กิตติ สิงหาปัด, Bang Rak (2025)

13/07/2025

ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) ตรวจค้นร้านจำหน่ายกัญชาและน้ำกระท่อม ชื่อ “TOM GUN KUP” ซ.วงศ์สว่าง 11 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ จับกุม นายจิรกิตติ์ อายุ 26 ปี ,น.ส.นันทน์ณัฏฐ์ อายุ 23 ปี

ก่อนจับกุมรับแจ้งว่ามีการลักลอบผลิต 4*100 และต้มพืชกระท่อมผสมยาแก้ไอหรือยาอันตรายชนิดต่างๆ ย่านมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ กก.ดส. จึงบุกทลายแหล่งผลิตพบของกลางซุกซ่อนแน่นร้านมียาอันตรายและหลังร้านมีการน้ำต้มพืชกระท่อม จำนวน 2 หม้อ และซ่อนในตู้แช่ 19 ขวด ผู้ต้องหาให้การว่า จะผลิตน้ำกระท่อมตามสูตรหรือผสมยาต่างๆ ตามที่ลูกค้าสั่ง มีรายได้ต่อวัน 5,000-9,000 บาท

- โดยกล่าวหาตาม
พรบ.อาหาร พ.ศ.2522
1.ร่วมกันผลิตและจำหน่ายอาหารที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนผสม ม.6 (8) โทษตาม ม.50
2.เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่แสดงเลขสารบบอาหาร และฉลากภาษาไทย ซึ่งเป็นความผิดตา ม. 6(10)

พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510
1.ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.ยา ม.12
2.ร่วมกันขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ม.32
พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537
1 ร่วมกันประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ม.28

พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.๒๕๔๒
1.ฝ่าฝืนศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า
- รายการของกลาง
1 ใบกระท่อมดิบ 6 ลัง
2 ยาTradolgesic แคปซูลเขียวเหลือง 560 แคปซูล
3 ยาTramada แคปซูลชมพู 300 แคปซูล
4 ยา Volcidol-s เม็ดสีขาว 80 เม็ด
5 ยาซีซา ไซรัป 18 ขวด
6 ยาฟาเทค ไซรัป 10 ขวด
7 ยาคลินิโคล ไซรัป 2 ขวด
8 ยาซาโนดริล 5 ขวด
9 ยาโปรลีน ไซรัป 5 ขวด
10 ยาโปรเมทาซีน ไซรัป 55 ขวด
11 ยาเบนาดริล 22 ขวด
12 ยาดาทัสซิน 31 ขวด
13 ยาไดเฟ็นนิล 4 ขวด
14 ยาซีเฟนดริล 5 ขวด
15 ยายูนิแรกซ์ 7 ขวด
16 ยาอาซาคอก 2 ขวด
17 ยาอเลอร์ยิ่น 47 ขวด
18 น้ำกระท่อมขนาด 1.5 ml 19 ขวด
19 ขวดเปล่าขนาด 1.5 ml 72 ขวด
20 ฝาขวดพลาสติกสีดำ 64 ฝา
21 ช่อดอกกัญชา Permanent Marker 50 กรัม
22 ช่อดอกกัญชา Runtz x Sherb 25 กรัม
23 ช่อดอกกัญชา Truffle queen 25 กรัม
24 ขนมบราวน์นี่ผสมกัญชา 70 ชิ้น
25 เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง
26 เครื่องคิดเงินสด 1 เครื่อง
27 เงินสด 2825 บาท
28 แผ่น QR Code รับเงินร้าน ชื่อTGK Soi11 บัญชี นายชยุตพงศ์ ไตรพร 1 แผ่น
29 ขวดปั๊มใส่ยาดาทิสซิลและอเลอร์ยิ่น รสราสเบอร์รี่ 800 มิลลิลิตร
30 ถังแก๊สยี่ห้อเวิล์ดแก๊ส ขนาด 15 ลิตร 1 ถัง
31 เตาแก๊สขนาด 5 นิ้ว 2 หัว
32 หมอต้มขนาด 50 ลิตร 3 ใบ
33 โทรศัพท์ OPPO A57 รุ่น CPH2387 สีฟ้า 1 เครื่อง
34 แท็ปเล็ท l10Pro สีดำ 1 เครื่อง

นำตัวผู้ถูกจับพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

11/07/2025

วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ชี้แจง พระภิกษุที่ปรากฏในข่าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับวัด

11/07/2025

ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา
บทกำหนดโทษ อยู่ในหมวด 8
มาตรา 30-42

https://www.ilaw.or.th/wp-content/uploads/2015/02/Protection-Buddhism-Act-1.pdf

11/07/2025

เตือนภัย ดินถล่ม 11-13 กรกฎาคม 2568

11/07/2025

แนวทางการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว
มติคณะรัฐมนตรี 24 กันยายน 2567

รัฐบาลได้ออกมติ ครม. วันที่ 24 กันยายน 2567 เปิดโอกาสให้แรงงานกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามที่อยู่ผิดกฎหมายในประเทศไทยขึ้นทะเบียนเพื่อทำงานได้อย่างถูกต้องเป็นกรณีพิเศษและชั่วคราว 1 ปี ภายใต้การกำกับดูแลของ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดย นายจ้างสามารถดำเนินการเองได้ฟรีผ่านระบบออนไลน์ หรือยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานจัดหางาน โดยไม่จำเป็นต้องใช้บริการนายหน้าหรือเอเจนซี่แต่อย่างใด

ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนตามมติคณะรัฐมนตรี 24 กันยายน 2567

ส่วนที่ 1 ขึ้นทะเบียนแรงงานที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
วันที่ : 16–30 ธันวาคม 2567
นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวพร้อมรูปถ่าย ผ่านเว็บไซต์ workpermit2024.doe.go.th หรือยื่นที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด/กรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10

ส่วนที่ 2 การต่ออายุที่ใบอนุญาตหมด 13 กุมภาพันธ์ 2568
วันที่ : ภายใน 13 สิงหาคม 2568
นายจ้างยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนแรงงานต่างด้าว ( บต.33 ) พร้อมเอกสาร เช่น ใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพ/ประกันสังคม เอกสารนายจ้าง

ขั้นตอนการยื่นเอกสารขออนุญาตทำงานแทนแรงงานกัมพูชาตามระบบ MOU (รัฐต่อรัฐ)

ประกอบด้วยขั้นตอน:
1.นายจ้าง/บจง. ยื่นเอกสารเข้าระบบ cam.doe.go.th
2. MLVT (กระทรวงแรงงานกัมพูชา) ตรวจเอกสาร อนุมัติ/รับรองบัญชีรายชื่อ
3. นายจ้างยื่นขออนุญาตทำงานแทนแรงงานต่างด้าวในไทย
4. สวจ./สจก. รับค่าธรรมเนียม ส่งให้ ตม. ออก Calling Visa
5. ตม. ตรวจลงตรา VISA
6. นายจ้างนำหน้า PASS และ VISA ยื่น สวจ./สจก.
7. สวจ./สจก. ออกใบอนุญาตทำงาน
ได้รับอนุญาตทำงานถึง 13 กุมภาพันธ์ 2570

ค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย (หากนายจ้างดำเนินการเอง)
✅ ค่าธรรมเนียมยื่นคำขออนุญาต 100 บาท
✅ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน 900 บาท/ปี (ต่ออายุ 2 ปี 1,800 บาท)
✅ ค่าตรวจสุขภาพ 500 บาท (กระทรวงสาธารณสุข)
✅ ค่าตรวจลงตรา (วีซ่า) 500 + 500 บาท (สตม.)
✅ ค่าประกันสุขภาพ 990 บาท/6 เดือน (กรณียังไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม)
ทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย นายจ้างสามารถดำเนินการเองได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นใดเพิ่มเติม

ค่าบริหารจัดการของเอเจนซี่ (ไม่เกี่ยวกับภาครัฐ)
แม้ว่านายจ้างและแรงงานต่างด้าว สามารถดำเนินการเองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายส่วนเกิน แต่บางรายอาจเลือกใช้ บริษัทเอกชน (เอเจนซี่) เพื่อความสะดวก บริษัทเหล่านี้อาจเรียกเก็บ ค่าบริการเพิ่มเติม (เช่น 2,000–2,500 บาทต่อราย) โดยขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนายจ้าง/แรงงานกับบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องภาคสมัครใจ ไม่เกี่ยวข้องกับกรมการจัดหางาน

✅ กรมการจัดหางานไม่ได้บังคับหรือร่วมเรียกเก็บค่าใช้จ่ายนี้
✅ หากพบว่าบริษัทเรียกเก็บค่าบริการไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนกรมการจัดหางานเพื่อตรวจสอบได้ทันที

