ธีร์ ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ธีร์, ครีเอเตอร์ดิจิทัล, กทม.
(6)

Designer | ที่ปรึกษาและวิทยากรด้านการพัฒนาภาพลักษณ์และแบรนด์แฟชั่น (Designer | Image & Fashion Brand Development Consultant and Speaker)

ติดต่องาน 064-5959966 คุณลูกหมี สวัสดีครับ ผม ธีร์ นะครับ


ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีเป้าหมายอะไร ผมพร้อมที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางในการค้นหาศักยภาพสูงสุดของคุณ
เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพและเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคร

อบครัว "Ti official" และเริ่มต้นการเดินทางในการพัฒนาตนเองไปด้วยกันนะครับ
อย่าลืมกด Subscribe และกดกระดิ่งเพื่อไม่พลาดคอนเทนท์ดีๆ ที่จะมีมาให้ติดตามกันทุกสัปดาห์"

3 เสาหลักของการออกแบบชีวิตอิสระเคยรู้สึกไหมครับว่ายิ่งเราพยายามไล่ตาม 'อิสรภาพ' มากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งดูห่างไกลออกไป?ท...
17/07/2025

3 เสาหลักของการออกแบบชีวิตอิสระ
เคยรู้สึกไหมครับว่ายิ่งเราพยายามไล่ตาม 'อิสรภาพ' มากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งดูห่างไกลออกไป?
ทุกวันนี้เราทำงานหนักขึ้นเพื่อหวังจะได้มีอิสระทางการเงิน
แต่กลับลงเอยด้วยการไม่มีเวลา
เราพยายามหาเวลาพักผ่อน
แต่ในหัวก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล

ในฐานะนักออกแบบและที่ปรึกษา หรือในฐานะมนุษย์คนนึงอย่างผม
ผมได้เรียนรู้ความจริงข้อหนึ่งว่า..

 "อิสรภาพที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือผลลัพธ์ของการออกแบบการมีชีวิตอย่างมีกลยุทธ์"

ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆกับการสร้างเสื้อผ้าสักตัวที่ต้องเริ่มต้นจากการสร้าง "แพทเทิร์น"
ที่ผ่านการคิดมาอย่างดี

ความเป็นจริงที่ผมเพิ่งจะได้ค้นพบนั่นก็คือ ..
ชีวิตที่เปี่ยมด้วยอิสรภาพก็ต้องการ "พิมพ์เขียว" ที่เหมือนสมกับเราเช่นเดียวกัน

วันนี้ผมจะมาแชร์แนวคิดการออกแบบชีวิตนี้ให้เข้าใจง่าย ผ่าน 3 เสาหลัก
ที่ถือเป็นแกนหลักสำคัญ เพื่ออิสรภาพที่ยั่งยืน
ซึ่งเป็นแก่นที่ผมใช้ในการใช้ชีวิตผ่านประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา
รวมถึงให้คำปรึกษาเพื่อสร้างแบรนด์และออกแบบชีวิตให้กับลูกค้าของผมเช่นเดียวกันครับ

เสาหลักที่ 1: อิสรภาพทางความคิด (Mindset Freedom)ถือเป็นรากฐานสำคัญที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
เสาหลักต้นนี้สำคัญที่สุดและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งครับ

อิสรภาพทางความคิดคือการปลดปล่อยตัวเองจาก "กรงที่มองไม่เห็น"

ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อที่จำกัดตัวเอง, ความกลัวในสายตาคนอื่น, หรือกรอบความสำเร็จที่สังคมสร้างขึ้น


ในเชิงการออกแบบ มันเปรียบได้กับ "รากของต้นไม้ใหญ่" ที่มองไม่เห็นแต่หยั่งลึกและแข็งแรง
ต่อให้ลำต้นและกิ่งก้าน (ถือถ้าให้เห็นภาพก็คือพวกความสำเร็จภายนอก)
ต่อให้จะสวยงามแค่ไหน แต่หากรากไม่แข็งแรง ก็พร้อมจะโค่นล้มได้ทุกเมื่อเมื่อเจอกับพายุ หรือสิ่งแวดล้อมที่เราคาดไม่ถึง

จะบอกว่าจุดนี้ผมเจอมาเยอะครับ และต้องยอมรับว่าพลาดที่เราไม่บำรุงรากของเราเลยที่ผ่านมา
ต้องเริ่มใหม่แทบทุกครังที่พัง เพราะรากผมไม่แข็งแรงพอจะปกป้องตัวเองได้เลยจริงๆ


และวิธีการออกแบบเสาหลักต้นนี้คือ ..

ตั้งคำถามกับทุกความเชื่อ:
ลองถามตัวเองว่า "ความเชื่อที่ว่า 'ฉันทำไม่ได้' หรือ 'มันเป็นไปไม่ได้' เป็นความจริง หรือเป็นแค่เรื่องเล่าที่เราบอกตัวเองซ้ำๆ?"
ฝึกฝนการควบคุมสิ่งที่ควบคุมได้:
โฟกัสพลังงานทั้งหมดไปที่ความคิด, ทัศนคติ, และการกระทำของเรา แทนที่จะกังวลกับผลลัพธ์หรือคำวิจารณ์จากคนอื่น
เสาหลักที่ 2: อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom) โครงสร้างที่สร้างกระแสเงินสด ถือว่าเป็นเลือดที่หล่อเลี้ยงเราให้มีชีวิตอยู่ต่อได้

มุมมองนี้ผมต้องขอบคุณ คุณปุ๋ยรัชดา ทองหล่อ มากๆครับที่เราได้มีเวลานั่งคุยนั่งเม้ากัน
เพราะคุณปุ๋ยทำให้เรื่องการเงินที่ผมเคยกลัว รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ง่ายกว่าใจตัวเองเสียอีก


เมื่อรากฐานทางความคิดแข็งแรงแล้ว เสาหลักต้นต่อมาคือการสร้าง "ระบบ"
ที่จะหล่อเลี้ยงการเติบโตของเรา อิสรภาพทางการเงินในมุมมองของนักออกแบบอย่างผม
ไม่ใช่แค่การมีเงินเยอะๆ แต่คือการ "ออกแบบระบบที่สร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) ได้ด้วยตัวเอง" หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Passive Income


ภาพที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็น "กังหันน้ำ" ที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นอย่างดีในแม่น้ำ
เมื่อสร้างเสร็จ มันจะสามารถหมุนและวิดน้ำ (สร้างรายได้) ได้อย่างสม่ำเสมอโดยที่เราไม่ต้องออกแรงตลอดเวลา

วิธีการออกแบบเสาหลักต้นนี้:

