมเมนต์
เรื่อง : วโรดม เตชศรีสุธี
ภาพ : โปสเตอร์งานแฟนมีตติ้ง JUNIVERSEinBKK
หมายเหตุ : บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021
#จูจีฮุน

‘Karate Kid: Legends’ ในวันที่คลื่นซัดชีวิต… คุณจะลุกขึ้นสู้แบบไหน?ปี 2025 มีภาพยนตร์ในความทรงจำหลายเรื่อง ถูกนำมารีเมกแ...
19/07/2025

‘Karate Kid: Legends’ ในวันที่คลื่นซัดชีวิต… คุณจะลุกขึ้นสู้แบบไหน?
ปี 2025 มีภาพยนตร์ในความทรงจำหลายเรื่อง ถูกนำมารีเมกและตบเท้ากันเข้าโรงภาพยนตร์ หนึ่งในนั้น คือ ‘Karate Kid: Legends’ ที่พา ‘เฉินหลง’ หวนคืนจอเงินอีกครั้ง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ภาพยนตร์ก็ยังคงรักษาแก่นเรื่องให้เราลุกขึ้นสู้ แม้ในวันที่คลื่นซัดชีวิตจนรู้สึกไร้หนทาง
คงเหมือนกับตัวละคร 'หลินฟง' เด็กชายจากสำนักกังฟูจีนที่ยอมแพ้การเล่นศิลปะป้องกันตัว หลังย้ายมาอยู่นิวยอร์กตามคำสั่งของแม่ แต่ลุงฮัน (รับบทโดย เฉินหลง) กลับบอกว่า “ในวันที่คลื่นซัดชีวิต เราจะควบคุมอะไรไม่ได้ แต่เราจะควบคุมได้ในวันที่เราลุกขึ้น”
เพราะในวันที่เรารู้สึกดิ่ง ปัญหารุมเร้า คนเรามักจะจมอยู่กับปัญหานั้น ทุกอย่างดูมืดแปดด้าน แต่เมื่อเราค่อย ๆ ตั้งสติ ถอยออกมาหนึ่งก้าว เราจะเจอทางออกเสมอ
และบางครั้งการจะกล้าทำอะไรสักอย่าง ก็ไม่ต้องชั่ง ตวง วัดเหตุผลอะไรมากนัก เพียงแต่ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า 'มันคุ้มค่าพอให้สู้ไหม?'
แล้วสำหรับคุณล่ะ ในวันที่คลื่นซัดชีวิต… คุณจะลุกขึ้นสู้แบบไหน?
อ่านข้อคิดแสนเรียบง่ายที่แฝงอยู่ใน Karate Kid: Legends ต่อได้ในคอมเมนต์
เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์
ภาพ : Sony Pictures

#คาราเต้คิด #ผนึกพลังตำนานนักสู้

สุมาอี้ : ผู้ชนะสงครามสามก๊กโดยการสยบ ‘อีโก้’ ของตนเองสงครามสามก๊กระหว่างวุยก๊กของโจโฉ จ๊กก๊กของเล่าปี่ และง่อก๊กของซุนก...
19/07/2025