กลุ่ม MOU และ กลุ่ม มติ ครม. 24 กันยายน 2567: ความแตกต่าง
✅ กรณีแรงงาน MOU (รัฐต่อรัฐ) มีการควบคุมราคาค่าบริการโดยกฎหมายอย่างชัดเจน
✅ กรณีขึ้นทะเบียนตาม มติ ครม. 24 กันยายน 2567 ไม่มีเพดานควบคุมค่าบริการของบริษัทนายหน้า แต่หากแรงงาน/นายจ้างพบว่ามีการเรียกเก็บราคาไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนให้กรมการจัดหางานตรวจสอบได้ทันที

เรื่อง MOU มติ ครม. 24 กันยายน 2567
ประเภทแรงงาน กลุ่มต่ออายุ และกลุ่มใหม่จากต่างประเทศ แรงงานที่อยู่ผิดกฎหมายในไทย
ขั้นตอน ต้องรับรองบัญชีรายชื่อจากประเทศต้นทาง, Calling Visa, VISA, PASS, ออกใบอนุญาต นายจ้างยื่นรายชื่อผ่านระบบ, ยื่นขอใบอนุญาต, ตรวจสุขภาพ, ลงตราในไทย, ประกันสุขภาพ/ประกันสังคม
ค่าบริการ มีเพดานค่าบริการควบคุมตามกฎหมาย ไม่มีเพดานค่าบริการ (ขึ้นกับผู้ใช้บริการ/เอเจนซี่)
การควบคุม มีความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ เป็นมาตรการพิเศษของไทย

กรณีข่าว DSI ตรวจสอบ “ขบวนการหักหัวคิว”
ข่าวการตรวจสอบเส้นทางการเงิน “ขบวนการหักหัวคิวแรงงานต่างด้าว” โดย DSI เป็นการดำเนินคดีกับ กลุ่มบุคคล/เอกชนบางรายที่อาจมีพฤติกรรมเรียกรับหัวคิวเกินจริง ซึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับกรมการจัดหางาน หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่อย่างใด

กรมการจัดหางานพร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงานสอบสวน และดำเนินการตามกฎหมายหากพบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง

บทสรุป
✅ แรงงานต่างด้าวสามารถขึ้นทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยค่าใช้จ่ายที่กำหนดชัดเจน
✅ การใช้บริการเอเจนซี่เป็นความสมัครใจของผู้ใช้บริการ ไม่เกี่ยวกับกรมการจัดหางาน
✅ หากพบการเรียกเก็บค่าบริการเกินจริง สามารถร้องเรียนกรมการจัดหางานได้
✅ กรมการจัดหางานดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวพาดพิงเรื่องขบวนการหักหัวคิว
✅ หากต้องการตรวจสอบรายชื่อบริษัทนายหน้าที่ถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ที่

• เว็ปไซด์ กรมการจัดหางาน www.doe.go.th
• สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2

10/07/2025

เกิดเหตุชายคุ้มคลั่งแย่งอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.สุทธิสาร ยิงใส่ตำรวจเจ็บ 2 นาย บริเวณสวนหย่อมคอนโดไลฟ์แอดรัชดา ซอยรัชดา 16 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กทม.

เมื่อเวลา 11.00 น. เกิดเหตุชายคุ้มคลั่งแย่งอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.สุทธิสาร ยิงใส่ตำรวจเจ็บ 2 นาย บริเวณสวนหย่อมคอนโดไลฟ์แอดรัชดา ซอยรัชดา 16 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กทม.

โดยก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งพบชาย กำลัง อาละวาด ในสวนคอนโดไลฟ์แอดรัชดา ซอยรัชดา 16 เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบชายดังกล่าว จึงได้พยายามพูดคุย และขอเชิญตัวไปที่ สน.เนื่องจากชายดังกล่าวมีอาการคล้ายมึนเมา แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวได้เข้ามาแย่งอาวุธปืนสายตรวจ ในขณะที่ยื้อแย่งปืนเกิดลั่นออกมาจำนวน 2 นัด ถูกเสื้อเกราะบริเวณหน้าอกซ้ายและแฉลบไปโดนต้นแขนด้านซ้าย ก่อนจะควบคุมสถานการณ์และควบคุมตัวชายคนดังกล่าว

ต่อมาทราบชื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บคือ ส.ต.ท.วรดร ถิระธนาบูรณ์ ผบ.หมู่ (ป) สน.สุทธิสาร และส.ต.ท.จิรายุทธ ราชอาจ ผบ.หมู่ (ป) สน.สุทธิสาร ถูกนำตัวส่งโรงบาลตำรวจ ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อนายจิรศักดิ์ โลเกต อายุ 26 ปี เจ้าหน้าควบคุมตัวสอบสวนต่อที่ สน. สุทธิสาร

