RETAILman ข่าวลือ+อัปเดตแวดวงศูนย์การค้าและวงการค้าปลีกไทยก่อนใครกับ

Thailand's retail and shopppin

 #ส่องห้างก่อนเปิด  [ THe ceNTRAL ]    ( )เปิดตัวภาพจำลองบรรยากาศอย่างเป็นทางการ (ถือเป็นเวอร์ชั่นที่ 3) ของศูนย์การค้า ...
08/10/2025

#ส่องห้างก่อนเปิด
[ THe ceNTRAL ] ( )

เปิดตัวภาพจำลองบรรยากาศอย่างเป็นทางการ (ถือเป็นเวอร์ชั่นที่ 3) ของศูนย์การค้า #เดอะเซ็นทรัล #พหลโยธิน (สถานีรถไฟฟ้า #พหลโยธิน24) หรือรหัสโปรเจ็กต์ เดิม

เครือ เตรียมปั้นโครงการนี้ให้เป็นศูนย์การค้า Flagship Mall of the Future โดยยกระดับศูนย์การค้าในไทยไปอีกขั้นและสร้างโครงการนี้ให้เป็น The New District CBDs & Landmark of Northern Bangkok เพื่อเชื่อมต่อกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว บนที่ดิน 49 ไร่ โดยเป็นลักษณะกลุ่มอาคารศูนย์การค้าที่มีทางเชื่อมต่ออาคารกันในรูปแบบไร้รอยต่อ (Seamless Journey) มีพื้นที่รวมทุกอาคารทั้งหมดของเฟสที่ 1 (GBA) จำนวน 457,409 ตารางเมตร พร้อมด้วยคอนเวนชั่นฮอลล์ขนาดพื้นที่ 6,700 ตารางเมตรที่สามารถรองรับการจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ระดับโลก เตรียมเปิดในไตรมาสที่ 4 ปี 2569

•••

สำหรับการออกแบบใช้คอนเซปต์ The Central Playlist ที่เสมือนที่นี่เป็น Shuffle เพลย์ลิสต์ของกรุงเทพฯ และออกแบบฟาซาดอาคารโดยใช้แนวคิด Collective Rhythms ด้วยการออกแบบเชื่อมต่อพื้นที่ ทั้งพื้นที่ภายในอาคาร (Indoor) และพื่นที่ภายนอกอาคาร (Outdoor) อย่างผสานกันกลมกลืน ให้เป็น Curated Community กับทุกเจนเนอเรชัน ด้วยการสร้าง New Cultural Hub จุดนัดพบแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โซนไฮไลต์ อาทิ;

• Central Stage --- พื้นที่ 2 ชั้นที่นำเสนอร้านอาหารอันผสมผสานระหว่าง International Food (ชั้นบน) กับ Street Food (ชั้นล่าง) รวมถึงพื้นที่สำหรับ Pop-Up Food Events สลับสับเปลี่ยนนำเสนอตามเทศกาลต่างๆ ตลอดปี

• Market Hall --- พื้นที่พลวัตรอันหลากประสบการณ์ใหม่สำหรับทุกคนในครอบครัวรุ่นใหม่ที่จะสลับปรับเปลี่ยนเรื่องราวไปตามฤดูกาล

• Waterfall Courtyard --- พื้นที่โอเอซิสในแนวคิด From Farm to Table ที่จัดสวนในรูปแบบพืชที่สามารถทานได้ (Edible Garden)

• Fashion Playlist --- ศูนย์รวม New Age Sports Fashion ที่รวบรวมแบรนด์ตั้งแต่ระดับ Curated Fashion Houses ไปจนถึงระดับ Street Remix

• Weekender Playlist --- พื้นที่แสดงออกหลากสไตล์การใช้ชีวิตสลับหมุนเวียนทุกสุดสัปดาห์

• Creative Playlist --- พื้นที่เปิดในการสาดความคิดสร้างสรรค์เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตให้กับทุกคนในครอบครัวและตอบโจทย์ Next Generation

•••

เตรียมพบกับศูนย์การค้า [ THe ceNTRAL ] The NEW Landmark of Northern Bangkok ปลายเดือนพฤศจิกายน 2569 นี้




https://www.facebook.com/share/p/171YvpxowR/

#เซ็นทรัลพัฒนา #ซีพีเอ็น

 #ทันข่าวห้างGO! HOTEL เตรียมเปิดแฟล็กชิพโรงแรมสาขาแรก “GO! HOTEL สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต” ปลายปี 2568 นี้ ห่างจากสนามบินสุ...
15/09/2025

#ทันข่าวห้าง
GO! HOTEL เตรียมเปิดแฟล็กชิพโรงแรมสาขาแรก “GO! HOTEL สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต” ปลายปี 2568 นี้ ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที และตั้งเป้าขยายครบ 25 สาขาภายใน 5 ปีข้างหน้า

กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลพัฒนา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต (Central Pattana Hotel and Resort Business) ภายใต้เครือบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ประกาศเตรียมเปิดแฟล็กชิพโรงแรมแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) สาขาแรกกับโรงแรม GO! HOTEL Bangkok-Suvarnabhumi Airport (โก! โฮเต็ล กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต) ภายในปี 2568 นี้ โดยโรงแรมสาขานี้จะเป็นโรงแรมสาขาที่ 5 ของแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) ในประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนลาดกระบัง (ระหว่างซอยลาดกระบัง 20/2 และซอยลาดกระบัง 20/3) บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง ด้วยจุดเด่นเดินทางใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ เพียง 10 นาที และความสะดวกสบายในการพักค้างคืนจากทำเลที่อยู่ติดกับศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์, ใกล้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, โรงพยาบาลสิรินธร, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9, และตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนขนาดใหญ่ พร้อมทั้งยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อใจกลางเมืองได้สะดวกผ่านระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ สถานีลาดกระบัง และระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ที่หลากหลาย ซึ่งกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลพัฒนา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต (Central Pattana Hotel and Resort Business) ยังได้ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) ในด้านศักยภาพเรื่องโลเคชั่น, ดีไซน์, และการบริการเหนือระดับมากกว่าโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ทั่วไป พร้อมตั้งเป้าหมายต่อยอดขยายสาขาภายใน 5 ปีข้างหน้าให้ได้ครบ 25 สาขาโรงแรมทั่วประเทศไทย หรือขยายจำนวนห้องพักรวมกว่า 1,500 ห้อง

