Siamsettakij นำเสนอข่าวทุกประเภทเพื่อการประชาสัมพันธ์เผยแพร่...

โฮมโปร ส่งแคมเปญ “Every Day Low Price” - ซื้อของใช้ประจำวัน ไม่ต้องรอโปรตรึงราคาของใช้ในบ้าน (Daily Use) คุ้มทุกวัน 90 ว...
01/10/2025

โฮมโปร ส่งแคมเปญ “Every Day Low Price” - ซื้อของใช้ประจำวัน ไม่ต้องรอโปร
ตรึงราคาของใช้ในบ้าน (Daily Use) คุ้มทุกวัน 90 วันเต็ม ทั้งสาขาและออนไลน์

โฮมโปรเดินหน้าสร้าง “Better Living – เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ส่งแคมเปญ “Every Day Low Price” ตรึงราคาของใช้ในบ้านประจำวัน (Daily Use) และสินค้าช่าง ครอบคลุมตั้งแต่ของใช้ในบ้านที่ต้องซื้อซ้ำ ไปจนถึงอุปกรณ์งานติดตั้งและซ่อมบำรุงทั้งหมด ให้ผู้บริโภคคุ้มทุกวันได้ที่โฮมโปร ตลอด 90 วันเต็ม ของพร้อม สต๊อคแน่น เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่าย มั่นใจว่า “เมื่อไหร่ที่พร้อมช้อป ก็ได้ราคาดีเสมอ” ไม่ต้องรอโปรโมชั่นหรือเทศกาลลดราคาอีกต่อไป จะช้อปที่สาขาทั่วประเทศหรือออนไลน์ ก็คุ้ม!

คุณอุไรวรรณ ตันติพิริยะกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มปฏิบัติการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” กล่าวว่า “สิ่งที่เราเรียนรู้จากผู้บริโภคคือความพอใจจากการซื้อสินค้า ไม่ได้เกิดจากการได้ราคาที่ถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความสบายใจว่า เมื่อเลือกซื้อของใช้ในบ้านจำเป็นและจะได้ทั้งความคุ้มค่าและราคาที่สม่ำเสมอทุกครั้ง โฮมโปรจึงออกแบบแคมเปญ “Every Day Low Price” ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้ ด้วยการตรึงราคาสินค้า Daily Use นานถึง 90 วันเต็ม เน้นสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ครอบคลุมทั้งสินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไปและกลุ่มช่างมืออาชีพ เพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนสัมผัสได้ถึงความคุ้มค่าที่เข้าถึงง่าย ไม่ต้องรอโอกาสหรือเวลาพิเศษ ก็สามารถช้อปได้อย่างมั่นใจ ทั้งสาขาและออนไลน์”

รายการสินค้าในแคมเปญ “Every Day Low Price” ครอบคลุม 2 กลุ่มหลักที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ได้แก่

กลุ่ม End User (เน้นของใช้ประจำบ้าน ที่ซื้อซ้ำเป็นประจำ) : ของใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และอุปกรณ์แสงสว่าง
กลุ่มสินค้าช่าง (สำหรับงานติดตั้งและซ่อมบำรุง) : สายไฟ อุปกรณ์ระบบน้ำ และเครื่องมือสิ้นเปลือง
สินค้าทั้ง 2 กลุ่ม ถูกคัดสรรมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในครัวเรือนหรือใช้ในการทำงานอย่างมืออาชีพ

เพื่อให้ทุกคนสัมผัสความคุ้มค่าได้ทุกช่องทางอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเลือกช้อปที่โฮมโปรสาขาใกล้บ้าน โดยมองหาป้าย “Every Day Low Price” หรือ เลือกซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของโฮมโปร ที่มีสัญลักษณ์เดียวกัน เพื่อช่วยให้ค้นหาสินค้าราคาดีได้ง่ายและรวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การช้อปของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกและมั่นใจได้ว่าจะคุ้มค่าทุกครั้งที่ช้อป

ฮาวทู “ถูกทุกวัน ที่โฮมโปร” โฮมโปรแนะนำ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ใครก็ทำตามได้

เช็กลิสต์ของใช้ในบ้านจำเป็น - เลือกของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ช่าง หรือของใช้ในชีวิตประจำวัน
มองหาป้าย “Every Day Low Price” - ที่สาขาและออนไลน์ ช้อปได้สินค้าราคาถูก ไม่ต้องรอโปร
เลือกช่องทางช้อปที่สะดวก - สาขาใกล้บ้านหรือช่องทางออนไลน์ ก็มั่นใจได้ว่าคุ้มค่าเท่ากัน
“สิ่งที่โฮมโปรมอบให้ลูกค้า ไม่ใช่เพียงแค่สินค้าราคาถูก แต่คือความมั่นใจว่าทุกครั้งที่เข้ามาเลือกซื้อของ จะได้ความคุ้มค่าที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ โฮมโปรเป็นมากกว่าร้านจำหน่ายสินค้า แต่เราเป็นพาร์ทเนอร์ หรือ เพื่อนคู่คิดเรื่องบ้าน ที่อยู่เคียงข้างทุกๆ ช่วงชีวิตของลูกค้าไปตลอด เพราะการสร้าง Better Living – เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ไม่ได้หมายถึงแค่การมีสินค้าที่ครบครัน แต่คือ การทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจว่าสินค้าเราไปตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้จริง และรู้สึกมั่นใจทุกครั้งที่เลือกโฮมโปร”

