Spotlight Daily Spotlight Daily Official Spotlight Daily is Social Network Content about Lifestyle, Beauty and Travel.

Element72 ชวนสัมผัส “ENT.” คอนเซ็ปต์สโตร์มัลติแบรนด์แห่งใหม่ เสิร์ฟไอเทมลิมิเต็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่แรก ที่เดียว กับ Alwa...
21/07/2025

Element72 ชวนสัมผัส “ENT.” คอนเซ็ปต์สโตร์มัลติแบรนด์แห่งใหม่ เสิร์ฟไอเทมลิมิเต็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่แรก ที่เดียว กับ Always First Launch ช้อปก่อนใครได้แล้ววันนี้!

ครบ จบ ทุกสไตล์แฟชั่นในที่เดียว จากแบรนด์ดังระดับโลกสำหรับสาย Urban Lifestyle, Outdoor Lifestyle และ Street Fashion

โลกของแฟชั่น และไลฟ์สไตล์กำลังก้าวไปอีกขั้นอย่างน่าสนใจ เมื่อ Element72 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Urban Lifestyle, Outdoor Lifestyle และ Street Fashion ระดับพรีเมียมของประเทศไทย ล่าสุด สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการแฟชั่นไทยอีกครั้ง กับการขยายพอร์ตสู่ตลาดสินค้าแฟชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จัดงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองการเริ่มต้นของก้าวสำคัญ ในงาน “THE ENT. ENTRY PARTY” พร้อมเผยโฉม “ENT.” คอนเซ็ปต์สโตร์มัลติแบรนด์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่คัดสรร และรวบรวมไอเทมชิ้นสำคัญสุดพรีเมียมที่ช่วยยกระดับสไตล์ และส่งเสริมการเป็นตัวเองอีกระดับ พร้อมมอบนิยามใหม่ของประสบการณ์ Always First Launch ที่แรก และที่เดียว ให้ได้เป็นเจ้าของคอลเลคชันสุดพิเศษก่อนใคร ตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลในแฟชั่น ไม่เคยหยุดนิยามตัวเอง และไม่ได้มองหาเฉพาะเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ต้องการเรื่องราว และประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด พร้อมเหล่าแฟชั่นไอคอนชื่อดัง นำโดย ‘บู้ ธนันต์’ ‘จี๊ด สมบูรณ์ และอีกมากมาย ที่มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจ ณ ENT. Store ชั้น 2 โซน Men In Trend ศูนย์การค้า The Emporium

ภายในงาน THE ENT. ENTRY PARTY ครั้งนี้ ENT. ได้เปิดบ้านต้อนรับแขกคนพิเศษในบรรยากาศสุดอบอุ่น และเป็นกันเอง ให้เหล่าแฟชั่นเลิฟเวอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และเพื่อนของแบรนด์ ได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ก่อนใคร กับพื้นที่ที่เปรียบเสมือนจุดนัดพบของแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Special Collaboration, Limited Edition & Rare Item ที่คัดสรรมาอย่างมีเอกลักษณ์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งแรงบันดาลใจ ผู้ร่วมงานได้พูดคุย แชร์มุมมอง และแลกเปลี่ยนสไตล์ในแบบของตัวเองอย่างอิสระ จนทำให้ ENT. กลายเป็นคอมมูนิตี้แฟชั่นแห่งใหม่ที่ไม่เพียงแค่รวมไอเทมเด็ดไว้ในที่เดียว แต่ยังสะท้อนจิตวิญญาณของผู้คนที่เชื่อว่าแฟชั่นคือการแสดงออกถึงตัวตน ผ่านสไตล์ ประสบการณ์ และเรื่องราวที่มีความหมายอย่างแท้จริง

พื้นที่แห่งตัวตน แรงบันดาลใจ และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ในแบบที่เป็นคุณ

เบื้องหลังชื่อ ENT. อาจดูเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยชั้นเชิงทางความคิด เพราะคำว่า “ENT.” ถูกหยิบยกมาจาก 3 ตัวอักษรสุดท้ายของ Element72 แบรนด์แฟชั่นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ครั้งนี้ ก่อนถูกนำมาตีความใหม่ให้มีความหมายที่เปิดกว้าง น่าค้นหา และเต็มไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งคำว่า ENT. สะท้อนถึง Entity ตัวตนเฉพาะตัวที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์, Entertain พื้นที่ของความสนุก การทดลอง และการค้นพบ, Entree จุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ยังไม่มีใครเคยนิยาม รวมถึง Enthusiastic ความหลงใหลที่ผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง ทั้งหมดนี้สะท้อนหัวใจของ ENT. ที่ไม่ได้เป็นเพียงมัลติแบรนด์สโตร์ระดับโลก แต่คือพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ที่ให้ผู้มาเยือนได้ออกแบบนิยามของตัวเอง ผ่านประสบการณ์ ไลฟ์สไตล์ และคาแรกเตอร์ของแต่ละแบรนด์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน

ความพิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ กับปรากฏการณ์ใหม่แห่งการช้อปปิ้งที่เหนือระดับ

ENT. ไม่ใช่เพียงมัลติแบรนด์สโตร์ทั่วไป แต่คือพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่ถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ผู้รักความเรียบหรู เท่ และกล้าที่จะลุยในแบบ Luxury ที่ไม่จำกัดอยู่ในกรอบเดิม ๆ ที่นี่คือจุดหมายของผู้ที่มองหาสไตล์มากกว่าสินค้า ทุกชิ้นในร้านถูกคัดสรรด้วยวิธีคิดที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งดีไซน์ ฟังก์ชัน และเรื่องราวของแบรนด์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และสิ่งที่ทำให้ ENT. โดดเด่นเหนือใคร คือ Always First Launch Experience การเปิดตัวไอเทมชิ้นสำคัญสุดพรีเมียมที่ยกระดับสไตล์ และส่งเสริมการเป็นตัวเองอีกระดับที่วางจำหน่ายที่นี่เป็นที่แรก และที่เดียวในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Special Collaboration ที่หาไม่ได้จากที่อื่น, Limited Edition ที่มีจำนวนจำกัด หรือแม้แต่ Rare Item ที่เหมาะสำหรับนักสะสมตัวจริง ทั้งหมดนี้ถูกรวมไว้ในที่เดียว เพื่อให้ ENT. เป็นมากกว่าสโตร์ แต่คือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ใหม่ที่สามารถเป็นเจ้าของก่อนใคร

สุดยอดแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่จะมาสร้างสีสันใหม่ในพื้นที่เดียว