•••

คุณภูมิ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจโรงแรม (เซ็นทรัลพัฒนา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จํากัด (มหาชน) ผู้พัฒนาธุรกิจโรงแรมและผู้ก่อตั้งแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) กล่าวถึงความสำเร็จของแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) ว่า “จุดเริ่มต้นมาจากทางเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป (Central Group) ต้องการพัฒนาโมเดลธุรกิจโรงแรมอันตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่แบบ ‘GET SET GO! HAPPY’ หรือ ‘สุข สะดวก สบาย คุ้มค่าที่สุด’ ซึ่งกลยุทธ์สำคัญของแบรนด์ คือการเลือกปักหมุดสร้างโรงแรมบนทำเลอันมีศักยภาพ และยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอันสำคัญของแต่ละย่านทำเล”

“อีกทั้งยังให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับศูนย์การค้าต่างๆ ในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป (Central Group) เพื่อช่วยยกระดับประสบการณ์ให้กับนักเดินทางที่มาได้ทั้งทำธุรกิจและเดินทางมาท่องเที่ยวไปพร้อมกัน โดยโจทย์ที่มอบให้มานั้นสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาโครงการของเครือเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ที่แต่ละโครงการจะพัฒนาในรูปแบบ Retail-Led Mixed-Use Development โดยต้องการให้ทุกโครงการเป็น ‘ศูนย์กลางการใช้ชีวิตผู้คน (Central Life)’ ซึ่งทำให้เครือเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) มีความพร้อมที่จะลงทุนในเรื่องนี้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ทางบริษัทฯ ลงทุนทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตมากว่า 30 ปี”

“ที่ผ่านมา แบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) ได้พิสูจน์ถึงความสำเร็จจากการพัฒนาโรงแรมบนทำเลสำคัญๆ อันหลากหลายลักษณะพื้นที่ทั้ง 4 แห่งทางภาคตะวันออกของไทย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในทุกทำเล จนทำให้ทางบริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะเดินหน้าขยายเครือข่ายสาขาสู่เมืองหลวงกับสาขาแรกของกรุงเทพฯ ที่โรงแรม GO! Hotel กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต โดยเป็นโรงแรมลำดับที่ 5 ของไทย พร้อมทั้งยังถือเป็นแฟล็กชิพแห่งแรกของแบรนด์นี้ ซึ่งเตรียมเปิดปลายปี 2568 นี้ เดินทางสะดวกสบายด้วยการตั้งอยู่บนทำเลใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ เพียง 10 นาที และติดกับศูนย์การค้า #โรบินสันไลฟ์สไตล์ลาดกระบัง อีกทั้งยังเดินทางเชื่อมต่อใจกลางเมืองได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ สถานีลาดกระบัง และระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ อันหลากหลาย”

•••

โรงแรม GO! Hotel กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ตมาพร้อมกับแนวคิด “จ่ายง่าย หลับสบาย พักใกล้ บินทัน” โดยมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 179 ห้อง นับเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) ที่ใหญ่ที่สุด ณ ​ขณะนี้ และขนาดห้องพักมีตั้งแต่ 18-34 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยการออกแบบบริการอันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อาทิ; ร้านอาหารในโรงแรม, ห้องพัก Pet Friendly รองรับการพักร่วมกับสัตว์เลี้ยงขนาดไม่เกิน 10 กิโลกรัม*, ระบบชำระเงินแบบไร้การสัมผัส (Contactless Payment), สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบครัน, และการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น พร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่ ทั้งการให้บริการรถรับ-ส่งรูปแบบต่างๆ จากสนามบินมายังโรงแรม และจากโรงแรมไปยังจุดหมายอื่นๆ ที่ผู้เข้าพักต้องการ รวมถึงการร่วมมือทำโปรโมชั่นกับร้านค้าต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง จึงทำให้ผู้เข้าพักได้รับความสะดวกสบายมากกว่าโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ทั่วไป กอปรกับการเชื่อมโยงกับฐานสมาชิก #เดอะวัน ( ) เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถสะสมคะแนนในการแลกใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเป็น Loyalty อันแข็งแกร่งของธุรกิจเครือ #เซ็นทรัลกรุ๊ป ( ) อีกด้วย และด้วยศักยภาพทำเลย่านสนามบินสุวรรณภูมินั้นที่ถือเป็นประตูเศรษฐกิจในการเชื่อมต่อทั้งกรุงเทพฯ และเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวที่ใช้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นจุดเริ่มต้น, นักธุรกิจที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางควบคู่ไปกับการพักผ่อน, ผู้ป่วยและญาติที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางเพื่อเตรียมเข้ารับการตรวจรักษาภายในโรงพยาบาลสิรินธรหรือโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9, ไปจนถึงผู้ปกครองและญาติที่ต้องการความสบายในการพักเพื่อมาเยี่ยมลูกหลานที่กำลังศึกษาภายในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ด้วยที่ตั้งโรงแรมถูกวางตำแหน่งเป็นจุดยุทธศาสตร์รองรับนักเดินทางทุกกลุ่มอย่างแท้จริง รายล้อมด้วยชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันอย่างศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบังอันสามารถตอบสนองทุกความต้องการของนักเดินทางทุกกลุ่ม