ช้อปถูกทุกวันที่โฮมโปร กับแคมเปญ Every Day Low Price

เพียงมองหาป้าย “Every Day Low Price” ที่สาขาทั่วประเทศ หรือเลือกช้อปผ่านออนไลน์ ที่ https://hmpro.me/45A235Y หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1284

#โฮมโปร ื่อชีวิตที่ดีกว่า ...
__________________________

“อมตะ” เปิดมุมมองผ่านเวที Thailand-China Cooperation Expo 2025สานความสำเร็จสะพานเชื่อมเศรษฐกิจฐานผลิตเชิงยุทธศาสตร์กรุงเ...
01/10/2025

“อมตะ” เปิดมุมมองผ่านเวที Thailand-China Cooperation Expo 2025
สานความสำเร็จสะพานเชื่อมเศรษฐกิจฐานผลิตเชิงยุทธศาสตร์

กรุงเทพฯ — บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านนิคมฯ ชั้นนำของไทย ร่วมถ่ายทอด มุมมอง ด้านการลงทุน ผ่าน “Thailand–China Cooperation Expo 2025 : 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน : ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน” ย้ำบทบาทกระชับความสัมพันธ์เข้มแข็ง ชูไทยเป็นฐานการผลิตเชิงยุทธศาสตร์ รองรับการลงทุน จีน เชื่อมตลาดโลก

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA และในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-จีน และที่ปรึกษาหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ : “โครงสร้างพื้นฐานและการลงทุน: เสริมพลังความร่วมมือเศรษฐกิจไทย–จีน เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในงาน “Thailand–China Cooperation Expo 2025 : 50 ปี ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน” ตอกย้ำบทบาทของร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศที่เข้มแข็ง มุ่งสู่การพัฒนาการค้า การลงทุนที่มั่นคงและยั่งยืน

ในระยะ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา สำหรับการขยายการลงทุนของจีนในไทย อมตะได้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับ นักลงทุนที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นฐานยุทธศาสตร์ด้านการผลิตของอาเซียน ซึ่งไม่เพียงสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย – จีนอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง

การสนับสนุนในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงมิติทางธุรกิจที่เติบโตร่วมกัน ยังเป็นการตอกย้ำด้านความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงนักลงทุนไทย – จีนมาตลอด 50 ปี สอดรับกับการเติบโตของกลุ่มอมตะใน 50 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน ซึ่งทางอมตะยังคงทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงการลงทุนในภาคการผลิต ของทั้งสองประเทศ แสดงถึงความเชื่อมั่น ของนักลงทุนจีนที่มีต่อไทย เพื่อเป็นฐานการผลิตเชิงยุทธศาสตร์ และศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain Hub) เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน

สำหรับภายในงาน “Thailand–China Cooperation Expo 2025” : 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน : ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 –28 กันยายน 2568 โดยทางอมตะได้จัดบูธนิทรรศการนำเสนอศักยภาพของนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ ตลอดจนเครือข่ายความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับนักลงทุนจีนที่ยังคงขยายการลงทุนในไทยต่อเนื่อง

การเข้าร่วมครั้งนี้จึงไม่เพียงสะท้อนศักยภาพของผู้นำอุตสาหกรรมไทย “อมตะ” ถือเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ยืนหยัดเคียงข้างการพัฒนาไทย–จีนมาตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และพร้อมก้าวต่อไปในอีก 50 ปีข้างหน้า บนเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสู่อนาคตโลกอย่างยั่งยืน...
__________________________

 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดทีมบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม...ด้วยสถานการณ์ฝนตก...
01/10/2025


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
จัดทีมบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม...

ด้วยสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ทองแสนขัน อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

เมื่อวันอังคารที่ 30 กันยายน 2568 ทางคณะกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงสั่งการด่วน
ให้นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่ฯ
จัดทีมบรรเทาสาธารณภัยฯนำโดยนายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการฯ

นำกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย, กู้ชีพ จำนวนประมาณ 50 คน
พร้อมโรงครัวเคลื่อนที่, เรือท้องแบน 4 ลำ ,รถกู้ชีพ-กู้ภัย รถยกสูง 4x4, รถโรงครัวเคลื่อนที่ จำนวน 12 คัน
อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เสื้อชูชีพ 100 ตัว อาหารหมาแมว

และเมื่อ เวลา 03.00 โดยประมาณ ทีมบรรเทาสาธารณภัย
ได้ถึงพื้นที่ จัดตั้งกองอำนวยการ ณ วัดพลอยสังวรนิรันดร์ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ เบื้องต้นลงพื้นที่ช่วยเหลืออพยพประชาชนออกจากพื้น
ที่ประสบอุทุกภัยน้ำท่วม
(รายละเอียดต่างๆจะรายงานให้ทราบต่อไป)
ฝ่ายสื่อสารองค์กรมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรายงาน...
__________________________

