Money Designer - นักออกแบบการเงิน

Money Designer - นักออกแบบการเงิน เพจดูแลสินค้าประกันชีวิต,ประกันสุขภาพ,ประกันโรคร้ายแรง

26/07/2025

[ ] "เกษียณ" ไม่ใช่การนอนอยู่บ้าน แต่เป็นการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ นิยามการเกษียณใหม่ ไม่ต้องรออายุ 60 แค่มีเงินมากพอ ก็เกษียณได้
คำว่าเกษียณอาจฟังดูน่าเบื่อและห่างไกลจากความคิดในหลาย ๆ คน คำว่าเกษียณในอดีตอาจหมายถึง คนสูงวัยที่เลิกทำงานและใช้ชีวิตทั้งวันอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ ด้วยคำนิยามเหล่านี้อาจทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สนใจในเรื่องวางแผนเกษียณ เพราะยังรู้สึกว่าไกลตัว แต่ถ้านิยามคำว่าเกษียณใหม่ในยุคนี้ คำว่าเกษียณหมายถึง “อิสระ” อิสระในการเลือกใช้ชีวิตที่ต้องการและงานเป็นแค่ทางเลือกว่าจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ เพราะมีเงินเก็บเพียงพอ อาจจะเกษียณตอนอายุ 40 ปี 50 ปี หรืออาจจะทำงานไปจนถึง 70 ปี เพราะยังสนุกและมีความสุขกับการทำงาน ถ้าอยากจะมีอิสระในการใช้ชีวิตและตั้งใจเริ่มวางแผนเกษียณวันนี้มีหลักการเลือกใช้เครื่องมือวางแผนเกษียณ ดังนี้
➡️ตรวจสอบเครื่องมือสำหรับเก็บเงินเกษียณ
เชื่อว่าหลายคนมีแผนในใจว่าอยากจะมีรายได้เท่าไหร่หลังเกษียณ บางคนอาจจะเริ่มคำนวณเงินก้อนที่จำเป็นต้องมีในวันเกษียณ เช่น 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท แต่หลายคนอาจสงสัยหรือไม่รู้ว่าจะเก็บเงินเกษียณไว้ที่ไหนเพื่อให้ได้เงินเกษียณอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนั้น การเลือกเครื่องมือเก็บเงินและลงทุนเพื่อเกษียณ จึงมีความสำคัญ โดยมี 3 ปัจจัยสำคัญ ดังนี้
➡️เงื่อนไขอาชีพ
เครื่องมือเก็บเงินเพื่อการเกษียณ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรสามารถลงทุนได้ทั้งหมด ยกเว้นบางเครื่องมือที่มีเงื่อนไขเรื่องอาชีพที่ต้องพิจารณาเพิ่ม
💵1. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เฉพาะข้าราชการที่สามารถลงทุนใน กบข.
💵2. ประกันสังคมมีทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ
- มาตรา 33 (ภาคบังคับ) สำหรับลูกจ้างในระบบเป็นภาคบังคับต้องส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม 5% ของเงินเดือน และสูงสุดไม่เกิน 750 บาท/เดือน
- มาตรา 39 (ภาคสมัครใจ) สำหรับลูกจ้างที่เคยประกันตนมาตรา 33 นำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนและต้องการรับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากประกันสังคม โดยส่งเงิน 432 บาท/เดือน
- มาตรา 40 (ภาคสมัครใจ) สำหรับลูกจ้างนอกระบบหรืออาชีพฟรีแลนซ์ มีทางเลือกส่งเงิน 3 ทาง ทางเลือกที่หนึ่ง 70 บาท/เดือน ทางเลือกที่สอง 100 บาท/เดือน ทางเลือกที่สาม 300 บาท/เดือน
ซึ่งแต่ละมาตราจะได้รับผลประโยชน์ที่แตกต่างกันไป
💵3. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)
สำหรับพนักงานบริษัททั่วไป เก็บเงินจากการหักเงินเดือนตามสัดส่วนที่เราต้องการ (2%-15%ของรายได้) และได้รับเงินสมทบจากนายจ้าง (2%-15%ของรายได้) อย่างไรก็ตามเงินสมทบจากนายจ้างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละบริษัทว่าจะสมทบเท่าไหร่ นอกจากนี้ Provident Fund ยังมีสิทธิประโยชน์เรื่องภาษี สามารถนำส่วนเงินสะสมไปลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือนและสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
💵4. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
เหมาะสำหรับอาชีพอิสระที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากทางภาครัฐ นักเรียน นักศึกษา ชาวไร่ชาวนา พ่อค้าแม่ค้า ฯลฯ สามารถออมเงินผ่าน กอช. ขั้นต่ำ 50 บาท/เดือน สูงสุด 1,100 บาท/เดือน และได้รับเงินสมทบจากรัฐบาล เงินออมสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาทต่อปี
➡️เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับรายได้