เปลี่ยนความเชี่ยวชาญให้เป็น "สินทรัพย์": มองหาทางแปลงความรู้ความสามารถของคุณให้กลายเป็นสินทรัพย์ต่างๆ อาจจะทาง ดิจิทัล เช่น คอร์สออนไลน์ อาชีพคอนเทนท์ครีเอเตอร์ หรืออะไรก็ได้ครับ ที่ลดความยุ่งยากในชีวิตในการทำงานลงได้ แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี
เริ่มลงทุนอย่างมีวินัย: มีคำพูดนึงที่คุณปุ๋ยพูดคือ ไม่ว่าลูกค้าที่ต้องดูแลจะพอร์ตแค่ 1 แสน หรือ 1 ล้าน ยังไงเราก็มีหน้าที่ที่ต้องทำให้เค้าเติบโต คุณปุ๋ยคิดว่า การทำให้เงิน แสนกลายเป็นเงินล้านได้ นั่นเป็นความท้าทาย ไม่ใช่การเลือกรับลูกค้าที่ต้องมีเยอะแล้วเท่านั้น
ผมเองก็มองว่าไม่ว่าจะน้อยหรือมาก การเริ่มต้นลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทน คือการเริ่มสร้าง "กังหันน้ำ" ของคุณเองตั้งแต่วันนี้ที่มันจะสร้างเงินให้เราได้ง่ายมากขึ้นในอนาคต
เสาหลักที่ 3: อิสรภาพทางเวลา (Time Freedom) ผลลัพธ์ที่สวยงามของการออกแบบ
นี่คือผลลัพธ์สุดท้ายที่ทุกคนปรารถนา และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาเมื่อเสาหลักสองต้นแรกแข็งแรงแล้ว
อิสรภาพทางเวลาคือการที่เรามี "อำนาจ" ในการเลือกใช้เวลาของเราได้อย่างแท้จริง
เลือกที่จะทำงานที่รัก, ใช้เวลากับคนที่ใช่, หรือพักผ่อนเมื่อต้องการ


ภาพเปรียบเทียบที่ผมชอบใช้คือ "นาฬิกาทรายที่กลายเป็นนก"
เม็ดทรายที่ร่วงหล่นลงมาไม่ได้กองรวมกันอย่างสูญเปล่า
แต่กลับกลายสภาพเป็นนกที่โบยบินออกไปอย่างอิสระ
นี่คือการเปลี่ยน "เวลา" ที่ผ่านไปในแต่ละวัน ให้กลายเป็น "อิสรภาพ" ที่จับต้องได้


วิธีการออกแบบเสาหลักต้นนี้:

รู้จักปฏิเสธ: เรียนรู้ที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าหลักของคุณอย่างสง่างาม
สร้างระบบ : จะใช้เทคโนโลยีหรือการสร้างทีมเข้ามาช่วยทำงานซ้ำๆ เพื่อ "ซื้อเวลา" ของคุณคืนมา หรือจะออกแบบระบบที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวม หรือติดตามสิ่งที่ทำแล้วให้เห็นมากที่สุดก็ทำให้คุณมีเวลาทำเรื่องอื่นๆได้อีกมากนะครับ

สุดท้ายอิสรภาพทั้ง 3 ด้านนี้ทำงานสอดประสานกันเป็นระบบที่สมบูรณ์
ความคิดที่เป็นอิสระจะนำไปสู่การสร้างระบบทางการเงินที่เป็นอิสระ และเมื่อการเงินเป็นอิสระ เราก็จะมีอิสรภาพทางเวลาเป็นรางวัลในท้ายที่สุด


ชีวิตที่คุณฝันถึง...ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการออกแบบแต่ละสิ่งในชีวิตอย่างมีกลยุทธ์
ผมมองว่า เรามักไปโฟกัสระบบที่เป็นการทำงานเท่านั้น เพื่อที่จะสร้างเม็ดเงิน
เลยทำให้เราไม่สนใจมุมของชีวิตเลย เพราะเราอาจจะจับต้องผลลัพธ์อะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเท่าเงินที่ได้ตอนทำงาน

แต่มันเป็นเรื่องของการสร้างนิสัยนะครับ มีระบบชีวิตสบายกว่าเยอะเลยเชื่อผมสิ


หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้และรู้สึกว่าพร้อมที่จะเริ่มต้นสร้างชีวิตที่อิสระ ในแบบฉบับของคุณยังเป็นไปไม่ได้ หรือดูห่างไกล หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร...

ผมในฐานะที่ปรึกษา พร้อมที่จะเป็นผู้ช่วยในการออกแบบเส้นทางนี้ให้กับคุณ
เพื่อสร้างความร่ำรวย ความสำเร็จที่ยั่งยืน ในแบบฉบับของคุณเองในทุกมิติของชีวิตได้นะครับ

ผมช่วยคุณทั้งภายในและภายนอกได้อย่างครบถ้วนอย่างแน่นอนผมมั่นใจมากๆ
หากสนใจให้ผมออกแบบชีวิตให้ ติดต่อได้ที่Line ได้เลยครับ

#สร้างแบรนด์ #ที่ปรึกษาแบรนด์ #วางกลยุทธ์ #แบรนด์แฟชั่น #ที่ปรึกษาภาพลักษณ์ #คุณธีร์ #สื่อสารผ่านภาพลักษณ์ #ภาพลักษณ์

ในฐานะที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์และแบรนด์แฟชั่น ผมได้ทำงานเคียงข้างผู้คนและแบรนด์มากมายในฐานะกัลยานมิตรที่เข้าอกเข้าใจและมัก...
15/07/2025

ในฐานะที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์และแบรนด์แฟชั่น ผมได้ทำงานเคียงข้างผู้คนและแบรนด์มากมายในฐานะกัลยานมิตรที่เข้าอกเข้าใจ
และมักจะพบคำถามยอดนิยมอยู่เสมอว่า ...

"เราจะตามคู่แข่งทันได้อย่างไร?" "เราจะทำอย่างไรให้ไม่ตกเทรนด์?"
หรือในยุคนี้ "เราจะใช้ AI สร้างความได้เปรียบได้อย่างไร?"

คำถามเหล่านี้ล้วนมาจากความกลัว กลัวที่จะโตไม่ทัน กลัวที่จะถูกลืม
และกลัวที่จะไปไม่ถึงเป้าหมายที่วาดฝันไว้ ..

ความกลัวเหล่านี้ผลักให้เรามองหาคำตอบจาก "ข้างนอก" อยู่เสมอ
เราเฝ้าวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของคู่แข่ง เราพยายามตามทุกกระแส

และเรามองหาเครื่องมือใหม่ๆ โดยหวังว่ามันจะเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จ

แต่การทำแบบนี้ เปรียบเสมือนสถาปนิกที่พยายามออกแบบตึกให้สวยงามและสูงตระหง่าน
โดยที่ลืมตรวจสอบและออกแบบ "ฐานราก" ของตัวเองให้แข็งแรงเสียก่อน

จำเหตุการแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาได้ไหมครับ ..
นั่นแหละครับ เราอยากได้ เราเร่งรีบ เราพยายามทำให้เสร็จแม้ว่าโครงสร้างจะถูกละเลยไป
สุดท้าย ... "พัง"

เรากำลังสร้างทุกอย่างบนพิมพ์เขียวที่ผิดพลาด...
และพิมพ์เขียวที่ขาดชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดไป

ชิ้นส่วนสำคัญของโครงสร้างความสำเร็จที่มักจะหายไป ก็คือ "ตัวของเราเอง" ครับ

เราหลีกหนีที่จะยอมรับจุดอ่อน เรามองข้ามที่จะพัฒนาจุดแข็ง
และเราไม่กล้าที่จะสื่อสารตัวตนที่แท้จริงออกมา
เพราะเราถูกความกลัวบดบังจนมองไม่เห็นว่า ...
สินทรัพย์ที่ทรงพลังและแตกต่างที่สุดที่เรามี ไม่ใช่เทคโนโลยีหรือกลยุทธ์จากภายนอก
แต่คือแก่นแท้ (Essence) และเรื่องราวที่อยู่ภายในตัวเรา

ปรัชญาของผมเชื่อเสมอว่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งคือผลลัพธ์ของการออกแบบกระบวนการคิดเชิงโครงสร้าง และโครงสร้างนั้นจะสมบูรณ์ไปไม่ได้เลยหากปราศจากศูนย์กลางที่แท้จริง

วันนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือแบรนด์ของคุณจะเดินทางมาไกลแค่ไหน
ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้บังคับให้เราทุกคนต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
และนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะได้สร้างสรรค์ทุกสิ่งขึ้นใหม่บนรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ซึ่งกระบวนการนี้สอดคล้องกับภารกิจหลักของผมเสมอ:

To Deconstruct (ถอดรหัส): เริ่มต้นจากการวิเคราะห์และถอดรหัสความซับซ้อนของ "ตัวตน" เพื่อค้นหาแก่นแท้ อย่างซื่อสัตย์และจริงใจ อะไรคือสิ่งที่คุณเชื่อ? อะไรคือคุณค่าที่คุณยึดมั่น? อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่าง?

To Design (ออกแบบ): นำแก่นแท้ที่ค้นพบ มาสร้างสรรค์และออกแบบภาพลักษณ์ วิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์ นี่คือการผสาน "ศาสตร์" ของการวางแผนเข้ากับ "ศิลป์" ของการสร้างสรรค์ เพื่อให้ตัวตนของคุณไม่ได้เป็นแค่แนวคิด แต่เป็นภาพที่ชัดเจนและจับต้องได้

To Build (สร้างให้เกิดขึ้นจริง): ชี้นำและลงมือทำอย่างมีเป้าหมาย เพื่อเปลี่ยนวิสัยทัศน์นั้นให้กลายเป็นความจริงที่สง่างาม ผ่านการสื่อสาร การกระทำ และผลงานที่สะท้อนตัวตนใหม่อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับผมนะครับ ... คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คนอื่น แต่คือตัวเราในเวอร์ชันที่ไม่ยอมรับความจริงและหยุดพัฒนาตัวเอง ในทางกลับกัน พันธมิตรที่ทรงพลังที่สุดก็คือตัวเราในเวอร์ชันที่เข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งและกล้าที่จะแสดงมันออกมา

หยุดมองหาคำตอบจากข้างนอก แล้วหันกลับมาสร้างพิมพ์เขียวจากข้างใน เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของการ

"ออกแบบความเป็นจริง" ที่ยั่งยืนและเป็นของคุณอย่างแท้จริง

และสำหรับคนที่กำลังมองหาผู้ช่วยที่เคียงข้างคุณเพื่อการสร้างความมั่งคั่งมั่นคงและการเติบโต
สามารถ นัดคิวพูดคุยและสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นได้ก่อนนะครับ 15 นาที (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
ถ้าเป็นเรื่องของความสวยงาม การวางกลยุทธ์การสื่อสารตัวตน
หรือการสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงให้กับแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแฟชั่นและความงาม
ผมสามารถช่วยคุณได้อย่างแน่นอนครับ ..

สามารถสอบถามได้ที่ 064-595-9966 คุณลูกหมี

#ที่ปรึกษาภาพลักษณ์ #ที่ปรึกษาแบรนด์ #แบรนด์แฟชั่น #สร้างแบรนด์ #วางกลยุทธ์

เคยไหมครับ...ที่เจอคำพูดตรงๆ จนใจเจ็บ?คำพูดที่จริงใจและตรงไปตรงมา เปรียบเสมือนดาบสองคมครับด้านหนึ่งคือ "ของขวัญ" ที่ช่วย...
14/07/2025

เคยไหมครับ...ที่เจอคำพูดตรงๆ จนใจเจ็บ?

คำพูดที่จริงใจและตรงไปตรงมา เปรียบเสมือนดาบสองคมครับ
ด้านหนึ่งคือ "ของขวัญ" ที่ช่วยให้เราเติบโต แต่อีกด้านก็อาจเป็น "อาวุธ" ที่สร้างบาดแผลลึกๆ ในใจได้เช่นกัน

ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าการกล้าบอกความจริงกันเป็นสิ่งที่มีค่า
แต่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้ว่า "อะไรที่พูด" ไม่สำคัญเท่า "พูดอย่างไร"

วันนี้ผมอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจทั้งสองด้านของดาบเล่มนี้กันครับ

เมื่อเราเป็น 'ผู้รับ'

ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อเจอคำพูดแรงๆ ตรงๆ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือความเจ็บ, จุก,
หรือความรู้สึกอยากปกป้องตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากครับ
หากคุณกำลังเจอสถานการณ์แบบนั้น ลองทำตาม 3 ขั้นตอนนี้ดูนะครับ

1. ยอมรับความรู้สึกตัวเองก่อน: ไม่ต้องรีบปฏิเสธหรือโต้ตอบครับ
ให้ยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองก่อน "โอเค...ตอนนี้เราเสียใจนะ"
หรือ "เรากำลังโกรธ" การยอมรับความรู้สึก คือก้าวแรกที่ทำให้เรามีสติและควบคุมสถานการณ์ได้

2. มองหา 'ของขวัญ' ที่ซ่อนอยู่: เมื่อมีสติแล้ว ลองถามตัวเองอย่างเป็นกลางว่า
"ในคำพูดที่ฟังดูเจ็บปวดนั้น... มี 'ความจริง' ที่เป็นประโยชน์กับเราซ่อนอยู่บ้างไหม?"
บางทีอาจมีเพียง 10% ที่เป็นความจริง แต่ 10% นั้นอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราพัฒนาไปอีกระดับก็ได้ครับ

3. สุดท้าย...เราเป็นคนเลือก: เรามีสิทธิ์เลือกเสมอครับ ที่จะ "เลือกเก็บสิ่งที่เป็นประโยชน์ และทิ้งส่วนที่เป็นอารมณ์ของผู้พูดไป" เราไม่จำเป็นต้องแบกรับความรู้สึกแย่ๆ จากน้ำเสียงหรือคำพูดที่ไม่ดีของใคร แต่เราเลือกที่จะหยิบเอาแก่นที่เป็นประโยชน์มาใช้พัฒนาตัวเองได้

ศิลปะการพูดตรงๆ ทำอย่างไรให้เป็น 'ของขวัญ' ไม่ใช่ 'อาวุธ'

