13/10/2025
เทรนด์แฟชั่นหรือความละเลย : ทำไมสนับแข้งของนักฟุตบอลจึงเล็กลงทุกวันจนแทบไร้ประโยชน์ 🛡️🦵
จากภาพถ่ายของทีมไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ที่แฮร์รี่ ฮาวเวลล์ วัย 17 ปี กำลังดีใจร่วมกับ เจมส์ มิลเนอร์ เพื่อนร่วมทีมวัย 39 ปี หลังจากที่เขาทำประตูแรกในชุดใหญ่ได้ แต่โฟกัสบนโลกโซเชียลกลับไปอยู่บนสนับแข้งของทั้งสองคนมากกว่า
มิลเนอร์ นักเตะมากประสบการณ์สวมสนับแข้งตัวเต็มแบบดั้งเดิมซึ่งมีขนาดใหญ่ เสริมด้วยแผ่นรองข้อเท้าที่หนา แต่ทางด้านเจ้าหนูฮาวเวลล์กลับมีส่วนนูนเล็กๆ บนหน้าแข้งของเขาเท่านั้นซึ่งแตกต่างกันมาก
💬 ขนาดเท่าครีมคัสตาร์ดสองอัน?, ไอพอด?, แสตมป์? หรือนั่นคือโพสต์อิท?
คอมเมนท์บางส่วนบนโลกโซเชียลที่พูดถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ถุงเท้าของแฮร์รี่ ฮาวเวลล์ วัย 17 ปี เขาไม่ใช่คนเดียวที่เจอปัญหาแบบนี้และมันกำลังนำไปสู่คำถามที่จริงจังกว่านั้น ว่าเรากำลังมาถึงจุดจบของสนับแข้งแบบดั้งเดิมแล้วหรือยัง?
ย้อนไปในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา รูปแบบของสนับแข้งที่ใช้ในวงการฟุตบอลครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1874 ซามูเอล วิดโดว์สัน กองหลังของสโมสรน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และนักคริกเก็ตของสโมสรน็อตติ้งแฮมเชอร์ ซึ่งขาหัก มีความคิดที่จะทำนับแข้งสำหรับใช้เล่นฟุตบอล และรูปแบบของสนับแข้งที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในศตวรรษต่อมา
มาถึงปี 1990 ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อฟีฟ่ากำหนดให้ใช้สนับแข้งเป็นข้อบังคับพร้อมกับการปรับปรุงกฎกติกา ว่าผู้ตัดสินจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกระดับของฟุตบอล โดยเข้าใจว่าอุปกรณ์ป้องกันควรครอบคลุม "ส่วนใหญ่ของหน้าแข้ง" ด้วยการดึงถุงเท้าคลุมไว้
การใช้สนับแข้งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงปี 1990-2000 โดยมีวัสดุใหม่ๆ ออกมา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ควบคู่ไปกับวัสดุสังเคราะห์ อย่างไรก็ตามปัจจุบันแนวโน้มนี้กำลังเปลี่ยนกลับไปสู่แนวทางที่เรียบง่ายกว่า หรือแม้กระทั่งสนับแข้งขนาดเล็กที่คลุมเพียงส่วนน้อยของหน้าแข้งนักกีฬา
ทั้งนี้กฎของฟีฟ่าระบุชัดเจนว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับ “ตัวบุคคล” เป็นหลัก ซึ่งสนับแข้งควรทำจาก “วัสดุที่เหมาะสม” และ “มีขนาดที่เหมาะสม” ก่อนที่จะเสริมว่า “ผู้เล่นต้องรับผิดชอบต่อขนาดและความเหมาะสมของสนับแข้ง”
💬 แล้วสนับแข้งป้องกันอาการบาดเจ็บของนักกีฬาได้แค่ไหน?
งานวิจัยในเนเธอร์แลนด์เมื่อปี 2015 ซึ่งวิเคราะห์การบาดเจ็บเป็นเวลา 25 ปี ตั้งแต่ปี 1986 ถึง 2010 และตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Science and Medicine in Sport พบว่าการบาดเจ็บที่ขาส่วนล่างลดลงประมาณ 20% หลังจากมีการบังคับใช้สนับแข้ง รวมถึงการบาดเจ็บที่กระดูกหักเป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บ ซึ่งมีรายงานว่าลดลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยทางวิชาการอีกสองชิ้นที่พบว่า “สนับแข้งอาจไม่สามารถป้องกันกระดูกขาหักได้” และอีกงานวิจัยหนึ่งโดยนักวิจัยชาวตุรกีในปี 2014 พบว่าการป้องกันของสนับแข้งขึ้นอยู่กับความแตกต่างกับชนิดของวัสดุ ซึ่งพบว่าสนับแข้งสังเคราะห์บางรุ่นที่วางจำหน่ายในท้องตลาดไม่ได้ให้การป้องกันแรงกระแทกสูงที่เพียงพอ และสนับแข้งที่ทำจากคาร์บอนมีประสิทธิภาพการป้องกันที่มากกว่า
จากกรณีศึกษาต่างๆ ทำให้สโมสรระดับรากหญ้าเริ่มออกกฎให้ผู้เล่นสวมสนับแข้งขนาดมาตรฐานแล้วเช่นกัน
แฮ็กเก็ตต์ ซึ่งเป็นประธานสโมสรเพนิสโตน เชิร์ช และอดีตหัวหน้าฝ่ายผู้ตัดสินในอังกฤษ เน้นย้ำว่ากระแสนิยมในวงการกีฬาอาชีพนั้นส่งผลต่อผู้ผลิต และท้ายที่สุดคือเสื้อผ้าที่เด็กๆ สวมใส่
การปรับปรุงกฎการใช้สนับแข้งในปัจจุบันจะต้องได้รับการลงมติจากคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (IFAB) ซึ่งสมาคมฟุตบอลอังกฤษเป็นสมาชิกอยู่ แต่ถึงแม้สมาคมฟุตบอลอังกฤษจะได้เผยแพร่แนวทางที่ห้ามใช้สนับแข้งขนาดเล็ก แต่ก็ไม่ได้มีกฏบังคับใช้ในทุกระดับของการแข่งขัน
💬 “เมื่อไม่มีกฏบังคับใช้ ก็ขึ้นอยู่กับผู้สวมใส่”
ฉะนั้นการเลือกใส่สนับแข้งขนาดเล็กของนักเตะยุคปัจจุบันก็อาจจะเป็นเทรนด์แฟชั่น ความสบาย หรือความถนัดส่วนบุคคล แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “ความปลอดภัย” ซึ่งนั่นอาจส่งผลถึงอนาคตการเป็นนักฟุตบอลของคุณก็เป็นได้…
#ดูพรีเมียร์ลีกที่AISPLAY #พรีเมียร์ลีก