RETAILman ข่าวลือ+อัปเดตแวดวงศูนย์การค้าและวงการค้าปลีกไทยก่อนใครกับ

Thailand's retail and shopppin

 เครื่องสำอาง  #เจ้านาง พลิกโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ ชูเรื่อง “ความสวยเป็นของทุกคน” พร้อมส่งแป้งพัฟโกลว์สกินที่ทุกผิวต้องลองบร...
09/12/2025


เครื่องสำอาง #เจ้านาง พลิกโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ ชูเรื่อง “ความสวยเป็นของทุกคน” พร้อมส่งแป้งพัฟโกลว์สกินที่ทุกผิวต้องลอง

บริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์คุณภาพที่คนไทยไว้วางใจมากว่า 9 ปีแบรนด์เจ้านาง ( ) กำลังก้าวสู่บทใหม่บนเส้นทางในธุรกิจบิวตี้และสกินแคร์ ด้วยการรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่เพื่อสะท้อนปรัชญาแห่งความงามยุคใหม่ภายใต้แนวคิด “Ageless Beauty” และ “Inclusive Beauty” พร้อมย้ำถึงความสวยไม่มีกรอบตายตัว, ทุกโทนผิว, ทุกวัย, และทุกไลฟ์สไตล์ต้องเข้าถึงผลิตภัณฑ์ซึ่งช่วยยกระดับความงามและเติมความมั่นใจได้ในแบบของตนเอง โดยแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ยึดมั่นแนวคิดในเรื่อง “เครื่องสำอางและสกินแคร์ที่ดีต้องช่วยให้ผู้ใช้เป็นเวอร์ชันที่สวยและมั่นใจที่สุด” จึงได้จัดงาน “Rise to the Glow with Keng & Namping” เพื่อเปิดตัวแบรนด์ DNA ใหม่ของแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ลาน M Lifestyle Hall ชั้น G ศูนย์การค้า #เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์บางกะปิ ( )

•••

คุณสิทธา สมควรดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “การรีแบรนด์ดิ้งแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ในครั้งนี้จะเริ่มต้นจากสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้ทันทีอย่างแพ็กเกจจิ้งโฉมใหม่ที่ดูคลีนสะอาดตาในสไตล์มินิมอลและเรียบหรูน่าหยิบมาใช้มากขึ้น โดยแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ยังคงเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพและส่งมอบฟังก์ชันการใช้งานอันสะดวก พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์จริงของผู้ใข้ เพื่อมอบประสบการณ์ความงามที่ดีขึ้นในทุกมิติให้แก่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) อีกทั้งยังเดินหน้าพัฒนาสูตรและนวัตกรรมความงามใหม่ๆ ให้สอดรับกับเทรนด์และความต้องการของผู้ใช้ภายใต้ DNA ของแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) อันโดดเด่นในเรื่องคุณภาพ, ความคงทน, กันเหงื่อ, และไม่เป็นคราบ รวมทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวคนเอเชียและสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างเมืองไทย”
“นอกจากการรีแบรนด์ดิ้งของแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ครั้งใหญ่แล้ว ยังมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ไฮไลต์แห่งปีอย่างผลิตภัณฑ์ CHAONANG Glow Skin Power Foundation แป้งพัฟงานผิวโกลว์ที่ได้ถ่ายทอด DNA ใหม่ของแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการดีไซน์ตลับใหม่ที่ดูโมเดิร์นขึ้นและสูตรที่พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่ ซึ่งต้องการทั้งความโกลว์และความติดทน”

•••

คุณธัญญ์ฐิตา ทรัพยศิรินารากุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์แป้ง CHAONANG Glow Skin Power Foundation รุ่นนี้เกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าคนยุคนี้อยากได้ผิวโกลว์สุขภาพดี และดูแล้วผิวสวยเล่นแสงเป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังต้องติดทน, กันน้ำ-กันเหงื่อตลอดวัน, และไม่หนักหน้า ซึ่งนับเป็นสองคุณสมบัติที่ไปด้วยกันได้ยาก แต่แบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ก็ได้คิดค้นและพัฒนาจนทำให้เป็นจริงได้ในตลับเดียวกลายเป็นแป้งพัฟสูตรใหม่ที่ช่วยเสก ‘งานผิว’ ในฟินิชสวยฉ่ำกำลังดีด้วยเทคโนโลยี Crystal Glow Reflect”
“เทคโนโลยี Crystal Glow Reflect นี้ช่วยให้ผิวดูสะท้อนแสงแบบคริสตัล และทำให้ผิวดูโกลว์เป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งช่วยกระจายแสงในแบบ ‘Your Skin But Glowier’ เพื่อให้ผู้ใช้พร้อมลุยไปกับทุกกิจกรรมได้ทั้งวันในแบบที่ไม่ต้องกังวล”
“ที่สำคัญผลิตภัณฑ์แป้ง CHAONANG Glow Skin Power Foundation รุ่นนี้ยังมอบการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยส่วนผสมชั้นนำระดับสกินแคร์ ไม่ว่าจะเป็น Coenzyme Q10, Fullerene, Squalane, Vitamin E, Bisabolol และสารสกัดชะเอมเทศ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู, ลดเลือนริ้วรอย, และปลอบประโลมผิวไปถึงในขั้นตอนแต่งหน้า โดยมอบการปกปิดและบำรุงในสเตปเดียวอีกด้วย”

•••

“ก่อนหน้านี้แบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มาเติมเต็มลุคอีก 2 ผลิตภัณฑ์เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมากับผลิตภัณฑ์ CHAONANG Glowy Bloom Liquid Lip ลิควิดลิปเนื้อกลอสที่มอบความฉ่ำและบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและสุขภาพดี พร้อมอัดแน่นไปด้วยสารบำรุงอย่าง MAXI-LIP ที่เพิ่มความอิ่มฟูดูสวยละมุน, SPHERULITE™ HA Ultimate ไฮยาลูรอนแคปซูลที่ปล่อยความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง, และ MYRAMAZE-ESSENCE ที่ช่วยฟื้นฟูริมฝีปาก”
“และต่อด้วยผลิตภัณฑ์ CHAONANG Soft Blush Powder พาเลตต์บลัชออน 4 เฉดสีที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยม ด้วยเนื้อแป้งละเอียดบางเบา, เกลี่ยง่ายให้เม็ดสีชัด, และผสมเฉดได้หลากหลาย ตั้งแต่ลุคสดใสไปจนถึงลุคหวาน โดยมีให้เลือก 2 สไตล์ คือ พาเลตต์สไตล์ Morning Bloom ที่ให้โทนอุ่นเหมาะกับใช้งานทางการให้ดูสวยเนียนเป็นธรรมชาติ และพาเลตต์สไตล์ Moonlight Kiss ที่ให้เฉดชมพูคูลโทนลุคดูอ่อนเยาว์ เหมาะทั้งมือใหม่และผู้ที่มองหาบลัชออนคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงง่าย”
“นอกจากนี้ แบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ยังเตรียมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดปังอีกมากมาย ซึ่งจะมาทำให้ทุกคนสวยและมั่นใจมากขึ้น โดยในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 นี้เตรียมพบกับการวางจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ CHAONANG Flawless Skin Concealer คอนซีลเลอร์เนื้อครีมบางเบาที่กลืนเข้ากับผิวอย่างเป็นธรรมชาติและปกปิดเนียนด้วยเทคโนโลยี Blur-FLEX Powder ที่ช่วยปกปิดจุดด่างดำ, ความหมองคล้ำ, และรอยสิวได้”
“พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์คอนซีลเลอร์รุ่นนี้ยังมีเทคโนโลยี Smooth Film-Fixing ที่ล็อกเนื้อให้ติดทน, ไม่เป็นคราบ, ไม่ตกร่อง, และทนเหงื่อได้ดีในแบบฉบับแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ซึ่งยังได้ใส่สารบำรุงระดับพรีเมียม อย่าง Niacinamide และ Calendula Extract ที่ปลอบประโลมผิว, ลดการอักเสบ, ลดรอยแดง-รอยดำไปพร้อมกับการปกปิดผิว”
“ส่วนคนที่ชอบสกินทินต์นั้นเตรียมพบกับ CHAONANG Glowy Tint ในต้นปี 2569 ที่เป็นทินต์งานผิวอันผสมผสานการปกป้องผิวจากแสงแดด พร้อมการการบำรุงและเบลอผิวไว้ในหนึ่งเดียวด้วยเทคโนโลยี Multi-Blurring ซึ่งทำให้ผิวดูเนียนเป็นธรรมชาติ พร้อมเติมความชุ่มชื้นด้วยสาร Triple Hyaluron Boots และส่วนผสมบำรุงจากธรรมชาติอย่าง Vitamin E, Royal Jelly, Rhodiola, Echinacea และสาหร่ายน้ำตาล ทำให้ผิวดูกระจ่างใสแข็งแรงสดชื่นแบบผิวสุขภาพดี โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้จะกลายเป็นไอเทม Must-Have ที่ต้องมีบนโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับคนที่ต้องการงานผิวและฟินิชสวยเนียนระดับมืออาชีพ ด้วยราคาที่ทุกคนจับต้องได้”