•••

คุณภูมิ ยังกล่าวต่ออีกว่า “แบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) ไม่เพียงใส่ใจในรายละเอียดเฉพาะตัวโรงแรมเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเดินทางกับชุมชนผ่านแคมเปญ ‘Go Local, Eat Local’ เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนออกไปใช้ชีวิตและสัมผัสวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ชุมชน ดังนั้น GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) จึงเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทางที่มองหาและพร้อมแนะนำสถานที่หรือร้านลับแบบ Hidden Gem ในแต่ละย่านที่ซ่อนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารพื้นบ้าน, ตลาดชุมชน, หรือแหล่งท่องเที่ยวอันซีน ซึ่งอาจจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก ให้ผู้เข้าพักและผู้คนได้มารู้จักมากขึ้น นับว่าเป็นการกระจายรายได้ให้คนในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) เชื่อมั่นว่าความยั่งยืนขององค์กรต้องเดินไปพร้อมกับผู้คนและชุมชน”

“ทั้งนี้ จากการปักหมุดในทำเลอันมีศักยภาพและด้วยการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ แบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) เติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยที่ผ่านมาแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) เปิดไปแล้ว 4 สาขา คือ; GO! HOTEL บ่อวิน (ติดศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ บ่อวิน), GO! HOTEL ชลบุรี (ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ชลบุรี), GO! HOTEL ศรีราชา (ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศรีราชา) ภายในจังหวัดชลบุรี และ GO! HOTEL บ้านฉาง (ติดศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ บ้านฉาง) ภายในจังหวัดระยอง รวมจำนวนห้องพักทั้งหมด 316 ห้อง และล่าสุดเตรียมเปิด GO! HOTEL กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ตเป็นแห่งที่ 5 ในปลายปี 2068 นี้”

พร้อมกันนี้ แบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) ยังมีเป้าหมายมุ่งขยายพื้นที่ไปทั่วประเทศตามการเติบโตของศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป โดยมุ่งเป้าวางแผนใหญ่เตรียมเพิ่มสาขาไปจนครบ 25 แห่งทั่วประเทศ รวมห้องพัก 1,500 ห้อง ภายใน 5 ปี อาทิ; เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, เชียงราย, นครสวรรค์, นครพนม, หนองคาย, สกลนคร, บุรีรัมย์, ขอนแก่น แคมปัส, สระบุรี, ฉะเชิงเทรา, อมตะซิตี้ ชลบุรี, จันทบุรี, กาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, ภูเก็ต-ฉลอง, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง เป็นต้น

•••

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ GO! HOTEL (โก! โฮเต็ล) และกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลพัฒนา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต (Central Pattana Hotel and Resort Business) ภายใต้เครือบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่พร้อมเริ่มต้นด้วยความสุขในทุกจุดหมาย ตามสโลแกนของแบรนด์ “GET SET GO! HAPPY” หรือ “สุข สะดวก สบาย คุ้มค่าที่สุด” เพื่อก้าวสู่การเป็น The First Choice for Customers in Happiness ที่มอบทั้งความสุข, ความสะดวก, พักสบาย, และความคุ้มค่ามากที่สุดให้กับผู้เข้าพักทุกคน



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

https://www.facebook.com/share/p/17HNyrmXWZ/

#โกโฮเต็ลกรุงเทพสุวรรณภูมิแอร์พอร์ต #สนามบินสุวรรณภูมิ #ลาดกระบัง

#โกโฮเต็ล #โกโฮเทล #สุขสะดวกสบายสุดคุ้ม

#เซ็นทรัลพัฒนา #ซีพีเอ็น

 #ทันข่าวห้างบอร์ด  #ดุสิตธานี แต่งตั้ง “ชนินทธ์ โทณวณิก” ควบตำแหน่งกรุ๊ปซีอีโอแทน “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” หลังตอบรับเตรียม...
12/09/2025

#ทันข่าวห้าง
บอร์ด #ดุสิตธานี แต่งตั้ง “ชนินทธ์ โทณวณิก” ควบตำแหน่งกรุ๊ปซีอีโอแทน “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” หลังตอบรับเตรียมเป็น รมว.พาณิชย์ พร้อมมั่นใจความแข็งแกร่งของกลุ่มดุสิตธานีในบริบทใหม่

คณะกรรมการบริษัท บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ มีมติแต่งตั้งคุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการบริษัท บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เข้ารับตำแหน่งควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (กรุ๊ปซีอีโอ) แทนคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ที่ได้ขอลาออกเพื่อเกษียณก่อนครบกำหนดจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยทางคณะกรรมการบริษัท บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้มีมติเห็นชอบให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ยังมั่นใจว่าไม่กระทบการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานี พร้อมย้ำกลุ่มดุสิตธานีได้ผ่านการวางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง และจะเติบโตอย่างมั่นคงภายใต้บริบทใหม่

•••

คุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการบริษัท บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ทางบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้รับแจ้งจากคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ว่า ได้รับการทาบทามจากคุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคุณศุภจีได้ตัดสินใจตอบรับการทาบทามเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมีความประสงค์จะขอลาออกเพื่อเกษียณอายุก่อนครบกำหนดจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเศรษฐกิจที่จะร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการพัฒนาประเทศช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน”

“และเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ทางคณะกรรมการบริษัท บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา และมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง”

“ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการและนโยบายต่างๆ ในระยะเปลี่ยนผ่านสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น และในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ กลุ่มดุสิตธานีรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ได้รับโอกาสอันสำคัญนี้ ซึ่งจะเป็นการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในช่วงรอยต่อที่สำคัญของบ้านเมือง”