ในทางกลับกัน หากเราต้องเป็นคนพูดเอง การพูดตรงๆ อย่างมีคุณภาพและไม่ทำร้ายใคร
ถือเป็นทักษะที่สูงค่าและจำเป็นอย่างยิ่งครับ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ

1. เจตนาที่ดี (Intention): ก่อนจะพูด ลองถามใจตัวเองก่อนว่า "เราพูดเพื่อช่วยให้เขาดีขึ้น หรือเพื่อระบายความหงุดหงิดของตัวเอง?" คำพูดที่มาจากความหวังดีอย่างแท้จริง จะมีพลังงานที่สร้างสรรค์และผู้ฟังจะสัมผัสได้เสมอ

2. โฟกัสที่การกระทำ (Action): นี่คือจุดที่คนส่วนใหญ่พลาดครับ คือการพูดถึง "ตัวตน" แทนที่จะเป็น "การกระทำ"
* แบบทำร้าย: "คุณเป็นคนไม่ละเอียดรอบคอบเลย" (ตัดสินที่ตัวตน)
* แบบสร้างสรรค์: "ผมสังเกตว่ารายงานชิ้นนี้ยังขาดข้อมูลสำคัญอยู่นะครับ เรามาช่วยกันดูอีกทีดีไหม?" (พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมช่วยเหลือ)

3. ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy): พูดความจริง...แต่พูดด้วยความห่วงใย การแสดงออกว่าเราเข้าใจและยังอยู่ข้างเขา จะทำให้คำพูดที่ตรงไปตรงมานั้นนุ่มนวลขึ้น และเปลี่ยนจาก "การตัดสิน" ให้กลายเป็น "การปรึกษาหารือ" ที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดี

สุดท้ายนะครับคนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่คนที่ไม่เคยเจ็บปวดจากคำพูดของใคร
แต่คือคนที่สามารถเปลี่ยนคำพูดเหล่านั้น...ให้เป็นบันไดสู่การเติบโตของตัวเองได้

และคนที่น่าเคารพที่สุด ก็คือคนที่สามารถมอบความจริงให้ผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์และเปี่ยมด้วยความเมตตาครับ

แล้วคุณละครับ...

คุณเคยได้รับ "ของขวัญ" หรือ "อาวุธ" จากคำพูดตรงๆ บ้างไหมครับ?

แล้วคุณมีวิธีรับมือกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไร?

มาแลกเปลี่ยนมุมมองกันนะครับ เรื่องราวของคุณอาจเป็นกำลังใจและบทเรียนให้ใครอีกหลายคนได้ครับ

#ความมั่นใจ #สร้างเส่นห์ #พัฒนาตัวเอง #คุณธีร์ #สื่อสารผ่านภาพลักษณ์

ขอขอบคุณสาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ให้เกียรติเชิญมาบรรยายในหัวข้อ Pe...
13/07/2025

ขอขอบคุณสาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ให้เกียรติเชิญมาบรรยายในหัวข้อ Personal Style Expert "Dress for Success : สำเร็จได้ด้วยภาพลักษณ์"

ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าประทับใจในการได้ถ่ายทอดแนวคิดเรื่อง "ภาพลักษณ์" ให้กับนักศึกษาผู้มากความสามารถ และมีความตั้งใจที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวสู่เส้นทางความสำเร็จอย่างมั่นใจครับ

#คุณธีร์ #ภาพลักษณ์

เคยสงสัยไหมครับ ว่าทำไมผ้าที่ดูสบายๆ อย่าง "ลินิน" ถึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่ไร้กาลเวลา (Timeless Luxury) ในหม...
09/07/2025

เคยสงสัยไหมครับ ว่าทำไมผ้าที่ดูสบายๆ อย่าง "ลินิน"
ถึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่ไร้กาลเวลา (Timeless Luxury) ในหมู่คนมีรสนิยมทั่วโลกได้?
ความลับไม่ได้อยู่ที่เนื้อผ้าเพียงอย่างเดียวครับ... แต่อยู่ในรายละเอียดของการสวมใส่ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไป วันนี้ผมจะมา ถอด ให้ดูครับ

คู่มือการใส่ลินินให้ดูแพงในอากาศร้อน

นี่คือคำถามที่ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยนึกสงสัยในใจครับ ผ้าลินิน (Linen) คือสัญลักษณ์ของความสบายในฤดูร้อนที่ทุกคนคุ้นเคย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นหนึ่งในเครื่องแบบที่สะท้อนรสนิยมและความเข้าใจในสไตล์ได้อย่างลึกซึ้งที่สุด ความหรูหราของลินินไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และไม่ได้มาจากป้ายราคาครับ แต่มันคือผลลัพธ์ของ "สไตล์" (Style) ที่เริ่มต้นจากการเข้าใจแก่นแท้ของมัน

Pt. I: The Fiber - 'ตัวตน' ของเส้นใย
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจธรรมชาติของลินินก่อนครับ หัวใจของมันไม่ใช่แค่ความสบาย แต่คือ

'โครงสร้าง' ที่ซ่อนอยู่ในความไม่สมบูรณ์แบบของเส้นใย

ลินินทำมาจากเส้นใยของต้นแฟลกซ์ (Flax) ซึ่งมีความยืดหยุ่นต่ำมาก นี่คือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าทำไมมันถึงยับง่าย และนี่คือ "ความจริง" ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นข้อด้อย
แต่สำหรับในโลกของสไตล์ชั้นสูงแล้ว รอยยับตามธรรมชาติ (Natural Wrinkles) คือ
"ลายเซ็น" ที่บอกว่าคุณกำลังสวมใส่เส้นใยธรรมชาติคุณภาพสูง


ดังนั้น เป้าหมายของเราไม่ใช่การพยายามทำให้ลินินไม่ยับ แต่คือการ "ควบคุม" รอยยับเหล่านั้นให้อยู่ใน "กรอบ" ที่สง่างาม

Pt. II: The Silhouette ของการตัดเย็บ
เสน่ห์ของลินินจะถูกปลุกขึ้นมา...เมื่อเจอกับ 'การตัดเย็บที่คมกริบ' (Sharp Tailoring) เท่านั้นครับ

ลองจินตนาการตามนะครับ เสื้อเชิ้ตลินินที่ตัดเย็บไม่ดี เมื่อสวมใส่แล้วจะดูย้วย
ยับย่นสะเปะสะปะ และไม่มีทรง แต่ในทางกลับกัน เบลเซอร์ลินินที่ผ่านการออกแบบโครงสร้าง (Framework) มาอย่างดี จะทำหน้าที่เหมือน "โครงสร้างของอาคาร" ครับ

โครงสร้างช่วงบ่าและไหล่ (Shoulder Line): ต้องมีความคมชัดและพอดีตัว ทำหน้าที่เป็น "เสาหลัก" ที่กำหนดรูปทรงของเสื้อผ้าทั้งตัว
ช่วงเอว (Waist Definition): การเข้ารูปเล็กน้อยจะช่วยสร้างมิติและทำให้ Silhouette ดูสง่างามขึ้น ไม่ดูเทอะทะ