•••

คุณสิทธา ยังกล่าวตอนท้ายอีกว่า “เครื่องสำอาง, เมกอัป, และสกินแคร์ทุกชิ้นที่แบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) พัฒนาขึ้น จะยังคงสะท้อนคำมั่นสัญญาของแบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) ในฐานะแบรนด์คุณภาพที่ทุกคนเข้าถึงได้ การรีแบรนด์ครั้งนี้เป็นการปรับโฉมภาพลักษณ์ และยกระดับประสบการณ์ความงามให้ตอบโจทย์ลูกค้าและตลาดในระยะยาว ทั้งดีไซน์พรีเมียมดูร่วมสมัยและสูตรที่พัฒนาอย่างพิถีพิถันด้วยส่วนผสมระดับโลก แบรนด์เจ้านาง (CHAONANG) พร้อมก้าวสู่บทใหม่ภายใต้จุดยืนเดิม ที่ว่าความงามต้องสร้างมาเพื่อทุกคน”



#อีเวนต์เด่นห้างโดนโดน

https://www.facebook.com/share/p/16UPzW28gP/

#เจ้านางxเก่งน้ำปิง

 #ทันข่าวห้าง #มาม่า เปิดตัว DNA ใหม่ ชู   ร่วมสร้างคอมมูนิตี้ของทุกเจน ทรานส์ฟอร์มสู่ Life Partner กับ “นี่ไม่ใช่บะหมี่...
07/12/2025

#ทันข่าวห้าง
#มาม่า เปิดตัว DNA ใหม่ ชู ร่วมสร้างคอมมูนิตี้ของทุกเจน ทรานส์ฟอร์มสู่ Life Partner กับ “นี่ไม่ใช่บะหมี่ แต่คือเพื่อน”

บริษัท #สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ ผู้ทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ “มาม่า” ประกาศ DNA แบรนด์ ชุดใหม่ สู่การเป็น Life Partner & Safe Zone ของคนทุกเจเนอเรชันผ่านโปรเจ็กต์ Cultural Move ครั้งใหญ่กับ MAMACREW พร้อมเปิดตัว 6 พรีเซ็นเตอร์ที่สะท้อนจริต, ความจริงใจ, และความสัมพันธ์แบบเพื่อนจริงๆ เพราะสำหรับมาม่าในวันนี้ “มาม่าไม่ใช่แค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกต่อไป” โดยแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้า #ลิโด้คอนเน็ค ( ) #สยามแสควร์
สำหรับ 6 พรีเซ็นเตอร์ล็อตแรกที่จะมาร่วมกิจกรรมโปรเจ็กต์ MAMACREW ประกอบด้วย; คุณอิ้งค์-วรันธร เปานิล เจ้าหญิงแห่งซินธ์ป็อป, คุณนนท์-ธนนท์ จำเริญ ตัวพ่อเพลงฮิตแห่งที-ป็อป, และทีม “เสือร้องไห้” ทีม 4 ครีเอเตอร์ไอเดียจัดจ้าน ขวัญใจคอนเทนต์ไวรัล พร้อมด้วยสมาชิกใน Crew ที่จะเชื่อมกันด้วยความเป็นเพื่อน, ความจริงใจ, และไวบ์เดียวกันกับแบรนด์ โดยทั้งหมดถูกคัดเลือกเพื่อสะท้อนความเป็นมาม่ายุคใหม่ที่จะเป็นแบรนด์ “จับต้องได้” มีความสนุก, อบอุ่น, และเป็นคอมมูนิตี้ ซึ่งทุกคนเข้ามาอยู่ได้โดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่ม

•••

> DNA ใหม่จาก “แก้หิว” สู่ “พื้นที่ทางอารมณ์ความรู้สึก” ที่อยู่เคียงข้างกับทุกคน

คุณโจ-เพชร พะเนียงเวทย์ กรรมการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ขับเคลื่อน DNA ชุดใหม่ของแบรนด์มาม่า กล่าวว่า “ทิศทางใหม่ทางบริษัทฯ มองว่ามาม่าไม่ใช่เพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่มองว่ามาม่าเป็น ‘คน’ โดยเป็นคนที่เป็น Life Partner และ Safe Zone ให้กับทุกคน”
“จากผลการวิจัยตลาดพบว่า เวลาคนไทยเดินทางไปต่างประเทศแล้วคิดถึงบ้าน สิ่งแรกๆ ที่เขานึกถึงคือมาม่า พอเขาได้แค่เปิดซองเตรียมจะปรุงรับประทาน มันรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านทันที บริษัทฯ จึงอยากให้มาม่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า ‘ได้กลับบ้านแล้ว’ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก เป็นการย้ายตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์มาม่าจากเดิมที่เน้นหน้าที่ในการ ‘แก้หิว’ ไปสู่ ‘พื้นที่ทางอารมณ์ความรู้สึก’ ที่อยู่เคียงข้างกับทุกคนในทุกสถานการณ์ทุกอารมณ์”

•••

> ทำไมต้องเป็น MAMACREW? ทำไมต้องเป็น 6 คนนี้?