•••

“ #กลุ่มดุสิตธานี ขอขอบคุณคุณศุภจีสำหรับความทุ่มเท, ความเป็นผู้นำ, และวิสัยทัศน์ที่ได้หล่อหลอมองค์กรตลอดที่ผ่านมา จนภารกิจในการวางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถนำพาและปฏิบัติภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยปัจจุบันในขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานี้ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อน นับเป็นเรื่องเร่งด่วนภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ชาติและประชาชน ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม และหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาง ก็พร้อมที่จะต้อนรับคุณศุภจีกลับมาเสมอ”

“ในโอกาสนี้ ผมและกลุ่มดุสิตธานีขอร่วมแสดงความยินดีและอวยพรให้คุณศุภจีประสบความสำเร็จอย่างสูงในภารกิจอันทรงเกียรตินี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน” คุณชนินทธ์ กล่าว

•••

ขณะที่คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และสามารถทำให้กลุ่มดุสิตธานีเป็นหมุดหมายที่สำคัญของประเทศไทยจากนักเดินทางทั่วทุกมุมโลก”

“พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงาน ทั้งผู้ถือหุ้น, กรรมการบริษัท, ผู้บริหาร, พนักงาน, ลูกค้า, และคู่ค้าทุกท่านของกลุ่มดุสิตธานีที่ร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤติรวมทั้งปัจจัยท้าทายจนทำให้แบรนด์ต่างๆ ของกลุ่มดุสิตธานีเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง, สง่างาม, และน่าภาคภูมิใจ”

•••

“สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจการศึกษา, ธุรกิจอาหาร, และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการ #ดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค ( ) มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งจะยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมายเดิมที่ได้วางไว้ และด้วยทีมบุคลากรอันมีคุณภาพของกลุ่มดุสิตธานีที่ยังคงทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มกำลังเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น จึงขอให้ผู้ลงทุน, ลูกค้า, คู่ค้า, และพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่กลุ่มดุสิตธานีดำเนินการมาโดยตลอด”

“อยากให้ทุกท่านมั่นใจว่าสิ่งที่ถูกส่งต่อและวางไว้บนมือของผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของกลุ่มดุสิตธานี บนการวางรากฐานที่มั่นคงที่ทีมกลุ่มดุสิตธานีทุกคนร่วมกันสร้างไว้ และนี่คือสิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยไม่ว่าจะเผชิญกับปัจจัยท้าทาย หรือความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ยังเชื่อมั่นได้ว่า ทั้งโครงสร้างองค์กร, โครงสร้างธุรกิจ, และโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มดุสิตธานีจะรองรับกับทุกความเปลี่ยนแปลงนั้นได้เป็นอย่างมั่นคง”

•••

“สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้ให้โอกาสและมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญนี้จนลุล่วง รวมถึงยินดีและเต็มใจที่จะให้ดิฉันมีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถในการรับใช้ประเทศชาติและประชาชน พร้อมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า กลุ่มดุสิตธานีจะสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ไทยในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน” คุณศุภจี กล่าว



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

https://www.facebook.com/share/p/1M98qHPPRe/

#ดุสิตธานีกรุ๊ป

 #ทันข่าวห้าง #เดอะมอลล์กรุ๊ป ชวนร่วมงาน  #รักแผ่นดิน ( ) 26 ส.ค.’68 เวลา 18:00 น.นี้ที่สเฟียร์ ฮอลล์ ชั้น 5 เอ็มสเฟียร์...
25/08/2025

#ทันข่าวห้าง
#เดอะมอลล์กรุ๊ป ชวนร่วมงาน #รักแผ่นดิน ( ) 26 ส.ค.’68 เวลา 18:00 น.นี้ที่สเฟียร์ ฮอลล์ ชั้น 5 เอ็มสเฟียร์ ดิเอ็มดิสทริค สุขุมวิท-รวมพลังคนไทย ส่งต่อกำลังใจสู่ครอบครัวทหารกล้า

บริษัท #เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับบริษัท #ชีวานันท์ จำกัด, ผลิตภัณฑ์ #ฟัวกราส์ควีน, #กองทัพบก, #สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์, #มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, บริษัท #อาร์พีมีเดีย กรุ๊ป จำกัด, บริษัท #สุนทรฟิล์ม จำกัด และพันธมิตรทางธุรกิจ ชวนประชาชนคนไทยทุกคนร่วมงานการกุศลโครงการ “รักแผ่นดิน (Cherish Our Nation)” เพื่อรวมพลังคนไทย ส่งต่อกำลังใจสู่ครอบครัวทหารกล้า ผ่านการระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวของทหารไทยผู้เสียชีวิตจากการสู้รบกับกัมพูชา รวมถึงจัดหาอุปกรณ์จำเป็นให้แก่กองทัพไทยในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 นี้ ตั้งแต่เวลา 18:00 น.เป็นต้นไป ณ สเฟียร์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ดิเอ็มดิสทริค สุขุมวิท 22 (สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์)

•••

คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานโครงการ “รักแผ่นดิน (Cherish Our Nation)” และประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “นิยาม Love, Peace, Unity คือความรัก, ความสามัคคี, ความสงบสุขของทุกชาติและทุกศาสนา ซึ่งผู้นำต้องมีความเสียสละ ไม่ใช่เรื่องแสวงอำนาจ ทางโครงการฯ จึงอยากให้ประชาชนและภาคเอกชนทุกคนทุกองค์กรเล็งเห็นว่าจะไม่มีใครถูกลืมจากเหตุการณ์วิกฤติในครั้งนี้ โดยเฉพาะผู้ที่เสียสละเพื่อปกป้องชาติ”

“งานการกุศลครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสะพานที่ส่งต่อกำลังใจให้ถึงครอบครัวทหารไทย เพราะด้วยโครงการฯ ตระหนักถึงการทำเรื่องที่ดีต่อสังคมและประเทศชาติ และอีกสำคัญคือประเทศไทยนั้นไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร”