10/07/2025

ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุช่วงเช้าวันนี้ มีผู้ใช้อาวุธปืนยิงคน เสียชีวิต 2 ราย ชาย 1 หญิง 1 เหตุเกิดในวัดคูหาสวรรค์ ซอยเพชรเกษม 28

09/07/2025

อย. ผนึกกำลัง ปคบ. บุกทลายโรงงานน้ำหวานผสมกระท่อมรายใหญ่ ยึดของกลางกว่า 2 พันขวด มูลค่ากว่า 2 แสนบาท พร้อมดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เดินหน้าปราบปรามผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผนึกกำลังกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งลักลอบผลิตและจำหน่ายน้ำหวานผสมใบกระท่อม “Seven-Eight” รายใหญ่

ภายในพบของกลางเป็นเครื่องดื่มผสมกระท่อมกว่า 2,000 ขวด ครอบคลุมถึง 13 รสชาติ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 200,000 บาท รวมถึงพบยาแก้ไอและยาแก้ปวดจำนวนหนึ่งที่ถูกนำไปผสมกับน้ำกระท่อม เพื่อผลิตเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “4 คูณ 100”

จากการตรวจสอบยังพบชายไทย 4 รายกำลังอยู่ในระหว่างการผลิต พร้อมของกลาง ได้แก่ ถังต้มใบกระท่อมขนาดใหญ่ เครื่องบรรจุภัณฑ์ และฉลากสินค้าที่ใช้สำหรับจำหน่าย โดยมีการโฆษณาและจัดส่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเป็นระบบ กระจายสินค้าให้ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการ อย. ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิด 2 ประเด็นหลัก ได้แก่

การผลิตอาหารที่ห้ามผลิตและจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท (ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522)

การจำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท (ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510)

อย. ขอเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ที่อาจเป็นสินค้าผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าเฝ้าระวังและดำเนินการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน

08/07/2025

สว.แจ้งความ อ้างหญิงที่ร้องเรียนตามตื้อปั่นป่วนชีวิตรัก ส่งคลิปให้สื่อฯ

สว.ที่ถูกร้องเรียนฯ แจ้งความดำเนินคดีหญิงวัย 40 ข้อหาหมิ่นประมาท อ้างถูกตามตื๊อไม่เลิก ส่งของถึงบ้านแฟนหวังปั่นป่วนความสัมพันธ์ ยันไม่มีใจแต่ถูกดึงชื่อไปพัวพันจนเสียหาย

ตามรายงานของผู้แจ้ง ระบุเหตุการณ์ย้อนหลังไปเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2567 โดย สว.รายดังกล่าวได้รู้จักกับกลุ่มหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในกลุ่มนั้นมี น.ส.ขวัญ รวมอยู่ด้วย โดยฝ่ายหญิงพยายามเข้ามาทำความรู้จัก ชักชวนไปดื่มกิน และนัดพบกันอยู่หลายครั้ง แม้เจ้าตัวพยายามหลีกเลี่ยง แต่ยอมรับว่าเคยออกไปไหนมาไหนด้วยกัน เนื่องจากตนเองคบหากับหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ น.ส.ขวัญ

ในบางโอกาส สว.ได้พา น.ส.ขวัญ ไปร่วมรับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อน ๆ ซึ่งในวงนั้นทุกคนต่างเห็นพฤติกรรมของ น.ส.ขวัญ ที่แสดงความใกล้ชิดออดอ้อนนัวเนียต่อผู้แจ้งอย่างเปิดเผย โดยที่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งใด ๆ เพราะกลัวว่าแฟนสาวที่ตนคบหาอยู่จะเข้าใจผิด

ต่อมามีเหตุการณ์สำคัญเมื่อ น.ส.ขวัญ ได้นัดผู้แจ้งไปพบที่ร้านอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ผู้แจ้งไม่ไปตามนัด ทำให้ฝ่ายหญิงเกิดความไม่พอใจ และนำของที่ผู้แจ้งเคยซื้อให้ ส่งกลับคืนไปยังบ้านของแฟนสาวของ สว.รายนี้ ซึ่งผู้แจ้งมองว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาให้แฟนสาวเข้าใจผิดและเลิกรากัน

ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว น.ส.ขวัญยังคงพยายามติดต่อและขอนัดพบอยู่บ่อยครั้ง แต่ผู้แจ้งก็ปฏิเสธมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา น.ส.ขวัญได้ทักมาทางข้อความเพื่ออวยพรวันเกิด (ซึ่งตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม) และขอเลี้ยงอาหารเป็นการส่วนตัว ด้วยความไว้ใจ ผู้แจ้งจึงไปรับ น.ส.ขวัญจากที่พัก และพาไปทานขนมหวานที่ร้านชื่อดังย่านถนนบรรทัดทอง

กรณีดังกล่าว ทำให้ผู้แจ้งเห็นว่า พฤติกรรมของ น.ส.ขวัญเข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยการกระทำ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างชัดเจน จึงตัดสินใจดำเนินการแจ้งความ เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง และรักษาชื่อเสียงของตนเอง

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ประเวศ ได้สอบปากคำ สว. และพยาน เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างออกหมายเรียก สาวคู่กรณี มาให้ถ้อยคำ เพื่อรวบรวมหลักฐาน โดยนัดวันที่ 17 ก.ค.2568 เวลา 13.00 น.

08/07/2025

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกตั้ง สส.ศรีสะเกษ เขต 5 แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยกำหนดให้เลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ ที่ 10 สิงหาคม 2568

08/07/2025

เส้นทาง สว.ธนกร จากแสมสารสู่รัฐสภา

นายธนกร ถาวรชินโชติ นายกสมาคมการประมงแสมสาร และรองประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาชิกวุฒิสภา ชุดที่ 13 ปี 2567 กลุ่ม 6 กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง จบการศึกษาในระดับปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์นับว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ยาวนานเกี่ยวกับการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของประมงเพราะอยู่กับประมงมาทั้งชีวิต ซึ่งตลอดระยะเวลาในการทำประมง ธนกรมีส่วนร่วมในการผลักดัน พรก. ประมง เพื่อพี่น้องชาวประมงทั่วประเทศและยังได้ร่วมมือกับทางภาครัฐดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล จนได้รับตำแหน่งเป็น ประธานศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลจังหวัดชลบุรี

ภาพจากเฟสบุ๊ค สว.ธนกร ถาวรชินโชติ-บิ๊กหนู

08/07/2025

“เหยื่อสาว” แฉ สว.ลวนลาม เผยพฤติกรรมคืนเกิดเหตุ ยื่นสอบจริยธรรม สว. ล่วงละเมิดทางเพศ ทำป่วย PTSD เกือบแถลงข่าวไม่ได้ ยันไม่ขอไกล่เกลี่ย ดำเนินคดีถึงสุด

ที่อาคารรัฐสภา นางสาวณัฐสินี ภิญโญปิยวิศว์ หรือขวัญ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการฯ วุฒิสภา พร้อมด้วยทนายความ เดินทางมายื่นสอบจริยธรรมร้ายแรงต่อสมาชิกวุฒิสภา กระทำการล่วงละเมิดทางเพศ

ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าวนางสาวณัฐสินี มีอาการเซ ยืนไม่อยู่ คล้ายจะเป็นลม สอบถามคนใกล้ชิดทราบว่า มีอาการป่วยโรคเครียดหลังประสบเหตุการณ์ร้ายแรง หรือ PTSD ทำให้ต้องใช้เวลานั่งพักก่อนเริ่มแถลงข่าว

โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา เกี่ยวกับกรณีที่ถูกสมาชิกวุฒิสภา ล่วงละเมิดทางเพศ โดยบอกว่า ส่วนตัวเคยรู้จักและคบหาพูดคุยกับ สว. รายนี้มาก่อน แต่เลิกรากันไปเมื่อปี 2567 เพราะมีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้ต้องหยุดการพูดคุยและไม่ได้คบหากันในเชิงคู่รัก รวมถึงไม่สามารถกลับมาคืนดีกันอีกได้

แต่ด้วยลักษณะการทำงาน แม้จะไม่ได้ทำงานอยู่ในคณะกรรมธิการเดียวกัน แต่ต้องพบเจอกันในห้องประชุมเป็นบางครั้ง จึงต้องรักษามารยาทในการทำงาน รวมถึงปกติก็จะมีการส่งข้อความไปอวยพรวันเกิด สว. ทุกคนอยู่แล้ว เมื่อใกล้ถึงวันเกิดของ สว. รายนี้ จึงได้ส่งข้อความไปอวยพรด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ขึ้น

โดยเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา สว. รายนี้ได้ส่งข้อความกลับมาชักชวนไปรับประทานอาหาร ซึ่งตัวเองก็ตอบตกลง เพราะมองว่าควรผูกมิตรดีกว่ามีศัตรู แต่เพื่อความปลอดภัย จึงไม่ได้ไปในช่วงดึก และเปลี่ยนเป็นขอเลี้ยงขนมที่ร้าน ชื่อดังแถวถนนบรรทัดทองแทน ยืนยัน ไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์ และมื้อนั้นตนเองเป็นคนจ่ายค่าขนม

หลังรับประทานขนมเสร็จสิ้น สว. คนดังกล่าวได้ขอไปส่งที่บ้าน โดยระหว่างทางก็มีพฤติกรรมพยายามจะขอคืนดี แต่ตนปฏิเสธ และเมื่อไปถึงบ้าน ขณะกำลังจะลงจากรถ อยู่ๆ สว. ก็ได้ดึงแขนตนเองและล็อกตัวไม่ให้ลงจากรถ ก่อนจะพาไปที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง และมีการใช้นิ้วละเมิดทางเพศ

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุยังไม่เคยได้รับการติดต่อจากคู่กรณีและไม่ขอเจรจา ไกล่เกลี่ยใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงไม่ขอเปิดเผยชื่อหรือตัวอักษรย่อของ สว. คนดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ สาเหตุที่พึ่งมาเปิดเผยรายละเอียดและร้องเรียน เพราะ การแจ้งความร้องทุกข์ผู้ใหญ่จะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานและทำให้รัดกุมที่สุดไม่สามารถยื่นเรื่องลอยๆได้เพราะสวเป็นผู้ทรงคุณวุฒิการจะทำต้องมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุน

ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้นเบื้องต้นได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่สน. เตาปูนแต่ไม่ขอก้าวก่ายกระบวนการทางตำรวจ เพราะอยู่ในระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการ

ด้านนายรดิศทัต ประภานนท์ ทนายความ บอกว่า จุดประสงค์ที่มาวันนี้เพื่อมายื่นสอบจริยธรรมและเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้หญิง ที่ถูกกระทำ ซึ่งในหนังสือที่ยื่นจะมีรายละเอียดทั้งชื่อ และตำแหน่งของวุฒิสมาชิก รวมถึงมีพยานหลักฐานครบถ้วนแน่นหนา เนื่องจากผิดข้อบังคับจริยธรรมของวุฒิสมาชิก ข้อที่ 21 เรื่องของการกระทำอนาจาร ล่วงละเมิดทางเพศ

จากนั้นยังไม่ทันแถลงข่าวเสร็จ นางสาวขวัญ เหยื่อที่อ้างว่า สว.ลวนลาม มีอาการคล้ายเป็นลมครั้งที่ 2 กลางวงสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงนำรถเข็นมารับตัว เข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมยืนยันว่า มีหลักฐานในแฟลชไดรฟ์ เป็น 3 คลิป ในตึกที่เกิดเหตุ

เมื่อถามว่ากังวลไหม เพราะเป็น สว. ขวัญ ระบุว่า สั้น ๆ ว่า ตนอยากเป็นกำลังใจให้เหยื่อทุกคนที่เหมือนกับตน

ส่วนมีการติดต่อมาหรือไม่ ตนไม่ทราบ แค่ก่อนหน้านี้มีติดต่อเข้ามา และในวันเกิดเหตุอยู่ในห้องเกิน 30 นาที จนตัวเองป่วยเป็นโรค PTSD ส่วนพฤติกรรมนี้ ตนไม่ทราบว่าไปทำกับคนอื่นอีกหรือไม่

สำหรับคดี ขณะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ เบื้องต้นมองว่ายังไม่ล่าช้า ตำรวจให้ความร่วมมืออย่างดี

สำหรับพฤติกรรมชอบดื่มจนเมา ตนไม่ทราบ และคิดว่าเป็นการกระทำดูถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ไม่มีใครควรโดนแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้มีจำแหน่งหรือไม่มี.

กิตติ สิงหาปัด

13/07/2025

11/07/2025

11/07/2025

11/07/2025

11/07/2025

10/07/2025

10/07/2025

09/07/2025

08/07/2025

08/07/2025

08/07/2025

08/07/2025

ที่อยู่

เบอร์โทรศัพท์

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ทางลัด

แชร์

ประเภท