การเปิดตัว ENT. ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการรวมสินค้าหลากหลาย แต่คือการรังสรรค์ประสบการณ์ที่หลอมรวมระหว่างไลฟ์สไตล์ การใช้งาน และตัวตนของแบรนด์เข้าไว้ด้วยกันอย่างพิถีพิถันและไร้รอยต่อ ENT. จึงเป็นพื้นที่แห่งความสมบูรณ์แบบที่ผสาน Urban Lifestyle, Outdoor Lifestyle และ Street Fashion เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นำเสนอเสน่ห์ของแต่ละแบรนด์ผ่านเลนส์ใหม่กับแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำระดับโลกที่จะมาเติมเต็มสีสันอย่างครบครัน อาทิ Gramicci แบรนด์เอาต์ดอร์จากอเมริกา สไตล์แอคทีฟที่พร้อมลุยในทุกจังหวะชีวิต, Nanga เจ้าของตำนานเสื้อดาวน์คุณภาพสูงที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน, Snow Peak แบรนด์มินิมอลสายพรีเมียมจากญี่ปุ่น ที่ตีความเอาต์ดอร์ให้เรียบหรูเหนือระดับ, Houdini แบรนด์จากสวีเดน ที่เน้นนวัตกรรมวัสดุรักษ์โลกและดีไซน์ที่รองรับการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ เสริมด้วยแบรนด์แอคเซสเซอรีที่เข้ามาเติมเต็มความพิเศษ อาทิ Keen รองเท้าเอาต์ดอร์ดีไซน์ร่วมสมัยที่ผสานความทนทานเข้ากับสไตล์ได้อย่างลงตัว, YETI ไอเทมสุดฮอตแห่งยุค ทั้งแก้วน้ำและคูลเลอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคูลและความแกร่ง, Topo Designs กระเป๋าและเสื้อผ้าสายแอดเวนเจอร์ที่โดดเด่นด้วยสีสันจัดจ้านและดีไซน์ที่แตกต่าง, ‘47 หมวกและแอคเซสเซอรีสตรีทแวร์ที่มีเอกลักษณ์ พร้อมเสริมลุคแฟชั่นให้ดู effortless นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ระดับโลกอีกมากมายที่จะมารวมตัวกันในพื้นที่เดียว

ชาร์ลส์ ปิณฑานนท์ ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อิลีเม้นท์ 72 จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวครั้งนี้ว่า “การเปิดตัว ENT. ในวันนี้ถือเป็นก้าวแรกของเราในการรุกเข้าสู่ตลาดแฟชั่นไอเทมระดับเอ็กซ์คลูซีฟ ผ่านการจัดงานแบบ Soft Opening เพื่อแนะนำมัลติแบรนด์สโตร์แห่งใหม่ที่คัดสรรเฉพาะสินค้าที่พิเศษที่สุด มารวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน จุดยืนของเราคือการสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ไม่ใช่แค่การเลือกซื้อสินค้า แต่คือการค้นพบตัวตนผ่านสไตล์ที่สะท้อนชีวิตจริงของแต่ละคน และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะในช่วงปลายปีนี้ เราตั้งใจที่จะเปิดแฟลกชิปสโตร์ของ ENT. อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อมอบอีกระดับของประสบการณ์แฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร และหาที่ไหนไม่ได้โปรดรอติดตาม”

สำหรับผู้ที่สนใจ และต้องการสัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งที่พิเศษกว่า เหนือกว่า และเป็นเจ้าของไอเทมเด็ดได้ก่อนใคร สามารถเยี่ยมชมได้แล้ววันนี้ที่ ENT. ชั้น 2 โซน Men In Trend ศูนย์การค้า The Emporium พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้า M Card ยกระดับทุกมิติของแฟชั่นให้เหนือความคาดหมาย

“GAMMA” ส่ง “Summer Break”Image เพลงป๊อปนุ่มลึก ฮีลใจคนอกหัก!เกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ “GAMMA” ศิลปินเบอร์แรกจากค่าย Persona E...
21/07/2025

“GAMMA” ส่ง “Summer Break”Image
เพลงป๊อปนุ่มลึก ฮีลใจคนอกหัก!

เกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ “GAMMA” ศิลปินเบอร์แรกจากค่าย Persona Entertainment เปิดตัวได้อย่างร้อนแรงด้วยซิงเกิลเดบิวต์ “Turn it into gold” ที่สร้างกระแสไวรัลในโลกโซเชียลภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน จนกลายเป็นวง T-Pop หน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้ ล่าสุด 5 สาว ไม่รอช้า ปล่อยซิงเกิลที่สอง “Summer Break” ออกมาเอาใจแฟนเพลง พร้อมตอกย้ำพลังความสดใหม่ของพวกเธอในฐานะรุกกี้แห่งปี

“Summer Break” เป็นเพลงแนวเมลโลว์-ซินธ์ป๊อป จังหวะนุ่มนวลที่พาผู้ฟังดำดิ่งสู่การเติบโตทางอารมณ์ และการเยียวยาหัวใจท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล ถ่ายทอดเรื่องราวของการโบกมือลาความทรงจำอันเจ็บปวด ผ่านเนื้อเพลงลึกซึ้งที่ร้อยเรียงถ้อยคำอย่างมีชั้นเชิง เช่น

“autumn leaves me lonely, dear”

“summer breaks my heart each year”

ซิงเกิลนี้เปรียบเสมือนบทกวีแห่งฤดูกาล สะท้อนความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของผู้คนอย่างงดงาม โดยฝีมือการเขียนและโปรดิวซ์ของ ชยพัทธ์ ทองศรี หรือ TORO ที่รังสรรค์ออกมาได้อย่างประณีตและลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่ตัวเพลงที่น่าประทับใจ มิวสิกวิดีโอของ “Summer Break” ยังโดดเด่นด้วยภาพลำดับเรื่องที่พาผู้ชมเดินทางจากฤดูใบไม้ร่วงอันหม่นหมอง ไปสู่ฤดูร้อนอันอบอุ่นและสดใส เปรียบเสมือนการเยียวยาหัวใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจังหวะดนตรีที่เริ่มต้นด้วยความเศร้า ค่อย ๆ ผ่อนคลายสู่ท่วงทำนองเปี่ยมแสงอาทิตย์ในช่วงท้าย ถ่ายทอดสารแห่งความหวังได้อย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง ซิงเกิลนี้ตอกย้ำศักยภาพของ GAMMA ว่าไม่ได้มีดีแค่กระแส แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทางดนตรี และความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ที่น่าจับตาในอนาคต

สามารถรับชมมิวสิควีดีโอและฟังเพลง “Summer Break” ได้แล้ววันนี้ทุกแพลตฟอร์ม และติดตามความเคลื่อนไหวของ 5 สาว "GAMMA” ได้ทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย

หลังจากเปิดตัวไปพร้อมกับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นก่อนหน้านี้ ล่าสุด OPPO เตรียมปลุกกระแสความสดใสอีกครั้งกับ OPPO Reno14 5G...
21/07/2025

หลังจากเปิดตัวไปพร้อมกับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นก่อนหน้านี้ ล่าสุด OPPO เตรียมปลุกกระแสความสดใสอีกครั้งกับ OPPO Reno14 5G สีใหม่ สีเขียวมินต์ สีเขียวพาสเทลสุดละมุน ที่มาเติมเต็มสไตล์ให้กับสมาร์ตโฟนสุดชิค ให้ความรู้สึกสดชื่น ทันสมัย และแตกต่างไม่เหมือนใคร