สุมาอี้ : ผู้ชนะสงครามสามก๊กโดยการสยบ ‘อีโก้’ ของตนเอง
สงครามสามก๊กระหว่างวุยก๊กของโจโฉ จ๊กก๊กของเล่าปี่ และง่อก๊กของซุนกวน ถือเป็นสงครามที่กินเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งสามก๊กล้วนทุ่มสุดแรงเพื่อชัยชนะของฝ่ายตน แม้จะแลกมาด้วยชีวิตจำนวนมหาศาลก็ตาม
แต่ท้ายที่สุด ชัยชนะกลับไม่ตกอยู่ในมือของใครเลย ผู้ที่รวบรวมแผ่นดินที่ชิงกันไปมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตกลับกลายเป็น ‘สุมาอี้’ (Sima Yi) ที่เป็นทั้งที่ปรึกษาวุยก๊กที่โจโฉไม่เคยไว้ใจ เป็นทั้งคู่ปรับตลอดกาลที่ขงเบ้งมิอาจเอาชนะได้ และเป็นคนที่ชิงแผ่นดินของตระกูลโจที่สืบต่อกันมากว่า 4 รุ่นโดยการรัฐประหารภายในวันเดียว
เรื่องราวขอสุมาอี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางในการคว้าชัยชนะฉบับสุมาอี้ ที่อาจไม่ได้มีรากฐานเป็นความเก่งกาจทางการศึก หรือความสามารถในการรู้ฟ้ารู้ดิน แต่เป็นความอดทน ใจเย็น และตระหนักรู้ในตัวเอง
*เนื้อหายึดตามบทประพันธ์ ‘สามก๊ก’ ฉบับของหลอกว้านจง เป็นหลัก โดยมีบางเนื้อหาคำพูดบางส่วนนำมาจากสามก๊กฉบับละครโทรทัศน์ ปี พ.ศ. 2537 (1994) และ ฉบับละครโทรทัศน์ ปี พ.ศ. 2553 (2010)
🔴 จิ้งจอกเหลียวหลัง
“ลูกต้องเชื่อพ่อ สุมาอี้มันไว้ใจไม่ได้ อย่าให้มันได้คุมทหาร”
ตาคมเหมือนเหยี่ยว เหลียวหลังดั่งหมาป่า และเก็บงำอารมณ์ปานหินผาคือลักษณะของคนประเภทเจ้าเล่ห์เพทุบายที่สังเกตได้จากสุมาอี้ โจโฉไม่เคยไว้ใจจิ้งจอกตนนี้ เพราะสัมผัสได้ถึงการใหญ่ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในใจ โดยปกติคนประเภทนี้ล้วนหัวขาดด้วยเงื้อมมือโจโฉไปเสียก่อน แต่ไม่ใช่กับสุมาอี้
นอกจากจะเป็นคนเฉียบแหลมที่มีค่ายิ่งในกลียุคอย่างสามก๊ก สุมาอี้ก็ตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงว่า ตนกำลังเอาชีวิตลงไปเล่นกับอะไร การทำงานกับโจโฉก็เปรียบเสมือนเอาหัวเข้าไปอยู่ในปากเสือ การป่าวประกาศหรือแม้กระทั่งการสำแดงความสามารถของตนอย่างเกินหน้าเกินตาเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงกระทำนัก สุมาอี้รู้ตัวดีและทำตัวเองให้ ‘Low Profile’ อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกว่าวีรกรรมของสุมาอี้จึงไม่ผุดออกมาในสมัยของโจโฉสักเท่าไร แต่กลับค่อย ๆ ผงาดในรุ่นลูกรุ่นหลานแทน
เอียวสิ้ว (Yang Xiu) ก็คือหนึ่งในปราชญ์ผู้เป็นที่ปรึกษาของโจโฉที่มีปัญญาหลักแหลม แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาเองกลับเลือกสนอง ‘อีโก้’ โดยการแสดงว่าตนมีปัญญาที่รู้เท่าทันแผนการของนายใหญ่อย่างโจโฉ แทนที่จะเก็บเงียบอย่างสุมาอี้ แม้จะมีปัญญาที่ปราดเปรื่องเหมือนกัน แต่เขาทั้งสองต่างกันตรงที่ว่า
คนหนึ่งมีหัว
อีกคนหนึ่ง...ไม่
🔴 รู้ฟ้าไม่สู้รู้ตน
