Antonio Attorney ที่ปรึกษาการเงิน แก้หนี้ ขอสินเชื่อ เงินกู้ ธุรกิจ SME

Antonio Attorney ที่ปรึกษาการเงิน แก้หนี้ ขอสินเชื่อ เงินกู้ ธุรกิจ SME ให้คำปรึกษาแก้ปัญหาหนี้ SME เจรจาหนี้ วิเคราะห์สินเชื่ออย่างมืออาชีพ ไม่โลกสวย ไม่ขายฝัน วางแผนการเงินเพื่อรอดจริง พร้อมคอร์สออนไลน์และบริการเจรจาแทน

07/08/2025

โดนบริษัทบริหารสินทรัพย์ฟ้อง = ต้องโดนยึดแน่เหรอ?
ไม่เสมอไปครับ...ถ้าคุณ "ไม่พูดผิดจังหวะ"

ในคลิปนี้ ผมเล่าเคสจริงของลูกค้าผมที่ถูกฟ้องจาก บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท เป็นยอดหนี้กว่า 20 ล้านบาท
หลายคนคิดว่า “คงไม่มีทางออกแล้ว” เพราะมีคำพิพากษาไปแล้วด้วย
แต่ผมลงพื้นที่ไปเจรจาเอง และ เคสนี้จบแบบ Happy Ending — ไม่โดนยึด ไม่ต้องหนี ไม่ต้องใช้คำว่าโชคช่วย

คุณจะได้เรียนรู้ว่า:
- ทำไม "อย่าพูดคำว่า 'ซื้อหนี้มาถูก'" กับ AMC เด็ดขาด
- หลักการคิดของบริษัทบริหารสินทรัพย์คืออะไร
- วิธีเข้าไปคุยหลังคำพิพากษา ให้มีโอกาสผ่อนต่อได้
- จังหวะไหนควรคุย จังหวะไหนควรเงียบ
- ทำยังไงถึงจะไม่ถูกบังคับคดี แม้จะฟ้องไปแล้ว

เนื้อหานี้เหมาะกับ:
ลูกหนี้ที่ถูกฟ้องแล้ว | ลูกหนี้ SME | คนที่เป็นหนี้บริษัทบริหารสินทรัพย์ | คนที่ไม่อยากโดนยึดบ้าน/ที่ดิน

📌 ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยดูเคสให้ — มีบริการให้เลือก 3 ระดับตามความเหมาะสม:

✅ 3,500 บาท – ปรึกษาทางโทรศัพท์ได้ตลอดชีพ ไม่จำกัดครั้ง
✅ 20,000 บาท – วิเคราะห์เจาะลึก นัดเจอที่ออฟฟิศ แล้วดูแลต่อทางโทรศัพท์
✅ 35,000 บาท – ทีมผมเจรจาแทนเต็มระบบ (ต่อเจ้าหนี้ 1 ราย) สำหรับลูกหนี้ธุรกิจ

📲 ทัก LINE: [] หรือโทร 065-626-4545
💵 โอนเงินได้ที่:
ธ.กสิกรไทย
ชื่อบัญชี: บริษัท อันโตนิโอ แอททอร์นี จำกัด
เลขที่บัญชี: 069-8-29148-6

🎓 ถ้าอยากฟังเคสจริงลึกกว่านี้ — สมัครสมาชิก YouTube พิเศษได้เลย:

🟡 300 บาท/เดือน – เหมาะกับคนมีหนี้บัตร, รถ, บ้าน
🔴 900 บาท/เดือน – เหมาะกับเจ้าของกิจการ SME และหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่

คลิปเจาะเคสจะลงทุกสัปดาห์ ทั้งเทคนิค, ข้อกฎหมาย, ช่องที่แบงก์เปิดให้ต่อรองจริง

กดสมัครสมาชิกได้ที่หน้าช่อง YouTube "Antonio Attorney"
https://www.youtube.com/channel/UCcADQXY_tZ4vHBfWCK0lTSw/join

#โดนฟ้อง #บริหารสินทรัพย์ #สุขุมวิท #เจรจาหนี้ #ถูกบังคับคดี #ถูกยึดทรัพย์ #ปรึกษาหนี้ #แก้หนี้SME #เจรจากับAMC

ทัศนคติเล็ก ๆ ที่มองข้าม...อาจกำลังตัดทางรอดของคนเป็นหนี้ในโลกของการเป็นลูกหนี้ กรอบความเชื่อทางการเงินอาจกลายเป็นกรงขัง...
07/08/2025

ทัศนคติเล็ก ๆ ที่มองข้าม...อาจกำลังตัดทางรอดของคนเป็นหนี้

ในโลกของการเป็นลูกหนี้
กรอบความเชื่อทางการเงินอาจกลายเป็นกรงขังที่มองไม่เห็น
พร้อมกดทับเราให้ก้าวเดินช้าลง
และเมื่อกรอบเหล่านี้ไม่ถูกตั้งคำถามเลย
ภาพทางรอดจากหนี้ก็จะถูกบิดเบือนจนไม่ชัดเจน
บางทีพื้นที่เจรจาที่ควรจะเป็นเวทีนำเสนอแผน
กลับกลายเป็นสนามประลองอารมณ์และข้อแก้ตัว
จนเจ้าหนี้ปิดประตูหันหน้าหนี
ทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘ไม่ไหว’ จนมองเป็น ‘ข้ออ้าง’

บทความนี้จะพาเจาะลึกกรอบความเชื่อทางการเงิน
ที่คุกคามโอกาสของลูกหนี้
พร้อมเปิดมุมมองใหม่ให้มองหนี้เป็น ‘จุดเปลี่ยน’ แทน ‘ตราบาป’
เตรียมพบกับเรื่องราว ข้อสังเกตที่ถูกมองข้าม
และเทคนิคเล็กน้อยที่จะรื้อกรอบเดิมให้หลุดลุ่ยออกไป

ทุกวันนี้ หันไปทางไหน
ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรายังเจอกรอบ
ความเชื่อที่ฝังลึกของลูกหนี้ที่สามารถทำลายทางรอดตัวเองกันอยู่
ยกตัวอย่างเช่น
ลูกหนี้จำนวนมากเชื่อว่าการมีหนี้เป็นตราบาปติดตัว
เมื่อต้องเล่าเหตุผลทั้งหมดออกไป
จะกลายเป็นการประกาศ ‘ความผิดพลาด’
จนเจ้าหนี้มองว่าไม่มีโอกาสแก้ตัว
แนวคิดนี้จึงกักขังให้เรามองแต่จุดอ่อน
ไม่ยอมมองจุดแข็งที่ยังเหลืออยู่
หรืออีกรูปแบบ คือ การเล่าทุกซอกทุกมุม = แสดงความจริงใจ
คิดว่าเปิดทุกเรื่องจะสร้างความซื่อสัตย์
แต่จริง ๆ กลับกลายเป็น ‘หลักฐานมัดตัว’
เพราะเมื่อภายในกระเป๋าเงินไม่เพียงพอ ข้อเท็จจริงทุกเม็ด
จะถูกตีความเป็นสัญญาณว่า ‘ไม่พร้อมจ่าย’
นอกจากนี้
ยังมีการรีบไถ่ถอนให้หมดภายในเร็ววัน = หนทางสู่ผลลัพธ์ฉับพลัน
การตั้งเป้าให้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาสั้น
อาจเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
แต่หากไม่มีแผนรองรับรายรับ–รายจ่าย
การเข้าสู่สภาวะ ‘ติดลบ’ จะยิ่งลึก
จนไม่มีแรงหายใจทันทีที่เงื่อนไขแรกไม่ได้รับการปรับ
และสุดท้าย ปิดประตูเจรจาหลังโดนปฏิเสธครั้งแรก
เมื่อคำขอแรกไม่ได้ผล หลายรายเลือกถอย ไม่กล้าเปิดหน้าเจรจาอีก
เพราะมองว่าไม่มีทางเลือก นี่คือกับดักสำคัญที่สุด
ทั้งที่อาจมี ‘ประตูหลัง’ ที่ยังไม่ได้ลองเปิด

จึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า
“เมื่อกรอบไม่ถูกตั้งคำถาม…โอกาสจะยังคงเป็นแค่ภาพฝัน”

ลองมาดูกรณีศึกษาและข้อสังเกตที่ถูกละเลย
เคสที่ 1: ร้านกาแฟอินดี้กับยอดหนี้เพิ่มพรวด
เจ้าของร้านเล่าเหตุผลว่าค่าผ่านทางวัตถุดิบพุ่งสูง
พร้อมเปิดรายจ่ายส่วนตัว คิดว่าพละกำลังใจจะช่วยให้ได้เงื่อนไขดีขึ้น
ผลกลับกลายเป็นธนาคารสรุปว่า
‘ไม่มีช่องว่างให้ให้ยืมมือ’ เพราะข้อมูลทุกเม็ดถูกตีความว่า ‘ไม่พร้อมจ่าย’
เคสที่ 2: ผู้รับเหมาสร้างบ้านและภาระต้นทุน
นำเสนอรายรับ–รายจ่ายของโครงการก่อสร้างทั้งหมด
ไปจนถึงค่าแรงรายวันของแรงงาน
แต่เจ้าหน้าที่หนี้สรุปว่า ‘ระยะเวลาคืนทุนเกินไป’
ทั้งที่ยังมีคำสั่งซื้อคงค้างอีกหลายโครงการ
เคส 3: ผู้ประกอบการออนไลน์กับแผนแบ่งจ่าย
ลูกหนี้รายนี้เลือกเล่าความลำบากทั้งหมด ก่อนเสนอวิธีแบ่งจ่าย
ปัญหาไม่ใช่การเล่า แต่เป็นการเล่า ‘ทุกเรื่อง’
ที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นเหตุผลปฏิเสธทุกแผน
ข้อสังเกตสำคัญ
ข้อมูลที่มากเกินไป บดบัง ‘ภาพการจ่ายได้จริง’
ข้อแก้ตัวและเหตุผลส่วนตัว ถูกใช้เป็นตราบาปทางความเชื่อ
การขาดแผนสำรอง สร้างความไม่แน่นอนในสายตาเจ้าหนี้

3 ขั้นตอนรื้อกรอบ…เพื่อสร้างโอกาสใหม่
คัดเฉพาะข้อมูลที่สำคัญ
ยอดหนี้ต้น–ดอกที่ชัดเจน
ความสามารถในการจ่ายต่อเดือน โดยเน้นยอดที่แน่นอน
แผนสำรองในกรณีเหตุสุดวิสัย
ปรับเปลี่ยนภาษาจากข้อแก้ตัวเป็นข้อเสนอ
แทนที่จะพูดว่ากระแสเงินสดไม่พอ
ให้พูดว่า ‘เสนอแบ่งจ่ายต้น–ดอก ตามแผนนี้’
เปลี่ยน ‘เศรษฐกิจแย่’ เป็น ‘ยินดีร่วมวางแผนเงื่อนไขระหว่างนี้’
ตั้งคำถามปลายเปิด เพื่อกระตุ้นการร่วมคิด
“แผนนี้จะช่วยรักษาโอกาสในการคืนทุนได้อย่างไร?”
“หากแบ่งจ่ายตามแผนนี้ จะมีความเสี่ยงตรงไหนที่ควรเผื่อ?”
“ร่วมกันปรับเงื่อนไขในระยะสั้น เพื่อผลลัพธ์ระยะยาวได้หรือไม่?”
“การตั้งคำถาม…ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการเชิญให้ร่วมแก้เกม”
หากคุณยังไม่มั่นใจในการเริ่มต้นด้วยตัวเอง…ลองให้ Antonio ช่วยคุณยืนหยัด
- วิเคราะห์หนี้แบบเจาะลึก
- วางแผนเจรจา / ปรับโครงสร้าง
- หรือดูแลจนถึงจบคดี
เริ่มต้นเพียง 3,500 บาท — หรือแบบรายกรณี 20,000 / 35,000 บาท
ทักปรึกษาได้ที่ LINE: หรือโทร 065 626 4545
บัญชี: กสิกรไทย
ชื่อบัญชี: บริษัท อันโตนิโอ แอททอร์นี จำกัด
เลขที่บัญชี: 069-8-29148-6

เห็นได้ชัดว่า
การสื่อสารที่ถูกจังหวะ…เหนือกว่าการเล่าเต็มปาก
พูดเฉพาะเรื่องที่สร้างภาพชัดเจน ไม่ต้องเล่าทุกเรื่องจนเจ้าหนี้ปิดหู
ความกล้าเปิดโต๊ะเจรจาซ้ำ…มากกว่าการยอมถอยครั้งเดียว
เมื่อแผนแรกโดนปัดตก การกลับมาเสนอแผนใหม่คือการไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอย

ส่งท้ายจาก Antonio
กรอบความเชื่อทางการเงินไม่ใช่ข้ออ้างให้หยุดเดิน
แต่เป็นโจทย์ให้ตั้งคำถาม การรื้อกรอบออก…
คือการสร้างพื้นที่สำหรับกรอบใหม่ที่แข็งแรงกว่า
นำข้อมูลที่สำคัญขึ้นเวที และใช้คำพูดที่เปลี่ยนจาก ‘ขอ’ เป็น ‘เสนอ’
เมื่อนั้นทางรอดจะไม่ใช่เรื่องฝัน แต่กลายเป็นแผนที่จับต้องได้ครับ

ทำตามนี้! เช็คลิสต์เงินเก็บฉุกเฉินที่ช่วยให้คุณมีเงินสำรองในยามจำเป็น
07/08/2025

ทำตามนี้! เช็คลิสต์เงินเก็บฉุกเฉินที่ช่วยให้คุณมีเงินสำรองในยามจำเป็น

เช็คลิสต์ เงินเก็บฉุกเฉิน เริ่มต้นง่ายๆ ถ้าทำตามนี้ ✔

การมีเงินเก็บฉุกเฉินถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรมีเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย การสูญเสียงาน หรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ เงินเก็บนี้จะช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ วันนี้เรามีเช็คลิสต์ง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มเก็บเงินฉุกเฉินได้ทันที