•••

คุณนันทิยา อินทรลิบ กรรมการโครงการ “รักแผ่นดิน (Cherish Our Nation)” และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวานันท์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการ ‘รักแผ่นดิน (Cherish Our Nation)’ เกิดจากความตั้งใจของคนไทยทุกภาคส่วนที่จะตอบแทนความเสียสละของเหล่าทหารกล้า ครอบครัวของพวกเขาสมควรได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นและต่อเนื่อง การรวมพลังในครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการระดมทุน แต่ยังสร้างการรับรู้ให้สังคมหันมามอง เล็งเห็นคุณค่าและตระหนักรู้ถึงความสำคัญของเหล่าทหารผู้สละชีพเพื่อชาติ ทางโครงการฯ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจและความช่วยเหลือไปให้ทหารตามตะเข็บชายแดน”

ภายในงานแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมในการจัดงานการกุศลครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณอนุชา เสมารัตน์ กรรมการและผู้ช่วยผู้จัดการ มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปี มูลนิธิสายใจไทย ทางมูลนิธิฯ ตอกย้ำบทบาทหน้าที่ช่วยเหลือทหาร, ตำรวจ, และราษฎรอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บ, พิการ, หรือเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการสู้รบป้องกันประเทศชาติ โดยปัจจุบันทางมูลนิธิฯ ได้ดูแลทหารผ่านศึกที่พิการประมาณกว่า 3,300 คน”

•••

นอกจากนี้ พลตรีพิพัฒน์ จงวัฒนาไพศาล ผู้อำนวยการสำนักกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “คนรักแผ่นดิน” โดยได้กล่าวว่า “เรื่องราวของ ‘คนรักแผ่นดิน’ คือแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคน ภารกิจของสำนักกิจการพลเรือนคือการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของเหล่าทหารผู้ปกป้องชาติ ซึ่งการได้เห็นโครงการนี้เกิดขึ้นจริงนั้นเป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจและกำลังใจให้ทั้งกองทัพไทยและประชาชน”

“ปัจจุบันได้มุ่งดำเนินงานโครงการ ‘กตัญญูคลับ’ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูของเยาวชนคนไทยต่อ 4 เสาหลัก คือ 1.พ่อแม่ 2.ครูและสถาบันการศึกษา 3.ชาติและบ้านเมือง 4.สถาบันพระมหากษัตริย์ “

“ท้ายนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมและบริจาคเพื่อช่วยเหลือครอบครัวทหารไทย โดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 นี้ที่สเฟียร์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ สุขุมวิท 22”

•••

สำหรับงานการกุศล “รักแผ่นดิน (Cherish Our Nation)” ที่กำลังมีขึ้นในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 นี้ จะเป็นงานแสดงพลังแห่งความรักชาติจากภาคประชาชน, กลุ่มศิลปิน, ร้านอาหารชั้นนำ, และโรงแรมระดับห้าดาวพันธมิตรต่างๆ ที่มาร่วมกันระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวทหารไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีทั้งการแสดงจากกลุ่มศิลปิน-ดารา-เซเลบฯ-อินฟลูเอนเซอร์มีชื่อ และการรังสรรค์เมนูพิเศษเพื่อจำหน่ายจากร้านอาหารชั้นนำและภัตตาคารภายในโรงแรมระดับห้าดาว รวมทั้งกิจกรรมระดมทุนอื่นๆ ภายในงาน รายได้ทั้งหมดผ่านกองทุนรักแผ่นดินจะมอบให้มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ

ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมและร่วมบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวทหารไทยในงานการกุศลโครงการ “รักแผ่นดิน (Cherish Our Nation)” ซึ่งจะจัดขึ้นในค่ำคืนวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 นี้ ตั้งแต่เวลา 18:00 น.เป็นต้นไป ณ สเฟียร์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า #เอ็มสเฟียร์ #ดิเอ็มดิสทริค สุขุมวิท 22 (สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์)



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

https://www.facebook.com/share/p/14JZg96ACx4/

  #โรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์ จัดกิจกรรมฉลองครบ 30 ปี “Phyathai be Friend 2” เปิดมิติใหม่การดูแลสุขภาพครอบครัว-สัตว์เลี้ยง ผ...
20/08/2025


#โรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์ จัดกิจกรรมฉลองครบ 30 ปี “Phyathai be Friend 2” เปิดมิติใหม่การดูแลสุขภาพครอบครัว-สัตว์เลี้ยง ผูกสายใยชุมชนอย่างยั่งยืน

“โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์” ภายใต้สังกัดกลุ่มเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลร่วมกับบริษัท #โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จำกัด จัดกิจกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมภายใต้นโยบาย “โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์...ใกล้คุณในทุกวัน” โดยจัดกิจกรรมไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ลานกิจกรรมศูนย์การค้า #สายไหมอเวนิว ( ) ถนนสายไหม ย่านสายไหม กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมภายในครอบครัว ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่รวมกัน

•••

ทั้งนี้ งานกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีของโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ในฐานะโรงพยาบาลแห่งการดูแลชุมชนอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน โดยภายในงานมีกิจกรรมที่ให้ทั้งสาระและความสนุก อาทิ;

• สัมมนาความรู้ด้านสุขภาพ Health Talk ภายใต้หัวข้อ “ลูกแพ้อะไร...หรือเราแค่ยังไม่เข้าใจ” โดยวิทยากรนายแพทย์เพ็ชร ทองใบ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

• การให้คำปรึกษาทางด้านสุขภาพเบื้องต้น โดยทีมแพทย์, พยาบาล, และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

• บริการตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคลเบื้องต้นฟรี โดยทีมแพทย์, พยาบาล, และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

• หลักสูตร “การฝึกวินัยสัตว์เลี้ยงในบ้าน” โดยทีมวิทยากรจากศูนย์ฝึกสุนัขภาสวร

• หลักสูตร Workshop “CPR for Pet” โดยทีมวิทยากรจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