การเข้าแขนและปลายขา (Sleeves & Hemlines): ต้องมีความยาวที่พอดีและตัดเย็บอย่างประณีต เพื่อเป็น "จุดจบ" ของเส้นสายที่สมบูรณ์
โครงสร้างเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็น "กรอบ" ที่บังคับให้ความยับของลินินเกิดขึ้นในทิศทางและตำแหน่งที่สวยงามตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย
สร้างเป็น Texture ที่น่ามอง ไม่ใช่ความยับย่นที่ดูรกรุงรังครับ

Pt. III: The Pairing - 'ศิลปะ' ของการประกอบสร้าง
เมื่อเรามีชิ้นงานลินินที่มีโครงสร้างดีเยี่ยมแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการประกอบสร้างลุค นั่นคือ

"การสร้างสมดุลระหว่างวัสดุ" (Material Balancing)

เคล็ดลับคือการจับคู่ลินินที่มีความ Relaxed ในตัว กับไอเทมที่มี 'โครงสร้าง' แข็งแรงและชัดเจน เพื่อสร้าง Contrast ที่น่าสนใจและยกระดับลุคโดยรวมครับ

For Business Casual Look: ลองสวมเบลเซอร์ลินินสีครีม (Off-White) ทับเสื้อยืดคอกลมสีขาวสะอาดตา คู่กับกางเกงสแล็คผ้าวูล (Worsted Wool) สีเทา (Pencil Grey) ที่มีจีบคมกริบ ความเรียบและทิ้งตัวของผ้าวูลจะช่วย "ถ่วงดุล" ความสบายๆ ของลินินได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ

For Weekend Look: เปลี่ยนจากเบลเซอร์มาเป็นเสื้อเชิ้ตลินินแขนยาวสีมอคค่า (Warm Mocha) พับแขนขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ สวมคู่กับกางเกงยีนส์ Selvedge สีเข้มที่แข็งเป็นทรง หรือกางเกง Chino ที่รีดจนเป็นสันคมชัด พร้อมรองเท้าหนัง Loafers ที่มีทรงชัดเจนเพื่อเป็น "ฐาน" ที่มั่นคงให้กับลุค

The Anchor Accessory: อย่าลืม "สมอ" ของลุคครับ เข็มขัดหนังที่มีหัวเข็มขัดเรียบๆ หรือนาฬิกาที่มีหน้าปัดสะอาดตา จะเป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่ช่วยเสริมความรู้สึกของ "โครงสร้าง" และความใส่ใจในรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
ที่สุดแล้ว... ลินินจะดูหรูหราและสง่างามได้ ก็ต่อเมื่อถูกสวมใส่ภายใต้กรอบของ

'โครงสร้างที่แข็งแรง' ครับ

ความหรูหราที่แท้จริงไม่ใช่การพยายามลบรอยยับให้หมดไป แต่คือการ "เข้าใจ" ธรรมชาติของมัน และ "ควบคุม" มันด้วยสถาปัตยกรรมของการตัดเย็บและศิลปะของการประกอบสร้างลุค นี่คือจุดที่แฟชั่นกลายเป็นศาสตร์ คือจุดที่สไตล์ถูกยกระดับด้วยสติปัญญาครับ

05/07/2025
1 เดือน…ที่เปลี่ยนสิ่งที่ค้างมาปีครึ่งให้จบลงได้เรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะแชร์ คือผมสามารถเคลียร์สิ่งที่ค้างคามากว่า 1 ปีครึ...
01/07/2025

1 เดือน…ที่เปลี่ยนสิ่งที่ค้างมาปีครึ่งให้จบลงได้

เรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะแชร์ คือ
ผมสามารถเคลียร์สิ่งที่ค้างคามากว่า 1 ปีครึ่ง ให้เสร็จได้ในเวลาแค่ 1 เดือน

ฟังดูเหมือนจะเร็วใช่ไหมครับ?
แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ "เวลาว่าง" หรือ "แรงฮึด"
แต่มาจากแค่ “มายด์เซ็ตเดียว” ที่ผมเปลี่ยน…

“เราต้องพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น และทำงานให้ชาญฉลาด ไม่ใช่แค่ขยัน”

❝ Work Smart > Work Hard ❞

การพยายามไม่ใช่คำตอบเสมอ
ผมเคยใช้ชีวิตแบบฝืนเยอะ ขยันเยอะ ทำเยอะ…
แต่ไม่มีอะไรเสร็จจริงจัง
จนผมเข้าใจว่า:
“สิ่งที่สำคัญกว่าการลงแรง คือการเลือกให้ถูกว่าจะลงแรงตรงไหน”

❝ ชีวิตที่ดี เริ่มจากความเชื่อ ❞

ชีวิตมันต้องมี “ความเชื่อ” หลายอย่างผสมกัน

ความเชื่อมั่นในตัวเอง

ความเชื่อในจังหวะชีวิต

ความเชื่อในความหวัง

เพราะถ้าคุณไม่เชื่ออะไรเลย…
สุดท้ายคุณจะรู้สึกว่า

“ไม่มีอะไรเป็นไปได้เลย”

ผมใช้เวลาแค่ 1 เดือนครับ
เพื่อทบทวนว่า..

อะไรคือสิ่งที่ผมควบคุมได้
และอะไรคือสิ่งที่ไม่ควรถือไว้ต่อไป

❝ โฟกัสในสิ่งที่ควบคุมได้เท่านั้น ❞

ผมเลือก “วาง” เรื่องเหล่านี้ลงครับ:

มุมมองของคนอื่น

ความคาดหวังของคนอื่น

ความคิด ความศรัทธา ความเป็นเขา

แล้วผมก็เลือก “ถือไว้” แค่สิ่งที่ควบคุมได้นั่นก็คือ

วิธีคิดของตัวเอง

การวางระบบชีวิต

การพูดคุยกับตัวเอง

และ…การรักตัวเองให้มากขึ้น

❝ ถ้าคุณแคร์คนอื่น…คุณต้องแคร์ตัวเองให้มากกว่าด้วย ❞

ผมเคยถามตัวเองว่า “หรือเราไม่แคร์คนอื่น?”
แต่จริงๆ แล้วคนที่แคร์คนอื่นมักจะมีแนวโน้มที่จะ “ลืมแคร์ตัวเอง” ไปโดยไม่รู้ตัว

คุณให้เวลากับคนอื่นได้
แต่ห้ามลืมให้ “เวลาอยู่กับตัวเอง”
ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาแค่ภายนอก
แต่เพื่อเคลียร์ “ขยะในใจ” ที่สะสมมาเรื่อยๆ

❝ ผมวางโครงสร้างใหม่ให้ชีวิตแล้วครับ ❞

เดือนที่ผ่านมา ผมใช้เวลาไม่ใช่แค่ “ลงมือทำ”
แต่ “วางแผน วางระบบ และวางเส้นทางอนาคต”
และผมจะค่อยๆ แชร์มันกับทุกคนในเดือนนี้