1. ตั้งเป้าหมายเงินเก็บ 💰
ก่อนที่คุณจะเริ่มเก็บเงินสิ่งแรกที่ต้องทำคือการตั้งเป้าหมาย ว่าอยากเก็บเงินไว้เท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้มีเงินเก็บประมาณ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ถ้าคุณใช้จ่ายเดือนละ 15,000 บาท เป้าหมายเงินเก็บฉุกเฉินของคุณน่าจะอยู่ที่ประมาณ 45,000-90,000 บาท

2. เริ่มเก็บทีละน้อย 🏦
หลายคนอาจคิดว่า การเก็บเงินฉุกเฉินต้องทำให้ได้จำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่จริง ๆ แล้วคุณสามารถเริ่มต้นจากการเก็บเงินทีละน้อยได้ เช่น ตั้งเป้าเก็บ 10-20% ของรายได้ในแต่ละเดือน ถึงแม้จะดูน้อยแต่ถ้าทำสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ เงินเก็บจะเพิ่มขึ้น

3. แยกบัญชีสำหรับเงินเก็บฉุกเฉิน 📑
การมีบัญชีแยกต่างหากจะช่วยให้คุณไม่ใช้เงินเก็บนี้ไปในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น เปิดบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีที่มีความสะดวกในการถอนเงินแต่ไม่สามารถใช้ในการซื้อของประจำวัน จะช่วยให้คุณเก็บเงินได้ดีขึ้น

4. ติดตามการใช้จ่าย 📊
รู้ว่าเงินของคุณไปไหนบ้างจะช่วยให้คุณเห็นภาพการเงินและสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ถ้ามีการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือสามารถลดลงได้ คุณก็สามารถนำเงินที่ประหยัดมาเก็บไว้ในบัญชีเงินเก็บฉุกเฉินได้

5. ตั้งระยะเวลาให้ชัดเจน 🗓️
การตั้งระยะเวลาในการเก็บเงินจะช่วยให้คุณรู้สึกมีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ตั้งใจจะเก็บเงิน 50,000 บาทใน 6 เดือน ก็จะต้องเก็บเดือนละประมาณ 8,000 บาท การตั้งเป้าหมายแบบนี้จะทำให้คุณเก็บเงินได้ตามที่ต้องการ

6. หาวิธีเพิ่มรายได้ 💼
บางครั้งการเก็บเงินจากรายได้ประจำอาจไม่พอ ลองหาวิธีเพิ่มรายได้เสริม เช่น ทำงานพาร์ทไทม์ ขายของออนไลน์ หรือใช้ทักษะที่คุณมีมาเสริมรายได้ จะช่วยให้คุณเก็บเงินได้เร็วขึ้น และทำให้เป้าหมายเงินเก็บฉุกเฉินของคุณสำเร็จเร็วขึ้นด้วย!

7. อย่าใช้เงินเก็บฉุกเฉินถ้าไม่จำเป็น 🚫
เมื่อคุณเริ่มเก็บเงินฉุกเฉินได้แล้ว ต้องตั้งใจว่ามันจะใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น เช่น การเจ็บป่วย หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินอื่น ๆ อย่าเอาเงินส่วนนี้ไปใช้กับสิ่งที่ไม่จำเป็น

8. ปรับแผนตามสถานการณ์ 🔄
บางเดือนอาจมีรายได้มากหรือน้อยกว่าปกติ คุณสามารถปรับแผนการเก็บเงินตามสถานการณ์ได้ แต่การเก็บเงินก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่าให้ความสะดวกสบายหรือเหตุผลต่างๆ มาเป็นข้ออ้างในการไม่เก็บ

📌การเก็บเงินฉุกเฉินเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และทำตามแผนที่วางไว้ การเก็บเงินไม่ต้องเร่งรีบ แต่ควรทำให้เป็นนิสัย ทุกคนสามารถมีเงินเก็บฉุกเฉินได้ถ้าทำตามเช็คลิสต์นี้ แล้วคุณจะรู้สึกมั่นใจขึ้นเมื่อมีเงินเก็บไว้ในยามที่ไม่คาดคิด!

#เงินเก็บ #รู้ไว้รอด #เช็คลิสต์ #เงินเก็บฉุกเฉิน #เป้าหมายมีไว้พุ่งชน

07/08/2025

ไม่ต้องวิ่งเร็วกว่าใคร
แค่หยุดวิ่งวนอยู่กับหนี้แบบเดิม ๆ
ก็ถือว่าไปได้ไกลขึ้นแล้ว

07/08/2025

หนี้เปลี่ยนชีวิต คือ
คุณเลือกได้ว่าจะเปลี่ยน
ไปในทางที่ดีกว่าเดิมหรือไม่

07/08/2025

'ไม่ปรับไม่รอด' ไม่ได้ใช้ได้
แค่กับปัญหาเศรษฐกิจ
แต่ใช้ได้กับหนี้สินด้วยเหมือนกัน

"ทำไมคนเจรจาหนี้ถึงไม่ควรบอกว่าเป็นที่ปรึกษา?"บางคนเจรจาหนี้ไม่เคยรอด… เพราะพูดมากเกินไปบางคนแค่บอกว่า “มีที่ปรึกษา” ก็พ...
07/08/2025

"ทำไมคนเจรจาหนี้ถึงไม่ควรบอกว่าเป็นที่ปรึกษา?"

บางคนเจรจาหนี้ไม่เคยรอด… เพราะพูดมากเกินไป
บางคนแค่บอกว่า “มีที่ปรึกษา” ก็พังแล้ว
แต่วันนี้… SCB กลับเชิญผมไปคุยเรื่องหนี้ SME ถึงสำนักงานใหญ่

ทุกครั้งที่ผมรับงานเจรจาหนี้ ถ้าเคสของลูกค้าไม่ใหญ่มาก ภาระหนี้ไม่เกิน 100 ล้าน ผมมักจะบอกลูกค้าว่า
“อย่าบอกว่าผมเป็นที่ปรึกษาการเงินนะครับ”
เพราะถ้าธนาคารรู้ มันอาจไม่เป็นผลดีกับการเจรจา
บางครั้งอาจจะทำให้ฝั่งเจ้าหนี้รู้สึกว่า

“อ๋อ...ลูกหนี้รายนี้มา ‘เอาจริง’ นะ”

แต่วันนี้ ธนาคารใหญ่ระดับประเทศอย่าง SCB ไทยพาณิชย์
ติดต่อเข้ามาหาทีมงานผมโดยตรง เชิญให้ผมไปที่สำนักงานใหญ่รัชโยธิน
เพื่อคุย–แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่อง “หนี้ของ SME”

ผมรู้สึกงง ๆ อยู่เหมือนกันนะ...
ธนาคารระดับนี้ เชิญผมเข้าไปพูดคุยกับ “ผู้บริหารระดับสูง”
แต่ในเมื่อเขาให้เกียรติ ผมก็ยินดีรับคำเชิญด้วยความเต็มใจครับ

คุณรู้ไหมว่า...
ลูกหนี้จำนวนมาก ที่พยายามเจรจากับธนาคารด้วยตัวเอง
มักจะจบลงด้วย “เงื่อนไขที่ไม่ใช่เงื่อนไขที่ดีที่สุด”
เพราะไม่รู้เลยว่า...