• การให้คำปรึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับ “การปฐมพยาบาลสัตว์เลี้ยง” และ “เทคนิคในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด” โดยทีมสัตวแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

• บริการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงฟรี โดยทีมสัตวแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

• บูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้รักสุขภาพและสัตว์เลี้ยง

•••

“โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์” ยังยึดมั่นบทบาทในฐานะโรงพยาบาลเพื่อชุมชน ซึ่งไม่เพียงแต่ให้บริการทางด้านตรวจรักษาโรคอย่างมีคุณภาพ แต่ทางโรงพยาบาลฯ ยังเดินหน้าเชื่อมโยงผู้คน, สร้างความเข้าใจ, และส่งเสริมคุณภาพชีวิตดีอย่างยั่งยืนทั้งคนในครอบครัวและสัตว์เลี้ยง



#อีเวนต์เด่นห้างโดนโดน

https://www.facebook.com/share/p/16m9QuFwJc/

#30ปีโรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์ #โรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์ใกล้คุณในทุกวัน

#เครือโรงพยาบาลพญาไทเปาโล

   จับมือ   ดันซอฟท์พาวเวอร์ไทย ผ่านแฟชั่นโชว์ผ้าไทยคู่เพชรหรูดั่งงานศิลปะสุดหรูหรา พร้อมเหล่าไฮโซ+เซเลบฯ ตบเท้าร่วมงานค...
18/08/2025


จับมือ ดันซอฟท์พาวเวอร์ไทย ผ่านแฟชั่นโชว์ผ้าไทยคู่เพชรหรูดั่งงานศิลปะสุดหรูหรา พร้อมเหล่าไฮโซ+เซเลบฯ ตบเท้าร่วมงานคับคั่ง

ห้องเสื้อแบรนด์ Mick Boutique โดยคุณพงษ์ศักดิ์ ทรัพย์มาก เจ้าของห้องเสื้อร่วมกับแบรนด์เพชรหรู Beauty Gems ปลุกกระแสซอฟท์พาวเวอร์ไทยในด้านวงการแฟชั่น กับการจัดงานแฟชั่นโชว์สุดยิ่งใหญ่ภายใต้ธีม “Thai Silk Soft Power” ถ่ายทอดความอ่อนช้อยและทรงพลังของผ้าไหมไทยและอัญมณีเลอค่าจากฝีมือช่างจิวเวลรี่ไทยสู่สายตานานาชาติ โดยงานจัดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 16 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา บริเวณหน้าร้านบิวตี้เจมส์ แฟล็กชิพสโตร์ ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า #เซ็นทรัลชิดลม

•••

งานนี้ได้รับเกียรติจากคุณรัตน์สุดา น่าบูรณะ ผู้จัดการแผนกการขายค้าสมัยใหม่ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เดินเปิดรันเวย์ด้วยชุดผ้าไหมโทนพาสเทลอันเผยถึงความอ่อนหวานที่แฝงไปด้วยพลัง และตามด้วยการเดินแบบจากเหล่านางแบบ-นายแบบมืออาชีพ, นักแสดง, เซเลบฯ ชั้นนำ, และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยที่สลับมาอวดชุดแฟชั่นผ้าไทยสมัยใหม่และอัญมณีดีไซน์หรูที่ใส่ใช้งานได้จริง จนกระทั่งปิดท้ายการเดินรันเวย์จาก ดร.อนัญญา ธนปฏิญญากุล คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งสร้างความประทับใจในฐานะชุดฟินนาเล่ ผ่านชุดผ้าไหมไทยสีมรกตประดับเพชรน้ำงาม โดยได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากผู้ชมทั่วห้องจัดงาน

คุณพงษ์ศักดิ์ ทรัพย์มาก เจ้าของห้องเสื้อและดีไซน์เนอร์แบรนด์ Mick Boutique กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้ทางห้องเสื้อแบรนด์ Mick Boutique ต้องการปลุกกระแสวงการวงการแฟชั่นไทย พร้อมทั้งโปรโมทซอฟท์พาวเวอร์ไทยในเรื่องผ้าไทยและฝีมือการออกแบบของดีไซน์เนอร์ไทยว่าไม่แพ้ชาติไหนในโลก ซึ่งได้ใส่ดีไซน์ทันสมัยและหรูหรามีระดับให้กับแฟชั่นผ้าไทยที่ส่วนใหญ่มองว่าดีไซน์ยุคเก่าคร่ำครึล้าสมัย ไม่สามารถใช้งานได้ทั่วไปนอกจากงานพิธี ความคิดเหล่านี้เป็นความเชื่อที่ผิด ผ้าไทยสามารถใช้เทคนิคการออกแบบและตัดเย็บแบบสมัยใหม่ได้ โดยผลงานที่ห้องเสื้อแบรนด์ Mick Boutique นำเสนอในงานเดินแฟชั่นครั้งนี้ทุกชุดมีสไตล์นำสมัยและเปล่งประกายดั่งงานศิลป์ชิ้นเอกที่ยกระดับภาพลักษณ์ใหม่ๆ ให้กับแฟชั่นผ้าไทย”