บีทีเอสนำพนักงานจิตอาสา จัดกิจกรรม “เย็บเต้านมเทียม” เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ...
30/09/2025

บีทีเอสนำพนักงานจิตอาสา จัดกิจกรรม “เย็บเต้านมเทียม” เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำพนักงานจิตอาสา จัดกิจกรรม “เย็บเต้านมเทียม” ภายใต้แนวคิด เย็บด้วยมือ...ส่งต่อด้วยใจ ระหว่างวันที่ 29 – 30 กันยายน 2568 ณ ศูนย์ฝึกอบรม อาคารบีทีเอส เพื่อร่วมรณรงค์ เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล (World Breast Cancer Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 7 ตุลาคม ของทุกปี สร้างความตระหนักรู้ถึงโรคมะเร็งเต้านม ภัยเงียบที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งในผู้หญิง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลา 2 วัน พนักงานจิตอาสาของบริษัทฯ สามารถเย็บเต้านมเทียมได้จำนวน 100 ชิ้น โดยได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ตัดเย็บจาก บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) และบริษัทฯ จะดำเนินการส่งมอบเต้านมเทียมทั้งหมด ให้กับสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทย เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในโรงพยาบาลภาครัฐต่อไป

สำหรับเป้าหมายของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของบริษัทฯ ในการสนับสนุนพันธกิจ และภารกิจของสภากาชาดไทย ในฐานะเป็นอาสาสมัครกาชาด ยังเป็นการส่งเสริมให้พนักงาน มีจิตสำนึกแห่งการแบ่งปัน เพื่อร่วมขับเคลื่อน และสร้างสังคมไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และยั่งยืน ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอร่วมรณรงค์ให้ผู้หญิงทุกคนตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ และเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยแพทย์อย่างน้อยปีละครั้งตามช่วงอายุที่กำหนด เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต จากโรคดังกล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 02 - 617- 6000 Line official : และ page : รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือเช็กสถานะการเดินรถได้ที่ Application ‘THE SKYTRAINs’ ...
__________________________

แรบบิท ประกันชีวิต สปีดธุรกิจ 8 เดือนแรกโตแรง เบี้ยรับรวม 1.92 พันล้าน โต 22%เผยพอร์ตประกัน ‘คุ้มครองชีวิต–สุขภาพ-บำนาญ’...
29/09/2025

แรบบิท ประกันชีวิต สปีดธุรกิจ 8 เดือนแรกโตแรง เบี้ยรับรวม 1.92 พันล้าน โต 22%
เผยพอร์ตประกัน ‘คุ้มครองชีวิต–สุขภาพ-บำนาญ’ ครองความนิยมสูงสุด
ตั้งเป้าปิดปี 2.6 พันล้าน พร้อมก้าวสู่ปี 69 ด้วยกลยุทธ์ Omni Channel และ Data-Driven Insurance

• เปิดแผนสปีดโค้งสุดท้าย แรบบิท ไลฟ์กับโปรดักส์ “ลดหย่อนภาษี” ดันยอดออฟไลน์-ออนไลน์โต พร้อมการปักธงสู่ “Data-driven Insurance” ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ของคนรุ่นใหม่ และการดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลา
• “BTS Visionary Park” ก้าวสำคัญที่เชื่อมต่อ Ecosystem กลุ่มบีทีเอส เพื่อเสริมศักยภาพองค์กรและปักธงการเติบโตอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ 29 กันยายน 2568 - บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life บริษัทในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568 เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,923,849,043 บาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ ประกันคุ้มครองชีวิต (Whole Life), ประกันสุขภาพ (Health Insurance) และ ประกันบำนาญ (Annuity) ตามลำดับ ด้วยพลังของทุกช่องทางการขายที่แข็งแกร่ง จากความสำเร็จดังกล่าวแรบบิท ประกันชีวิต เตรียมเพิ่มโมเมนตัมในไตรมาสสุดท้ายของปีด้วยผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ตลอดจนวางโรดแมปสู่ปี 2569 ด้วย Data-Driven Insurance มุ่งเจาะอินไซต์และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทุกช่วงวัย

นายกรณ์ ชินสวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลประกอบการระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568 ของแรบบิท ประกันชีวิต ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 1,923,849,043 บาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP: First Year Premium) อยู่ที่ 1,502,306,196 บาท เพิ่มขึ้น 21% ผลกำไรของบริษัทอยู่ที่ 355,602,893 บาท โดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) อยู่ที่ 213% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของบริษัท โดยความสำเร็จดังกล่าวล้วนมาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น 3 กลุ่ม ได้แก่