> ธนาคารแต่ละที่ ให้เงื่อนไขอะไรได้บ้าง

หลายคนพอเจอคำตอบว่า
“ธนาคารมีนโยบายแบบนี้ครับ ทำได้แค่นี้ครับ”
ก็ยอมรับเงื่อนไขแบบนั้น โดยไม่รู้เลยว่า…
บางรายได้ดีกว่านั้น
แต่เพราะไม่รู้... จึงไม่มีวันได้

และที่น่าหนักใจกว่านั้นคือ...
บางคนโชคร้าย เจอเจ้าหน้าที่ที่ไม่อยากช่วย
หรือพูดตรง ๆ ว่า "ไม่จริงใจกับลูกค้า"
เงื่อนไขดี ๆ ที่ควรได้… ก็เลยไม่มีใครพูดถึง

ผมทำงานในวงการแก้หนี้นี้มาเกือบ 30 ปี เจอเคสมาเป็นพัน
หน้าที่ของผมไม่ใช่การต่อรองแบบปะทะ
แต่คือการ "หาข้อยุติ" ที่ทั้งฝั่งลูกหนี้และธนาคาร "ไปต่อได้จริง"
ลูกหนี้รอด = ธนาคารก็รอด

แล้ววันนี้ผู้บริหาร SCB ก็โทรมาเชิญผมไปคุยที่สำนักงานใหญ่
มันเลยเกิดคำถามในใจขึ้นมาว่า...

“เรา...ที่เคยซ่อนตัวอยู่ในเงา
ตอนนี้กำลังถูกดึงเข้าสู่เวทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วหรือเปล่า”

ผมสร้าง content เพื่อให้คนที่กำลังเป็นหนี้
รู้ว่า...
"เรายังมีสิทธิ์ และมีพื้นที่ให้ต่อรองด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ความกลัว"
และการเจรจาที่ดีต้องตั้งอยู่บนตัวเลข ไม่ใช่อารมณ์

เวลาไปรับงาน ผมไม่เคยทำตัวเป็น ‘เซียนเจรจา’
ไม่โชว์ภูมิ
ไม่ข่มเจ้าหนี้
ไม่ยืดเยื้อ
ไม่กวนตีนเจ้าหนี้
ผมเข้าไปด้วยความนอบน้อม และใช้สามสิ่งเท่านั้นเป็นหลัก
ความจริง → รูปแบบ → ความเป็นไปได้

เจรจาที่ดี ต้องเป็นแบบที่

> “เจ้าหนี้ได้คืนจริง”
> “ลูกหนี้รอดจริง”
> และ “ระบบโดยรวมแข็งแรงขึ้น”

ผมไม่ได้เข้าข้างลูกหนี้ 100% นะครับ
บางเคส ผมยังต้องบอกลูกค้าเลยว่า

> “พอแล้วครับพี่ ได้เงื่อนไขดีขนาดนี้ จบเถอะครับ...ไปต่อไม่คุ้ม”

ตรงนี้แหละ คือสิ่งที่ผมเชื่อว่าที่ปรึกษาการเงินที่ดีควรทำ
ไม่ใช่เป็นนักสู้แทนลูกหนี้
แต่เป็น “สะพานกลาง”
ที่รู้ว่า... เมื่อไหร่ควรดัน เมื่อไหร่ควรหยุด

เรื่องมันเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อ content ที่ผมทำ
ทั้งบน Facebook และ YouTube เริ่มมีคนฟังมากขึ้น
ไม่ใช่แค่ลูกหนี้ที่ฟัง…
แต่ “เจ้าหนี้” ก็ฟังด้วย

ปีที่แล้ว ผมได้รับการเชิญจาก บสย. (หน่วยงานที่ค้ำประกันสินเชื่อให้ SME)
ไปร่วมพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงหลายท่าน
แปลว่า... เขากำลังฟังสิ่งที่เราพูด

และหลายเดือนก่อน ตอนผมเดินทางไปเจรจาหนี้ให้ลูกค้า
กับบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท ที่สาขาสุราษฎร์
ผมเข้าไปคนเดียวเลยครับ
คำถามแรกจากเจ้าหน้าที่คือ...

> “วันนี้ไม่ถ่ายคลิปเหรอครับ?”
> “สินทรัพย์สุขุมวิทรู้จักคุณกันเกือบหมดแล้วนะ”

ผมได้แต่นิ่ง… แล้วในใจก็เริ่มถามตัวเองว่า

> “เรายังเป็นคนหลังม่านแบบเดิมได้อยู่อีกมั้ย?”

ผมมักจะขอให้ลูกค้าบอกเจ้าหนี้ว่า
ผมเป็นญาติ ไม่ใช่ที่ปรึกษา
เพราะกลัวเจ้าหนี้จะยึดถือภาพที่ปรึกษาการเงินแบบผิดๆ
แต่วันนี้ ธนาคารใหญ่ระดับประเทศกำลังเชิญเราไปคุยตรง ๆ
ผมเริ่มไม่แน่ใจว่า...

> “เรากำลังเปลี่ยนโลกจริง ๆ หรือเปล่าวะ?”

ผมไม่ได้พูดแบบนี้เพื่อจะบอกว่า "ผมดัง"
แต่ผมกำลังจะบอกว่า...

> สิ่งที่เราทำ มันเริ่ม กระทบกับโครงสร้างใหญ่ของระบบหนี้แล้ว
> และ content ที่เคยเป็น “เครื่องมือช่วยลูกหนี้”
> อาจกลายเป็น ดาบสองคม

เพราะเจ้าหนี้ก็กำลังศึกษาวิธีคิดของลูกหนี้จาก content เหล่านั้นอยู่เหมือนกัน...

ต่อจากนี้ ผมจะต้อง ระวังให้มากขึ้น
แต่ผมก็ยังเชื่อว่า...

> ลูกหนี้ที่มีข้อมูลดี = ลูกค้าที่ธนาคารก็อยากได้
> และผมยังจะทำหน้าที่เป็น "ตัวกลาง" แบบเดิม
> ที่ทำให้ระบบมันสมดุล ไม่ใช่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง

เราช่วยลูกหนี้ให้รอด
แต่เราก็ไม่เคยแนะนำให้เอาเปรียบเจ้าหนี้
เราช่วยหาจุดกลาง ที่ ทั้งคู่รอด

📌 ถ้าคุณเป็น SME ที่มีหนี้ และอยากได้ “คนกลาง” แบบเข้าใจจริง ไม่ใช่แค่ทนาย ไม่ใช่แค่พี่ชายใจดี
Antonio มีบริการ 3 ระดับให้เลือกครับ:

3,500 บาท → ปรึกษาทางโทรศัพท์ได้ตลอดชีพ คุยกันแบบจริงใจ ไม่ต้องเกรงใจ
20,000 บาท → มาวิเคราะห์กันตัวต่อตัวที่ออฟฟิศ Antonio แล้วหลังจากนั้นคุยทางโทรศัพท์ได้ตลอดชีพ
35,000 บาท → สำหรับ SME ที่มีภาระหนี้ระดับหนัก Antonio และทีมจะ “เจรจาแทนคุณโดยตรง” กับธนาคาร (ต่อเจ้าหนี้ 1 ราย)

📲 ทัก LINE: [] หรือ โทร 065 626 4545

💵 ช่องทางโอนเงิน:
บัญชี: กสิกรไทย
ชื่อบัญชี: บริษัท อันโตนิโอ แอททอร์นี จำกัด
เลขที่บัญชี: 069-8-29148-6