คุณโจ-เพชร ยังกล่าวต่อว่า “ปัจจุบันมาม่าไม่ได้มองพรีเซ็นเตอร์เป็นหน้าตาของแบรนด์แบบเดิมๆ แต่มองเป็นคนที่จุดติดให้เกิดชุมชน (Community Catalyst) และยังเป็นคนที่พาแบรนด์เข้าไปอยู่ในบทสนทนาเหล่า Creator Scene คนรุ่นใหม่ โดยคุณอิ้งค์-วรันธร เปานิลและคุณนนท์-ธนนท์ จำเริญเป็นเพื่อนกันและยังเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่แฟนคลับรักและให้การยอมรับ พร้อมอินในสิ่งเดียวกัน ส่วนทีม ‘เสือร้องไห้’ เป็นเสมือนตัวกลางที่ทำให้ทุกคนเชื่อมกันได้และสื่อสารกับแฟนคลับได้ง่ายขึ้น”
“มาม่ามองว่าทั้ง 6 คนมีภาพความเป็น ‘มนุษย์จริงๆ’ ไม่ขายภาพเกินจริง และมาม่าอยากให้ทุกคนรู้สึกว่า ‘ทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งของทีม MAMACREW ได้’ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความคิดของทีมเบื้องหลังที่ต้องการทำแบรนด์ให้สนุก, สด, และเป็นกันเอง โดยย้ายสนามรบจาก ‘ชั้นวางสินค้า’ สู่ ‘พื้นที่ Creator Scene คนรุ่นใหม่’ และไม่ได้มองคู่แข่งเป็นแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกต่อไป เพราะศึกวันนี้อยู่ใน TikTok, แฟนด้อม, คอนเสิร์ต, ป็อปคัลเจอร์, มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง, และคอนเทนต์ไวรัลต่างๆ แทน”
“บริษัทฯ มองว่าทุกวันนี้ดารา, นักร้อง, ครีเอเตอร์, และอินฟลูเอนเซอร์มีความทับซ้อนกันหมด บริษัทฯ เลยต้องเลือกคนที่เข้าได้กับทุกโลก ไม่ใช่เพียงแค่โลกโฆษณา และนี่คือเหตุผลที่มาม่าเปิดแนวทางการทำงานกว้างขึ้น โดยเปิดรับ Music Marketing, เปิดรับการ Collaboration แบบไร้กรอบ, และเปิดรับครีเอเตอร์ทุกสไตล์ จากความเชื่อเดียวกันที่ว่า ไอเดียที่แบรนด์อื่นคิดว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ มักเป็นไอเดียที่แบรนด์มาม่าอยากทำที่สุด”

•••

> ถ่ายทอดรสชาติผลิตภัณฑ์ให้กลายเป็นเสียงดนตรี

นอกจากนี้ แบรนด์มาม่ายังได้ริเริ่มลองเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ด้วยการถ่ายทอดรสชาติให้เป็นประสบการณ์ทางดนตรีจากการตีความคำถามง่ายๆ ว่า “ถ้ารสชาติมาม่ามีเสียง...มันจะดังแบบไหน?” จึงได้เกิดแคมเปญ “Sound of Flavours” ซึ่งมาม่าได้ร่วมกับคุณโต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ศิลปินนักเปียโนและโปรดิวเซอร์ชื่อดัง กับการคัฟเวอร์แต่งทำนองใหม่จนออกมาเป็น 4 เพลง 4 อารมณ์ โดยเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรกกับเพลง “นิดนึงพอ” ขับร้องโดยคุณอิ้งค์-วรันธร เปานิลที่เป็นตัวแทนสื่อถึงความคิดถึงและความอบอุ่น
“ทั้งนี้ แคมเปญ ‘Sound of Flavours’ เป็นแคมเปญที่ไม่ได้ทำเพื่อยอดขาย แต่เพื่อคืนความรู้สึกให้แบรนด์ผ่านเสียง โดยตั้งใจพาคนไทยกลับสู่ช่วงเวลาที่ผูกพันกับมาม่าเสมอมา ตั้งแต่เสียงน้ำเดือดจนถึงความอบอุ่นบนโต๊ะอาหาร ทำให้ ‘Sound of Flavours’ ไม่ใช่แค่แคมเปญ แต่คือ ‘เสียงของชีวิต’ ที่ก้องอยู่ในใจทุกเจเนอเรชัน” คุณโจ-เพชร กล่าวเพิ่มเติม

•••

> มาม่าไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะต้องใช้เวลานานหลายปี

คุณโจ-เพชร กล่าวตอนท้ายว่า “ก้าวต่อไปของแบรนด์มาม่าที่เห็นอยู่นี้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบดีดนิ้ว แต่เป็นการ ‘วางรากใหม่’ ของแบรนด์ โดยแบรนด์มาม่าใช้เวลากว่า 5 ปีในการค่อยๆ เปลี่ยนแบรนด์ให้เป็นแบบนี้ ซึ่งทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เรียกได้ว่าแบรนด์มาม่ากำลังเข้าสู่เฟสใหม่ เฟสที่ไม่ได้แข่งในเชลฟ์ แต่กำลังสร้างวัฒนธรรมของตัวเอง เฟสที่ไม่ได้ขาย ‘รสชาติ’ แต่ขาย ‘ตัวตน’ ของแบรนด์ และเป็นเฟสที่ไม่ได้สื่อสารแบบทางการ แต่สื่อสารในรูปแบบเพื่อนที่ชวนกันคุย”

“จากนี้คือยุคของแบรนด์มาม่าในแบบที่ ‘จับต้องได้ เข้าถึงได้ และเป็นเพื่อนได้’ แบรนด์มาม่ากำลังเดินหน้าไปสู่การสร้างแบรนด์ที่เป็น ‘พื้นที่อารมณ์’ ของคนทุกเจเนอเรชันที่พร้อมเปิดโปรเจ็กต์ Collaboration ใหม่ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี เพราะในวันที่ทุกแบรนด์อยากเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ Creator Scene คนรุ่นใหม่ แบรนด์มาม่าได้เลือกสร้าง Pop Culture เป็นของตัวเอง และโปรเจ็กต์ MAMACREW คือก้าวแรกของ Movement ครั้งนี้”



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

https://www.facebook.com/share/p/1Fy552KoVD/

#มาม่าอร่อย ือร้องไห้ #เสือร้องไห้

 #ทันข่าวห้างครบรอบ 20 ปี   BANGKOK จัดฉลองใหญ่ ด้วยการแสดง “Dive Into the Water Dance Show!” สุดอลังการ พร้อมเปิดตัวมูล...
05/12/2025

#ทันข่าวห้าง
ครบรอบ 20 ปี BANGKOK จัดฉลองใหญ่ ด้วยการแสดง “Dive Into the Water Dance Show!” สุดอลังการ พร้อมเปิดตัวมูลนิธิ #ซีไลฟ์แบงค็อกพลัส

บริษัท เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงโลกใต้ทะเลกลางกรุงซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) ได้จัดงานฉลองสุดยิ่งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) กับแคมเปญ “SEALIFE Bangkok 20th Anniversary Celebration” จับมือ #เมอเมดแลนด์ ( ) นำทีมโดยโค้ชปูเป้-ธัญลักษณ์ พุฒิสิริโรจน์ อดีตนักกีฬาว่ายน้ำลีลาทีมชาติไทย จัดการแสดงถ่ายทอดความงดงามของโลกใต้ทะเลด้วยจังหวะอ่อนช้อยในชื่อชุด “Dive Into the Water Dance Show!” โชว์ใต้น้ำสุดงดงามอลังการ พร้อมเปิดตัวมูลนิธิซีไลฟ์ แบงค็อก พลัส (SLBKK Plus: SEA LIFE Bangkok Plus Foundation) อย่างเป็นทางการ โดยมีพันธกิจมุ่งส่งเสริมการอนุรักษ์มหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลในประเทศไทย ถือเป็นการขานรับนโยบายการอนุรักษ์ท้องทะเลและสัตว์น้ำของซีไลฟ์ (SEA LIFE) ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำผู้นำศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงโลกใต้ทะเลใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และเตรียมเปิดศักราชใหม่ด้วยการเดินหน้ากลยุทธ์ไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้งอย่างต่อเนื่องด้วยการดึงพาร์ทเนอร์ระดับโลกมาสร้างกิมมิคทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ เพื่อดึงดูดลูกค้าจากทั่วโลกในทุกไตรมาสผ่านทุกแพลตฟอร์มออนไลน์-ออฟไลน์ที่ทรงพลัง