มีบางเครื่องมือที่ต้องพิจารณาเรื่องเกณฑ์รายได้ที่ต้องเสียภาษี จึงจะเลือกเก็บเงินผ่านเครื่องมือนี้ได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขในการลงทุน ดังนั้น ถ้ารายได้ไม่ต้องเสียภาษีก็ไม่ควรใช้เครื่องมือเหล่านี้ กองทุนรวมที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี (RMF / SSF)
💵 กองทุนสำรองเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF )
มีเงื่อนไขการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี คือ ซื้อสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 500,000 บาทเมื่อรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ( กบข. / กอช. / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / ประกันบำนาญ / SSF)
💵กองทุนการออมระยะยาว (SSF )
เงื่อนไขการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี คือ ซื้อสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 200,000 บาทเมื่อรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท ( กบข. / กอช. / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / ประกันบำนาญ / RMF)
นอกจากนี้ยังมีเครื่องอื่นๆ ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้และไม่มีบทลงโทษกรณีซื้อเกินเงื่อนไข
💵 ประกันบำนาญ ลดหย่อนสูงสุดสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท ( กบข. / กอช. / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / SSF / RMF) ประกันชีวิต/ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนสูงสุด 100,000 บาท
อายุ อายุมีส่วนสำคัญในการเลือกเครื่องมือ บางเครื่องมือสามารถซื้อได้ถึงอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี เช่น ประกันบำนาญหรือประกันสะสมทรัพย์บางแบบ นอกจากนี้สำหรับคนอายุมาก เช่น อีก 45 ปี 50 ปี ใกล้เกษียณในอีก 5 -10 ปี ต้องเลือกลงทุนในเครื่องมือที่ความเสี่ยงไม่สูงมากเพื่อไม่ให้เงินต้นขาดทุน
เครื่องมือที่กล่าวมามีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนั้น ต้องเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับอายุและความเสี่ยงที่รับได้
➡️ทำความเข้าใจสินทรัพย์การลงทุน
เครื่องมือวางแผนเกษียณแต่ละอย่างมีการลงทุนที่แตกต่างกัน ดังนั้น ต้องเรียนรู้สินทรัพย์ลงทุน (Asset Class) โดยสินทรัพย์พื้นฐานที่ควรรู้มี 5 ประเภท
💵1. เงินสด หรือเงินฝากธนาคาร
ใช้เก็บเพื่อเป็นสภาพคล่องหรือใช้เป็นเงินฉุกเฉิน ไว้ในบัญชีออมทรัพย์ธนาคาร โดยเงินฝากจะได้รับผลตอบแทนคือดอกเบี้ย
💵2. ตราสารหนี้
ถ้าให้รัฐบาลกู้ยืมเงิน เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ถ้าให้บริษัทกู้ยืมเงิน เรียกว่า หุ้นกู้ ส่วนใหญ่แล้วตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง ความผันผวนต่ำถึงปานกลาง ใช้ลงทุนเพื่อสร้างสภาพคล่องหรือลงทุนเพื่อเน้นกระแสเงินสดรับอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ คือ ดอกเบี้ยและส่วนต่างราคา
3. หุ้น
มีความเสี่ยงสูง และมีความผันผวนสูง ลงทุนเพื่อเน้นเติบโตสูงและโอกาสได้ผลตอบที่ชนะเงินเฟ้อ ผลตอบแทน คือ กำไรส่วนต่างจากราคาหุ้นและเงินปันผล
4. อสังหาริมทรัพย์
มีความเสี่ยงสูง สภาพคล่องต่ำ ลงทุนเพื่อการเติบโตของเงินลงทุนหรือสร้างกระแสเงินสดประจำจากค่าเช่า โดยสามารถลงทุนทางตรงโดยการซื้อบ้าน คอนโดหรือลงทุนทางอ้อมผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ได้เช่นกัน ผลตอบแทน คือ ส่วนต่างราคาและค่าเช่า
5. สินทรัพย์ทางเลือก
เช่น ทองคำ สินทรัพย์ที่หลายคนนิยมและมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe heaven) มักลงทุนเพื่อไว้กระจายความเสี่ยงเพราะให้ผลตอบแทนที่ดีสวนทางกับเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดี มีสภาพคล่องสูง ผลตอบแทน คือ ส่วนต่างราคา
หากรู้จักเครื่องมือให้เหมาะสมกับอาชีพ รายได้ และระยะเวลาของตัวเอง รวมถึงการเข้าใจสินทรัพย์ลงทุน จะทำให้การบริหารเงินเพื่อการเกษียณเป็นไปอย่างประสิทธิภาพมากขึ้น ย่อมส่งผลให้การวางแผนเพื่อการเกษียณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเช่นกัน
เขียนโดย: กชจุฑา เพียรวนิช ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™
#สมาคมนักวางแผนการเงินไทย #เกษียณ #วางแผนเกษียณ #วางแผนการเงิน