เผาทัพแฮหัวตุ้น (Xiahou Dun) ขุนพลตาเดียวแห่งวุยก๊กจนแหลกสลายที่พุ่งพกบ๋อง ยั่วยุจิวยี่ (Zhou Yu) แม่ทัพผู้ปราดเปรื่องแห่งง่อก๊กจนกระอักเลือดตายอย่างทระนง หรือแม้กระทั่งรบทางใจกับเบ้งเฮ็ก (Meng Huo) จนกบฏชาวม่านทางใต้ของเสฉวนสงบลง ผลงานเหล่านี้ล้วนเป็นของนักปราชญ์ผู้หยั่งรู้ฟ้าดินอย่าง ‘จูกัดเหลียง’ (Zhuge Liang) หรือที่เราอาจจะรู้จักกันในนาม ‘ขงเบ้ง’ แห่งจ๊กก๊ก
แม้จะไร้เทียมทานในกลอุบายการรบมากเพียงใด แต่ความหวังของจ๊กก๊กในการที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นจากทรราชโจโฉยังคงเป็นเพียงภาพฝันที่วาดทิ้งไว้ ณ ภูเขาโงลังกั๋ง และหนึ่งในผู้ที่ยืนขวางกั้นระหว่างจ๊กก๊กกับความสำเร็จคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากสุมาอี้
“ขงเบ้งคาดถูกว่าเราจะชิงเกเต๋ง วิเศษจริง ๆ”
“ท่านพ่อเอาแต่ยกย่องข้าศึก ชิงเกเต๋งมันจะไปยากอะไร”
ขงเบ้งและสุมาอี้เปรียบเสมือนคู่ปรับตลอดกาล ดั่งขาวและดำ แสงสว่างและความมืด ไฟและน้ำ แม้คู่ปรับคนก่อนของขงเบ้งอย่างจิวยี่จะมีปัญญาที่หลักแหลม แต่จิ้งจอกแห่งวุยผู้นี้ต่างออกไป สุมาอี้ตระหนักถึงความปราดเปรื่องของขงเบ้งและความสามารถที่ด้อยกว่าของตน ทั้งสองได้ประลองปัญญาผ่านการซ้อนกลศึกกันไปมาหลายคราในช่วงที่ขงเบ้งบุกวุยก๊กผ่านกิสาน แต่ชัยชนะก็ตกเป็นของมังกรหลับเสียส่วนใหญ่ หากไม่นับศึกเกเต๋ง ซึ่งมาจากการช่วงใช้คนผิดโดยขงเบ้ง ที่มอบหมายหน้าที่ปกป้องยุทธภูมิสำคัญให้ศิษย์ไฟแรงคนสนิทอย่าง ‘ม้าเจ๊ก’ (Ma Su) ผู้เอาชีวิตเป็นประกัน ขงเบ้งได้กำชับอย่างจริงจังในหลักการตั้งค่ายที่จะสามารถชนะศึก แต่ดูเหมือนว่า ‘อีโก้’ และความรู้ของม้าเจ๊กทำให้เขาทะนงตนว่าเก่งในหลักพิชัยสงครามจนบดบังสภาพความเป็นจริงและไม่ฟังคำกำชับของอาจารย์ เพราะคิดว่าวิธีของตนถูก ท้ายที่สุดจึงโดนจิ้งจอกแห่งวุยอย่างสุมาอี้ล้อมตัดเสบียงจนแตกพ่ายกลับไปจ่ายค่าเสียหายที่ประกันไว้ด้วยชีวิตของตน
“ขงเบ้งทำกลลวงเราครั้งนี้รู้มิทันเลย อันตัวเรามีปัญญาน้อย ซึ่งจะทำศึกไปเบื้องหน้านั้นยากที่จะประมาณกลศึกขงเบ้งได้”
หลายครั้งกับการเสียรู้ให้ขงเบ้งได้สอนสุมาอี้ว่าตัวเขาเองไม่มีความสามารถพอที่จะรู้เท่าทันขงเบ้งเลยแม้แต่น้อย สุมาอี้รู้ดีและยอมรับอย่างเข้าใจ ด้วยจุดนี้เองที่ทำให้ขงเบ้งมิอาจปราบสุมาอี้ได้อย่างศัตรูคนก่อน ๆ การจะบุกวุยก๊ก ขงเบ้งต้องล่อให้สุมาอี้ยกทัพมาสู้กับตน เพราะในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การเข้าตีขณะที่อีกฝ่ายยังคงตั้งรับคือชัยชนะที่เป็นไปไม่ได้