โดย OPPO Reno14 5G สีเขียวมินต์ สมาร์ตโฟน AI คู่ใจสายชิค & ชิลล์ พร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจให้คุณโดดเด่นในทุกช่วงเวลา อัปเกรดประสบการณ์ The AI Portrait Expert ให้คุณถ่ายพอร์ตเทรตสวยด้วยการอัปเกรดไปอีกขั้น มาพร้อมเทคโนโลยี AI Flash Photography ที่มอบแฟลชสว่างที่สุดในอุตสาหกรรม สว่างเพิ่มจากรุ่นก่อน 100% ภาพคมชัดขึ้น ชิคขึ้น แม้ในที่แสงน้อย และยังถ่าย สตรีทพอร์ตเทรต ได้สวยสุดด้วยกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 3.5x ที่ให้มุมมองใกล้ขึ้น ใกล้กว่า ชัดกว่า โดดเด่นกว่าเดิม

เพื่อถ่ายทอดความสดใสของสีใหม่อย่างมีสไตล์ OPPO ได้ชวน “เพิร์ธ - แซนต้า” คู่นักแสดงสุดฮอต มาร่วมถ่ายทอดความสดใสของ สีเขียวมินต์ ด้วยลุคสดชื่น มีชีวิตชีวา ซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัว พร้อมโชว์ประสิทธิภาพ ถ่ายภาพพอร์ตเทรตด้วย OPPO Reno14 5G แชร์มุมมองใหม่ของการถ่ายพอร์ตเทรตในแบบที่เป็นตัวเอง เตรียมพบกับสีใหม่สุดชิค สีเขียวมินต์ จาก OPPO Reno14 5G ได้เร็ว ๆ นี้ แล้วมาปลดล็อกพลังความสดใส และความเป็นคุณไปพร้อมกัน!

#ใหม่สีเขียวมินต์สดใส

Crocs แบรนด์รองเท้าลำลองระดับโลกที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและความสบายอันเป็นเอกลักษณ์ เปิดตัวคอลเลกชันลิมิเต็ด Mardi Mercred...
21/07/2025

Crocs แบรนด์รองเท้าลำลองระดับโลกที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและความสบายอันเป็นเอกลักษณ์ เปิดตัวคอลเลกชันลิมิเต็ด Mardi Mercredi x Crocs Classic Clog ร่วมกับแบรนด์แฟชั่นมาแรงสัญชาติเกาหลีใต้อย่าง Mardi Mercredi นำเสนอรองเท้ารุ่นพิเศษที่ผสานตัวตนของทั้งสองแบรนด์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ถ่ายทอดความสวยงามโดดเด่นควบคู่กับฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ในทุกวัน

ท่ามกลางเทรนด์ของการแสดงออกถึงสไตล์ที่เป็นตัวเองได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม Millennials และ Gen Z แฟชั่นไอเทมที่สามารถปรับแต่งได้เองและความร่วมมือระหว่างแบรนด์จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คอลเลกชัน Mardi Mercredi x Crocs Classic Clog ถือเป็นการสะท้อนเทรนด์ดังกล่าวอย่างชัดเจน ด้วยการผสานความสบายเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Crocs และความสนุกสนานของ Jibbitz™ ที่สามารถเปลี่ยนได้ตามสไตล์ของผู้ใส่ เข้ากับลวดลายจัดจ้านและโลโก้อันโดดเด่นของ Mardi Mercredi สร้างสไตล์ที่ทันสมัยและแตกต่าง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่รักความเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว

สำหรับคอลเลกชัน Mardi Mercredi x Crocs Classic Clog ได้นำเอารองเท้ารุ่น Classic Clog มาผสานเข้ากับลวดลายดอกไม้ SIGNATURE FLOWER อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mardi Mercredi ในรูปแบบ Jibbitz™ รุ่นลิมิเต็ดจำนวน 7 แบบ ให้สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างอิสระ สะท้อนความเป็นตัวเองผ่านดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร

รองเท้าในคอลเลกชันนี้ประกอบด้วย 2 สี ได้แก่ สี Black/Black โทนสีดำล้วนทั้งตัวรองเท้าและ Jibbitz™ ให้ลุคโมเดิร์นและมินิมอล และสี Black ฐานรองเท้าสีดำ ตัดกับ Jibbitz™ ลายดอกไม้สีชมพูและเหลือง เพิ่มความสนุกสนานและโดดเด่น นอกจากนี้ รองเท้ายังสอดแทรกรายละเอียดของแบรนด์ Mardi Mercredi ไม่ว่าจะเป็นเป็นลวดลายเฉพาะบนพื้นรองด้านใน และบริเวณปุ่มสายรัดที่ตกแต่งด้วยโลโก้แบรนด์ เสริมด้วยฟังก์ชันการใช้งานตามแบบฉบับ Crocs ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักที่เบา ความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี และสายรัดส้นแบบหมุนได้เพื่อให้กระชับพอดีเท้า พร้อมวัสดุที่ทำความสะอาดง่ายและแห้งเร็ว เหมาะสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน

คอลเลกชัน Mardi Mercredi x Crocs Classic Clog จะพร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคมนี้ ในราคาจำหน่ายที่ 2,890 บาท (รองเท้าพร้อม Jibbitz จำนวน 7 แบบ) ที่ Crocs สาขา Siam Square One, สาขา Iconsiam, สาขา Central Ladprao, สาขา Future Rangsit, สาขา Mega Bangna และจุดขายของ Crocs ใน Central Department Store ที่ร่วมรายการ และ ร้าน Mardi Mercredi สาขา Central Embassy, สาขา centralwOrld และ สาขา Central Ladprao รวมถึง ช่องทางออนไลน์ผ่าน Shopee, Lazada, Central Online และเว็บไซต์ crocs.co.th

“โจ๊ก โซคูล” คอนเฟิร์ม!อร่อยล้ำทุกคำกับ “อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล” มหกรรมความสนุกบุกกลางเมือง เมื่อนักร้องสุดฮาบร๊ะเจ้าโจ...
21/07/2025

“โจ๊ก โซคูล” คอนเฟิร์ม!
อร่อยล้ำทุกคำกับ “อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล”

มหกรรมความสนุกบุกกลางเมือง เมื่อนักร้องสุดฮาบร๊ะเจ้าโจ๊ก “โจ๊ก โซคูล” ชวนคนกรุงฯ มาพิสูจน์ความอร่อยเต็มคำ กับ “อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล” โจ๊กพร้อมทานสูตรต้นตำรับ โดยมี “เชฟแป้ง สิริน” จากร้านอาหารสวนสิริน มาเผยแรงบันดาลใจในการครีเอทเมนูอูมามิ พร้อมปล่อยจอยกับมินิคอนเสิร์ตจากโจ๊ก โซคูล และกิจกรรมสนุก ๆ ณ Park Silom