24/12/2024
24/06/2024

สรุปวิธีโกง ทุกรูปแบบ ในแวดวงการเงิน ที่อยู่คู่สังคมไทย /โดย ลงทุนแมน
ในประวัติศาสตร์ สังคมไทย จะมีคดีฉ้อโกงทางการเงิน ผุดขึ้นมาเป็นประเด็นร้อนอยู่เสมอ
ทั้งคดีแชร์ลูกโซ่ ไปจนถึงการหลอกลวงเงินไปลงทุนใน FOREX, หุ้น, คริปโทเคอร์เรนซี, เหมืองบิตคอยน์ ที่นำเงินไปแล้ว แต่ไม่ได้ไปลงทุนจริง

โดยในหลายคดี มีผู้เสียหายเป็นคนไทยจำนวนมาก
บางคดี มูลค่าความเสียหายรวมกันหลายพันล้าน หรือหลักหมื่นล้านบาท

แถมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง นักธุรกิจชื่อดัง ดารา ไปจนถึงยูทูบเบอร์

แล้วทุกวันนี้ เรากำลังเผชิญกับกลโกงทางการเงิน อะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ตั้งแต่เหตุการณ์ แชร์แม่ชม้อย, แชร์ชาร์เตอร์, แชร์แม่มณี, FOREX-3D, ซินแสโชกุน, ประสิทธิ์ เจียวก๊ก
ซึ่งก็เป็นหลักฐานสำคัญว่า สุดท้ายแล้วคนเราก็ยังไม่สามารถตามทันคำโกหกของผู้อื่น
ดังนั้น เพื่อเป็นการไม่ประมาท เราจึงควรรู้จักกับการโกงในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะอ้างอิงจากสารคดี Netflix “Money, Explained” ที่มีตอนย่อยชื่อ Get Rich Quick