🎓 และถ้าคุณอยากเรียนรู้จากเคสจริงแบบไม่ต้องรอใครสอน
สมัครสมาชิก YouTube พิเศษของผมได้เลย
ราคาเพียง 300 / 900 บาท
ให้กดสมัครที่หน้าช่อง YouTube ของผม — ช่อง Antonio Attorney
https://www.youtube.com/channel/UCcADQXY_tZ4vHBfWCK0lTSw/join

และก่อนจะถึงวันนัด
ถ้าคุณมีหนี้กับ SCB — โดยเฉพาะหนี้ธุรกิจ
อยากฝากอะไรถึงผู้บริหารไทยพาณิชย์ให้ผมไปพูดในห้องนั้น
พิมพ์ใน comment ได้เลยครับ

ผมจะเอาข้อมูลจากปากคุณ...
เข้าไปบอกคนที่มีอำนาจ
เพื่อให้ “เสียงจาก SME” ได้รับฟังอย่างแท้จริง

เราจะไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวอีกต่อไปครับ
✊ สำหรับลูกหนี้ SME ประเทศไทย

💳 คนไทย 70%  ใช้ บัตรเครดิต ผิดวิธี!!————————————————–———–⚠️ คนไทย 70% ใช้ บัตรเครดิต ผิดวิธีกี่ใบก็ไม่ช่วย… ถ้ายังไม่เข...
06/08/2025

💳 คนไทย 70% ใช้ บัตรเครดิต ผิดวิธี!!
————————————————–———–
⚠️ คนไทย 70% ใช้ บัตรเครดิต ผิดวิธี
กี่ใบก็ไม่ช่วย… ถ้ายังไม่เข้าใจ 5 เรื่องนี้

│ “บัตรเครดิตไม่ใช่ปัญหา…แต่คนใช้คือปัญหาที่แท้จริง”
│ คำพูดนี้แรง แต่มีคนจำนวนมากที่เริ่มรู้ตัวเมื่อมันสายไปแล้ว
————————————————–———–
📍 ทำไม บัตรเครดิต ถึงกลายเป็นกับดัก?

บัตรเครดิตถูกโฆษณาให้เป็น “สิทธิพิเศษของคนมีเครดิต”
แต่เบื้องหลังของมันคือเครื่องมือทางการเงินที่
ออกแบบมาเพื่อสร้างหนี้อย่างถูกกฎหมาย

│ คนไทยมีบัตรเครดิตกว่า 28 ล้านใบ
│ และกว่า 70% ใช้ผิดวิธีจนดอกเบี้ยกินชีวิต
│ (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย และ ศูนย์วิจัยหลายแห่งในปี 2024)
————————————————–———–
5️⃣ พฤติกรรม “ใช้ผิด” ที่ทำให้คนมีบัตร กลายเป็นคนติดลบ

𝟭. ใช้บัตรแทนเงินเดือน
│ ใช้เพื่อความอยู่รอด เพราะเงินเดือนหมดก่อนถึงสิ้นเดือน
│ นี่คือสัญญาณว่า “คุณไม่ได้ใช้บัตรเพื่อบริหารเงิน
│ แต่ใช้เพื่อประคองชีวิต”
│ และชีวิตที่ประคองด้วยหนี้…จะจมลึกขึ้นเรื่อย ๆ

𝟮. รูดไม่คิด เพราะเห็นคำว่า “ผ่อน 0%”
│ จริงอยู่ที่มันไม่มีดอกเบี้ย…
│ แต่คุณกำลังผูกตัวเองกับภาระรายเดือน
│ คนที่ผ่อนหลายก้อนพร้อมกัน อาจมีภาระเท่ากับผ่อนรถ 1 คัน
│ โดยที่ไม่มีสินทรัพย์อะไรเหลือเลย

𝟯. ไม่เคยรู้วันตัดรอบ / วันชำระบัตรเลย
│ รูดบัตรเหมือนเล่น Tinder—รูดไปก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน
│ แต่พอถึงวันตัดรอบ ไม่รู้ว่ามีเงินจ่ายหรือไม่
│ ผลลัพธ์ : ดอกเบี้ย 16–20% ต่อปีวิ่งเข้าใส่คุณแบบไม่ปรานี

𝟰. จ่ายขั้นต่ำเพื่อ “ยื้อ” ไม่ใช่เพื่อ “วางแผน”
│ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า “จ่ายขั้นต่ำ”
│ คือการยอมให้ดอกเบี้ยทบต้นทุกเดือน
│ ตัวอย่าง : หนี้ 50,000 บาท ถ้าจ่ายขั้นต่ำ คุณอาจใช้เวลา 5–7 ปี
│ และจ่ายรวมกว่า 80,000 บาท

𝟱. มีหลายใบเพราะคิดว่า ‘สำรอง’ แต่จริง ๆ คือเพิ่มช่องรูด
│ บางคนถือ 4–5 ใบ เพราะรู้สึกอุ่นใจ
│ แต่บัตรทุกใบ คือ “กับดักดอกเบี้ย” ที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋า
│ และพอถึงจุดหนึ่ง…คุณจะไม่รู้ว่าเป็นหนี้กับใครอยู่บ้าง

————————————————–———–
🎯 แล้ว “ใช้ให้เป็น” มันต้องทำยังไง?

🔴 บัตรเครดิตไม่ผิด — แต่ต้องใช้เป็น “กลยุทธ์” ไม่ใช่ “เครื่องประคองชีวิต” 🔴

● ใช้เฉพาะในกรณีที่วางแผนจ่ายครบ 100% ทุกเดือน
● ติดตามรอบบิล / วันตัดรอบ เพื่อเลื่อนจ่ายอย่างชาญฉลาด
● ห้ามใช้เพื่อเสริมรายจ่ายฟุ่มเฟือย หรือรูดตามอารมณ์

│ บัตรเครดิตควรช่วยคุณรักษาสภาพคล่อง
│ ไม่ใช่ทำลายกระดูกสันหลังทางการเงิน
————————————————–———–
🤝 และถ้าคุณรู้ตัวช้าไปแล้ว — ไม่เป็นไร
│ ถ้าคุณรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ถูกบัตรกินไปทั้งเดือน
│ ถ้าคุณรูดเพื่อยื้อ และจ่ายขั้นต่ำเพื่อเอาตัวรอด…

ผมอยากให้คุณรู้ว่า คุณไม่ต้องสู้คนเดียว
นี่คือ 3 ทางเลือกที่ออกแบบมาเพื่อ “คนเป็นหนี้โดยเฉพาะ”

🔍 ให้คำปรึกษาตลอดชีพ – 3,500 บาท
เหมือนมี “พี่เลี้ยง” คอยรับสาย คอยชี้ทางทุกครั้งที่คุณกำลังหลุด

🧩 วางแผนแบบเจาะลึก – 20,000 บาท
นัดพบที่ออฟฟิศ Antonio เจาะทุกมิติ ปลดล็อกทั้งการเงินและกฎหมาย

⚖️ ให้เราลงไปจัดการแทนคุณ – 35,000 บาท / สถาบัน
ทีมเราพร้อมเจรจากับเจ้าหนี้ ให้คุณกลับมาเริ่มต้นใหม่แบบมีศักดิ์ศรี