มร.ดะอิซะบุโระ โคะงะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ต้องการอาหารที่กินง่าย สะดวกและรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อายิโนะโมะโต๊ะจึงได้นำอินไซต์เหล่านี้มาสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปโจ๊กพร้อมทาน โดยนำความเชี่ยวชาญหลักด้าน “AminoScience” มาประยุกต์ใช้เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อยแบบต้นตำรับ สะดวก และดีต่อสุขภาพ สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของอายิโนะโมะโต๊ะที่มุ่งเน้นการสร้างสังคมความ "กินดี มีสุข" ของผู้คนทั่วโลก”

นายเบญจพล ลิมพลญาณ ผู้จัดการฝ่ายสินค้าสุขภาพและโภชนาการ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “จากความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทฯ จึงได้เปิดตัว “อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล” ที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ต้องการอาหารอร่อยง่าย ๆ ในมื้อเร่งด่วน แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน โดยใช้ “โจ๊ก โซคูล” มาการันตีความอร่อยและเข้าถึงกลุ่มคนวัยทำงาน จุดเด่นของผลิตภัณฑ์คือ รสชาติและสัมผัสของโจ๊กที่มีความอร่อยแบบดั้งเดิม สัมผัสได้ถึงเม็ดข้าวและเนื้อสัตว์แท้ ๆ มาในรูปแบบซองที่สะดวกในการพกพา แค่ฉีกซองก็เอนจอยกับรสอูมามิของโจ๊กได้เลย พร้อมอัดกิจกรรมการตลาดจัดเต็มทุกช่องทาง”

ภายในงานเปิดตัว “เชฟแป้ง สิริน” จากร้านอาหารสวนสิริน ได้มาช่วยครีเอทรสชาติให้ถูกปากคนรุ่นใหม่ และยังมีเหล่าฟู้ดเลิฟเวอร์มาร่วมงานแบบคับคั่ง ฟินกับเกมแสนสนุกที่มาปลุกความตื่นเต้นกับการแข่งรถพิสูจน์ความไวในเวลาเร่งรีบ กิจกรรมถ่ายรูปสุดกวนสำหรับเดอะแก๊งชาวออฟฟิศ พร้อมไฮไลต์ของงานที่มีนักร้องสายฮา “โจ๊ก โซคูล”

มาการันตีความอร่อย “ผมคอนเฟิร์มเลยว่า “อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล” เป็นเมนูที่อร่อย สะดวก และดีต่อสุขภาพ แค่ฉีกซองก็ได้กลิ่นโจ๊กหอม ๆ แบบพร้อมทาน เหมาะมากกับคนที่อยากหาของกินอร่อยมีประโยชน์ไว้รองท้อง โจ๊กตัวจริงเลือก “อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล” โจ๊กจริง ๆ ที่คุ้นเคย” ก่อนปิดท้ายความสนุกด้วยมินิคอนเสิร์ตมันส์ ๆ

LYN FALL 2025 COLLECTIONCIRQUE DU LYN พาคุณดื่มด่ำไปกับความฉูดฉาดโอ่อ่าของคณะละครสัตว์สุดแฟนตาซี และเสน่ห์เย้ายวนของโชว์...
21/07/2025

LYN FALL 2025 COLLECTION

CIRQUE DU LYN พาคุณดื่มด่ำไปกับความฉูดฉาดโอ่อ่าของคณะละครสัตว์สุดแฟนตาซี และเสน่ห์เย้ายวนของโชว์เบอร์เลสก์—ศิลปะการแสดงที่ผสานกลิ่นอายละครเวทีกับแฟชั่นอันแสนเย้ายวน แรงบันดาลใจเบื้องหลังคอลเลคชัน Re-Edition ที่นำซิกเนเจอร์สุดคลาสสิกของ LYN กลับมาตีความใหม่อย่างร่วมสมัย

ช้อปสินค้าใหม่ได้แล้ววันนี้ที่ LYN ทุกสาขา

แพทย์ รพ.วิมุต เผย ยิ่งเครียดยิ่งผมร่วง! แนะรีบพบแพทย์-หาสาเหตุ ก่อนผมบางถาวรเชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้สึกว่าทำไมผมร่วงเยอะจ...
21/07/2025

แพทย์ รพ.วิมุต เผย ยิ่งเครียดยิ่งผมร่วง! แนะรีบพบแพทย์-หาสาเหตุ ก่อนผมบางถาวร

เชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้สึกว่าทำไมผมร่วงเยอะจัง แค่หวีเบา ๆ หรือสระผมก็หลุดติดมือมาเป็นกำ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องแบกรับทั้งภาระหน้าที่และความเครียดสะสมในแต่ละวัน เพราะจริง ๆ แล้ว ความเครียดเป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงเร็วกว่าปกติและนำไปสู่ “ภาวะผมร่วง” ที่จะมีอาการผมร่วงอย่างต่อเนื่อง และหากปล่อยไว้นานเกินไป รากผมอาจเสียหายถาวรและไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ ส่งผลให้ผมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจนเป็น “ภาวะผมบาง” ดังนั้นถ้าไม่อยากผมบางจนเสียความมั่นใจ วันนี้ พญ.กรผกา ขันติโกสุม แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง ศูนย์ผิวหนังและความงาม รพ.วิมุต จะมาเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากผิดปกติและแชร์เทคนิคดูแลสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น

ปัญหาใหญ่วัยทำงาน ยิ่งเครียด ผมยิ่งร่วง

หนึ่งในสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อยและหลายคนมักมองข้าม คือ ความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนวัยทำงานอายุระหว่าง 25-45 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยแรงกดดันจากงานและหน้าที่รับผิดชอบ ส่งผลให้เกิดภาวะเครียดสะสม ในบางรายที่มีภาวะเครียดเรื้อรังหรือมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย อาจมีพฤติกรรมดึงผมตัวเองแบบไม่รู้ตัว หรือที่เราเรียกว่าโรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) ซึ่งอาจทำให้ผมบางเร็วขึ้น

พญ.กรผกา ขันติโกสุม เล่าต่อว่า “นอกจากความเครียดยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ผมร่วงได้ เช่น ภาวะผมบางจากพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia) เกิดจากความไวของรากผมต่อฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ผู้หญิงหลังคลอด วัยหมดประจำเดือน หรือการใช้ยาคุมกำเนิดและยารักษาสิว ส่วนอาหารการกินก็เกี่ยว ถ้ามีการอดอาหาร ขาดธาตุเหล็ก วิตามิน D วิตามิน B12 หรือโปรตีน ก็อาจทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ในบางคนอาจมีพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่น นอนในขณะหัวชื้น หวีผมขณะผมเปียก มัดผมตึงเกินไป ใช้สารเคมี ไดร์หรือหนีบผมด้วยความร้อนสูงเป็นประจำ และยังมีโรคบางชนิดที่ทำให้ผมร่วงอย่างโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) และผื่นเซ็บเดิร์ม รวมทั้งผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางประเภท เช่น ยาเคมีบำบัดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นเดียวกับมลพิษทางอากาศ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็มีผลเสียต่อสุขภาพเส้นผมเช่นกัน”