วิธีที่แรกคือ “Advance Fee”
กลวิธีจ่ายเงินก่อน เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ทีหลัง
เป็นวิธีหลอกลวงเอาเงินก้อนหนึ่ง และหลังจากนั้นก็จะหายไปเลย
มักพบทางสังคมออนไลน์ อย่างเช่น Facebook หรือตามอีเมลที่ส่งมา

เราอาจเคยเจอกับประโยคว่า
“คุณได้รับรางวัลเงินล้าน เพียงแค่โอนเงินค่าธรรมเนียมมา รับทันที”
หรือ “คุณโอนเงินมาให้ก่อน แล้วเราจะส่งใบแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ให้ภายหลัง”
สิ่งเหล่านี้ก็คือ กลโกงแบบ Advance Fee นั่นเอง

รู้หรือไม่ว่า ถึงกลวิธีนี้จะดูแสนเชยก็ตาม แต่ยังสามารถกอบโกยได้มหาศาลทั่วทุกมุมโลก..

วิธีถัดมาก็คือ “Pump & Dump” หรือกลวิธีลากขึ้นไปเชือด
ซึ่งเป็นกลโกงยอดนิยมในปัจจุบันอย่างมาก

โดยวิธีนี้จะหลอกให้คนเข้าไปลงทุนในสิ่งที่ไม่มีค่าหรือไร้ค่า
หลังจากนั้นเหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังการโกง จะคอยปั่นราคาให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
และทยอยขายเมื่อราคาเริ่มถึงจุดที่จะไปต่อไม่รอด

ปัจจุบันมักพบเจอกลวิธีนี้ในวงการซื้อขายหุ้น รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล
โดยขั้นตอนคือ จะมีคนส่งสัญญาณปั่นราคาเข้าไปในแอปส่งข้อความต่าง ๆ เช่น Telegram เพื่อให้คนวงในเข้าไปซื้อสินทรัพย์ก่อน แล้วดันราคาให้พุ่งขึ้นสูง

หลังจากนั้นคนอื่นจะคิดว่าสินทรัพย์นี้กำลังเป็นที่นิยมและอยู่ในช่วงขาขึ้น
จึงตามเข้าไปซื้อด้วย และเวลาต่อมานี้เองที่เหล่าคนวงในจะขายทำกำไร วัฏจักรการโกงจึงสิ้นสุดลง

อีกวิธีซึ่งอยู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน
ก็คือ Ponzi Scheme หรือธุรกิจ “แชร์ลูกโซ่” แบบพอนซี

โดยชื่อนี้ตั้งตามชาร์ล พอนซี ชาวอิตาลีที่อพยพมาสหรัฐอเมริกา ในปี 1920
ซึ่งเขาอ้างกับผู้ที่มาลงทุนด้วยว่า จะได้ผลตอบแทน 50% ภายใน 45 วัน
แต่ถ้ารอถึง 6 เดือน จะได้ผลตอบแทนถึง 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงคือ เขาแค่เอาเงินของนักลงทุน
รายใหม่มาจ่ายให้รายเก่าไปเรื่อย ๆ เช่น สมมติให้ A เป็นสมาชิกก่อน B
เมื่อ B นำเงินเข้ามาลงทุน เงินส่วนนั้นก็จะถูกกระจายไปยัง A
และเมื่อ C เข้ามาเป็นสมาชิกลำดับถัดมา เงินในส่วนนี้เองก็กระจายไปยัง A และ B

ซึ่งปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่หมุนเงินในระบบ และสร้างผลตอบแทนให้กับคนที่เข้ามาลงทุนไม่ทัน นั่นจึงทำให้แชร์ลูกโซ่ล้มลงไป

เป็นกรณีเดียวกับแชร์ลูกโซ่ครั้งใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา ในปี 2008
Bernie Madoff ที่รับประกันว่านักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนปีละ 10-15%
ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วกองทุนของเขาไม่สามารถทำได้ แต่ใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่มาจ่ายรายเก่าเท่านั้นเอง