กลายเป็นเรื่องยากสำหรับขงเบ้งที่จะล่อสุมาอี้ออกจากถ้ำ หลังจากที่ทำให้จิ้งจอกตนนี้เข็ดหลาบ โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์การซ้อนกลของขงเบ้ง ณ ช่องเขาเซียมก๊กที่สุมาอี้รวมถึงลูกชายทั้งสองเกือบถูกเผาทั้งเป็น แต่ดูเหมือนว่าตระกูลสุมาคืออาณัติแห่งสวรรค์ของแผ่นดินจีนอย่างแท้จริง ท่ามกลางไฟที่กำลังห้อมล้อมแผดเผาไพร่พลของกองทัพสุมาอี้ผู้หลงกล ฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมารดสามพ่อลูกและกองทัพที่นั่งยอมรับชะตากรรมให้รอดพ้นจากกองไฟที่มาจากแรงเฮือกสุดท้ายของขงเบ้งอย่างหวุดหวิด ประสบการณ์เฉียดตายนี้เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้สุมาอี้ไม่กล้าประลองปัญญากับขงเบ้งอีก และยืนหยัดจะตั้งรับไม่รบ
แม้จะถูกถากถาง ยั่วยุ และถึงขั้นส่งเสื้อผ้าสตรีให้สวมใส่เพื่อ (ในขนบจารีตในยุคนั้นถือว่าเป็นการเหยียดหยามว่าขี้ขลาดไม่กล้าออกรบ) แต่ดูเหมือนว่ากลอุบายของขงเบ้งที่เคยใช้สำเร็จมาโดยตลอด กลับใช้ไม่ได้ในครั้งนี้ เหล่าแม่ทัพนายกองล้วนเกรี้ยวโกรธกับการกระทำหยามเกียรติของจ๊กก๊ก แต่สุมาอี้กลับใส่ชุดเหล่านั้นอวดขุนพลทั้งหลายอย่างใจเย็น ถ้อยคำถากถางหรือการกระทำหมิ่นเกียรติไม่สามารถทำอะไรสุมาอี้ได้เลย ดูเหมือนว่าคราวนี้สุมาอี้ไม่ได้เพียงแต่ชนะขงเบ้ง แต่ยังชนะ ‘อีโก้’ ของตัวเขาเองด้วย
ในเวลาต่อมาขงเบ้งก็จากไปเนื่องจากปัญหาสุขภาพ กองทัพจ๊กก๊กจึงต้องถอยร่นกลับราชธานีเซงโต๋ (เฉิงตู) ด้วยความล้มเหลว และการใหญ่ของพระเจ้าอาเล่าปี่ที่ฝากฝังไว้กับผู้หยั่งรู้ฟ้าดินจึงมิอาจบรรลุได้และร่วงหล่นอยู่ที่หน้าค่ายของสุมาอี้ บุคคลที่รู้จักประเมินตัวเองและไม่ให้ ‘อีโก้’ มีอำนาจเหนือความเป็นจริง
🔴 รัฐประหารตระกูลโจ
หลังจากพระจักรพรรดิโจยอย (Cao Rui) หลานชายแท้ ๆ ของโจโฉสิ้นพระชนม์ลง ‘โจฮอง’ (Cao Fang) ราชบุตรจึงขึ้นครองราชย์ต่อแม้อายุยังเยาว์ อำนาจจึงตกไปอยู่กับผู้สำเร็จราชการแทนทั้งสอง นั่นก็คือสุมาอี้ และมี ‘โจซอง’ (Cao Shuang) บุตรชายแท้ ๆ ของโจจิ๋นแม่ทัพใหญ่เป็นผู้ช่วยสำเร็จราชการ
โจซองทั้งริษยาทั้งไม่ไว้วางใจสุมาอี้ที่มีบารมีและสร้างผลงานได้เด่นเหนือตน ผสานกับคำยุยงจากที่ปรึกษาว่าสุมาอี้มีใจกำเริบสูงศักดิ์ โจซองจึงประเมินว่าในภายภาคหน้าสุมาอี้จะเป็นภัยต่ออำนาจของตนอย่างแน่แท้ เขาจึงเกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิโจฮองเลื่อนขั้นสุมาอี้เป็นราชครู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไร้อำนาจทางการทหาร มีเพียงบารมีเท่านั้น
เป็นระยะเวลากว่าสิบปีที่โจซองกุมอำนาจและยกตนเทียบเท่าจักรพรรดิ แถมยังเสพแต่สุราเคล้านารีไม่ว่างเว้น ไม่สนใจการบ้านการเมือง ในขณะที่สุมาอี้ซุ่มแกล้งป่วยคิดการใหญ่อย่างลับ ๆ อยู่ที่บ้านของตน ครั้งหนึ่งโจซองจะเดินทางออกนอกเมืองไปพักผ่อนล่าสัตว์ แต่ยังคงระแวงสุมาอี้ จึงส่งคนไปเยี่ยม พบว่าสุมาอี้ป่วยหนัก หูหนวกฟังไม่รู้ภาษา กินข้าวก็ไหลออกจากปาก จะตายวันตายพรุ่งไม่อาจคาดเดาได้ รู้อย่างนั้นโจซองจึงโล่งอกและพาจักรพรรดิและพี่น้องขุนนางคนสนิทออกไปเที่ยวอย่างสบายใจ