เช็กด่วน! ผมร่วงแบบนี้พบแพทย์ทันที

หลายคนที่กังวลเรื่องผมร่วงมักสงสัยว่าผมร่วงเยอะแค่ไหนถึงต้องไปหาหมอ เพราะปกติเส้นผมก็ร่วงอยู่ทุกวัน โดยทั่วไปผมของเราจะร่วงประมาณ 100 เส้นต่อวัน หรือมากถึง 200 เส้นในวันที่สระผม แต่ถ้ามีอาการผมร่วงอย่างชัดเจน เช่น ผมติดหวีหรือหมอนเป็นจำนวนมาก หรือหล่นบนพื้นห้องน้ำมากผิดปกติ ก็ถือเป็นสัญญาณแรกที่ไม่ควรมองข้าม พญ.กรผกา ขันติโกสุม อธิบายว่า “เบื้องต้นสามารถเช็กความเสี่ยงได้ด้วยการใช้นิ้วมือสางผมเบา ๆ หากมีผมหลุดมากกว่า 2 เส้นหลายครั้ง ก็ควรเข้าไปรับคำปรึกษาจากแพทย์แต่เนิ่น ๆ ส่วนในกรณีที่มีอาการรุนแรง เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม คลำเจอจุดหัวล้าน มีอาการคัน แสบ หนังศีรษะแดง มีสะเก็ดหรือหนองร่วมด้วย ผมร่วงรวดเร็วภายใน 2–4 สัปดาห์ มีบริเวณหัวล้านขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด หรือประจำเดือนขาด ก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรักษาทันที”

แนวทางการรักษาผมร่วง-บาง ในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน การรักษาปัญหาผมร่วงและผมบางได้รับการพัฒนาไปอย่างมาก มีทั้งการรักษาด้วยยาและเทคโนโลยีใหม่ที่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ เบื้องต้นแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา เช่น Minoxidil ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณรากผม ใช้ได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ส่วนอีกตัวคือ Finasteride ซึ่งเป็นยาลดระดับฮอร์โมน DHT ที่นิยมใช้ในผู้ชายเพื่อป้องกันผมร่วงจากพันธุกรรม หรืออาจรักษาด้วยวิธีการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) และการฉายแสงสีแดง (Low-level laser therapy) เพื่อกระตุ้นให้รากผมกลับมาแข็งแรงขึ้น “การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมก็มีส่วนช่วยบ้าง แต่ต้องเลือกสินค้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและสารประกอบสำคัญ เช่น แชมพูที่มี Ketoconazole ช่วยลดอาการอักเสบและต้าน DHT หรือผลิตภัณฑ์ที่มีปาล์มเลื่อย (Saw Palmetto), ไบโอติน, วิตามิน B และวิตามิน E ซึ่งช่วยบำรุงผมให้แข็งแรง อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยดูแลผมที่ยังมีอยู่เท่านั้น หากมีปัญหาผมร่วงรุนแรงหรือผมบางก็แนะนำให้ไปรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง” พญ.กรผกา ขันติโกสุม อธิบาย

เทคโนโลยีปลูกผมที่ช่วยรักษาผมถาวร

หากเส้นผมบางลงจนเห็นได้ชัดและรากผมเสียหายถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ปลูกผม โดยเทคโนโลยีที่นิยมในปัจจุบันคือ FUE (Follicular Unit Extraction) ซึ่งใช้เครื่องมือขนาดเล็กย้ายรากผมจากท้ายทอยไปยังจุดที่มีปัญหา วิธีนี้แผลเล็ก ฟื้นตัวไว และดูเป็นธรรมชาติ ส่วน FUT (Follicular Unit Transplantation) แม้ได้รากผมจำนวนมากในครั้งเดียว แต่มีแผลใหญ่และพักฟื้นนานกว่า ปัจจุบันยังมีงานวิจัยด้านสเต็มเซลล์และ 3D Hair Bioprinting ที่หากสำเร็จอาจช่วยสร้างรากผมใหม่ขึ้นมาได้

“เข้าใจว่าวัยทำงานที่ยังต้องเจอผู้คนมาก ๆ อาจรู้สึกอายและไม่มั่นใจจากภาวะผมร่วงและผมบาง แต่คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับเส้นผมเพียงอย่างเดียว และภาวะนี้ก็สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ โดยต้องเข้าใจอาการที่เกิดขึ้นและเริ่มปรับไลฟ์สไตล์ พักผ่อนให้พอ ออกกำลังกาย เน้นกินอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม เช่น กล้วย ฝรั่ง ไข่แดง และอะโวคาโด รวมถึงผ่อนคลายลดความเครียดให้มาก ๆ ถ้าเกิดเริ่มมีอาการผมร่วงผิดปกติ ให้รีบมาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะอาจเป็นสัญญาณภาวะผมร่วง ผมบาง และโรคอื่น ๆ จะได้ช่วยกันหาแนวทางรักษาที่เหมาะสมให้เรากลับมามั่นใจในตัวเองได้อีกครั้ง” พญ.กรผกา ขันติโกสุม กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ศูนย์ผิวหนังและความงาม ชั้น 9 โรงพยาบาลวิมุต เวลาทำการ 08:00 - 17:00 น. โทร. 02-079-0074 หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือใช้บริการปรึกษาหมอออนไลน์

ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ร่วมกับ วายพีเอส พิลาทีส คลับ ชวนมาสนุกแบบเฮลตี้เปลี่ยนเช้าของคุณให้สดใสกว่าเดิมกับงาน “Pilates Sist...
21/07/2025

ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ร่วมกับ วายพีเอส พิลาทีส คลับ ชวนมาสนุกแบบเฮลตี้
เปลี่ยนเช้าของคุณให้สดใสกว่าเดิมกับงาน “Pilates Sister go Playlates”

ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ และ วายพีเอส พิลาทีส คลับ ขอชวนทุกคนมาเริ่มต้นวันด้วยความสดใสและฟีลกู๊ดในงาน “Pilates Sister go Playlates” กิจกรรมสุดพิเศษที่ออกแบบมาให้ทุกคนได้สนุกกับคลาสสุขภาพที่รวมทั้งพิลาทิสและกอล์ฟไว้ในงานเดียวกัน ให้คุณได้ทั้งผ่อนคลาย เพลิดเพลินกับของอร่อย และแฮงเอาท์กับเพื่อนๆในบรรยากาศสุดชิลที่หาไม่ได้จากที่ไหน ในวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2025 ที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้