❝ กลับมาครั้งนี้...ไม่ใช่แค่เรื่องแต่งตัวอีกแล้ว ❞

ไม่รู้ว่ายังมีใครคิดถึงกันอยู่บ้างไหม
แต่ผมจะกลับมา
ให้มากกว่าการแต่งตัว
มากกว่าความสวยงาม
แต่เป็น การแชร์มุมมอง ความเชื่อ และคุณค่าที่จะทำให้เราเติบโตไปด้วยกัน

เพราะผมเชื่อว่า…
"ทุกสิ่งบนโลกนี้ เริ่มต้นจากความเชื่อในตัวเอง"
และ "จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง คือการเห็นคุณค่าตัวเอง"

สีไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่คือ “ภาษาภาพลักษณ์” ที่สื่อสารตัวตนได้ทรงพลังในโลกของแฟชั่นและสายงานครีเอทีฟ สีที่ใช่เท่า...
21/06/2025

สีไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่คือ “ภาษาภาพลักษณ์” ที่สื่อสารตัวตนได้ทรงพลัง
ในโลกของแฟชั่นและสายงานครีเอทีฟ สีที่ใช่เท่ากับการสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

ผมขอบคุณครูกรีน นิธิวัชร์ และThe Modern Melody Studio ที่ให้โอกาสผมได้มีส่วนร่วมในSection ดีๆที่สนุกแบบนี้ และขอบคุณองค์กร LINE Thailand ที่ได้จัด Work shop ให้กับทีมงานและทำให้ผมได้มีโอกาสมาแชร์เรื่องราวของการแต่งตัวและการเลือกใช้สีต่างๆ เพราะการเข้าใจ “สีที่ใช่” มันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่คือ กลยุทธ์ในการนำเสนอตัวตนอย่างมืออาชีพ รวมถึงการให้คำปรึกษาแบบไพรเวทกับทุกคนในงาน

แม้สีจะไม่ใช่ทั้งหมดของการแต่งตัวแต่การเข้าใจ Personal Color คือการเพิ่มเครื่องมือสำคัญให้กับการสื่อสารผ่านรูปลักษณ์อย่างมืออาชีพทั้งในชีวิตประจำวันและในการทำงานได้เช่นกันครับ

#คุณธีร์ #สื่อสารผ่านภาพลักษณ์

พื้นที่ว่าง…คือของขวัญของชีวิตถ้าไม่หยุด…ก็จะไม่ได้ว่างถ้าไม่ว่าง…ก็ไม่มี “ช่องว่าง”และถ้าไม่มีช่องว่าง…ก็ไม่มีที่วางให้...
20/06/2025

พื้นที่ว่าง…คือของขวัญของชีวิต

ถ้าไม่หยุด…ก็จะไม่ได้ว่าง
ถ้าไม่ว่าง…ก็ไม่มี “ช่องว่าง”
และถ้าไม่มีช่องว่าง…ก็ไม่มีที่วางให้กับ “สิ่งที่ขาดหายไป”

หลายคนคิดว่าชีวิตที่ดี คือชีวิตที่ต้องยุ่ง
แต่ในความเป็นจริง
ชีวิตที่ดี…ไม่จำเป็นต้องวุ่นวาย
ชีวิตที่ productive…ไม่ใช่ชีวิตที่ต้องแน่นตลอดเวลา

ผมเคยเป็นคนที่ภูมิใจว่า ยิ่งยุ่ง…ยิ่งมีคุณค่า

ตอนทำงานต่างประเทศ
ผมทำงานหนักมาก จนรู้สึกว่า “นี่แหละ คนจริง”
แต่ที่ไหนได้ครับ…
เจ้านายกลับเรียกไปคุย พร้อมเตือนว่า

“คุณทำงานไร้ประสิทธิภาพนะ”

บทเรียนที่เปลี่ยนชีวิตผมตลอดไป

เจ้านายสอนผมว่า...

คนเก่งจะไม่ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่

คนเก่งจะไม่ใช้ทั้งวันแก้ปัญหาที่ควรถูกออกแบบไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก

คนเก่งจะเอาเวลาไป monitor ระบบที่เขาออกแบบไว้
ไม่ใช่ไปจมอยู่กับการดับไฟรายวัน

และสิ่งที่ผมเข้าใจจากประโยคนี้ก็คือ...

คนที่ต้องแก้ปัญหาซ้ำๆ ไม่ใช่คนขยัน
แต่คือคนที่ออกแบบชีวิตไม่ละเอียดพอ

“ความว่าง” ที่ผมเพิ่งได้เจอ...คือคำตอบ

พอผมมี “เวลาให้ตัวเอง” มากขึ้น
ผมได้ทบทวน ได้หายใจ ได้คิด
และได้รู้ว่า…

ความว่างที่หลายคนกลัว
จริงๆ แล้วอาจเป็นช่องว่างเดียวที่พาเราไปเจอ “ความเต็ม” ที่แท้จริง

ผมตั้งใจจะจัด Session เล็กๆเร็วๆนี้ครับ

เพื่อมาแชร์เรื่องแบบนี้กับทุกคน
ไม่ใช่เพราะผมเก่งกว่าใคร

แต่เพราะผมได้บทเรียนนี้มาในจังหวะที่ชีวิตกำลัง “เบา”
และผมอยากให้ทุกคน...
มีความสุขกับชีวิตที่ “ไม่ต้องยุ่ง” ก็มีคุณค่าได้

เอาไว้ผมจะมาอัพเดทให้ทุกคนทราบนะครับ

เมื่อคุณเสียบางอย่าง…คุณจะได้บางอย่างเสมอช่วงนี้ผมกลับมาออกกำลังกายจริงจังจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ ชอบใช้ “กำลังกาย” มากกว่...
18/06/2025

เมื่อคุณเสียบางอย่าง…คุณจะได้บางอย่างเสมอ

ช่วงนี้ผมกลับมาออกกำลังกายจริงจัง
จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ ชอบใช้ “กำลังกาย” มากกว่ากำลังสมอง
แต่ในช่วงเวลาที่ต้องสร้างตัว สร้างงาน สร้างชีวิต
ผมใช้ “สมอง” หนักมาก...
จนไม่มี “แรง” เหลือให้ร่างกายเลย

สิ่งที่ผมหายไปไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อหรือแรง
แต่คือ การได้อยู่กับตัวเองแบบจริงจัง
การได้ฟังเสียงหายใจของตัวเอง
การได้กลับมา “รักษาสัญญากับตัวเอง” อีกครั้ง

การออกกำลังกาย…ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ

ตรงกันข้ามเลยครับ
มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้ผม “รักตัวเองแบบที่ไม่ต้องพูดเยอะ”
คุณรู้ไหมว่าผมได้อะไรจากการกลับมาออกกำลังกาย?