“ข้าตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียว แต่รู้ไหมว่าลับมาสิบกว่าปีแล้ว”
เมื่อรู้ข่าวว่าโจซองและพรรคพวกเดินทางออกนอกเมือง สุมาอี้ที่ผมหงอกสยายดั่งคนป่วยใกล้ตายก็ลุกขึ้นสดใส พลันเรียกรวมกองกำลังทหารขุนนางคนสนิทและเริ่มสั่งการ ภายในเช้าวันนั้น คลังแสง คลังเสบียง และจวนของโจซองและพี่น้องถูกล้อมทั้งหมด ประตูเมืองถูกสั่งปิดตาย ห้ามเข้า-ออก สุมาอี้ไม่รอช้ารีบเดินทางเข้าเฝ้ากวยทายเฮาผู้เป็นเสด็จแม่ของจักรพรรดิ และแจ้งเจตจำนงว่าทำเพื่อประโยชน์สุขของจักรพรรดิ เพราะโจซองดูเหมือนจะเป็นขบถต่อแผ่นดิน และนับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น อำนาจของตระกูลโจที่สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นทวดก็มลายหายและกลายเป็นหุ่นเชิดให้ตระกูลสุมาต่อไป
ภายหลังจากที่สุมาอี้เสียชีวิต สุมาสู (Sima Shi) และ สุมาเจียว (Sima Zhao) ลูกชายทั้งสองที่ถูกบ่มเพาะโดยสุมาอี้อย่างมีคุณภาพก็ครองอำนาจใหญ่แห่งวุยก๊ก และต่อมาสุมาเจียวก็สามารถปราบจ๊กก๊กลงได้ ท้ายที่สุดสุมาเอี๋ยน (Sima Yan) บุตรชายของสุมาเจียวก็ปราบง่อก๊กพร้อมโค่นราชวงศ์วุยสายเลือดของโจโฉและสถาปนาราชวงศ์จิ้น ผนวกดินแดนสามก๊กเป็นหนึ่ง และจบความขัดแย้งที่ปะทุมากว่าครึ่งศตวรรษลง
เป็นสิบปีที่อดใจรออย่างอดทน เป็นสิบปีที่แสร้งป่วยอย่างน่าเวทนา เป็นสิบปีที่นั่งลับดาบอย่างอุตสาหะ ครั้นถึงเวลานำกระบี่ออกจากฝัก ตวัดเพียงครั้งเดียว อำนาจของตระกูลโจก็ขาดไม่เหลือชิ้นดี ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนมองสุมาอี้ออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโจโฉ ขงเบ้ง หรือแม้กระทั่งโจซอง แต่คนที่มองสุมาอี้ได้ทะลุปรุโปร่งกว่าใครอื่นก็คือตัวสุมาอี้เอง หากไม่สามารถประเมินตัวเองได้อย่างจริงแท้ สุมาอี้อาจไม่อยู่เป็นผู้วางรากฐานให้สุมาเอี๋ยน หลานชายได้ขึ้นเถลิงอำนาจสถาปนาราชวงศ์จิ้นและรวมสามก๊กเป็นหนึ่ง แต่เขาอาจถูกกำจัดด้วยความหวาดระแวงของโจโฉ ด้วยปัญญาของขงเบ้ง หรือด้วยอำนาจในมือโจซองไปเสียก่อนอย่างแน่แท้
มีหลายคนในวรรณกรรมสามก๊กที่จบชีวิตตนเองด้วย ‘อีโก้’ แน่นอนว่าสุมาอี้ไม่ใช่หนึ่งในนั้น ตรงกันข้าม เขากลับสยบมันได้อย่างอยู่หมัด และด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาคือผู้ชนะแห่งสามก๊กที่แท้จริง
*ยึดตามบทประพันธ์ ‘สามก๊ก’ ฉบับของหลอกว้านจง เป็นหลัก โดยมีบางเนื้อหาคำพูดบางส่วนนำมาจากสามก๊กฉบับละครโทรทัศน์ ปี พ.ศ. 2537 (1994) และ ฉบับละครโทรทัศน์ ปี พ.ศ. 2553 (2010)
เรื่อง: รัฐฐกรณ์ ศิริฤกษ์
ภาพ : คมชัด หมั่นการ
หมายเหตุ: บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023
#สามก๊ก #สุมาอี้ #ประวัติศาสตร์