•••

คุณสกลภัส ปลูกจิตรสม ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจกรุงเทพ บริษัท เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “กว่า 2 ทศวรรษของซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) นับเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวโลกใต้น้ำมาตรฐานระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) เป็นพื้นที่ที่นำเสนอความรู้, ความสนุก, และแรงบันดาลใจผ่านโลกใต้น้ำให้กับผู้คนจากทั่วโลก ด้วยการนำสัตว์น้ำที่น่าสนใจจากทั่วโลกมาจัดแสดงให้ได้เรียนรู้และสัมผัสอย่างใกล้ชิด”
“ปัจจุบันซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) ได้จัดแสดงสัตว์น้ำมากกว่า 200 สายพันธุ์ รวมจำนวนกันกว่า 4,000 ตัว รวมทั้งยังได้สร้างสรรค์กิจกรรมที่มีความน่าสนใจและตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนจำนวนมาก ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ซ้ำในทุกครั้งที่เข้าชม โดยทางซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกๆ ท่าน, สื่อมวลชน, และอินฟลูเอนเซอร์ที่มาเที่ยวชมและรีวิวช่วยแชร์ความประทับใจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) ได้รับฟีดแบคต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาการให้บริการ รวมถึงสร้างสรรค์กิจกรรมเหมาะสมกับลูกค้าทุกกลุ่ม”
“และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 20 ปี ทางซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) ได้จัดการแสดง “Dive Into the Water Dance Show!” ซึ่งเป็นโชว์ระบำใต้น้ำร่วมกับเมอเมด แลนด์ (Mermaid Land) นำทีมโดยโค้ชปูเป้-ธัญลักษณ์ พุฒิสิริโรจน์ อดีตนักกีฬาว่ายน้ำลีลาทีมชาติไทย ควบคู่กับการแวกว่ายของนางเงือกใต้น้ำสุดงดงามอลังการ และจะจัดการแสดงเพียง 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-9 ธันวาคม 2568 นี้เท่านั้น”
“การแสดงนี้ได้นำเสนอความงดงามของทะเลในรูปแบบแฟนตาซี ผ่านศิลปะการเคลื่อนไหวใต้น้ำอันอ่อนช้อยและตระการตา ที่สำคัญการแสดงนี้ยังสื่อสารเรื่องการอนุรักษ์ท้องทะเลอย่างแยบยล โดยมุ่งหวังอยากให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัยได้รับทั้งความเพลิดเพลินและกลับไปด้วยหัวใจที่อยากร่วมดูแลท้องทะเลไทย อีกทั้งยังเป็นเวทีที่สะท้อนถึงศักยภาพนักกีฬาว่ายน้ำลีลาทีมชาติไทย พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหันมาสนใจกีฬาว่ายน้ำลีลามากขึ้น เพราะนี่คือกีฬาที่ผสมผสานทั้งความแข็งแรง ความคิดสร้างสรรค์ ความมีวินัยและศิลปะไว้ด้วยกัน”

•••

และอีกหนึ่งก้าวสำคัญของซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) ที่ภาคภูมิใจมาก คือ การสานต่อพันธกิจด้านอนุรักษ์สัตว์น้ำและท้องทะเลไทยอย่างยั่งยืน ด้วยการก่อตั้งมูลนิธิซีไลฟ์ แบงค็อก พลัส (SLBKK Plus: SEA LIFE Bangkok Plus Foundation) ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยดำเนินนโยบายภายใต้แรงบันดาลใจและแนวทางเดียวกับ #ซีไลฟ์ทรัสต์ ( ) องค์กรที่ไม่แสวงหากำไรด้านการอนุรักษ์ของเครือบริษัท เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส กรุ๊ป จำกัด (Merlin Entertainments Group Limited) อันมีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงการอนุรักษ์สัตว์น้ำและท้องทะเลในประเทศไทยกับเครือข่ายของซีไลฟ์ (SEA LIFE) ทั่วโลก
สำหรับมูลนิธิซีไลฟ์ แบงค็อก พลัส (SLBKK Plus: SEA LIFE Bangkok Plus Foundation) มีวัตถุประสงค์สนับสนุนการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำและระบบนิเวศทางทะเลในประเทศไทย ผ่านการให้การสนับสนุนทางด้านการประชาสัมพันธ์และการจัดกิจกรรมเชิงอนุรักษ์เกี่ยวกับสัตว์ทะเลและท้องทะเลไทย อีกทั้งสร้างการเรียนรู้ผ่านการปลูกฝังหัวใจของการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนในกลุ่มเยาวชน, กลุ่มครอบครัว, ตลอดจนกลุ่มผู้ด้อยโอกาสด้านต่างๆ พร้อมทั้งยังมุ่งสร้างเสริมการเปิดประสบการณ์ให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในการเข้าชมซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) และมาดามทุสโซ แบงค็อก (Madame Tussauds Bangkok) อีกด้วย

•••

คุณสกลภัส ยังกล่าวอีกว่า “แผนการตลาดในปีหน้า (ปี 2569) ซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) พร้อมเปิดศักราชใหม่เดินหน้ากลยุทธ์ไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้งอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมปูพรมจัดกิจกรรมเซอร์ไพรส์แน่นเต็มสูบ ด้วยการดึงไลฟ์สไตล์ พาร์ทเนอร์ระดับโลกสร้างกิมมิคให้เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ซึ่งจะดึงดูดลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลกในทุกไตรมาส ด้วยการสื่อสารผ่านทุกแพลตฟอร์ม ทั้งการตลาดออนไลน์และออฟไลน์อันทรงพลังเข้าถึงและครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในวงกว้าง”
“นอกจากนี้ ยังได้ทำการตลาดผ่านทางพันธมิตรทางการตลาดของซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) ซึ่งมีความแข็งแกร่งมาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยซีไลฟ์ แบงค็อก (SEA LIFE Bangkok) จะยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในร่มสำคัญของกรุงเทพฯ ที่จะเสริมความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเป็น Soft Power ที่ถ่ายทอดเสน่ห์ของประเทศไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ และให้บริการด้วยรอยยิ้ม”

•••

ติดตามกิจกรรมและโปรโมชันพิเศษอีกมากมาย ได้ที่ http://www.sealifebangkok.com หรือโทรศัพท์ 0-2842-2000 โดยสามารถตรวจสอบราคาในแต่ละวันได้ทางเว็บไซต์ ซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าถูกกว่า 10% ผ่านเว็บไซต์ https://www.visitsealife.com/bangkok/tickets



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

https://www.facebook.com/share/p/1BVTiv1Bsq/

#เมอร์ลินเอ็นเตอร์เทนเมนท์ส

#สยามพารากอน #สยามพิวรรธน์

 #ทันข่าวห้าง  เปิดตัว   จุดประกายแรงบันดาลใจตกแต่งบ้าน เพื่อชีวิตสมดุลรับปีใหม่ พร้อมชู   ตอกย้ำสินค้าคุณภาพในราคาจับต้...
03/12/2025