ซึ่งการฉ้อโกงส่วนใหญ่ในประเทศไทย ก็ถูกจัดอยู่ในประเภทนี้ เช่น แชร์แม่ชม้อย หรือแชร์ชาร์เตอร์

อีกรูปแบบของแชร์ลูกโซ่ จะอยู่ในรูปแบบของ Pyramid หรือธุรกิจ “แชร์ลูกโซ่” แบบเครือข่าย

รูปแบบของกลโกงนี้จะแตกต่างจากพอนซีตรงที่ว่า สมาชิกแต่ละคนจะเป็นคนหาลูกข่ายของตัวเอง เมื่อเทียบกับพอนซีจะมีผู้บงการเพียงคนที่จัดระดมทุน โดยสมาชิกในเครือจะแค่รอกำไรเข้ามา

ซึ่งทั้ง 2 วิธี จะเริ่มมีปัญหาเดียวกัน เมื่อไม่สามารถหาผู้เข้ามาร่วมในวงคนต่อไปได้

บางบริษัทที่ทำธุรกิจเครือข่ายหรือขายตรง ก็ใช้วิธีการดึงคนเข้าแบบนี้เช่นกัน
จากตอนแรกโปรโมตขายสินค้า ต่อมาก็ชวนขายของด้วยกัน

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม MLM กลับเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ?

เพราะมันมีกติกาอยู่ว่า ตราบใดที่เงินจากการขายสินค้า มากกว่าค่าธรรมเนียมการเข้า จะยังไม่ถือเป็นแชร์ลูกโซ่นั่นเอง

กรณีในประเทศไทยคือ แชร์บลิสเชอร์
ที่ถูกจัดตั้งโดยบริษัท บลิสเชอร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งให้บริการที่พักสำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกในราคาพิเศษ และหากสมาชิกรายอื่นสามารถหาคนมาสมัครสมาชิกเพิ่มได้ จะมีค่าตอบแทนด้วย

แต่เหตุการณ์ก็ต้องจบลง เมื่อพบว่าบลิสเชอร์ไม่มีที่พักของตนเองเลย บัตรสมาชิกไม่สามารถใช้งานได้จริง
สุดท้ายแล้วแชร์ลูกโซ่รายนี้ก็ล่มสลายหายไป ซึ่งสร้างความเสียหาย 800 ล้านบาท

นอกจากนั้น การมีเฉพาะกลโกงอย่างเดียว จะไม่เพียงพอสำหรับหลอกล่อให้ผู้คนเข้ามา
คนฉ้อโกงเหล่านี้จึงทำการตลาดควบคู่กันไปด้วย เช่น

Fantastic Promise คำสัญญาที่สวยหรู
“คุณสามารถสร้างรายได้มหาศาล โดยไม่ต้องสร้างสินค้าสักชิ้น”
ทำให้คนเริ่มสนใจ ด้วยวิธีการที่ดูเรียบง่าย แต่ได้ผลตอบแทนที่สูง

Compelling Story นำเสนอเรื่องราวจากดินสู่ดาว
“จากพนักงานออฟฟิศ เงินเดือน 15,000 บาท สู่การเป็นนายของตัวเองที่มีเงินเดือนเป็นล้าน”
เพื่อสร้างความหวัง ซึ่งทำให้หลายคนคิดว่าตัวเองก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

Social Proof มีหลักฐานยืนยันจากสมาชิก
“แค่ผมทำตามที่เขาสอน ผมก็สามารถจับเงินล้านได้ภายในปีเดียวเท่านั้น”
เพราะพฤติกรรมคนส่วนใหญ่มักเชื่อรีวิวจากลูกค้าด้วยกันเอง

Sense of Urgency สร้างความรู้สึกรีบร้อน
“รับสมาชิกเพียง 30 คนเท่านั้น รอบครั้งก่อนเต็มเร็วมาก สมัครด่วนหากไม่อยากพลาดโอกาส”
คำโปรยที่ส่งผลให้การตัดสินใจของเรา เน้นการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