ตั้งแต่เวลา 06:30 – 11:00 น. กับตารางกิจกรรมแบบจัดเต็ม เริ่มต้นด้วยคลาสพิลาทิส 1 ชั่วโมง ต่อด้วยการเล่นเกมกอล์ฟ ความสนุกซิกเนเจอร์ของท็อปกอล์ฟ พร้อมบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าและเครื่องดื่มซอฟท์ดริงก์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการแข่งขันเกมกอล์ฟแบบชิลๆ ลุ้นรับของรางวัลกว่า 30,000 บาท จะชวนเพื่อนมาสนุกด้วยหรือมาเจอเพื่อนใหม่ที่นี่ก็ได้เช่นกัน บัตรราคาเพียง 990 บาทต่อคนเท่านั้น นอกจากนี้ในงานยังมีบูธจากแบรนด์ต่างๆให้ได้ร่วมสนุกอีกเพียบ

ลองจินตนาการเช้าแดดอ่อน ได้ยืดเส้นยืดสาย เล่นกอล์ฟชิลๆ หัวเราะกับเพื่อน และอิ่มกับอาหารดีๆ เป็นกิจกรรมดีต่อใจสุดๆ

จองบัตรได้เลยที่ https://shorturl.at/15fKL

บัตรมีจำนวนจำกัดและ จำหน่ายเฉพาะทางออนไลน์เท่านั้น อย่าพลาดโอกาสที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ Wellness & Social สุดสดใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้

ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้, โคตรฟิน โคตรมันส์ โคตรเเซ่บ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางโซเชียลมีเดียของเรา แล้วมาสนุกด้วยกัน!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-114-1289

โออิชิ กรีนที” ตอกย้ำเบอร์หนึ่งตัวจริง เดินหน้าสร้างเทรนด์พลังบวกให้ Gen Zกับแคมเปญ “โออิชิ กรีนที รู้สึกดี ทุก Tea เลย”...
19/07/2025

โออิชิ กรีนที” ตอกย้ำเบอร์หนึ่งตัวจริง เดินหน้าสร้างเทรนด์พลังบวกให้ Gen Z
กับแคมเปญ “โออิชิ กรีนที รู้สึกดี ทุก Tea เลย”

โออิชิ กรีนที ตอกย้ำเบอร์หนึ่งชาพร้อมดื่ม เดินหน้าเปิดเกมรุกเหนือคู่แข่ง อัพเลเวลแบรนด์ โชว์เคสความล้ำไปอีกระดับ กับการเปลี่ยนขวดดีไซน์ใหม่ในรอบ 26 ปี พร้อมพาพรีเซนเตอร์คู่ใหม่ “สกาย - นานิ” ชูคุณประโยชน์ของชาเขียวที่มีส่วนผสมของแอลธีอะนีน (L-Theanine) ดื่มแล้วรู้สึกดี ผ่อนคลาย ภายใต้แนวคิด “Positivi-Tea” กับการค้นพบความสุขและความรู้สึกดีๆ เริ่มต้นง่ายๆ จากสิ่งรอบตัวคุณ ก็เหมือนการดื่มชาเขียวโออิชิ ที่มีสารแอลธีอะนีน ช่วยให้คุณรู้สึกดีทุกทีที่ดื่ม

คุณสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ชาเขียวโออิชิครองส่วนแบ่งตลาดชาพร้อมดื่มเป็นเบอร์ 1 มาอย่างยาวนาน และได้รับความนิยม เป็นชาเขียวอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคมาตลอด ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้โออิชิสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างเหนียวแน่นก็คือการไม่หยุดนิ่งที่จะยกระดับแบรนด์ด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และแคมเปญการตลาด เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ และในครั้งนี้ก็เช่นกัน โออิชิพร้อมส่งต่อความรู้สึกดีดีที่ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้นให้กับลูกค้า เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับตลาดชาพร้อมดื่ม ผ่าน 3 กลยุทธ์ที่จะอัพเลเวลแบรนด์ และสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับตลาดชาพร้อมดื่ม ประกอบด้วย

สร้างสรรค์ขวดและฉลากดีไซน์ใหม่ในรอบ 26 ปี: ขวดและฉลากดีไซน์ใหม่ ที่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปลักษณ์...แต่คือการยกระดับประสบการณ์ของการดื่มชาให้พิเศษยิ่งกว่าที่เคย ขวดดีไซน์ใหม่สะท้อนความทันสมัย พรีเมียม และเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยเส้นโค้งอ่อนช้อยที่พาดผ่านบริเวณคอขวด ราวกับริ้วลายของไร่ชาที่ทอดตัวไปตามแนวเขา ซึ่งเปรียบเสมือนการถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ และแหล่งกำเนิดของใบชาคุณภาพที่อยู่ในชาเขียวโออิชิทุกขวด สำหรับฉลากดีไซน์ใหม่ก็ถูกออกแบบอย่างประณีต ด้วยลายกราฟิกมินิมอลที่ผสมผสานกลิ่นอายญี่ปุ่นอย่างลงตัว เรียบง่ายแต่ดูดี มีความเท่แบบไม่ต้องพยายาม เป็นสไตล์ที่ตรงใจคนรุ่นใหม่ และยังมีรูปส่วนผสมของชาเขียว ที่สื่อสารถึงรสชาติของชาเขียวโออิชิแต่ละรสชาติที่มีหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่แตกต่าง

อัพเลเวลประโยชน์ของชาเขียว ผ่านการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยเรื่องคุณประโยชน์ด้านอารมณ์จากชาเขียว: ชาเขียวโออิชิ แบรนด์ผู้นำตลาดชาพร้อมดื่ม เดินหน้าสร้างความแตกต่างอีกขั้น ด้วยการยกระดับคุณประโยชน์ของชาเขียว จากเพียงแค่ความสดชื่นสู่ “เครื่องดื่มที่ช่วยสร้างสมดุลทางอารมณ์” เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่เผชิญความวุ่นวาย ความเร่งรีบ และแรงกดดันจากชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลา โดยโออิชิใช้แนวคิด “Positivi-Tea” เป็นแกนหลักในการสื่อสาร สะท้อนคุณประโยชน์ของชาเขียวที่มีส่วนประกอบของแอลธีอะนีน (L-Theanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนธรรมชาติที่พบได้ในใบชา ช่วยให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และเสริมสร้างอารมณ์เชิงบวก ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตมากขึ้นในทุกวัน กลยุทธ์ใหม่นี้ไม่เพียงชูจุดขายในด้านฟังก์ชัน แต่ยังขับเคลื่อนด้วย Emotional Benefit ผ่านการสื่อสารแบบ Lifestyle-Centric เพื่อให้ผู้บริโภคมองเห็น “โออิชิ” ไม่ใช่แค่ชาเขียวธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลใจในทุกวัน

3) การสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่โดนใจ: ผ่านแคมเปญใหม่ “รู้สึกดี ทุก Tea เลย” และพรีเซนเตอร์ใหม่ “สกาย” วงศ์รวี นทีธร และ “นานิ” หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน ทั้งคู่มีไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่าย อารมณ์ดี และให้ความสำคัญกับความสุขรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อน ความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด หรือการดูแลสุขภาพกายและใจอย่างสมดุล

นอกจากนั้น แคมเปญ “รู้สึกดี ทุก Tea เลย” ยังสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่โดย สกาย-นานิ คู่เฟรนด์ที่มองไปทีไรก็รู้สึกดี สดใส มีรอยยิ้มได้เสมอ ร่วมด้วยเหล่าน้อง ๆ Gen Z เพื่อสื่อสารได้อย่างเข้าถึงหัวใจคนรุ่นใหม่ โดย Mood & Tone ของหนังฉีกแนวจากเดิม เป็นแนวญี่ปุ่น มินิมอล สดใส อารมณ์ดี นำเสนอเรื่องราวการค้นพบความสุขง่าย ๆ ในแต่ละวัน เรื่องเล็ก ๆ ที่ได้ทำเมื่อไหร่ ก็รู้สึกดี ทุก Tea เลย โดยสอดแทรกแนวคิดของแบรนด์เข้าไปในหนังโฆษณาได้อย่างลงตัว กล่าวคือ โออิชิ กรีนที มี ‘แอลธีอะนีน’ (L-Theanine) สารในชาเขียวที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ดื่มเมื่อไหร่ ก็จะช่วยให้รู้สึกดี ทุก Tea ที่ดื่ม

นอกเหนือจากสื่อภาพยนตร์โฆษณาแล้ว ยังมีการ Bombard สื่อทั่วประเทศ ทั้งสื่อกลางแจ้ง, Transit Ad และหนึ่งในไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ "Micro Joy Spot" จุดเล็ก ๆ ที่แบรนด์ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อส่งต่อโมเมนต์ดี ๆ ให้กับคนที่เดินผ่านไปมาในย่านยอดฮิตของวัยรุ่นอย่าง "สยาม"

Micro Joy Spot คือกิจกรรมสุดครีเอทจากโออิชิ ที่ตั้งใจเปลี่ยนพื้นที่เล็ก ๆ ใจกลางเมือง ให้กลายเป็นจุดเติมพลังใจให้คนเมือง ผ่านโมเมนต์เล็ก ๆ ที่สร้างรอยยิ้มและความรู้สึกดีแบบไม่ต้องพยายาม โดยออกแบบให้สอดคล้องกับแนวคิด “รู้สึกดี ทุก Tea เลย” อย่างชัดเจน

นอกจากนั้นดีไซน์ใหม่ของขวด โออิชิ กรีนที จะใช้กับทุกรสชาติและในทุกขนาดบรรจุภัณฑ์ รวมถึงยังอัพไซส์สองขนาดใหม่สุดคุ้มค่า ได้แก่ ขนาด 370 มล.(ปรับเพิ่มจาก 350 มล.) ในราคาเดิม 15 บาท และ ขนาด 400 มล. (ปรับเพิ่มจาก 380 มล.) ในราคาเดิม 20 บาท เพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้บริโภค ทุกโอกาสในการดื่ม และเพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการดื่มชาเขียวโออิชิ

ทั้งนี้ ตลาดชาพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดประมาณ 18,307 ล้านบาท [ข้อมูล 12 เดือนล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม 2568 (เมษายน 2567 - พฤษภาคม 2568) : ข้อมูลจากบริษัท นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) จำกัด] โออิชิ กรีนที เป็นผู้นำตลาด มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 42.8% [ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2568: ข้อมูลจาก บริษัท นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) จำกัด] โดยโออิชิคาดหวังว่าการปรับโฉมครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยสร้างความโดดเด่นและแตกต่าง เพื่อดึงดูดความสนใจกับกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z

“โออิชิ เป็นผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่มในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้เราไม่หยุดนิ่งในการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ และนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้กับตลาด ผ่านการเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง การปรับโฉมในครั้งนี้ จะเป็นอีกการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ชาเขียวโออิชิในฐานะผู้นำตลาดที่เข้าใจคนรุ่นใหม่ จะสนับสนุนและยืนเคียงข้างให้คนมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ และรู้สึกดีๆ ในชีวิตประจำวัน พร้อมนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา” คุณสุภรณ์ กล่าวสรุป

#โออิชิกรีนที #โออิชิกรีนทีรู้สึกดีทุกTeaเลยッ

N-Infinite เผยกลยุทธ์ "เติบโตอย่างมีกำไร" หนุนร้านอาหารไทยพร้อมตั้งเป้ายอดขายเดลิเวอรี 1,000 ล้านบาทภายในปี 2568ในภาวะที...
19/07/2025

N-Infinite เผยกลยุทธ์ "เติบโตอย่างมีกำไร" หนุนร้านอาหารไทย
พร้อมตั้งเป้ายอดขายเดลิเวอรี 1,000 ล้านบาทภายในปี 2568

ในภาวะที่ตลาดธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มไทย มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง N-Infinite ฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ ที่ก่อตั้งโดยคุณอเล็กซานเดอร์ เฟลเด้ ผู้ร่วมก่อตั้ง foodpanda กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการนำเสนอแนวคิด “เติบโตอย่างมีกำไร” แก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเน้นการใช้เทคโนโลยี AI และข้อมูลเชิงลึก เพื่อเพิ่มยอดขายและประสิทธิภาพการทำกำไรบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีชั้นนำ ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มยอดขาย GrabFood ให้พาร์ทเนอร์ชั้นนำกว่า 200% การมองเห็นแบรนด์บนแอปเดลิเวอรีที่พุ่งสูงขึ้นถึง 3 เท่า และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นถึง 100%

N-Infinite ก่อตั้งขึ้นในปี 2566 โดยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการ เสริมพลังให้ร้านอาหารไทยด้วยเทคโนโลยี ข้อมูลเชิงลึก และผลลัพธ์ที่จับต้องได้ จากประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีของคุณอเล็กซานเดอร์ เฟลเด้ ทำให้เขามองเห็นช่องว่างในตลาดที่ร้านอาหารจำนวนมากยังขาดเครื่องมือและกลยุทธ์ดิจิทัลในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน

“เมืองไทยเต็มไปด้วยอาหารอร่อยและเจ้าของร้านที่มีฝีมือ แต่เป็นตลาดที่แข่งขันกันดุเดือด เจ้าของร้านจำนวนมากยังขาดความรู้และเครื่องมือดิจิทัลในการเติบโตออนไลน์อย่างมีกำไร” คุณอเล็กซานเดอร์ เฟลเด้, ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ของ N-Infinite กล่าว “ผมจึงอยากช่วยให้ร้านอาหารเติบโตได้ โดยไม่ต้องลงทุนมากหรือมีทีมใหญ่ เป้าหมายของเราคือทำให้การเติบโตอย่างมีกำไรเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้สำหรับร้านอาหารทุกขนาด ไม่ใช่แค่เชนร้านอาหารรายใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายและตอบโจทย์การใช้งานจริงในธุรกิจ”