#ทันข่าวห้าง
เปิดตัว จุดประกายแรงบันดาลใจตกแต่งบ้าน เพื่อชีวิตสมดุลรับปีใหม่ พร้อมชู ตอกย้ำสินค้าคุณภาพในราคาจับต้องได้

บริษัท #อิคาโน่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารสโตร์ #อิเกีย (IKEA) ในประเทศไทยประกาศการกลับมาครั้งใหม่ของ IKEA Catalogue 2026 อย่างเป็นทางการ โดยฉบับปี 2026 นี้มาในธีม “The Classic Returns” รวบรวมแรงบันดาลใจในการจัดห้องครัวเพื่อชีวิตที่สมดุล ต้อนรับปีใหม่ 2569 โดยได้ชูโซลูชันที่ครอบคลุมทั้งชุดห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ภายใต้แคมเปญ “Whenever you're cooking, it starts in the kitchen ความสุขไหน ๆ เริ่มต้นได้ที่ห้องครัว” ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมการกินของคนไทยที่มีมาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้ IKEA Catalogue 2026 ยังได้รวบรวมไอเท็มเด็ดหลากหลายรายการที่ตอบโจทย์ทุกมุมบ้านภายใต้แนวคิด “Everyday More Value - คุ้มค่ากว่าในทุกวัน” โดยเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของอิเกีย (IKEA) ในการนำเสนอสินค้าคุณภาพสูง ฟังก์ชันการใช้งานครบในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้คนไทยสามารถสร้างสรรค์บ้านในฝันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง

•••

คุณกวินนา วารีวณิชดี ผู้จัดการการสื่อสารและการออกแบบตกแต่งภายใน (Communication & Interior Design Manager) บริษัท อิคาโน่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ครั้งนี้ IKEA Catalogue 2026 คือคู่มือที่รวบรวมแรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้านในฝันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทั้งยังเป็นหัวใจสำคัญอันสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอิเกีย (IKEA) ในการทำให้ชีวิตในบ้านของผู้คนดีขึ้น ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘ครัวคือศูนย์กลางของบ้าน’ โดยปีนี้อิเกีย (IKEA) ได้มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ในห้องครัวให้เป็นพื้นที่แห่งการเชื่อมโยงและแบ่งปันความสุข ภายใต้แคมเปญ ‘Whenever you're Cooking, it Starts in the Kitchen - ความสุขไหนๆ เริ่มต้นได้ที่ห้องครัว’ ควบคู่ไปกับการส่งมอบคุณค่าสูงสุดด้วยการชูผลิตภัณฑ์จากแคมเปญ ‘Everyday More Value - คุ้มค่ากว่าในทุกวัน’ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าคุณภาพได้ง่ายขึ้น สะท้อนแนวคิด Democratic Design อันเป็นหัวใจสำคัญของอิเกีย (IKEA) ที่ใส่ใจในทุกแง่มุมของการออกแบบ”
“ไอเท็มทุกชิ้นภายในเล่มแคตตาล็อกนี้ถูกคัดสรรและออกแบบโดยคำนึงถึงหลักการสำคัญ 5 ประการ คือ; รูปทรง (Form), การใช้งาน (Function), คุณภาพ (Quality), ความยั่งยืน (Sustainability), และราคาที่เหมาะสม (Low Price) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ที่อิเกีย (IKEA) นำเสนอมีความสวยงาม, ทนทาน, ตอบโจทย์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม, และมีราคาที่เข้าถึงได้จริงสำหรับคนไทยทุกคน”

•••

การกลับมาของแคตตาล็อกอิเกีย (IKEA Catalogue) ในปีนี้เป็นแนวคิดริเริ่มจากอิเกีย (IKEA) ภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มต้นจากอิเกีย (IKEA) ประเทศมาเลเซียก่อนขยายสู่อิเกีย (IKEA) ประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสานต่อความทรงจำและคุณค่าที่อยู่เหนือกาลเวลาของแคตตาล็อกอิเกีย (IKEA Catalogue) ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตภายในบ้านให้กับผู้คนทั่วโลกมาแล้วกว่า 70 ฉบับ ตั้งแต่การผลิตแคตตาล็อกอิเกีย (IKEA Catalogue) ครั้งแรกในปี 2494 (ค.ศ.1951) จนถึงปี 2564 (ค.ศ.2021)
นอกจากนี้ IKEA Catalogue 2026 ฉบับใหม่ปี 2568 นี้ ยังถูกออกแบบให้บางกว่าเดิมพร้อมทั้งมีฉบับออนไลน์ที่สะท้อนความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของอิเกีย (IKEA) ด้วยการลดการใช้กระดาษในการผลิตและยังช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

•••

ภายในงานแถลงข่าว “IKEA Catalogue 2026: The Classic Returns” ณ อิเกีย (IKEA) สุขุมวิทภายในศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ (EmSphere) ดิเอ็มดิสทริค (The EM District) ยังได้รับเกียรติจากคุณแก๊ป-ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล นักแสดงและนักออกแบบชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นเจ้าของช่อง Gapthanavate มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ด้านการตกแต่งบ้านอย่างสร้างสรรค์ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการออกแบบพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ทั้งสวยงามและตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน เพื่อให้บ้านกลายเป็นพื้นที่ที่ลงตัวทั้งด้านฟังก์ชันและอารมณ์
คุณแก๊ป-ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล นักแสดงและนักออกแบบชื่อดัง กล่าวว่า “แคตตาล็อกอิเกีย (IKEA Catalogue) เปรียบเสมือนแหล่งรวมแรงบันดาลใจที่เข้าถึงได้ง่ายด้วยสินค้าอันหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ โดยโดดเด่นด้วยคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ เหมาะสำหรับการสร้างสรรค์บ้านในแบบที่เป็นตัวเอง”

•••

ลูกค้าและแฟนคลับอิเกีย (IKEA) สามารถอ่าน IKEA Catalogue 2026 ได้ทางเว็บไซต์ https://www.IKEA.co.th หรือเดินทางมารับเล่มจริงได้ที่สโตร์อิเกีย (IKEA) ใกล้บ้าน เพียงแสดงบัตรสมาชิก IKEA Family ให้กับพนักงานสโตร์อิเกีย (IKEA) ก็สามารถรับแคตตาล็อกไปเลือกชมและเลือกซื้อสินค้าภายในสโตร์ได้ทันที ซึ่งพร้อมสัมผัสแรงบันดาลใจและความคุ้มค่าที่อัดแน่นอยู่ในทุกหน้าอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับแคตตาล็อกอิเกีย (IKEA Catalogue) ฉบับจริง จะมีคูปองส่วนลดสุดพิเศษด้านหลังเล่ม ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดพิเศษในแต่ละเดือน และเพื่อร่วมต้อนรับการกลับมาของแคตตาล็อกอิเกีย (IKEA Catalogue) ขอเชิญร่วมกิจกรรม “IKEA Catalogue Nostalgia” ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568-31 ธันวาคม 2568 นี้ เพียงถ่ายภาพแคตตาล็อกเก่าที่สะสมไว้แล้วแชร์บนโซเชียลมีเดีย หรือถ่ายรูปกับมุมแคตตาล็อกที่จุดถ่ายรูปในสโตร์ ณ อิเกีย บางนา ภายในศูนย์การค้า #เมกาบางนา, อิเกีย บางใหญ่ ภายในศูนย์การค้า #เซ็นทรัลเวสต์เกต, และอิเกีย สุขุมวิท ภายในศูนย์การค้า #เอ็มสเฟียร์ แล้วแชร์ลงบนโซเชียลมีเดีย พร้อมติดแฮชแท็ก และแท็ก มีสิทธิลุ้นรับบัตรของขวัญสุดพิเศษ (Gift Card) จากอิเกีย (IKEA) มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10 รางวัล