‘แกรี คาร์’ ชีวิตที่เปลี่ยนโลกดับเบิลเบสในวันที่ 16 กรกฎาคม 2025 โลกดนตรีคลาสสิกหยุดนิ่งลงชั่วขณะ เมื่อมีรายงานข่าวยืนยั...
19/07/2025

‘แกรี คาร์’ ชีวิตที่เปลี่ยนโลกดับเบิลเบส

ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2025 โลกดนตรีคลาสสิกหยุดนิ่งลงชั่วขณะ เมื่อมีรายงานข่าวยืนยันว่า ‘แกรี คาร์’ (Gary Karr) นักดับเบิลเบสระดับตำนานได้จากไปอย่างสงบด้วยวัย 83 ปี การสูญเสียครั้งนี้ คือการสิ้นสุดลงของยุคสมัยที่ชายผู้หนึ่งได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อปฏิวัติและมอบสถานะใหม่ให้แก่เครื่องดนตรีที่คนส่วนใหญ่มองข้าม

แกรี คาร์ คือผู้บุกเบิก คือศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างอาชีพนักดนตรีเดี่ยวดับเบิลเบสอย่างเต็มตัว ภารกิจของเขาคือการปลดแอกยักษ์ใหญ่แห่งวงออร์เคสตราออกจากแถวหลัง ผลักดันให้มายืนสง่ากลางแสงไฟ ในฐานะเครื่องดนตรีเดี่ยว (Solo Instrument) ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพในการถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง ไม่แพ้เครื่องสาย อย่าง ไวโอลิน หรือ เชลโล