ร่างกายที่ดี ที่พาผมไปเจอเรื่องดีๆ

สุขภาพที่มั่นคง ที่ทำให้ผมยืนอยู่กับเป้าหมายได้นานขึ้น

ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพราะหุ่นดี
แต่เพราะผมได้ทำตาม “วินัย” ที่ผมตั้งไว้จริงๆ

วินัยคือการรักตัวเองในระยะยาว

มันคือการที่คุณ “ไม่หักหลังตัวเอง”
คือการที่คุณ “รักษาสัญญา” ที่ให้ไว้กับตัวเอง
ไม่ใช่แค่ในวันที่สบาย
แต่โดยเฉพาะในวันที่ขี้เกียจ เหนื่อย หรือไม่มีอารมณ์จะทำ

สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยน…เพราะร่างกายเราเปลี่ยน

พอผมกลับมาออกกำลังกาย
ผมได้เจอ “คนที่มีวินัย”
ได้อยู่ในพื้นที่ของคนที่ “ลงมือทำ” ไม่ใช่แค่พูด
ได้แรงบันดาลใจจากคนที่ “รักตัวเอง” โดยไม่ต้องโอ้อวด
สิ่งเหล่านี้...เปลี่ยนพลังงานในใจผมโดยไม่รู้ตัวเลยครับ

บางอย่างอาจต้องเสีย…แต่สิ่งที่ได้กลับมายิ่งใหญ่มาก

ในช่วงเวลาที่คุณกำลังสร้างชีวิต
บางอย่างอาจหายไป
และสำหรับผม… สิ่งที่หายไปคือ "เวลาให้ตัวเอง"

แต่วันนี้ผมเลือกกลับมา
ไม่ใช่แค่เลือก “ออกกำลังกาย”
แต่ผมเลือก “ตัวเอง”
ในเวอร์ชั่นที่ ไม่เดือดร้อนใคร
ไม่ต้องออกกำลังกายจนลืมเป้าหมาย
แค่พอดี แค่พอใจ แค่เพียงพอสำหรับใจตัวเอง

สุดท้าย...

ไม่ใช่ทุกคนต้องชอบออกกำลังกาย
ไม่ใช่ทุกคนจะอินกับเรื่องนี้
แต่ถ้ามันคือ “สิ่งที่คุณรัก”
ขอให้คุณทำมันแบบไม่ต้องรอใครมาเข้าใจ

เพราะแค่คุณ “อิ่มใจ” กับมัน... มันก็มากพอแล้ว

บางที...คนที่คิดว่าตัวเองฉลาด อาจกำลังหลอกตัวเองอยู่เงียบๆผมมีความรู้สึกหนึ่งที่ผุดขึ้นมาชัดมากในช่วงที่ผ่านมามันไม่ใช่เ...
15/06/2025

บางที...คนที่คิดว่าตัวเองฉลาด
อาจกำลังหลอกตัวเองอยู่เงียบๆ

ผมมีความรู้สึกหนึ่งที่ผุดขึ้นมาชัดมากในช่วงที่ผ่านมา
มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่มัน “คม” ขึ้น
และอยากเล่าให้คุณฟังแบบไม่ต้องคิดอะไรมากนะครับ

บางคนกระทำบางอย่าง เพราะคิดว่าตัวเองฉลาด
โดยลืมไปว่า… คนอื่น “รู้” แต่แค่ “ไม่พูด”

-

ผมยอมรับว่า ผมไม่ใช่คนดีนัก เป็นคนกวน เป็นคนเกรียนเลยคนนึง

ต้องยอมรับว่า ผมไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ
และผมก็ไม่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร
แต่สิ่งที่ผมทำผิดมาตลอดคือ

"การแกล้งไม่ฉลาด"
เพราะคิดว่า... ถ้าเราไม่อวดดี คนจะเข้าใจเราเอง และไม่รู้สึกอึดอัด

ผิดครับ
ผมวาง Position ของตัวเองผิด
ไม่อยากให้คนรังเกียจ ก็เลยไม่อยาก “ดูฉลาด”
แต่สุดท้าย... กลับถูกใช้ และถูกเอาเปรียบ

เจออพไรแบบนี้เหมือนกันไหมครับ??
-

ความย้อนแย้งคือ... อย่าทำตัวโง่เพื่อถ่อม

แต่ก็อย่าทำตัวฉลาดเพื่อยกตัว

ไม่ต้องอวดอะไรทั้งนั้น
แต่จงรู้ว่าใครกำลังทำอะไรกับคุณอยู่

ผมไม่สามารถ “คุยกับทุกคนพร้อมกันได้”
เพราะเวลาผมคุยกับใคร ผม ใช้ทั้งใจและ Sense
และใช้สมอง ในการวิเคราะห์

และนั่นแหละ... คือสิ่งที่ผมเครียด
เพราะผมรู้ว่าแต่ละคน “คิดอะไรอยู่”
โดยที่เขายังไม่พูดออกมา

-

หลายคนเดินเข้ามาขอให้ผมช่วย

ผมก็ช่วย... ไม่คิดอะไร
จนกลายเป็นวัฒนธรรมว่า

"เขามาขอ ผมต้องให้"
เพราะผม “เคย” เป็นคนแบบนั้น

แต่เอาจริงๆนัครับ ผมรู้แหละครับว่า
บางคนไม่ได้มาด้วยความหวังดี
แต่มา “ด้วยเทคนิค”

เทคนิคพูดให้ดูจริงใจ

เทคนิคขอแบบมีจิตวิทยา

มันเป็นเทคนิคที่โลกนี้หาอ่านได้ในหนังสือแค่ไม่กี่เล่ม

ผมมีหนังสือจิตวิทยาแบบนี้เกือบ 15 เล่ม
เพราะงั้นไม่ต้องมาเทคนิคกับผมครับ... ผมรู้หมด
แค่ผม “ไม่พูด” และ “ให้โอกาส”

สำหรับผมความเป็นมนุษย์ ไม่ต้องใช้เทคนิคหรอกนะครับ มนุษย์ทำได้ดีกว่านั้น คือ ..

" ความจริงใจ " และ " ความรัก "

-

ผมมี 3 เทคนิคจิตวิทยามืด ที่ใช้เอาเปรียบผู้อื่น (และคุณควรระวัง)

1. การทำให้รู้สึกผิด (Guilt-tripping):
ทำให้คุณรู้สึกว่า “ไม่ช่วยไม่ได้” ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ

2. การปั้นภาพตัวเองให้เป็นคนดี (Virtue Signaling):
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วแทรกความต้องการของเขามาเงียบๆ

3. การใช้คำว่า “แค่ขอเวลานิดเดียว” หรือ “เล็กน้อยเอง” เพื่อขยายขอบเขตของคุณเรื่อยๆ (Boundary Invasion):
ยิ่งปล่อย ยิ่งรุกล้ำ จนคุณไม่เหลือพื้นที่เป็นของตัวเอง

-

ผมไม่อยากให้ใครต้องรู้สึกแบบที่ผมเคยรู้สึก

ความเจ็บบางอย่างมันไม่ได้มาจากการ “โดนทำร้าย”
แต่มาจากการที่เรารู้หมดทุกอย่าง
แต่เลือกเงียบ เพราะหวังว่า “เขาจะกลับใจ”

ผมสิ้นสงสัยแล้วครับ
ว่าทำไมบางคนถึงอยู่ยาก
เพราะเขาไม่มี “ศิลปะของการอยู่ร่วมกับคนอื่น”
และเขาไม่เคยเชื่อว่า คนอื่น “ดูออก”

ผมพูดจากหัวใจเลยนะครับ
โลกนี้ จะได้อยู่จริงๆได้ยังไง
ถ้าทุกคนเลือกที่จะเป็นแบบนี้ ไปเสียทั้งหมด

ผมขอลาขาดครับ
ถ้าจะมาแบบนี้กับผม อย่าหาว่าผมใจร้ายที่ผม เดินหนี และปฏิเสธเลยนะครับ
-

สุดท้ายนี้...