•••

ร่วมค้นพบแรงบันดาลใจในทุกมุมของบ้านกับ IKEA Catalogue 2026 ที่ช่วยให้แต่งบ้านในราคาที่จับต้องได้ เพราะบ้านในฝันของทุกคนเริ่มต้นจากไอเดียที่ใช่ ติดตามกิจกรรมสนุกตลอดเดือนธันวาคม 2568 ได้ที่สโตร์อิเกีย (IKEA) ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://www.IKEA.co.th



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

*​เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบเงื่อนไขก่อน ณ แผนกบริการลูกค้าอิเกีย (IKEA) ทุกสาขา

 ก้าวสู่ปีที่ 11 อย่างยั่งยืน กับกองทุนพัฒนาสื่อฯ จัดงาน “Stepping into Year 11: Beyond Sustainability” โชว์ผลงานสื่อปลอ...
02/12/2025


ก้าวสู่ปีที่ 11 อย่างยั่งยืน กับกองทุนพัฒนาสื่อฯ จัดงาน “Stepping into Year 11: Beyond Sustainability” โชว์ผลงานสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ภายใต้กำกับดูแลของ #กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานก้าวสู่ปีที่ 11 อย่างยั่งยืน “Stepping into Year 11: Beyond Sustainability” ระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2568 ณ ลาน Union Co-Event Space ชั้น G ศูนย์การค้า #ยูเนี่ยนมอลล์ ถนนลาดพร้าว ตั้งแต่เวลา 11:00-20:00 น. โดยได้รับเกียรติจากคุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นประธานเปิดงาน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ร่วมด้วย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุน กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และภาคีเครือข่ายผู้รับทุน

•••

คุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ผลิตสื่อ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสื่อในฐานะเครื่องมือที่สามารถสร้างพลังบวก และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้อย่างแท้จริง
โดยยุทธศาสตร์กองทุนฯ ในการก้าวสู่ปีที่ 11 อย่างยั่งยืนนั้น ได้ถอดบทเรียนการทำงานของกองทุนฯ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผ่านการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนนำไปปรับปรุงระเบียบ, ข้อบังคับ, หลักเกณฑ์, และวิธีการจัดสรรทุนให้ตอบโจทย์ภารกิจตามมาตรา 5 ของกองทุนฯ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งนักเรียน, นักศึกษา, ผู้สูงอายุ, ผู้พิการ, ศิลปินแขนงต่างๆ, และอินฟลูเอนเซอร์ที่ผลิตสื่อสร้างสรรค์”

•••

สำหรับปีนี้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้เปิดรับข้อเสนอโครงการฯ ประจำปี 2569 แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ประกอบด้วย;

1.ประเภททุนอุดหนุนทั่วไป วงเงินรวมไม่เกิน 60 ล้านบาท
2.ประเภททุนอุดหนุนนิติบุคคลด้านสื่อ หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม วงเงินรวมไม่เกิน 40 ล้านบาท
3.ประเภททุนอุดหนุนเชิงยุทธศาสตร์ วงเงินรวมไม่เกิน 100 ล้านบาท
4.ประเภททุนอุดหนุนเพื่อความร่วมมือ วงเงินรวมไม่เกิน 60 ล้านบาท
5.ประเภททุนอุดหนุนเพื่อสนับสนุนบางส่วนสำหรับโครงการขนาดใหญ่ วงเงินรวมไม่เกิน 40 ล้านบาท

ทั้งนี้ สามารถลงทะเบียนและยื่นข้อเสนอโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 จนถึง 29 ธันวาคม 2568 เวลา 16.30 น. โดยสามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ https://www.thaimediafund.or.th

•••

ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุน กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า “การจัดงาน ‘Stepping into Year 11: Beyond Sustainability - ก้าวสู่ปีที่ 11 ก้าวอย่างยั่งยืน’ กำหนดจัดระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 11:00-20:00 น. ณ ลาน Union Co-Event Space ชั้น G ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ ถนนลาดพร้าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพื้นที่นำเสนอผลงานของผู้รับทุน รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ให้กับผู้ผลิตสื่อรุ่นใหม่ เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึง, เข้าใจ, และใช้ประโยชน์จากผลงานของผู้รับทุนได้จริง”

•••

ภายในงานครั้งนี้มีการจัดนิทรรศการแสดงวิสัยทัศน์ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ในการก้าวสู่ปีที่ 11 ก้าวอย่างยั่งยืน โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับ “TMF Gallery” ซึ่งเป็นนิทรรศการผลงานสื่อจากผู้ที่ได้รับทุน ประกอบด้วย 4 โซนไฮไลต์ คือ;

• Screen verse: พลังภาพที่เติบโต - พลังของ “ภาพเคลื่อนไหว” ถ่ายทอดเรื่องราว พร้อมสร้างแรงบันดาลใจผ่านซีรีส์, ภาพยนตร์, รายการ, และสารคดี อาทิ; ซีรีส์ “ขมจนขำ Retired, not Expired” โดยครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน ศิลปินแห่งชาติ, รายการเรียลลิตี้ “เด็กไทยหัวใจโขน”, สารคดี “The O I(dol): พลังบันดาลใจวัย O - ซีซัน 3”, ภาพยนตร์ซีรีส์ “ความลับใต้เสื้อกาวน์”, รายการสารคดี “ดอกไม้ในที่ลับตา” เป็นต้น

• Sound Rise: เสียงสะท้อนแห่งการเติบโต - ถ่ายทอดพลังแห่ง “เสียง” ผ่านบทเพลง, พอดแคสต์, และหนังสือเสียงสำหรับทั้งผู้พิการทางสายตาและบุคคลทั่วไป

• Bloomation: จินตนาการที่เบ่งบาน - “แอนิเมชั่นสร้างสรรค์” ที่ผสมผสานศิลปะกับงานภาพเคลื่อนไหวผ่านเรื่องเล่า, เรื่องสั้น, และนิทาน อาทิ; “มานะ-มานี ซีรีส์ความทรงจำวัยเยาว์”, “พลังยักษ์ในใจ”, “นิทานวิทยาศาสตร์น่ารู้ปี 2” เป็นต้น โดยจัดฉายบนจอ LED เสมือนโรงหนังขนาดย่อม ซึ่งหมุนเวียนฉายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

• InkNova: นวัตกรรมแห่งหมึกและความคิด - ถ่ายทอดความรู้ผ่านสื่อหนังสือและสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิทานชุด “ไม่มีใครครบ”, นิทาน “เด็กบ้านป่า”, และนิทาน “กาลครั้งหนึ่งกับเจ้าเต่าปูลู”

•••

พร้อมทั้งยังมีเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดและมุมมองกับคนในวงการสื่อ, อินฟลูเอนเซอร์, และผู้ผลิตสื่อรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น;