• กลุ่มผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิต (Whole Life) ประกันชีวิตระยะยาวที่ครองความนิยมสูงสุดในปี 2568 สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตและการสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวอย่างยั่งยืน โดยยอดขายในกลุ่มนี้เติบโตกว่า 10 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่า 495,560,037 บาท
• กลุ่มผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ (Health Insurance) ประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยความยืดหยุ่นในการปรับความคุ้มครองให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และยังสามารถใช้งานร่วมกับสวัสดิการอื่น ๆ ได้อย่างคุ้มค่า โดยมียอดขายเติบโตสูงถึง 144% หรือคิดเป็นมูลค่า 26,428,551 บาท นำโดยผลิตภัณฑ์เหมาจ่ายอย่าง Health Smile ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
• กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญ (Annuity) ประกันที่สอดรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและช่วยลูกค้าวางแผนเกษียณได้อย่างมั่นคงและเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมียอดขายเติบโต 115% หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 60,184,779 บาท โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม อาทิ Bumnarn Mungme 85/65 และ Bumnarn Mungme 85/55 Plus

นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากทุกช่องทางการขายหลัก โดยช่องทางตัวแทน (Agency) ที่สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่เติบโตถึง 136% คิดเป็นมูลค่า 351,182,052 บาท ขณะที่ช่องทาง Broker ทำผลงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 79% หรือคิดเป็นมูลค่า 250,891,125 บาท และช่องทางออนไลน์ (Internet Sale) ที่ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและต่อเนื่อง โดยครองอันดับ 4 ในตลาดได้อย่างมั่นคง สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภครุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดยมียอดเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่อยู่ที่ 67,560,365 บาท ความสำเร็จจากทุกช่องทางนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายตัวแทนคุณภาพ ตลอดจนความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า “สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทได้วางกลยุทธ์ Omni-Channel ผ่านการพัฒนาและปรับปรุง Touch Points ทุกจุด เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการซื้อประกันออนไลน์ ที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย และลูกค้าสามารถ Customixed ปรับแต่งความคุ้มครอง ได้ตามความต้องการเฉพาะของตัวเอง หรือจะเป็นระบบ iService ที่ดูแลลูกค้าหลังการขายอย่างใกล้ชิด ให้ลูกค้าอุ่นใจและสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ตลอดเวลา รวมถึงยังมีแคมเปญการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเจาะฐานลูกค้าทุกเจเนอเรชันที่ต้องการวางแผนภาษีและการเงินอย่างคุ้มค่า โดยมุ่งผลักดันยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี อาทิ Hero 10/1, Hero 10/3 และ Hero 10/5 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทสามารถปิดปี 2568 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 2,600,000,000 บาท พร้อมเดินหน้าต่อยอดโมเมนตัมสู่ปี 2569 ด้วยการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Level Up Consumer Experience) ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และการวางแผนการเงินระยะยาว ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อน Data-driven Insurance เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและเข้าถึงง่าย ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์สำหรับคนรุ่นใหม่ รวมถึงการเสริมศักยภาพเครือข่ายตัวแทนคุณภาพ พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2569 ไว้ที่กว่า 3,000,000,000 บาท หรือเติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”

นายธัญญะ ซื่อวาจา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารและสนับสนุนองค์กร
บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เรายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ และเพื่อเสริมศักยภาพการทำงานให้สอดรับกับ Ecosystem ของกลุ่มบีทีเอส จึงมีการย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มายังอาคาร BTS Visionary Park ก้าวสำคัญนี้ไม่เพียงสะท้อนความแข็งแกร่งในการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของเราในการเดินทางมายังสำนักงานใหญ่แห่งนี้ โดยเชื่อมต่อระบบคมนาคมใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทันสมัย ในพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน กระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม ควบคู่ไปกับการยกระดับสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของพนักงาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดและรักษาบุคลากรคุณภาพไว้ เพื่อสร้างคนประกันรุ่นใหม่มาช่วยในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”

“แรบบิท ประกันชีวิต มุ่งมั่นเติบโตเพื่อดูแลลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกช่วงชีวิต ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘คิดแตกต่าง เพื่อยกระดับชีวิต ด้วยประกันชีวิตที่ตอบโจทย์และเข้าใจง่าย’ พร้อมยกระดับองค์กรและบุคลากรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตรุ่นใหม่ที่ทันสมัย มีศักยภาพแข่งขันในตลาด และยืนหยัดเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายกรณ์ กล่าวสรุป

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติม รวมถึงอัปเดตข้อมูลข้อมูลข่าวสาร และโปรโมชันต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ Rabbit Life www.rabbitlife.co.th

# # #

เกี่ยวกับบริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life
บริษัทประกันชีวิตภายใต้กลุ่มธุรกิจในเครือของ บีทีเอส กรุ๊ป ที่วางวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ “คิดแตกต่าง เพื่อยกระดับชีวิต ด้วยประกันชีวิตที่ตอบโจทย์และเข้าใจง่าย” โดยมีเป้าหมายการเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตแถวหน้าของประเทศไทย ที่เข้าใจทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยมุ่งพัฒนาให้เป็นบริษัทประกันชีวิตที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และลูกค้าสามารถเข้าถึงประกันชีวิตได้ง่ายขึ้น ยึดมั่นหลักในการทำงานโดยใช้วิธีคิดให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของรูปแบบการซื้อประกัน และพร้อมเดินเคียงข้าง “ให้คุณกล้ากระโดดออกไป ใช้ชีวิตดีแบบก้าวกระโดด” ...
__________________________