Not a Scam การบอกว่าตัวเองไม่ใช่กลโกง
เพื่อเป็นการยืนยันให้เหล่าสมาชิกในเครือข่ายมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
แม้ความจริงจะรู้อยู่แล้ว ว่าตัวเองเป็น Scam

ซึ่งวิธีนี้นี่เอง OneCoin เคยใช้บอกกลุ่มผู้ถือเหรียญดิจิทัลของตน
ก่อนที่จะถูกจับได้ว่าเป็นเพียงแชร์ลูกโซ่เท่านั้น

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ

งานวิจัยหนึ่งที่สำรวจกลุ่มผู้เสียหายจากการโดนฉ้อโกง เพื่อหาลักษณะร่วมกันของกลุ่มคนเหล่านี้

ปรากฏว่า กลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีอะไรที่สัมพันธ์กันเลย.. ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ความฉลาด หรืออายุ

เรื่องนี้ถูกตอกย้ำจากความจริงที่ว่า แม้แต่ Stephen Greenspan ผู้เขียนหนังสือ Annals of Gullibility หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องการจับผิดกลโกง ก็ยังเคยตกเป็นเหยื่อของ Bernie Madoff แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา..

แล้วถ้าหากถามว่า กลโกงเหล่านี้ทำไมมันยังอยู่
แถมยังสามารถวิวัฒนาการตามรูปแบบของสังคม ที่เปลี่ยนไปได้มายาวนานเป็นร้อยปี จากประเทศโปเยส ยุคที่หลอกขายพื้นที่บนประเทศที่ไม่มีอยู่จริง
มาจนถึงยุคของเรา ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นเครื่องมือ

คำตอบข้อเดียว ก็คือ “ความโลภ” ของมนุษย์ที่ยังคงฝังอยู่ในทุกยุคสมัย
ทำให้มนุษย์เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่สวยหรู แม้มันเป็นเรื่องหลอกลวง

ดังนั้น ก่อนที่เราจะเข้าไปลงทุนในอะไรก็ตาม
โปรดอย่าเริ่มต้นจากการดูว่า เราจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร

จุดเริ่มต้นที่ควรจะเป็นก็คือ การลงทุนครั้งนี้
มันจะสร้างความเสียหายให้กับเรามากสุดได้เท่าไร ถ้ามันไม่เป็นความจริง..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

ที่ปรึกษาชีวิตและการเงินผู้แนะนำการลงทุน
17/11/2023

ที่ปรึกษาชีวิตและการเงิน
ผู้แนะนำการลงทุน

16/11/2023

รักการเรียนรู้
สำเร็จโดยการเป็นผู้ให้
เติบโตด้วยการแบ่งปัน

คอร์ส การวางแผนภาษี สำหรับพนักงานออฟฟิตหรือผู้ต้องการวางแผนภาษีบุคคล มาเรียนกับเรา พร้อมลงทะเบียนล่วงหน้า  #วางแผนภาษี
06/11/2023

คอร์ส การวางแผนภาษี สำหรับพนักงานออฟฟิตหรือผู้ต้องการ
วางแผนภาษีบุคคล มาเรียนกับเรา พร้อมลงทะเบียนล่วงหน้า

#วางแผนภาษี

27/10/2023

👉🏽 คำพูดที่บอกว่า “การมีเงินมีทองมากองตรงหน้าก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพคืนกลับมาได้”
เป็นคำพูดที่จริงเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะถ้าวันนี้ คุณมีเงิน หรือการวางแผนที่ดีมากพอ คุณจะสามารถให้ทางเลือกในการรักษาการมีชีวิตรอดของคนรัก คนในครอบครัวได้อย่างดีที่สุดให้กับคนที่คุณรักในวันที่เขาเจ็บป่วย
แต่ถ้าวันนี้คุณไม่มีเงินและก็ยังเลือกที่จะไม่วางแผน การมีประกันสุขภาพให้กับคนที่คุณรักมันก็เท่ากับการตัดโอกาสทางการรักษาและการมีชีวิตอยู่ของคุณที่คุณรักเช่นเดียวกัน