•••

คุณสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้เจมส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “สำหรับงานในครั้งนี้ทางแบรนด์ Beauty Gems ร่วมกับทางห้องเสื้อแบรนด์ Mick Boutique ส่งคอลเลกชันชุดเครื่องเพชรสุดหรูที่ออกแบบและเจียระไนจากฝีมือช่างอัญมณีไทยมาร่วมส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์ไทยที่ช่วยส่งให้ชุดแฟชั่นผ้าไทยของงานเดินแฟชั่นครั้งนี้ดูอลังการสุดหรูหรา ซึ่งทั้งหมดเป็นการสื่อสารให้ทั้งคนไทย และต่างชาติรับรู้ถึงแฟชั่นผ้าไทยสามารถออกแบบและตัดเย็บด้วยเทคนิคสมัยใหม่ได้ รวมทั้งยังดูดีนำสมัยไปจนถึงหรูหราได้ และยังสามารถสวมใส่ได้จริง โดยชุดเครื่องเพชรที่ทางแบรนด์ Beauty Gems ส่งมาร่วมเดินแฟชั่นในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงฝีมืออันสุดยอดของช่างอัญมณีไทยที่มีดีไซน์ทันสมัยอ่อนช้อยและทรงพลังในตัว ไปจนกระทั่งแสดงถึงความประณีตในการเจียระไนและความละเอียดลออในการสร้างเครื่องเพชรอีกด้วย”

ภายในงานอบอวลไปด้วยความงดงามร่วมสมัย พร้อมแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนต่างตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมเหล่าเซเลบริตี้, ไฮโซ, นักแสดง, และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่ต่างแต่งกายอย่างหรูหรา เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในค่ำคืนประวัติศาสตร์ที่จะส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์ไทยและวงการแฟชั่นผ้าไทย

•••

สำหรับบรรยากาศการเดินแฟชั่นโชว์นั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์อันหลากหลาย ซึ่งชุดแต่ละชุดสะท้อนการตีความผ้าไหมไทยและผ้าไทยในรูปแบบสมัยใหม่ ตั้งแต่โครงสร้างชุดอันทันสมัย, การผสมผสานสีสันที่คุมโทนและสดใส, ไปจนถึงรายละเอียดการตัด-ปัก-เย็บอันประณีตพิถีพิถันทุกขั้นตอน ราวกับงานทำมืออย่างมีศิลป์หายาก ขณะเดียวกันเพชรและอัญมณีจากแบรนด์ Beauty Gems ได้เข้ามาเสริมเพิ่มมิติความหรูหราทำให้ชุดแฟชั่นผ้าไหมและผ้าไทยจากแบรนด์ Mick Boutique ดูมีชีวิตชีวาและทันสมัยยิ่งขึ้น

และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ได้เรียกเสียงฮือฮาคือ การขึ้นเวทีของบิวตี้ไอคอนรุ่นใหม่ผ่านการสวมใส่ชุดแฟชั่นผ้าไหมและผ้าไทยดีไซน์โมเดิร์น โดยมาพร้อมกับการจับคู่เครื่องเพชรดีไซน์โมเดิร์นนำสมัยอันงดงามเปล่งประกาย ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจและพลังของซอฟท์พาวเวอร์ไทยที่กำลังส่งต่อสู่สากลผ่านมิติใหม่ๆ ด้วยภาพลักษณ์มุมมองอันสดใสแบบผสมผสานเข้ากับความร่วมสมัยอย่างลงตัว

•••

สำหรับงานในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหลักหมุดสำคัญของวงการแฟชั่นผ้าไทย ซึ่งตอกย้ำว่าผ้าไหมไทยและผ้าไทยประเภทต่างๆ นั้นจะไม่ใช่เป็นเพียงวัสดุรุ่นเก่ามีอายุเท่านั้น แต่สามารถนำมาพัฒนาเป็นวัสดุผ้าร่วมสมัยที่เปิดตลาดวัสดุผ้าแฟชั่นสู่เวทีโลกได้ด้วยดีไซน์และการตัดเย็บที่สร้างความสง่างาม, หรูหรา, และร่วมสมัยอย่างทรงคุณค่า พร้อมทั้งยังทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและวัฒนธรรมไทยสมัยใหม่ 6.0 ผ่านซอฟท์พาวเวอร์ไทยสู่สายตาทั่วโลกอย่างแท้จริง



#อีเวนต์เด่นห้างโดนโดน

https://www.facebook.com/share/p/16uZKWegV8/


 #ทันข่าวห้าง #ไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป ส่งแบรนด์น้องใหม่   ลุยเปิดสาขาพร้อมขายสิทธิ์แฟรนไชส์ควบคู่-กางแผนภายในปี’72 เพิ่มสาขาทุ...
13/08/2025

#ทันข่าวห้าง
#ไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป ส่งแบรนด์น้องใหม่ ลุยเปิดสาขาพร้อมขายสิทธิ์แฟรนไชส์ควบคู่-กางแผนภายในปี’72 เพิ่มสาขาทุกแบรนด์รวมกันทะลุ 4,500 สาขา ชูโมเดลใหม่และเตรียมนำแบรนด์ในเครือเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้นกว่าเดิม

บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มธุรกิจภายใต้เครือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ผู้นำธุรกิจเครือข่ายแบรนด์ร้านอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กางแผนกลยุทธ์ใหม่ วางเป้าหมายการเติบโตแบบก้าวกระโดดภายใน 5 ปีข้างหน้า ด้วยกลยุทธ์การมุ่งเน้นการขายสิทธิ์แฟรนไชส์ เพื่อปรับเปลี่ยนให้สอดรับโมเดล Asset-Light สู่การเป็นบริษัท Global Franchisor of Choice พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The STEAK & MORE) ร้านอาหารประเภทสเต็กระดับราคาคุ้มค่าเข้าถึงได้ง่าย

•••

คุณธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในไทยรวมถึงทั่วโลกอยู่ในช่วงฟื้นตัวและยังมีช่องทางขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันพฤติกรรมผู้บริโภคยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ทำให้ภาคธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้ทันและสอดรับพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ #ไมเนอร์ฟู้ด ( ) ซึ่งมีความเข้าใจถึงบริบทอันเกิดขึ้น จึงเดินหน้ากลยุทธ์ “Passion for Growth” เพื่อขับเคลื่อนสร้างการเติบโตให้องค์กร”