บีทีเอส กรุ๊ปฯ ร่วมงานคอนเสิร์ตการกุศลรอบพิเศษ “พลังน้ำใจไทย Power of Thai  รวมน้ำใจปีที่ 15” เพื่อระดมทุนฟื้นฟูโรงเรียน...
29/09/2025

บีทีเอส กรุ๊ปฯ ร่วมงานคอนเสิร์ตการกุศลรอบพิเศษ “พลังน้ำใจไทย Power of Thai รวมน้ำใจปีที่ 15” เพื่อระดมทุนฟื้นฟูโรงเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบ - ภัยธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ โดยนางสาวนริศรา ศรีสันต์ ที่ปรึกษา บริษัทฯ เข้าร่วมงานคอนเสิร์ตการกุศลรอบพิเศษ “พลังน้ำใจไทย Power of Thai รวมน้ำใจปีที่ 15” ภายใต้แนวคิด “คืนรอยยิ้มให้โรงเรียน” ณ SX Grand Plenary Hall ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน Sustainability Expo (SX2025) โดยมูลนิธิพลังน้ำใจไทยเป็นผู้จัดงาน

การจัดงานคอนเสิร์ตในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุน และส่งต่อความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบ และภัยธรรมชาติ เพื่อเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้แก่นักเรียน โดยในปีนี้ คณะทำงานมูลนิธิพลังน้ำใจไทย ได้ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านปางห้า อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือ และกำลังใจให้กับน้อง ๆ นักเรียน ท่ามกลางบรรยากาศการต้อนรับที่อบอุ่น

สำหรับภายในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ มีศิลปินชื่อดังมากมายมาร่วมส่งพลังใจ และคืนโอกาสทางการศึกษาให้กับน้อง ๆ ผ่านเสียงดนตรี อาทิ Modern Dog, Lipta, Urboy TJ, เจ้านาย เจ้าขุน, Alala, แพร ชนา, New Country, กอกี้ กวิสรา, Better Weather, The Parkinson และ Chaladeen โดยศิลปินทั้งหมดมารวมตัวกันแบบไม่มีค่าย และสังกัด เพื่อสร้างสรรค์การแสดงดนตรีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และความหมายเป็นอย่างมากโดยโครงการ “พลังน้ำใจไทย Power of Thai” เกิดขึ้นจากการผสานพลังน้ำใจของ 12 องค์กรภาคเอกชนชั้นนำของไทย ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), กลุ่มเซ็นทรัล, บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน), กลุ่มมิตรผล, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), กลุ่มบริษัททรู และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ที่ได้ร่วมสานต่อเจตนารมณ์แห่งการช่วยเหลือสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วิกฤตอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2554 มาจนถึงปัจจุบัน...
__________________________

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ต่อยอดโอกาส สร้างชีวิต ให้แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์มอบทุนการศึกษา ทุกระดับปีสุดท้าย แล...
29/09/2025

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ต่อยอดโอกาส สร้างชีวิต ให้แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
มอบทุนการศึกษา ทุกระดับปีสุดท้าย และทุนฯ ต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2568 รวมงบประมาณกว่า 12.5 ล้านบาท
วันนี้ (วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ คณะกรรมการมูลนิธิฯ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2568 ให้แก่นักเรียน นักศึกษาที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในระดับชั้นมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา รวม 156 สถาบัน จำนวน 910 ทุน รวมเป็นจำนวนเงิน 12,615,000 บาท (สิบสองล้านหกแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยมี เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ เปิดเผยว่า การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษา เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักในงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปี สนับสนุนให้เยาวชนมีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา สร้างเยาวชนให้เป็นคนดีของสังคม
โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบทุนฯ แก่เยาวชนในระดับชั้นประถมศึกษาไปแล้ว 1,500 ทุน และในวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568 มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมอบทุนการศึกษาในส่วนภูมิภาค (ทุนสัญจร) แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาในภาคเหนือ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และ แม่ฮ่องสอน รวม 53 สถาบัน 265 ทุน เป็นลำดับต่อไป
รวมงบประมาณการมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี 2568 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,870,000 บาท (สิบเจ็ดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung
ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน
ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”...
__________________________

สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล จัดใหญ่! "Thailand E-Commerce Selection Expo 2025" มหกรรมคัดเลือกสินค้าอีคอมเมิร์ซส...
29/09/2025

สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล จัดใหญ่! "Thailand E-Commerce Selection Expo 2025" มหกรรมคัดเลือกสินค้าอีคอมเมิร์ซสุดยิ่งใหญ่ เชื่อมไทย-จีน สู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์
กรุงเทพฯ – สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการจัดงาน "Thailand E-Commerce Selection Expo 2025" มหกรรมคัดเลือกสินค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อสร้างโอกาสและเครือข่ายธุรกิจครั้งสำคัญ โดยงานจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2568 ณ พื้นที่จัดงาน TOYOTA FARM EXPO 2025 ซึ่งมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยได้รับเกียรติจาก คุณวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นประธานในพิธีเปิด
คุณชไมพร เจือเจริญ นายกสมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ "สร้างโอกาส สร้างเครือข่าย และสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ" โดยทำหน้าที่เป็นเวทีสำคัญในการ เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทย ให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการคุณภาพสูงออกสู่สายตาผู้ซื้อ และที่สำคัญคือการ นำสินค้าขึ้นสู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ชั้นนำระดับประเทศและระดับสากล
ภายในงานได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอย่างมาก ทั้งจากประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบูธเข้าร่วมแสดงสินค้าและบริการกว่า 140 บูธ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ซื้อและพันธมิตรทางธุรกิจได้คัดเลือกสินค้าที่มีศักยภาพเพื่อเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้ กิจกรรมภายในงานยังอัดแน่นด้วยการ สัมมนาให้ความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซ แก่ผู้ประกอบการไทย โดยได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐมาร่วมบรรยาย ตลอดจน Speaker ตัวจริงในวงการอีคอมเมิร์ซที่มาถ่ายทอดความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ ตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน และการนำ เทคโนโลยี AI มาต่อยอดในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเข้าฟังการบรรยายทั้ง 2 เวทีอย่างหนาแน่นตลอดการจัดงาน
การจัดงาน Thailand E-Commerce Selection Expo 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของสมาคมฯ ในการผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่โลกดิจิทัล และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นสะพานเชื่อมโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน...
__________________________

วธ. ร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพครั้งยิ่งใหญ่ในเทศกาลนวราตรี วัดแขกสีลมวันจันทร์...
29/09/2025

วธ. ร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพครั้งยิ่งใหญ่ในเทศกาลนวราตรี วัดแขกสีลม

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น . กรมการศาสนาร่วมกับสำนักพราหมณ์พระราชครูในสำนักพระราชวัง และวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) จัดพิธีอภิเษกสมรสองค์พระศิวะมหาเทพ และองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี เนื่องในเทศกาล นวราตรี ประจำปี พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 22 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2568 โดยมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา สำนักพราหมณ์พระราชครู ในสำนักพระราชวัง
นายสำรวย นักการเรียน ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้อำนวยการกองศาสนูปถัมภ์ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา และประชาชน เข้าร่วม ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร

นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนาได้ร่วมกับสำนักพราหมณ์พระราชครู ในสำนักพระราชวัง องค์การทางศาสนาศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ที่กรมการศาสนาให้การรับรองได้ร่วมกับวัดพระศรีมหาอุมาเทวี จัดพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ ภายใต้เทศกาลนวราตรี พ.ศ. 2568 ตามโครงการ “เสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา” เพื่อส่งเสริมประเพณีในมิติศาสนา โดยประเพณีแต่งงานขององค์เทพที่จะได้เห็นในวันนี้ เป็นต้นแบบทางวัฒนธรรมของพิธีแต่งงานในประเทศในกลุ่มทวีปเอเชียรวมถึงประเทศไทย ดังจะเห็นได้จากการจัดรูปแบบของขบวนขันหมาก และการประกอบพิธีทางศาสนาเพื่ออวยพรคู่แต่งงานที่ได้รับอิทธิพล สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน การจัดงานครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเทศกาลในมิติทางศาสนา เป็นการยกระดับเทศกาลประเพณีให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และก่อให้เกิดความศรัทธาและความเชื่อ จึงเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในมิติศาสนาผ่านงานเทศกาลมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ชุมชนรอบวัดและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้านจำหน่ายเครื่องสักการะ อาหาร และบริการเช่าชุดอินเดีย มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

นายสุรพงษ์ สิริธรกุล ประธานคณะกรรมการมูลนิธิวัดพระศรีมหาอุมาเทวี กล่าวว่า การจัดพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ ในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 จะแสดงถึงวัฒนธรรม
การจัดรูปแบบของขบวนขันหมากและพิธีอภิเษกสมรสตามความเชื่อของศาสนาฮินดู โดยจะจัดเพียง 1 ครั้งในรอบปีเท่านั้น จึงเป็นพิธีกรรมที่ได้รับความสนใจจากศาสนิกชน และคู่รักหรือคู่ครอง ที่จะมาขอพรเพื่อการแต่งงาน
และการสมหวังในความรัก โดยในปีนี้ได้รับเกียรติจาก นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้รับเชิญเป็นประธานในพิธีการสำคัญนี้อีกด้วย

พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี เป็นอวตารหนึ่งของพระแม่ปารวตี ชายาของพระศิวะมหาเทพ เป็นหนึ่งในเทพตรีมูรติผู้ยิ่งใหญ่ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ประกอบด้วย พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ โดยพระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นผู้ทำลายล้างสิ่งชั่วร้าย เพื่อให้เกิดแต่ความดีงามบนโลกใบนี้ ในคติความเชื่อของไศวนิกาย ได้มีการนับถือให้พระองค์
เป็นเจ้าสูงสุด โดยทั้งสองพระองค์มีพระราชโอรส คือ พระขันธกุมารและพระพิฆเนศ