▶️ หรือถ้าคุณยังไม่พร้อมใช้บริการเต็มรูปแบบ
เริ่มต้นง่าย ๆ กับ คอร์สเรียนออนไลน์เดือนละ 300 บาท
เรียนรู้วิธีคิดใหม่ แล้วคุณจะหยุดรูดแบบหลงทาง

“ปลดหนี้ เริ่มที่การรู้ว่าใช้บัตรเครดิตผิดยังไง คนไทย 70% รูดบัตรด้วยความเข้าใจผิด แก้เกมให้ทันก่อนที่ดอกเบี้ยจะกลืนทั้งชีวิต แล้ววางแผนใหม่อย่างที่ควรเป็น”
————————————————–———–
📒 อ่านฉบับเต็ม >> https://shorturl.at/ZpFnH
————————————————–———–
#บัตรเครดิต #ปลดหนี้ #ดอกเบี้ย #กับดักทางการเงิน #ชีวิตติดรูด #จ่ายขั้นต่ำ
————————————————–———–
👇 อย่าลืมกด Subscribe และกดกระดิ่งเพื่อรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับคลิปใหม่ๆ และเข้าร่วมพูดคุยกับเราในคอมเมนต์ด้านล่าง!

🔗 Facebook: https://www.facebook.com/AntonioAttorney.Company
🔗 website: https://antonioattorney.com/
—————————————————-
✔️ สนใจให้ผมเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้คุณ

• 3,500 บาท ปรึกษาทางโทรศัพท์ ไม่จำกัดครั้งและเวลา ตลอดชีพ
• 20,000 บาท สำหรับแบบปรึกษา ตัวต่อตัว ( เจอตัว 1 ครั้ง ) หลังจากนั้น ปรึกษาทางโทรศัพท์ ไม่จำกัดครั้งและเวลา ตลอดชีพ !!
• 35,000 บาท – เราเจรจาหนี้แทนคุณ เหมาะกับเจ้าของธุรกิจหรือคนที่อยากให้เราดูแลต่อให้ครบ (ต่อเจ้าหนี้ 1 ราย)

และ คอร์สออนไลน์บน YouTube เริ่มต้นเพียง 300 บาท/เดือน
เพื่อให้คุณ “เตรียมพร้อม” ได้ด้วยตัวเอง

หากคุณพร้อมที่จะแก้ปัญหาหนี้ ติดต่อเราได้ที่ LineID :
🏦 ชำระค่าที่ปรึกษาผ่าน KBank 069 8 29148 6
📲 ส่งสลิปโอนเงินพร้อมชื่อและเบอร์ติดต่อไปที่ LineID:
————————————————–
หรือ อยากเรียนรู้ การแก้หนี้แบบ ออนไลน์ กดสมัครได้เลยครับ เดือนละ 300 บาท
ตามลิงค์นี้ครับ
https://www.youtube.com/channel/UCcADQXY_tZ4vHBfWCK0lTSw
ถ้ากดสมัครผ่าน ระบบ iOS ไม่ได้ กดสมัครผ่าน คอมพิวเตอร์ desktop หรือ notebook นะครับ
————————————————–
✅ แก้หนี้ สร้างหนี้ เราจัดการให้ ✅

ติดต่อ LineID : / 065 626 4545
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3lx2PIk
ดูคลิปพิเศษของ Antonio https://bit.ly/3wqjila

สนใจจัดสตรีมสดแบบนี้ไหม? ลองดู StreamYard สิ: https://streamyard.com/pal/d/6402755862724608

06/08/2025

“เคยมั้ย…อยู่ดีๆ ก็หมดไฟ เพราะธุรกิจที่คุณรัก พังลงด้วยสิ่งที่ควบคุมไม่ได้”
ลูกค้าคนนี้ก็เป็นแบบนั้น…

ตอนที่ผมรับเคสนี้
หนี้รวมกว่า 600 ล้านบาท
แต่สิ่งที่ผมมองไม่ใช่ แค่ตัวเลขภาระหนี้
ผมมอง “ศักยภาพของลูกค้า”
และศักยภาพของทรัพย์สินที่เขายังไม่กล้าใช้ให้ถูกวิธี

หลายคนท้อ…
แต่หลายคนก็รอด
ต่างกันตรงที่บางคน “ยอมลงมือ” และปรับ Mildset

ทำไมเคสนี้ถึงสำคัญ?
เพราะธุรกิจใหญ่ขนาดไหน…ก็ล้มได้ในวันเดียว ถ้าไม่มีแผน

เพราะหนี้ใหญ่แค่ไหน…ก็รอดได้ ถ้าไม่เอาแต่หลบ และไม่ยอมรับความจริง และไม่พร้อมที่จะกล้าแก้ปัญหา

เพราะแบงก์ไม่ได้ใจร้าย…แต่เขาไม่คุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่อง

ผมลงพื้นที่จริง เพื่อ “ฟังลูกค้า”
และ “ฟังให้ลึก เพื่อเข้าใจปัญหาของลูกค้า”

เพราะการแก้หนี้ที่ดี
มันไม่ใช่แค่ตัวเลขในกระดาษ
แต่มันคือการ “คืนธุรกิจ” ให้กับเจ้าของกิจการอีกครั้ง

บางคนแค่ได้เล่า
แค่มีคนฟังจริงๆ สักคน
ก็เริ่มมองเห็นทางรอดแล้ว

“ผมมีบริการให้คำปรึกษาแบบ 3,500 บาท — คุยกันได้ตลอดชีพ
เพราะบางครั้ง คุณไม่ได้ต้องการคนเก่ง…แต่คุณแค่ต้องการคนที่เข้าใจ”

แต่ถ้าคุณต้องการวางแผนลึก เห็นทุกจุดอ่อน–จุดแข็งของกิจการ

นัดเจอกันที่ออฟฟิศก็ได้ครับ — บริการนี้ 20,000 บาท

และถ้าเคสคุณพูดแทนตัวเองไม่ได้แล้ว

ผมกับทีมสามารถเจรจาแทนได้เต็มระบบ — ค่าดูแล 35,000 บาทต่อเจ้าหนี้ 1 ราย

📲 ติดต่อ LINE:
📞 โทร 065-626-4545

💵 โอนเงิน:
บัญชี: กสิกรไทย
ชื่อบัญชี: บริษัท อันโตนิโอ แอททอร์นี จำกัด
เลขที่บัญชี: 069-8-29148-6

🧠 ผมมีคลิปลึก ๆ ที่ไม่อยากลงสาธารณะ
แต่เปิดให้เฉพาะสมาชิกใน YouTube เท่านั้น
เพราะบางเรื่อง…รู้แล้วเปลี่ยนมุมมองไปตลอดชีวิต

สมัครสมาชิกคลิปพิเศษได้ที่นี่
👉 https://www.youtube.com/channel/UCcADQXY_tZ4vHBfWCK0lTSw/join
(มีให้เลือกทั้ง 300 และ 900 บาท)

ถ้าคุณกำลังหมดแรง และยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน…
เก็บโพสต์นี้ไว้เงียบๆ ก็ได้ครับ
วันหนึ่ง…คุณอาจกลับมาอ่านมันอีกครั้งในวันที่ไม่มีใครให้ถาม

เคยพยายามมาทั้งหมดกี่ครั้งแล้ว…ก่อนจะหยุดพยายาม?หลายครั้งสังคมโทษคนหมดแรง…ก่อนจะมองว่าเขาเคยพยายามมากแค่ไหนหากใครพลาด ถู...
06/08/2025

เคยพยายามมาทั้งหมดกี่ครั้งแล้ว…ก่อนจะหยุดพยายาม?