ผมแค่จะบอกว่า ..

คุณควบคุมคนอื่นไม่ได้ แต่คุณควบคุมใจตัวเองได้
ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมด
แต่ลองย้อนดูในชีวิตตัวเองว่า

เคย “รู้” แบบที่ผมรู้ไหม
แค่ไม่ได้พูดออกไป... เท่านั้นเอง

ผมรักและเป็นห่วงทุกท่านนะครับ
แล้วว่าตอนนี้ในเพจนี้อาจจะไม่ได้มีสาระให้ตาม
ผมมีแค่ประสบการณ์ในชีวิตผมครับ ที่พอจะแบ่งปันได้ หวังว่าจะชอบกันนะครับ

รัก จากคุณธีร์

บางครั้ง...การหยุดทำสิ่งเดิม อาจทำให้เราเจอ "ตัวเอง"ขณะนั่งกินข้าวอยู่ดีๆผมก็นึกขึ้นมาว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ผมหยุดทำอะไ...
13/06/2025

บางครั้ง...การหยุดทำสิ่งเดิม อาจทำให้เราเจอ "ตัวเอง"

ขณะนั่งกินข้าวอยู่ดีๆ
ผมก็นึกขึ้นมาว่า
เดือนนี้เป็นเดือนที่ผมหยุดทำอะไรหลายอย่าง
โดยเฉพาะสิ่งที่ผมเคยรักมากอย่าง “การทำคอนเทนต์”

ใช่ครับ…
ผมรักการทำคอนเทนต์
แต่มันมีหลายกระบวนการที่ผมทำคนเดียวไม่ได้

บางทีมันไม่ใช่แค่เรื่อง “หมดไฟ”
แต่มันคือเรื่อง “หมดแรง”
จากการแบกทุกอย่างไว้บนบ่าตัวเองตลอดสองปีที่ผ่านมา

การหยุด…ทำให้ผมหายใจ

ผมหยุดโพสต์ทุกวัน
ผมหยุดกดดันตัวเองให้ “ต้องมีอะไรให้คนดูทุกวัน”
ผมหยุดกดดันตัวเองในการสร้างรายได้
ผมหยุดการคาดหวังจากคนที่ต้องรับผิดชอบงาน

และสิ่งที่ได้กลับมาคือความโล่ง ความว่าง
และเวลาที่ผมไม่เคยมีเลย

เวลาที่ผมได้อยู่กับครอบครัว

เวลาที่ผมได้อยู่กับอนาคตของตัวเอง

เวลาที่ผมได้ “นั่งอยู่กับตัวเอง” โดยไม่ต้องคิดเผื่อใคร

ผมเคยหวังมากกับ “ความรักแบบโขยง”

ใช่ครับ ผมเป็นคนชอบมีความรัก
แต่ความรักที่ผมเคยให้ มันไปไกลถึงขั้นเอาอนาคตของตัวเองไปผูกกับใครหลายคน
ผมตั้งเป้าชีวิตเผื่อคนอื่นตลอด
และนั่นแหละ...ทำให้ผมต้องผิดหวังซ้ำๆ
ต้องกดดันตัวเอง
จนลืมไปว่า “ผมควรจะรักตัวเองให้ดีกว่านี้ก่อน”

แล้วโลกก็เล่นตลกกับผม
ทุกอย่างมันพาผมเจอความว่างเปล่าที่ทำให้ผม...คิดอะไรใหญ่กว่าเดิมได้
และทุกอย่างที่ผมกำลังทำในตอนนี้
ผมทำเพื่อตัวเอง

ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมขอแชร์เทคนิค ที่จะช่วยเช็คให้ชัด ว่าคุณกำลังทำเพื่อตัวเอง หรือเพื่อใคร?

ลองถามตัวเองว่า สิ่งที่ทำอยู่ ถ้าให้ทำแบบนี้คนเดียวทั้งชีวิต จะโอเคไหม?
ถ้าคำตอบคือไม่... แปลว่าคุณไม่ได้ทำเพื่อตัวเองจริงๆ

สิ่งที่ทำอยู่นั้น ทำให้คุณ “เหนื่อยมาก ได้ผลน้อย” หรือเปล่า?
ถ้าใช่... ถอยออกมานิดครับ คุณอาจกำลังโฟกัสผิดจุด

เป้าหมายที่ตั้งไว้ มันชัดพอจะ “ปฏิเสธสิ่งที่เบี่ยงเบนคุณออกไปได้” หรือยัง?
ถ้ายัง... ปรับเป้าให้ชัด แล้วทุกการตัดสินใจจะง่ายขึ้นมาก

ผมเรียนรู้ว่า...ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง

ผมเชื่อใน “เวรกรรม”
และผมก็เชื่อว่า
มนุษย์ทุกคนเก่งพอที่จะใช้เหตุผลเข้าข้างตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่วก็ตาม

เพราะฉะนั้น การมานั่งงัดกันว่าใครถูกใครผิด
ผมว่าเราเสียเวลาชีวิตมากเกินไป

ผมอาจจะยังไม่มั่นใจเรื่องเครื่องมือ
อาจจะยังไม่ชำนาญเท่าคนอื่นในบางเรื่อง
แต่สิ่งที่ผมมั่นใจคือ

ผมเป็นคน “หวังดีกับทุกคน” และ “เต็มที่กับทุกความสัมพันธ์”

และนั่นก็เพียงพอแล้ว
ที่จะทำให้ผมไม่ต้องสงสัยในเส้นทางของตัวเองอีก

บทความนี้ อาจไม่ได้ให้ประโยชน์กับใครได้มาก
แต่มันคือ “บทบันทึกแห่งความภาคภูมิใจ” ของผมในช่วงเวลานี้

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ
ขอให้คุณมีความสุขในทุกๆ วัน
และอย่าลืม…
ลองอยู่กับตัวเองให้มากพอ
เพื่อที่คุณจะได้ฟังเสียงของหัวใจตัวเองได้ชัดขึ้น

ที่อยู่

กทม

เวลาทำการ

อังคาร 10:00 - 17:00
พุธ 10:00 - 17:00
พฤหัสบดี 10:00 - 17:00
เสาร์ 10:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66962692946

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ธีร์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ธีร์:

แชร์