กลยุทธ์และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนผลกำไร

N-Infinite มีความแตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วไปด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งรวมถึงกลยุทธ์เฉพาะในการจัดการโฆษณา แคมเปญ โปรโมชัน และราคาบนแอปเดลิเวอรี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณโฆษณาและสร้างผลตอบแทนสูงสุด นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคพิเศษ ในการปรับแต่งเมนูเพื่อเพิ่มอัตราการสั่งซื้อ โดยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแนะนำการจัดเรียงเมนู รูปภาพ และคำบรรยายที่ดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างสรรค์เนื้อหาและภาพถ่ายที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสั่งซื้อและยอดขายอย่างชัดเจน ที่สำคัญ N-Infinite ยังมี Dashboard แบบครบวงจรสำหรับติดตามยอดขายเดลิเวอรีและวัดผลกำไร รวมถึงมอบข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่แม่นยำ

เป้าหมายเชิงรุกและการสร้างการเติบโตที่วัดผลได้

การทำงานร่วมกับ N-Infinite ได้แสดงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับพันธมิตรร้านอาหารหลายแห่ง โดยนอกจากจะสามารถเพิ่มยอดขายให้กับพาร์ทเนอร์ชั้นนำบน GrabFood ได้กว่า 200% การมองเห็นแบรนด์บนแอปเดลิเวอรีพุ่งสูงขึ้นถึง 3 เท่า ยังช่วยให้อัตราการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.5 เท่า หลังจากปรับเมนูและอันดับแสดงผลข้อมูล นอกจากนี้ อัตรากำไรยังเพิ่มขึ้นถึง 100% จากกลยุทธ์แคมเปญที่ชาญฉลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดในหมวดหมู่ของร้านเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 50%

ปัจจุบัน N-Infinite ได้ร่วมมือกับร้านอาหารพันธมิตรกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และมีเป้าหมายในการผลักดันยอดขายจากบริการจัดส่งอาหารถึง 1,000 ล้านบาทภายในปี 2568 "เราไม่ได้เน้นแค่เพียง Dashboard ที่สวยงาม แต่เรามุ่งช่วยให้ร้านอาหารสามารถสร้างการตัดสินใจที่ถูกต้อง และเห็นผลจริง" คุณอเล็กซานเดอร์ กล่าวย้ำถึงแนวทางการทำงานที่เน้นผลลัพธ์ โดยเป้าหมาย 1,000 ล้านบาทนี้ ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นภาพสะท้อนของการเติบโตอย่างยั่งยืน ศักยภาพของตลาดเดลิเวอรีในประเทศไทย และความเชื่อมั่นที่ N-Infinite มีต่อพันธมิตรทุกรายที่เติบโตไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารขนาดเล็ก หรือแบรนด์ที่มีหลายสาขา N-Infinite พร้อมเป็นส่วนช่วยในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

อโกด้าเปิดสถิติการท่องเที่ยวครึ่งแรกของปี 2568จีน มาเลเซีย และเกาหลีใต้ยังคงครองตำแหน่งเยือนไทยเยอะที่สุดอโกด้า แพลตฟอร์...
19/07/2025

อโกด้าเปิดสถิติการท่องเที่ยวครึ่งแรกของปี 2568
จีน มาเลเซีย และเกาหลีใต้ยังคงครองตำแหน่งเยือนไทยเยอะที่สุด

อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เผยข้อมูลภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยอ้างอิงจากยอดการจองที่พักบนแพลตฟอร์ม พบว่านักเดินทางจากจีน มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ยังคงครองตำแหน่งชาติที่เดินทางมาประเทศไทยเยอะที่สุด ตามมาด้วยนักเดินทางจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์

กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ยังคงครองตำแหน่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักเดินทางจากประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหาดใหญ่ก็กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของหาดใหญ่อาจเกิดจากเมืองนี้ขึ้นชื่อในด้านความคุ้มค่า ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางที่มีราคาถูกที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับหนึ่งในสามของจุดหมายปลายทางราคาถูกในเอเชียติดต่อกันสองปีซ้อน เมืองเหล่านี้ต่างมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านความคึกคัก ความสงบริมชายหาดไปจนถึงเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่น่าค้นหา

อย่างไรก็ตามประเทศที่มีจำนวนนักเดินทางมาเยือนประเทศไทยมากที่สุด กลับไม่ใช่ประเทศที่นักเดินทางพำนักอยู่นานที่สุด โดยนักเดินทางจากจีนแม้จะครองอันดับหนึ่งในด้านจำนวนผู้มาเยือน แต่เมื่อพิจารณาระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ยแล้ว นักเดินทางจากเกาหลีใต้กลับใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยนานที่สุด รองลงมาคือนักเดินทางจากญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และจีนตามลำดับ

นอกจากนี้ นักเดินทางแต่ละประเทศยังมีจุดหมายปลายทางที่นิยมสำหรับการพักระยะยาวแตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่มักเลือกจุดหมายปลายทางที่เป็นเกาะ เช่น เกาะเต่า ซึ่งมีแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก และ เกาะพะงัน ที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์พักผ่อนด้วยความสงบของธรรมชาติและปาร์ตี้ชื่อดัง และยังมีจุดหมายปลายทางในภาคกลางอย่างจังหวัดปทุมธานี ที่มีบรรยากาศแสนสงบและวิถีชีวิตแบบท้องถิ่นใกล้เมืองหลวงอีกด้วย

ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยตรงกันว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2568 ประเทศไทยมีนักเดินทางชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 16 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 743,582 ล้านบาทโดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ อาทิ โครงการ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 การอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง และการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน สำหรับนักเดินทางชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ โตเกียว โอซาก้า ฮ่องกง ไทเป และโซล ยังคงเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2568

อรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า เปิดเผยว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่นักเดินทางจากทั่วทั้งเอเชียไว้วางใจเลือกใช้ และภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่อโกด้า เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอตัวเลือกที่พักที่สะดวกสบายและหลากหลาย เพื่อช่วยให้นักเดินทางได้สัมผัสทั้งจุดหมายปลายทางยอดนิยมและสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักทั่วทั้งประเทศ และทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและน่าประทับใจ”

ด้วยที่พักมากกว่า 6 ล้านแห่ง เส้นทางบินกว่า 130,000 เส้นทาง และกิจกรรมให้เลือกมากกว่า 300,000 รายการ อโกด้าพร้อมมอบทางเลือกที่หลากหลายให้กับนักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวระยะสั้น (Micro-travel) โดยสามารถเข้าไปดูดีลพิเศษได้ที่ Agoda.com หรือดาวน์โหลดแอป Agoda เพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวครั้งถัดไป

ที่อยู่

Bang Phli Yai

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Spotlight Dailyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Spotlight Daily:

แชร์