ศาสนิกชนที่เข้าร่วมในพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ จะได้ร่วมในขบวนแห่ขันหมาก ซึ่งประกอบด้วยขนมมงคลบนถาดบูชาสำหรับถวายองค์เทพ โดยเมื่อจบพิธี จากนั้นจึงเข้าร่วมในพิธีโหมกูณฑ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีบูชาพระเป็นเจ้าทางศาสนาฮินดู โดยพราหมณ์จะนำสิ่งของเครื่องบูชาต่างๆ อาทิ ไม้ เครื่องหอม สมุนไพร ธัญพืช ดอกไม้ เนย น้ำผึ้ง น้ำมันเนย ข้าว ขนม ผลไม้ อัญมณี พวงมาลัย ตลอดจนพัสตราภรณ์ เป็นต้น ลงไปเผาในกองกูณฑ์ที่ลุกโชนด้วยไฟ ซึ่งถือเป็นการถวายเครื่องบูชาผ่านทางพระอัคนี ไปสู่พระเป็นเจ้าองค์ที่เราประกอบพิธีบูชา

ลำดับต่อมาพราหมณ์ประกอบพิธีอภิเษกสมรสระหว่างองค์เทพ โดยอุปโลกน์พราหมณ์สองท่านเป็นองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ ซึ่งเป็นพราหมณ์ผู้มาจากเมืองมาดูไร วัดในประเทศอินเดียที่จัดพิธีสมรสขององค์พระแม่ตามตำนาน โดยพราหมณ์ในพิธีจะประกอบพิธีมอบสร้อยมงคลแก่กันและกัน และจูงมือเดินรอบกองไฟ 7 รอบเช่นเดียวกับตำนาน จากนั้นประธานในพิธีจึงโปรยดอกไม้อวยพรเทพ ทั้งสององค์ ไกวชิงช้าและร่วมกันอธิษฐานดอกไม้เป็นอันเสร็จพิธี

ตลอดการงานเทศกาลนวราตรี ระหว่างวันที่ 22 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2568 นั้น เป็นประเพณีสำคัญทางศาสนาฮินดู ภายในงานมีการจัดกิจกรรมบูชาองค์เทพที่สำคัญของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของศาสนิกชน ตลอดทั้งเทศกาลจะมีพิธีบูชาองค์เทพต่างๆในช่วงเช้าเริ่มเวลา 09.30 น. และช่วงค่ำเริ่มเวลา 17.30 น. ที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี ศาสนิกชนสามารถเดินทางเข้ามาร่วมพิธีได้โดยไม่มีการจำกัดเชื้อชาติ หรือศาสนา โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตของตนเองและครอบครัวด้วย

ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า โครงการเสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา ภายใต้การจัดกิจกรรมเทศกาลของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เป็นการส่งเสริมให้ศาสนิกชนได้ปฏิบัติศาสนกิจตามศาสนา อันเป็นการสร้างความเข้มแข็งของสถาบันศาสนาให้เป็นเสาหลักที่จะสร้างสรรค์สังคมที่มีคุณธรรม ศาสนิกชนทุกศาสนาอยู่ร่วมกันด้วยความรักสามัคคีสืบต่อไป...
__________________________

วธ. ร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพครั้งยิ่งใหญ่ในเทศกาลนวราตรี วัดแขกสีลม  วันจันท...
28/09/2025

วธ. ร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพครั้งยิ่งใหญ่
ในเทศกาลนวราตรี วัดแขกสีลม