หลายครั้งสังคมโทษคนหมดแรง…
ก่อนจะมองว่าเขาเคยพยายามมากแค่ไหน
หากใครพลาด ถูกตีตรา
การเป็นหนี้ ถูกเหมารวมว่าใช้เงินไม่เป็น
และโอกาสฟื้นตัวผูกไว้กับเครดิตดีพร้อมประวัติสะอาด

คำว่า ‘หมดแรง’ จึงไม่ใช่ข้ออ้างที่ใครอยากพูดเท่าไร
เพราะมันเหมือนข้ออ้างทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้คน ‘ท้อ’ โดยไม่ถูกตัดสินเลย

เมื่อคำว่า ‘พลาด’ ถูกโยงเข้ากับคำว่า ‘ผิด’
สังคมจะมองหาคนผิด ก่อนจะมองหาต้นเหตุ
สื่อจะขุดว่าใครใช้เงินเกินตัว แทนที่จะถามว่าเขารอดได้ยังไงมาถึงวันนี้
และระบบจะปล่อยให้คนเป็นหนี้…
เดินอยู่ในวงกลมเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่มีใครเดินเข้าไปถามว่า:
“เคยพยายามมาทั้งหมดกี่ครั้งแล้ว…ก่อนจะหยุดพยายาม?”

จุดที่ไม่รู้ว่าคือ ‘หนี้’ หรือ ‘หมดหวัง’
ไม่ใช่ทุกคนที่จ่ายหนี้ช้า...จะขาดวินัย
บางคนจ่ายหนี้ช้า เพราะไม่มีแม้แต่แรงจะเปิดซองจดหมาย
บางคนจ่ายขั้นต่ำ เพราะแค่ยังไม่กล้าดูยอดหนี้ที่แท้จริง
บางคนหยุดจ่ายไปเลย เพราะรู้สึกว่า…ต่อให้พยายามยังไงก็ไม่มีทางหมด
ไม่ใช่หนี้ที่ทำให้แพ้
แต่คือความรู้สึกว่า ไม่มีทางชนะต่างหาก ที่ทำให้คนหยุดสู้

บางกรณีที่ไม่จ่าย อาจจะไม่ใช่ไม่รู้...แต่รู้สึกว่า ‘ไม่ไหวแล้ว’
หลายคนไม่ได้โดนบีบจากเจ้าหนี้
แต่โดนบีบจากคำถามในใจตัวเอง
จะทำไปทำไม ถ้าทำไปก็ไม่มีทางหลุดหนี้?
จะอดออมไปทำไม ถ้าดอกเบี้ยก็วิ่งแซงอยู่ดี?
จะไปเจรจาทำไม ถ้าครั้งที่แล้วก็ไม่ช่วยอะไรเลย?

เมื่อคำถามเหล่านี้วนซ้ำ ๆ เหมือนลูปที่ไม่รู้จบ
ความพยายามครั้งต่อไปก็เริ่มจางลง
จนวันหนึ่ง เลิกแม้แต่จะพยายาม

พอหมดหวังจนไม่เห็นทางรอด
พฤติกรรมบางอย่างที่คนภายนอกมองว่า ‘แย่’
กลับเป็นกลไกการเอาตัวรอดแบบเงียบ ๆ
ไม่รับสายเจ้าหนี้ → เพราะไม่รู้จะพูดอะไรที่ฟังแล้วไม่อาย
ไม่ไปปรับโครงสร้างหนี้ → เพราะคิดว่าเป็นแค่ ‘ยืดเวลา’
ไม่หาความรู้เรื่องการเงิน → เพราะไม่มีแรงแม้แต่จะอ่านบทความพวกนี้
พฤติกรรมปฏิเสธความช่วยเหลือ
ไม่ใช่เพราะไม่อยากรอด
แต่อาจเพราะเคยช่วยตัวเองสุดกำลัง…แล้วโลกก็ไม่เปลี่ยนให้เลย

กับดักทางจิตวิทยาที่มองไม่เห็น:
‘ยอมรับความล้มเหลว’ จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ไม่มีใครตื่นเช้ามาพร้อมกับความคิดที่ว่า ‘อยากล้มเหลว’
แต่ถ้าตื่นมา 300 วัน…แล้วผลลัพธ์คือ ‘ยังไม่พ้นหนี้’
จิตใจจะเริ่มปรับตัวให้ยอมรับคำว่า ‘ล้มเหลว’
จนสุดท้ายกลายเป็น Comfort Zone ของความพัง
มันไม่ใช่พฤติกรรมไม่รับผิดชอบ
แต่มันคือการปรับสมดุลของจิตใจ เพื่อไม่ให้ชีวิตเละเทะไปมากกว่านี้
คนที่ล้มเหลวซ้ำไปซ้ำมาจะเริ่มสร้างเกราะบาง ๆ ขึ้นมาห่อหุ้มตัวเอง
ไม่หวัง ไม่ฝัน ไม่เจ็บเพิ่ม

จริง ๆ หนี้ที่แก้ยากที่สุดอาจไม่ใช่ยอดเงิน แต่คือ ‘ความรู้สึกว่าไม่มีทางเลือก’
เมื่อเชื่อว่า ‘ยังไงก็ไม่รอด’
สมองจะหยุดมองหาทางออก
และจะเริ่มมองเห็นแค่ ‘สิ่งที่ทำให้ยิ่งพัง’
หนี้ 3 แสน = มองว่าเยอะเกินไป เลยไม่จ่ายเลย
หนี้ดอกเบี้ย 22% = มองว่าไม่แฟร์ เลยไม่เจรจา
หนี้รายเดือน 5 พัน = มองว่าไม่มีวันหาได้ เลยไม่ขยับเลย
แต่ความน่ากลัวไม่ใช่จำนวนหนี้
ความน่ากลัวคือ จุดที่ใจลึก ๆ เริ่มบอกกับตัวเองว่า ‘ไม่มีอะไรที่ทำได้แล้ว’

ไม่ใช่ทุกคนที่หมดแรงจะร้องขอความช่วยเหลือ
เพราะหลายคน ‘เคยร้อง…แต่ไม่มีใครฟัง’
บางคนเคยเจรจากับธนาคารแล้วถูกมองว่าโกหก
บางคนเคยเปิดใจกับเพื่อนแต่ได้คำสอนกลับมาแทนความเข้าใจ
บางคนเคยพยายามใช้ทุกสูตรที่คนแนะนำ แต่พอไม่สำเร็จ ก็โดนตัดสินว่า ‘ไม่พยายามพอ’

