07/09/2024
สรุป The Secret Sauce Summit 2024: “Ride The 2025 Marketing Wave: ทะยานสู่อนาคตการตลาด 2025” โดยคุณอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ CEO แห่ง อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล กรุ๊ป ได้นำเสนอ 10 เทรนด์การตลาดที่จะมีบทบาทสำคัญในปี 2025 สรุปได้ดังนี้:
1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและ Generation ประเทศไทยในปี 2024 มีประชากร 71.6 ล้านคน อายุเฉลี่ย 40.1 ปี สะท้อนถึงการเข้าสู่สังคมสูงอายุ โดยคาดการณ์ว่าปี 2025 ประชากร 25% จะเป็น Silver Generation และเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2030
* Gen Z: ค่านิยมเปลี่ยนไปสู่ "Situationship" นิยมการสื่อสารผ่าน Text และไม่มีแนวคิดเรื่องความรักยาวนาน นอกจากนี้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ควรได้รับทันที เช่น การขึ้นเงินเดือน
* Gen Millennials: ใส่ใจคุณภาพมากขึ้น ยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อสินค้าและบริการที่พรีเมียม
* Gen Alpha: เป็นเด็กที่มีอิทธิพลต่อครอบครัว ทำให้แบรนด์เริ่มพัฒนาสินค้าสำหรับเด็กมากขึ้น
* Silver Generation: เน้นเรื่องสุขภาพและการใช้ชีวิตยืนยาว มีกำลังซื้อสูง
2. Branding ในศตวรรษที่ 21 กับ Culture & Equity การเปล่ยนแปลงของโครงสร้าง Culture 2.0 ซึ่งเป็น Mass Culture ไปสู่ “Culture 3.0” นั่นคือ Fragmentation, Micro Community, Sub-culture และเป็น Fluid Community มากขึ้น จะกลายเป็น New Engine ของแบรนด์ดิ้ง ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงจาก Insight-driven ไปสู่ “Culture-driven” เรียบเรียงเป็นภาษาการตลาด
3. สร้างความได้เปรียบด้วย Customer Insight โดยเริ่มจากเข้าใจ Customer Insight ว่าอะไรเป็นแรงกระตุ้น หรือผลักดันให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้า หรือใช้แบรนด์เรา จากนั้นต้องทำให้ทุกแผนกเข้าใจใน Customer Insight จากที่ผ่านมาแผนกที่เข้าใจ Customer Insight มักอยู่แผนกการตลาด จากนั้นถึงจะพัฒนาเป็นกลยุทธ์ เพื่อทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเอาชนะการแข่งขันได้ . ศาสตร์การเอา Customer Insight มาใช้ อย่ากระโดดไปที่ Creativity แต่ให้เริ่มจาก “ตั้งคำถามที่ใช่” ก่อน ประกอบด้วย 5 ด้านได้แก่
* คำถามเชิงสืบสวน
* คำถามเชิงคาดการณ์
* คำถามว่าต่อไปนี้จะทำอย่างไรดี
* คำถามการตีความ แล้วอย่างไรต่อ
* คำถามอะไรคือสิ่งที่ไม่ได้พูดออกมา
4. จากโมเดล 4P สู่ 5P
* Prioritization: โฟกัสใน High Impact Areas
* Privacy: ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลแความเป็นส่วนตัว
* Partners: สร้างความร่วมมือ
* Performance สร้าง Marketing Effectiveness
* Proactivity รักษาความเป็นผู้นำตลาด
5. การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในใจผู้บริโภค (Mastering Modern Media in the Memory Attention Era)ในยุคที่ผลิตภัณฑ์และบริการไม่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน แบรนด์ต้องเน้นการสร้าง "Memory Attention" เพื่อให้เป็นที่จดจำในใจของผู้บริโภค โดยสามารถทำได้ผ่าน 4 หลักการสำคัญ ได้แก่:
* Repetition: ทำให้ผู้บริโภคเห็นบ่อยๆ เพื่อสร้างการจดจำได้
* Association เมื่อผู้บริโภคเห็นแบรนด์แล้ว ทำให้สามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์นั้นๆ ได้
* Novelty ต้องสร้างสิ่งใหม่ที่ว้าว!!!
* Emotional Resonance สร้างความรู้สึก สร้างอารมณ์มิติเชิงลึกให้กับผู้บริโภค
6. กลยุทธ์ Social Media ในยุคคอนเทนต์ล้นหลาม�ใช้หลัก Pareto Principle "80/20" คือใส่ความพยายาม 20% เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 80% โดยโฟกัสที่คอนเทนต์ที่สร้างผลลัพธ์สูง (High Performing Content)
7. การใช้ AI และ Agentic AI ในการตลาด�AI ช่วยลดต้นทุนและทำให้การตลาดเป็นส่วนบุคคลมากขึ้น เทรนด์ใหม่คือ Agentic AI ที่สามารถตอบโจทย์ทุกกระบวนการทางการตลาดได้ครบวงจรจากการป้อนคำสั่งเพียงครั้งเดียว
8. สร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่ออนาคต A Culture of Tomorrow (A Culture of Tomorrow Experiment + Intelligence Risk – Taking) องค์กรในยุคอนาคตต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง โดยใช้การตั้งสมมติฐานและการทดลองเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งประกอบด้วยแนวคิดหลัก 4 ข้อ:
* Adaptive System Design: การคิดเชิงโครงสร้างเพื่อระบุความจริง เข้าใจปัญหาที่แท้จริง และเชื่อมโยงกับบริบทโดยรอบ เพื่อให้สามารถออกแบบระบบที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้
* Thought Experiment: ทดลองคิดโดยสมมติว่าไม่มีข้อจำกัด จะเกิดอะไรขึ้น? และมีวิธีไหนที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้หรือไม่
* Activate System 2: มนุษย์มักทำงานตามวิธีที่คุ้นเคย ดังนั้นต้องพยายามออกจากกรอบเดิม ๆ เพื่อสร้างวิธีคิดใหม่และลึกซึ้งยิ่งขึ้น
* Magic of Thinking Big: ใช้จินตนาการในการขยายขอบเขตความเป็นไปได้ ทำให้สามารถสร้างแนวคิดใหม่ที่กว้างไกลกว่าเดิม
9. การสร้างวัฒนธรรมแห่งความมีประสิทธิภาพในองค์กร การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโมเดล Marketing Mix Modeling (MMM) ในอดีตเพื่อคาดการณ์ Impact ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
10. Sustainability เป็นหัวใจของกลยุทธ์ ผู้บริโภคสนใจสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ราคาสินค้าที่ยั่งยืนยังเป็นอุปสรรค นักการตลาดควรตั้งราคาที่เข้าถึงง่าย โดยเพิ่มเพียง 10%