“ตลอดช่วงปี 2568-2572 ทางไมเนอร์ ฟู้ด (MINOR FOOD) จะมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับโมเดลธุรกิจด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรแฟรนไชส์ในตลาดที่มีศักยภาพทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการลงทุนและผลตอบแทน โดยปัจจุบันไมเนอร์ ฟู้ด (MINOR FOOD) มีพอร์ตแบรนด์ร้านอาหารในธุรกิจมากกว่า 30 แบรนด์ และมีจำนวนสาขาร้านอาหารรวมทั้งสิ้นกว่า 2,700 สาขา จาก 24 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีร้านอาหารที่ขายสิทธิ์แฟรนไชส์ จำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,300 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน 48% จากสาขาทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของโมเดลธุรกิจขายสิทธิ์แฟรนไชส์ในอนาคต”

•••

สำหรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจร้านอาหารของ ไมเนอร์ ฟู้ด (MINOR FOOD) ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2568-2572) โดยจะมุ่งการดำเนินงานผ่าน 3 แกนหลัก อันประกอบด้วย;

• การขยายแบรนด์ผ่านการขายสิทธิ์แฟรนไชส์ภายในประเทศไทยให้ครอบคลุมมากขึ้น - ผ่านแบรนด์อันได้รับความนิยมอยู่แล้วในตลาดประเทศไทย คือ บอนชอน (Bonchon), แดรี่ควีน (Dairy Queen), และกา!ก้า (GA!GA) เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศ พร้อมพัฒนารูปแบบร้านโมเดลใหม่ๆ อาทิ; แบรนด์แดรี่ควีน (Dairy Queen) ที่พัฒนาโมเดล Stand-Alone Modular Store ซึ่งได้เปิดร่วมกับร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ที่มีที่จอดรถ ทั้ง 7-Eleven, Lotus’s go fresh, และตามปั๊มน้ำมัน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายใกล้กับที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น, หรือแบรนด์สเวนเซ่นส์ (Swensen’s) ที่พัฒนาโมเดล Regional Flagship Store ซึ่งได้มีการออกแบบร้านโดยนำอัตลักษณ์ของท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นแกนไอเดียในการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอาคารสาขา รวมทั้งมีเมนูเฉพาะสาขาที่นำอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นไอเดียหลักในการนำเสนอเป็นจุดขาย เป็นต้น

• ผลักดันการขยายสาขาในต่างประเทศ - รุกการเร่งขยายสาขาด้วยแบรนด์หลัก ทั้งเดอะ พิซซ่า คอมปะนี (The Pizza Company), สเวนเซ่นส์ (Swensen’s), ซิซซ์เล่อร์ (Sizzler), และเดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) โดยขยายสาขาหรือเพิ่มแบรนด์หลักไปภายในประเทศที่ทางไมเนอร์ ฟู้ด (MINOR FOOD) ได้เคยเปิดสาขาไปบ้างแล้ว อาทิ; ประเทศจีน, ประเทศสิงคโปร์, ประเทศออสเตรเลีย, ประเทศญี่ปุ่น, ประเทศเพื่อนบ้าน CLMV, ประเทศภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการรุกขยายสาขาด้วยแบรนด์รองอย่างแดรี่ ควีน (Dairy Queen) และแบรนด์กา!ก้า (GA!GA) ไปยังประเทศอินโดนีเซียและประเทศอื่นๆ อีกด้วย โดยเน้นการเจรจาผูกสัมพันธ์เพิ่มเติมกับผู้ที่ได้เคยรับสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์แต่ละประเทศของทางบริษัทฯ ก่อนขายสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ให้นักลงทุนผู้สนใจรายอื่น

• พัฒนาและขยายแบรนด์ใหม่ๆ เติมเข้าพอร์ตธุรกิจ - เน้นพัฒนารูปแบบร้านอาหารประเภทตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคและเทรนด์อาหารที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งผ่านการพัฒนาแบรนด์เองและการร่วมลงทุนกับพันธมิตร รวมทั้งการเข้าซื้อแบรนด์ที่มีศักยภาพ โดยล่าสุดทางไมเนอร์ ฟู้ด (MINOR FOOD) ได้พัฒนาแบรนด์ใหม่ที่ชื่อ เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The STEAK & MORE) ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ชื่นชอบรับประทานสเต็กรสชาติเข้มข้นในระดับราคาที่คุ้มค่าเข้าถึงได้ง่าย และเป็นแบรนด์แรกของพอร์ตธุรกิจของทางบริษัทฯ ที่มีขายเปิดขายสิทธิ์แฟรนไชส์ตั้งแต่แรกที่เปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ

•••

“ไมเนอร์ ฟู้ด (MINOR FOOD) ตั้งเป้าว่าภายในปี 2572 จะมีจำนวนร้านอาหารและเครื่องดื่มรวมกันทุกแบรนด์ทั้งสิ้นกว่า 4,500 ร้าน โดยเป็นร้านสาขาจากการขายสิทธิ์แฟรนไชส์และมาสเตอร์แฟรนไชส์ จำนวนรวมกันกว่า 2,500 ร้าน หรือคิดเป็นสัดส่วน 56% จากสาขาทั้งหมด ซึ่งจะแสดงให้เห็นและเป็นการตอกย้ำถึงกลยุทธ์การขายสิทธิ์แฟรนไชส์ดังกล่าวจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญและช่วยยกระดับแบรนด์ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด (MINOR FOOD) จากแบรนด์ระดับภูมิภาค (Regional Brands) สู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก (Global Bands) พร้อมทั้งยังเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค, พนักงาน, ซัพพลายเออร์, และพันธมิตรแฟรนไชส์ทุกระดับ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างแท้จริง” คุณธันยเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย



#รอบรู้ทันข่าวห้าง

https://www.facebook.com/share/p/19U9PEgvf4/

ที่อยู่

Bangkok Yai

เบอร์โทรศัพท์

+66924944042

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ RETAILmanผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์