เรื่องราวของเขา ไม่ต่างจากมหากาพย์ของการต่อสู้เพื่อการยอมรับ การค้นหา ‘เสียง’ ที่ซ่อนอยู่ และการส่งต่อจิตวิญญาณจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในครอบครัวที่มีเสียงดับเบิลเบสเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจ

ลมหายใจที่ว่านั้นมีรากเหง้าหยั่งลึกยาวนาน ย้อนกลับไปถึง 7 รุ่นในตระกูลคาร์ ‘ราสชเนฟสกี’ (Karraschnevsky) ชาวรัสเซียเชื้อสายยิว ก่อนจะย้ายมาตั้งรกรากและเปลี่ยนนามสกุลให้สั้นลงเป็น ‘คาร์’ ในสหรัฐอเมริกา แกรี คาร์ ถือกำเนิดขึ้นในฐานะทายาทนักดับเบิลเบสรุ่นที่เจ็ด ท่ามกลางพ่อ ปู่ และลุง ที่ล้วนเป็นนักดนตรีอาชีพในวงซิมโฟนีออร์เคสตรา

แม้จะถูกรายล้อมด้วยเสียงทุ้มต่ำของดับเบิลเบสมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่กลับไม่มีใครหยิบยื่นเครื่องดนตรีชิ้นนี้ใส่มือเขาโดยตรง ชะตาชีวิตของแกรีกับดับเบิลเบสเริ่มต้นขึ้นจากการค้นพบด้วยตัวเอง เมื่อเขาบังเอิญไปเจอดับเบิลเบสเก่าตัวหนึ่งในบ้าน ซึ่งครั้งหนึ่งพ่อแม่ของเขาเคยใช้เล่นในวงดนตรีเต้นรำ การค้นพบครั้งนั้นได้จุดประกายความผูกพันที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล

บุคคลซึ่งหล่อหลอมปรัชญาทางดนตรีให้แก่ คาร์ คือแม่ของเขาเอง ซึ่งมีอาชีพเป็นนักร้อง คาร์ ย้ำว่า แม่คือคนที่ปลูกฝังแนวคิดที่สำคัญที่สุด

“แม่...กระตุ้นผมตลอดว่าให้ ‘ร้อง’ ไปด้วยตอนที่เล่น”

อ่านเรื่องราวทั้งหมดของเขาได้ที่ลิงก์ในคอมเมนต์

เรื่อง: อนันต์ ลือประดิษฐ์
ภาพ: Getty Image

#แกรีคาร์ #ดับเบิลเบส #ดนตรีคลาสสิก

ที่อยู่

Bang Na

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The Peopleผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง The People:

แชร์

Everyone Has Their Own Story

“คน” คือผู้เปลี่ยนแปลงโลก เราจึงเชื่อมั่นว่าเรื่องราวของผู้คนย่อมนำไปสู่การเรียนรู้ การสร้างพลัง และแรงบันดาลใจ เพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ในอนาคต

The PEOPLE คืออะไร

The PEOPLE คือ สื่อ ที่นำเสนอเนื้อหาสร้างสรรค์ ตามหลักการพื้นฐานของ journalism ผ่านช่องทางดิจิทัลแฟลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ www.thepeople.co , เพจ และโซเชียลมีเดียอื่นๆ เรารวบรวมข้อมูลเรื่อง “คน” ที่เจาะลึกในทุกแง่มุม นำเสนอในหลากหลายรูปแบบ และวิธีการ ตั้งแต่เรียบเรียงเป็นเรื่องราว ชีวประวัติ บทสัมภาษณ์ จนถึงบทวิเคราะห์ วิธีคิดของบุคคลที่มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงสังคม ธุรกิจ การเมือง ฯลฯ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้น จากอดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต The PEOPLE ยังเป็นฐานข้อมูลที่มีความสำคัญสำหรับการค้นหา ค้นคว้า มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ และสามารถอ้างอิงได้ เหนืออื่นใด เราฝันจะเป็นคลังข้อมูลเรื่องคนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

THE PEOPLE Co Official