ทีนี้ หนี้อาจไม่ได้ฆ่าคนแต่ ‘ความรู้สึกไร้พลัง’ นี่แหละ
ที่ทำให้หลายคนหลุดหายออกไปจากโลกความหวัง
เพราะค่าครองชีพโตเร็วกว่ารายได้
เพราะโอกาสไม่เคยเท่ากัน
เพราะความช่วยเหลือมีเงื่อนไข
เพราะหากใครพลาด…ก็มักโดนซ้ำ
บางทีจะโทษคนที่หมดแรงก็ไม่ได้
ถ้าสภาพแวดล้อมทั้งหมด บีบเขาว่า ‘อย่าหวังเลย มันไม่มีทางรอด’

ซึ่งอาการที่กล่าวมานี้ ถูกเรียกว่า
Learned Helplessness หรือภาวะ ‘หมดหวังจนเลิกพยายาม’
มักเกิดขึ้นเมื่อคนเราเจอสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ซ้ำ ๆ
จนต่อให้มีโอกาสหลุดพ้น ก็เชื่อว่าไม่มีทางสำเร็จ จึงไม่พยายามอีก
อธิบายง่าย ๆ ด้วยกลไกทางจิตวิทยา
การรับรู้ความไม่อิสระ: สมองประมวลผลว่า ‘ไม่ว่าจะทำอย่างไร ผลก็ไม่เปลี่ยน’
ลดแรงจูงใจ: ระบบ dopamine ที่กระตุ้นแรงบันดาลใจถูกดึงต่ำลง
ทัศนคติถอยหลัง: เกิดความเชื่อเชิงลบต่อความสามารถของตนเอง
ทั้งหมดทั้งมวล...แน่นอนว่าคนที่มีปัญหาหนี้หนัก ๆ นั้นมีอาการนี้กันเยอะ

ส่งท้ายจาก Antonio:
อยากให้คนที่ยังพอมีแรง...เข้าใจคนที่ไม่มีแรงก่อนจะตัดสิน
ใครที่ยังพอสู้ได้
อย่าเพิ่งมองคนที่ ‘หมดแรง’ เป็นคนไม่รับผิดชอบ
เพราะในโลกนี้ บางคนสู้จนหมดแรงไปตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทางของเราแล้วก็มี
หากต้องการแนวทางที่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่แค่สูตรสำเร็จทางการเงิน
Antonio มีบริการที่สามารถช่วยได้สำหรับคนที่ ‘เริ่มไม่ไหวแล้ว’
- วิเคราะห์หนี้แบบเจาะลึก
- วางแผนเจรจา / ปรับโครงสร้าง
- หรือดูแลจนถึงจบคดี
เริ่มต้นเพียง 3,500 บาท — หรือแบบรายกรณี 20,000 / 35,000 บาท
ทักปรึกษาได้ที่ LINE:
ช่องทางโอนเงิน
บัญชี: กสิกรไทย
ชื่อบัญชี: บริษัท อันโตนิโอ แอททอร์นี จำกัด
เลขที่บัญชี: 069-8-29148-6

เคยสงสัยไหม หนี้ระยะยาวหรือระยะสั้น เลือกแบบไหนไม่ให้กระทบการเงิน 🧐
06/08/2025

เคยสงสัยไหม หนี้ระยะยาวหรือระยะสั้น เลือกแบบไหนไม่ให้กระทบการเงิน 🧐

หนี้ระยะยาวหรือระยะสั้น: เลือกอย่างไรให้ไม่กระทบการเงินของคุณ ! 💸

การมีหนี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากในหลายๆ สถานการณ์ ทั้งการซื้อบ้าน การลงทุน หรือแม้กระทั่งการใช้บัตรเครดิต แต่การเลือกว่าจะใช้หนี้ระยะยาวหรือระยะสั้นนั้นมีผลต่อการจัดการการเงินของเราไม่น้อย เพราะแต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน

1. หนี้ระยะยาว : เหมาะสำหรับการลงทุนใหญ่ 🏡
หนี้ระยะยาว เช่น สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อเพื่อการลงทุน มีระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนาน มักจะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนชำระได้ยาว ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ภาระหนี้ยาวนานตามไปด้วย

ข้อดี:
> ดอกเบี้ยต่ำ
> ผ่อนระยะยาว ไม่กระทบการเงินในระยะสั้น

ข้อเสีย:
> ต้องผ่อนชำระไปนาน หากมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเงินอาจทำให้มีปัญหา
> กว่าจะชำระหมดก็ต้องใช้เวลาหลายปี
> หนี้ระยะยาวเหมาะสำหรับการซื้อทรัพย์สินที่มีมูลค่าในอนาคต หรือการลงทุนในสิ่งที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว เช่น บ้านหรือธุรกิจที่สามารถสร้างกำไร

2. หนี้ระยะสั้น: ใช้จ่ายเร็ว สะดวก แต่ต้องระวัง 🕒
หนี้ระยะสั้น เช่น หนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล มักจะมีระยะเวลาผ่อนชำระที่สั้นและดอกเบี้ยที่สูง เหมาะกับการใช้จ่ายในกรณีที่เราต้องการเงินด่วน เช่น การซ่อมแซมบ้าน หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ

ข้อดี :
> ผ่อนชำระรวดเร็ว
> ได้ใช้เงินทันทีในกรณีฉุกเฉิน

ข้อเสีย :
> ดอกเบี้ยสูง
> ต้องผ่อนชำระภายในระยะเวลาสั้น หากไม่ชำระให้หมดตามกำหนดจะโดนค่าปรับเพิ่ม
> หนี้ระยะสั้นควรใช้ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หรือเมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วน แต่ไม่ควรใช้เพื่อการบริโภค เพราะดอกเบี้ยที่สูงจะทำให้หนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

3. เลือกหนี้อย่างไรให้ไม่กระทบการเงินของคุณ? 💡
การเลือกหนี้ระยะยาวหรือระยะสั้นต้องพิจารณาจากสถานการณ์การเงินของคุณเป็นหลัก ถ้าคุณมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถชำระหนี้ระยะยาวได้โดยไม่กระทบกับการเงินของคุณ หนี้ระยะยาวจะช่วยคุณในเรื่องการลงทุนและการซื้อทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต

> ในทางกลับกัน หากคุณต้องการเงินใช้ทันทีและมีความจำเป็นจริง ๆ หนี้ระยะสั้นก็อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่อย่าลืมว่าคุณต้องจ่ายภายในระยะเวลาสั้นๆ และไม่ให้มันกลายเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น

📍การเลือกหนี้ระยะยาวหรือระยะสั้นควรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ หากสามารถจัดการหนี้ระยะยาวได้โดยไม่กระทบกับรายจ่ายอื่น ๆ หนี้ระยะยาวก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน หนี้ระยะสั้นก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ต้องระวังเรื่องดอกเบี้ยสูงและการผ่อนชำระให้ทัน

#หนี้ #การเงิน #รู้ไว้รอด #หนี้ระยะยาว #หนี้ระยะสั้น

06/08/2025

ที่อยู่

11/27
Bang Na
10260

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66656264545

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Antonio Attorney ที่ปรึกษาการเงิน แก้หนี้ ขอสินเชื่อ เงินกู้ ธุรกิจ SMEผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Antonio Attorney ที่ปรึกษาการเงิน แก้หนี้ ขอสินเชื่อ เงินกู้ ธุรกิจ SME:

แชร์