#บอกรักเป็นรูปธรรม ❤️

25/09/2023

🔺เงินเก็บที่ควรมีอย่างแรก
เงินออมที่จำเป็นในการเกิดเหตุฉุกเฉิน
เงินสำรองฉุกเฉินวางแผนอย่างไร?

#นักออกแบบการเงิน 💰

18/08/2023

👵🏼👴🏼 หลังอายุ 60 ไปแล้วหรือช่วงเกษียณ
ถ้าเราต้องการมีรายได้เดือนละ 30,000
และใช้ชีวิตยาวๆไปประมาณ ตามค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนทั่วไปคือ 85 ให้เอา 30,000x12 = 360,000
และคูณด้วยจำนวน 25 ปี คือ 60-85 เท่ากับว่าเราต้องเตรียมเงินอย่างน้อยๆ 9,000,000 บาท
ถ้าตอนนี้คุณอายุเท่าไรก็หารกลับไปว่าต้องเก็บอีกต่อปีเท่าไรเพื่อให้เรามีอิสรภาพในตอนเราอายุมากๆแล้วครับ ไม่เดือดร้อนใคร ไม่พึ่งพาใคร และไม่ต้องยังทำงานไปตลอด

14/08/2023

30 ไม่คิด
40 ไม่เก็บ
60 ใครจะเลี้ยง?

บอกรักแม่ด้วย 💙 #ของขวัญวันแม่
09/08/2023

บอกรักแม่ด้วย 💙

#ของขวัญวันแม่

13/07/2023

มีคำถามว่าเราควรซื้อทุนประกันชีวิตเท่าไหร่ดี?
คำตอบคือ เราต้องรู้ว่าเราต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง?
➡️1.ตัวเอง ถ้าเราตาย
ค่าใช้จ่ายครั้งสุดท้าย มีอะไรบ้าง
เช่นค่าจัดงานที่คนข้างหลังต้อง เตรียมให้กับเรา
แล้วถ้าก่อนตาย เราต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลละ เราทำอย่างไร เราคงเคยได้ยิน “คนตาย ขายคนเป็น”
➡️2.หนี้สินที่ต้องรับผิดชอบ
เราอยาก จัดการเอง หรือเปล่าเช่น หนี้บ้าน รถ เป็นต้น
➡️3.Life Style ของครอบครัว หรือคุณภาพ ชีวิต ของคนในครอบครัว เรายังให้เกิดขึ้นแบบไหน เหมือนเราอยู่ หรือ ตามยถากรรม ช่างมัน
➡️4.ทุนการศึกษาบุตร
เราจะเตรียมหรือเปล่า ถ้าเตรียม เราจะเตรียมขนาดไหน อย่างน้อย ควรจบ ปริญญาตรี
➡️5.มรดก ที่ต้องการทิ้งไว้
ให้คนข้างหลัง อยากทิ้งไว้เท่าไหร่มากแค่ไหน อันนี้เป็นความอยาก หรือจำเป็นอันนี้สุดแล้วแต่ ทั้งหมด รวมกัน 1ถึง 5 นั่นคือ ทุนประกันชีวิต ขั้นต่ำเท่าไหร่ ตอบไม่ได้
เพราะขั้นต่ำของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

Cr : กฤษณ์ ปิติมานะอารี
#สร้างชีวิตที่มั่นคงเพื่อสังคมที่ดีขึ้น
#ประกันชีวิตถูกขายให้กับคนที่รับผิดชอบ

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

0820888188

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Money Designer - นักออกแบบการเงินผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Money Designer - นักออกแบบการเงิน:

แชร์