• เสวนาหัวข้อ “สื่อสร้างสรรค์ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง” โดย คุณจ๋า-ยศสินี ณ นคร ผู้จัดละครซีรีส์วายชื่อดังจากค่าย Maker Y และคุณสิงห์-วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและผู้ผลิตสารคดีจากรายการ “เถื่อนTravel” พร้อมด้วยคุณเอก-ธนกร วงษ์ปัญญา บรรณาธิการข่าวจากสำนักข่าว The Standard และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

• เสวนาหัวข้อ “คนสร้างสื่อ สื่อสร้างสังคม” โดย ทีมกากีนั้ง Cyber Booster, สารวัตรเติ๊ก-พันตำรวจตรี พากฤต กฤตยพงษ์, ผู้กองไอซ์-ร้อยตำรวจเอก พิชพงศ์ โสมกุล, และคุณแป้ง-ธิดารัตน์ อนันตรกิตติ ผู้สื่อข่าวและพิธีกรดำเนินรายการจากรายการ “สถานีประชาชน” ช่อง ThaiPBS พร้อมด้วยคุณระวี ตะวันธรงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital และ AI Transformation สำหรับสื่อและอินฟูลเอนเซอร์ ร่วมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

• กิจกรรม TMF TALK โดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุน กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

นอกจากนี้ ยังได้พบกับมินิคอนเสิร์ตฟรี จากศิลปินชื่อดังคุณต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่วและวง ATLAS พร้อมการแสดงจากผู้ที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ อาทิ; การแสดง “โขน” จากโครงการ “เด็กไทยหัวใจโขน”, การแสดง “วงดนตรีเครื่องสาย 4 ชิ้น” ที่หยิบยกเพลงพื้นบ้านไทยมาสร้างสรรค์ในรูปแบบร่วมสมัย, การแสดงโครงการ “มาตา: เรื่องราวความรักที่ไร้เงื่อนไข” จากมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข, การแสดง “เพลงโคราช” จากโครงการการอนุรักษ์และส่งเสริมการรักษาขนบธรรมเนียมภาษาท้องถิ่นเมืองโคราชและบทเพลงโคราช เป็นต้น พร้อมจุดถ่ายภาพ AI Photo Booth และกิจกรรมสื่อสร้างสรรค์สังคมตลอดทั้งวัน

•••

“กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงเป็นการแสดงผลงานของผู้ได้รับทุน แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสื่อในฐานะเครื่องมือที่สามารถสร้างพลังบวก และผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้อย่างแท้จริง ขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืนในระยะยาว” ดร.ธนกร กล่าว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารกิจกรรมและการเปิดรับทุนได้ที่เว็บไซต์กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://www.thaimediafund.or.th และ Facebook: กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ https://www.facebook.com//ThaiMediaFundOfficial



#อีเวนต์เด่นห้างโดนโดน

https://www.facebook.com/share/p/1BZH9ntNUv/

 #ทันข่าวห้าง #อายิโนะโมะโต๊ะ เปิด 12 เมนู “มื้ออาหารแห่งชัยชนะ” เติมพลังทัพนักกีฬาไทย คว้าชัยซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์...
30/11/2025

#ทันข่าวห้าง
#อายิโนะโมะโต๊ะ เปิด 12 เมนู “มื้ออาหารแห่งชัยชนะ” เติมพลังทัพนักกีฬาไทย คว้าชัยซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ 2025

บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดโลกเมนูนักกีฬาทีมชาติไทยที่จุดแรงบันดาลใจให้กับชัยชนะ จัดเสิร์ฟ 12 เมนูพิเศษ “มื้ออาหารแห่งชัยชนะ (Winning Meals)” ผสานด้วยองค์ความรู้ AminoScience พัฒนาเป็นเมนูสุดเฮลตี้ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ถูกต้องตามความต้องการโภชนาการของนักกีฬา แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติอร่อยถูกปาก เติมพลังทัพนักกีฬาทีมชาติไทยปลดล็อกศักยภาพขั้นสุด พร้อมยก Food Truck ขนเมนูสุดพิเศษบุกใจกลางสยามสแควร์เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเปิดประสบการณ์ให้คนไทยได้ลิ้มลอง “กินแบบทีมชาติ” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชัยชนะเริ่มต้นที่มื้ออาหาร” ในกิจกรรม “Every Meal For Every Victory - ใส่สุดทุกคำ ไฟท์สุดทุกเกม” เพื่อชวนทุกคนเริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน

•••

ทั้งนี้ 12 เมนูพิเศษ “มื้ออาหารแห่งชัยชนะ (Winning Meals)” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Thailand Victory Project คือการนำเอาอาหารยอดนิยมของคนไทยมาพัฒนาเป็นเมนูสุขภาพอันอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งออกแบบมาเพื่อนักกีฬาตามวัตถุประสงค์ความต้องการของแต่ละบุคคล โดยเริ่มต้นจากคำถามที่ว่า “กินไปเพื่ออะไร” จนออกมาเป็น 3 แนวทาง คือ;

1.กินเพื่อคงสมดุล - มื้อเบารักษาความบาลานซ์
2.กินเพื่อเตรียมพร้อม - สะสมพลังงานเตรียมซ้อมแข่งในวันต่อไป
3.กินเพื่อฟื้นฟู - เติมพลังฟื้นฟูร่างกายหลังใช้ร่างกายหนัก

ทั้ง 3 แนวทางนี้ยังคงไว้ซึ่งรสชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอร่อยอันเป็นการผสานรสชาติที่คุ้นเคยเข้ากับหลักโภชนาการและวิทยาศาสตร์การอาหารอย่างลงตัวจนเกิดเป็นเมนูสุดพิเศษที่ดีทั้งต่อสุขภาพร่างกายและดีต่อใจ โดยจะจัดเสิร์ฟให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยรวมทั้งสิ้นกว่า 90 มื้อ ตลอดการเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อร่วมแข่งขันในกีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ 2025 ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ไม่เพียงเท่านั้น อายิโนะโมะโต๊ะยังได้สนับสนุนเจลพลังงานอะมิโนไวทัล (aminoVITAL) อันอุดมด้วยกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับเป็นอาหารว่างในเวลาที่เหมาะสมให้ทัพนักกีฬาไทย รวมจำนวนกว่า 100,000 ชิ้น ตลอดระยะเวลา 3 เดือนเต็ม เพื่อเป็นตัวช่วยในการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย และนำแอปพลิเคชัน i-LiveWell มาใช้ติดตามโภชนาการที่เหมาะสมแก่นักกีฬาทีมชาติไทยในการแข่งขันครั้งนี้

•••

คุณพิรุณรัตน์ หวังประกอบสุข ผู้จัดการหน่วยงานสื่อสารองค์กร บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบันอายิโนะโมะโต๊ะได้สนับสนุนนักกีฬาไทยผ่านโครงการ Thailand Victory Project มาอย่างต่อเนื่อง ด้วย ‘มื้ออาหารแห่งชัยชนะ’ หรือ ‘Winning Meals’ ภายใต้แนวความคิด ‘กินให้ถูก ซ้อมให้ถึง พักให้พอ’ เพื่อช่วยให้นักกีฬามีพลังและก้าวสู่การแข่งขัน พร้อมพิชิตเป้าหมายของตัวเองด้วยร่างกายที่มีความพร้อมที่สุด”