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ร่วมกับสำนักพราหมณ์
พระราชครู ในสำนักพระราชวัง และวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) จัดพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่
ศรีมหาอุมาเทวี และองค์พระศิวะมหาเทพ เนื่องในเทศกาลนวราตรี ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี เขตบางรัก กรุงเทพ
นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา
ได้ร่วมกับสำนักพราหมณ์พระราชครู ในสำนักพระราชวัง องค์การทางศาสนาศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ที่กรมการศาสนาให้การรับรองได้ร่วมกับวัดพระศรีมหาอุมาเทวี จัดพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและ
องค์พระศิวะมหาเทพ ภายใต้เทศกาลนวราตรี พ.ศ. 2568 ตามโครงการ “เสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา” เพื่อส่งเสริมประเพณีในมิติศาสนา โดยประเพณีแต่งงานขององค์เทพที่จะได้เห็นในวันนี้ เป็นต้นแบบทางวัฒนธรรมของพิธีแต่งงานในประเทศในกลุ่มทวีปเอเชียรวมถึงประเทศไทย ดังจะเห็นได้จาก
การจัดรูปแบบของขบวนขันหมาก และการประกอบพิธีทางศาสนาเพื่ออวยพรคู่แต่งงานที่ได้รับอิทธิพล
สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน การจัดงานครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเทศกาลในมิติทางศาสนา เป็นการยกระดับเทศกาลประเพณีให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และก่อให้เกิดความศรัทธาและความเชื่อ จึงเป็น
การส่งเสริมเศรษฐกิจในมิติศาสนาผ่านงานเทศกาลมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ชุมชนรอบวัดและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้านจำหน่ายเครื่องสักการะ อาหาร และบริการเช่าชุดอินเดีย มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นายสุรพงษ์ สิริธรกุล ประธานคณะกรรมการมูลนิธิวัดพระศรีมหาอุมาเทวี กล่าวว่า การจัดพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ ในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568
จะแสดงถึงวัฒนธรรมการจัดรูปแบบของขบวนขันหมากและพิธีอภิเษกสมรสตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
โดยจะจัดเพียง 1 ครั้งในรอบปีเท่านั้น จึงเป็นพิธีกรรมที่ได้รับความสนใจจากศาสนิกชน และคู่รักหรือคู่ครอง
ที่จะมาขอพรเพื่อการแต่งงาน และการสมหวังในความรัก โดยในปีนี้ได้รับเกียรติจาก นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้รับเชิญเป็นประธานในพิธีการสำคัญนี้อีกด้วย
พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี เป็นอวตารหนึ่งของพระแม่ปารวตี ชายาของพระศิวะมหาเทพ เป็นหนึ่งในเทพตรีมูรติผู้ยิ่งใหญ่ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ประกอบด้วย พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ โดยพระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นผู้ทำลายล้างสิ่งชั่วร้าย เพื่อให้เกิดแต่ความดีงามบนโลกใบนี้ ในคติความเชื่อของไศวนิกายได้มีการนับถือให้พระองค์เป็นเจ้าสูงสุด โดยทั้งสองพระองค์มีพระราชโอรส คือ พระขันธกุมารและพระพิฆเนศ
ศาสนิกชนที่เข้าร่วมในพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพจะได้ร่วมในขบวนแห่ขันหมาก ซึ่งประกอบด้วยขนมมงคลบนถาดบูชาสำหรับถวายองค์เทพ โดยเมื่อจบพิธี จากนั้นจึงเข้าร่วมในพิธีโหมกูณฑ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีบูชาพระเป็นเจ้าทางศาสนาฮินดู โดยพราหมณ์จะนำสิ่งของเครื่องบูชาต่างๆ อาทิ ไม้ เครื่องหอม สมุนไพร ธัญพืช ดอกไม้ เนย น้ำผึ้ง น้ำมันเนย ข้าว ขนม ผลไม้ อัญมณี พวงมาลัย ตลอดจนพัสตราภรณ์ เป็นต้น ลงไปเผาในกองกูณฑ์ที่ลุกโชนด้วยไฟ ซึ่งถือเป็นการถวายเครื่องบูชาผ่านทางพระอัคนี ไปสู่พระเป็นเจ้าองค์ที่เราประกอบพิธีบูชา
ลำดับต่อมาพราหมณ์ประกอบพิธีอภิเษกสมรสระหว่างองค์เทพ โดยอุปโลกน์พราหมณ์สองท่าน
เป็นองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ ซึ่งเป็นพราหมณ์ผู้มาจากเมืองมาดูไร วัดในประเทศอินเดียที่จัดพิธีสมรสขององค์พระแม่ตามตำนาน โดยพราหมณ์ในพิธีจะประกอบพิธีมอบสร้อยมงคลแก่กันและกัน และจูงมือเดินรอบกองไฟ 7 รอบเช่นเดียวกับตำนาน จากนั้นประธานในพิธีจึงโปรยดอกไม้อวยพรเทพ
ทั้งสององค์ ไกวชิงช้าและร่วมกันอธิษฐานดอกไม้เป็นอันเสร็จพิธี
ตลอดการงานเทศกาลนวราตรี ระหว่างวันที่ 22 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2568 นั้น เป็นประเพณีสำคัญทางศาสนาฮินดู ภายในงานมีการจัดกิจกรรมบูชาองค์เทพที่สำคัญของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของศาสนิกชน ตลอดทั้งเทศกาลจะมีพิธีบูชาองค์เทพต่างๆในช่วงเช้าเริ่มเวลา 09.30 น. และช่วงค่ำ
เริ่มเวลา 17.30 น. ที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี ศาสนิกชนสามารถเดินทางเข้ามาร่วมพิธีได้โดยไม่มีการจำกัด
เชื้อชาติ หรือศาสนา โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตของตนเองและครอบครัวด้วย
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า โครงการเสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา ภายใต้การจัดกิจกรรมเทศกาลของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เป็นการส่งเสริมให้ศาสนิกชนได้ปฏิบัติศาสนกิจตามศาสนา
อันเป็นการสร้างความเข้มแข็งของสถาบันศาสนาให้เป็นเสาหลักที่จะสร้างสรรค์สังคมที่มีคุณธรรม ศาสนิกชนทุกศาสนาอยู่ร่วมกันด้วยความรักสามัคคีสืบต่อไป...
__________________________

ที่อยู่

Bangkok
10700

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Siamsettakijผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Siamsettakij:

แชร์