“ปีนี้เป้าหมายของอายิโนะโมะโต๊ะมีนโยบายชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยการยกระดับมาตรฐานโภชนาการกีฬาของประเทศไทย ผ่านการสร้าง Ajinomoto Victory Canteen ขึ้นที่การกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งยังได้สนับสนุนทีมชาติไทยสู่เวทีซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ 2025 ด้วยความเชื่อมั่นว่าการ ‘กินดี มีสุข’ คือพื้นฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดี อันเป็นหัวใจสำคัญของเมนูโภชนาการที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพคนไทย ทั้งในแวดวงกีฬาและชีวิตประจำวัน”

สำหรับเมนูสุดพิเศษในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการพัฒนาร่วมกันของเชฟนานา-มารีน่า จงเลิศเจษฎาวงศ์ และทีมนักโภชนาการจากโครงการ Thailand Victory Project ที่ได้นำองค์ความรู้ด้านโภชนาการ และความเชี่ยวชาญด้าน AminoScience มาผสานเข้ากับการพัฒนาสูตรอาหารอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ตามหลักโภชนาการด้านกีฬา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักกีฬาแต่ละคน โดยมีเป้าหมายและแผนการฝึกซ้อมที่แตกต่างกัน ซึ่งมีบริษัท โซเด็กซ์โซ่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือโซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้นำระดับโลกด้านการบริหารจัดการอาหารอย่างยั่งยืนจากประเทศฝรั่งเศส มาช่วยเป็นผู้ดำเนินการหลักในการบริหารจัดการอาหารสำหรับทีมนักกีฬาไทยในการแข่งขันครั้งนี้ให้เหลือทิ้งเป็นขยะอาหารน้อยที่สุดอีกด้วย

•••

“มื้ออาหารแห่งชัยชนะ (Winning Meals)” ทั้ง 12 เมนูอาหารจะแยกตามกลุ่มอาหารใน 4 กลุ่ม ดังนี้;

• Main Dish for Recovery & Improve Performance - กลุ่มเมนูอาหารจานหลักที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันประกอบด้วยเมนู; เส้นหมี่ไก่ฉีกน้ำพริกแคบหมู, เกี๊ยวซ่าหมูกับต้มเส้นก๋วยจั๊บแบบอุบล, มันฝรั่งอบกับหมูทอดอัลมอนด์, ยำยำต้มยำทะเลหม้อไฟแห้ง, ข้าวขยำสมุนไพรกับคอหมูย่าง

• Carb Loading - กลุ่มเมนูอาหารคาร์โบไฮเดรตสูง หรือเรียกกันในวงการกีฬาว่า อาหารจำพวก “คาร์บสูง” เหมาะสำหรับการเตรียมพร้อมก่อนการแข่งขันหรือก่อนการฝึกซ้อมหนัก เนื่องจากช่วยเติมเต็มไกลโคเจนในกล้ามเนื้อได้ดี ประกอบด้วยเมนู; โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิมา (พิซซ่าญี่ปุ่น), เบอร์เกอร์หมูพะโล้กับสลัดไข่, พาสต้าฟิวชันหมูหยอง

• Quick & Easy Dish - กลุ่มเมนูอาหารที่ให้สารอาหารครบถ้วน ซึ่งช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเติมพลังงานอย่างรวดเร็วทันทีหลังฝึกซ้อม และยังมีโซเดียมช่วยชดเชยเกลือแร่หลังออกกำลังกายได้อย่างดี ประกอบด้วยเมนู; ไข่ตุ๋นจักรพรรดิ, หมูย่างกับข้าวผัดโหระพา, หมูตกครก

• Power Ball - ทางเลือกใหม่ของการเติมพลังงานด้วยรสชาติที่คุ้นเคย กินง่าย แถมพกพาสะดวก อันประกอบด้วยเมนู; ข้าวปั้นสไตล์ไทย (ข้าวปั้นผัดกะเพรายัดไส้เนื้อปลาทูน่าบด)

•••

และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคและคนไทยทุกคนได้ร่วมสัมผัสพลังจากโภชนาการระดับนักกีฬาทีมชาติ ทั้งการเล่นแบบทีมชาติและการกินแบบทีมชาติ ทางอายิโนะโมะโต๊ะได้ขนทัพเมนูสุดพิเศษมาเสิร์ฟให้ลิ้มลองรสชาติ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชัยชนะเริ่มต้นที่มื้ออาหาร” ในกิจกรรม “Every Meal For Every Victory - ใส่สุดทุกคำ ไฟท์สุดทุกเกม” เพราะทุกคนสามารถไฟท์สุดพลังในทุกเกมของตัวเองได้เหมือนนักกีฬาเช่นกัน เพียงแค่เริ่มต้นจากมื้ออาหารที่เหมาะสม เพื่อชวนทุกคนเริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน ณ Lido Connect สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้เข้าร่วมทำกิจกรรมหลากหลายฐานที่ผสมผสานความรู้ทางโภชนาการและความสนุกสนาน พร้อมทั้งร่วมส่งกำลังใจให้นักกีฬาไทย

ภายในงานนี้ยังมีคุณสกาย-วงศ์รวี นทีธรในฐานะ Friend of Amino House ของอายิโนะโมะโต๊ะมาร่วมแบ่งปันไลฟ์สไตล์สายสุขภาพ พร้อมร่วมชิมและเสิร์ฟเมนูเด็ดจากแคมป์ทีมชาติไทยถึงใจกลางสยามสแควร์อีกด้วย

•••

นอกจากนี้ อายิโนะโมะโต๊ะยังมีแผนยกทัพ “Food Truck Roadshow” เพื่อขนเมนูสุดพิเศษไปเสิร์ฟให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ “Winning Meals” อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยครั้งถัดไปครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 นี้ ณ ลานหน้าศูนย์การค้า Centerpoint Siam Square (ฝั่งสยามสแควร์ ซอย 7), ครั้งที่ 3 ในวันพิธีเปิดการแข่งขันซีเกมส์ 2025 วันที่ 9 ธันวาคม 2568 ณ Rajamangala Stadium Fan Zone หน้าสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง และครั้งสุดท้ายในวันแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 ณ Rajamangala Stadium Fan Zone หน้าสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง ซึ่งทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของอายิโนะโมะโต๊ะที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ “กินดี มีสุข (Eat Well, Live Well.)” ผ่านโภชนาการที่ดีและองค์ความรู้ทางด้าน AminoScience

•••

คุณพิรุณรัตน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “อายิโนะโมะโต๊ะเชื่อว่ามื้ออาหารคือพลังอันสำคัญที่ช่วยเติมแรงให้คนไทยก้าวสู่เป้าหมายในแต่ละวัน เพราะทุกคนต่างก็มีเกมของตัวเอง และชัยชนะของแต่ละคนสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากมื้ออาหารและโภชนาการที่ถูกต้องเหมือนกับนักกีฬา เราหวังว่ากิจกรรม ‘Every Meal For Every Victory - ใส่สุดทุกคำ ไฟท์สุดทุกเกม’ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเห็นความสำคัญของโภชนาการ พร้อมร่วมส่งกำลังใจให้นักกีฬาไทย ก้าวสู่ชัยชนะในทุกศึกไปด้วยกัน”

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจของเครืออายิโนะโมะโต๊ะ และเรื่องราวการส่งเสริมทัพนักกีฬาไทยได้ที่ Facebook Official Page: Ajinomoto กรีนได้ กินดี https://www.facebook.com/AjinomotoGreenGrowth



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

https://www.facebook.com/share/p/1CVvpEji4Y/

ที่อยู่

Bangkok Yai

เบอร์โทรศัพท์

+66924944042

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ RETAILmanผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์