27/12/2024
" มีงานวิจัยมากมายที่ชี้ว่าการหัดเล่นดนตรีมันคือการฝึกทักษะใหม่ ซึ่งผลต่อสมองก็คือมันเพิ่มเส้นทางไหลเวียนของสัญญาณประสาทมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือมันขยายการทำงานของสมองนั่นเอง"
" ถ้าไปอ่านงานของพวกนักมานุษยวิทยาดนตรีที่ไปศึกษาชนเผ่าในแอฟริกา คนพวกนี้ก็จะงงกับสังคมสมัยใหม่ที่คนรู้สึกเล่นดนตรีไม่เก่งเลยไม่กล้าเล่นดนตรีต่อหน้าคนอื่น เพราะสำหรับพวกเขา มันไม่มีคนเก่งหรือไม่เก่ง กิจกรรมดนตรีมันมีหน้าที่เชื่อมทุกคนในชุมชนเข้าหากัน มากกว่าที่จะเป็นลานแสดงโชว์ของยอดฝีมือคนใด"
" การเล่นดนตรีมันไม่ใช่แค่การคิดเชิงสร้างสรรค์เท่านั้น แต่มันคือการฝึกควบคุมร่างกายอย่างละเอียด "
MIND: ทำไม…เมื่อคุณยิ่งแก่
ยิ่งควรหัดเล่นเครื่องดนตรี?
สำหรับคนจำนวนมาก 'เวลาว่าง' ในวัยที่มากขึ้นๆ คือเวลาของการทำสิ่งที่คุ้นเคย น้อยคนจะมองว่าตน 'อยาก' จะทำสิ่งใหม่ๆ อย่างไรก็ดีเอาจริงๆ แล้วการหัดทำสิ่งใหม่ๆ นั้นบางทีนอกจากมันจะดีต่อกายและดีต่อใจแล้ว มันอาจดีต่อสมองด้วย และกิจกรรมที่ว่าคือการหัดเล่นเครื่องดนตรี
เราเกิดมาในยุคที่มนุษย์แบ่งงานกันทำและมุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกอย่าง และเราก็คงจะเคยได้ยินว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะฝึก 'เล่นดนตรี' คือวัยเด็กเล็กๆ เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่ทั้งสมองและร่างกายจะพัฒนาได้มาก และก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเด็กรุ่นหลังๆ ถึงเล่นดนตรีเก่งกันมาก เหตุผลคือพ่อแม่รุ่นใหม่ๆ รู้ว่าเด็กเล็กๆ มีพัฒนาการทางดนตรีเร็วมาก และฝึกให้ลูกเล่นแต่เด็ก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ยุคนี้เราจะเจอนักดนตรีชั้นเซียนแบบอายุไม่ถึง 10 ขวบมากมาย และเด็กๆ เหล่านี้ก็อาจทำให้คนที่มีอายุรู้สึกละอายจนไม่อยากเล่นดนตรีไปเลย
แต่ก็อย่าคิดแบบนั้น จริงๆ ดนตรีคือกิจกรรมทางสังคมที่มนุษย์ทั้งสังคมมีส่วนร่วมมาตลอดประวัติศาสตร์ ยุคโบราณของสังคมส่วนใหญ่มันไม่มีการแยกนักดนตรี เพราะทุกคนในสังคมก็มีหน้าที่ 'แจม' ดนตรีในกิจกรรมทางดนตรีของสังคมกันทั้งนั้น ไม่ว่านั่นจะเป็นการจะร้อง เล่น และเต้น หรือพูดง่ายๆ ถ้าไปอ่านงานของพวกนักมานุษยวิทยาดนตรีที่ไปศึกษาชนเผ่าในแอฟริกา คนพวกนี้ก็จะงงกับสังคมสมัยใหม่ที่คนรู้สึกเล่นดนตรีไม่เก่งเลยไม่กล้าเล่นดนตรีต่อหน้าคนอื่น เพราะสำหรับพวกเขา มันไม่มีคนเก่งหรือไม่เก่ง กิจกรรมดนตรีมันมีหน้าที่เชื่อมทุกคนในชุมชนเข้าหากัน มากกว่าที่จะเป็นลานแสดงโชว์ของยอดฝีมือคนใด และนี่คือความหมายของกิจกรรมทางดนตรีของมนุษย์มาเป็นพันๆ หมื่นๆ ปี ก่อนที่ดนตรีจะกลายมาเป็นธุรกิจผลิตดาราในสังคมทุนนิยมเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดมาได้ไม่เกิน 100 ปีเท่านั้น
และถ้ากลับมาที่รากฐานดนตรีแบบนี้ เราก็จะเห็นเลยว่า 'คนไม่เก่ง' ก็มีสิทธิ์เล่นดนตรี มีสิทธิ์จะแจมได้ และนี่คือสิ่งที่เป็นมาตลอดประวัติศาสตร์
และนี่คือเหตุผลหนึ่งว่าทำไมมันถึงไม่สายที่เราจะหัดเล่นดนตรีในวัยกลางคน หรือในวัยเกษียณ
สำหรับคนไม่น้อยที่หัดเล่นดนตรีตอนอายุน้อย เป้าของการเล่นดนตรีอาจเป็นการมีฝีมือเป็นเลิศ การประกอบอาชีพ หรือกระทั่งการเป็นดารา อย่างไรก็ดี สำหรับคนอายุมากๆ การเล่นดนตรีน่าจะไม่ได้มีเป้าหมายอย่างที่ว่าอีก คำถามคือเล่นทำไม?
คำตอบเร็วๆ คือบริหารระบบประสาท คือต้องเข้าใจก่อนว่า มันมีงานวิจัยมากมายที่ชี้ว่าการหัดเล่นดนตรีมันคือการฝึกทักษะใหม่ ซึ่งผลต่อสมองก็คือมันเพิ่มเส้นทางไหลเวียนของสัญญาณประสาทมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือมันขยายการทำงานของสมองนั่นเอง และภาวะพวกนี้รวมๆ มันก็ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงจากภาวะสมองเสื่อมได้มากขึ้น และนี่ก็มีงานวิจัยยืนยันเช่นกัน ซึ่งนั่นก็ยังไม่นับว่าการเล่นดนตรียังมีสรรพคุณพื้นๆ ที่รู้สึกได้ไม่ยากอย่างการ 'แก้เครียด' ด้วย
ความน่าสนใจคือ ในขณะที่จริงๆ แล้วการหัดกิจกรรมสร้างสรรค์ของคนวัยกลางคนไปถึงผู้สูงอายุจำนวนมากอย่างการลุกขึ้นมาเขียนหนังสือ การฝึกทำพวกงานฝีมือต่างๆ หรือการหัดวาดรูปดูจะเป็นเรื่องปกติมากๆ แต่กลับกัน การหัดเล่นดนตรีกลับไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นที่นิยมเท่า ทั้งๆ ที่ถ้าว่ากันตามงานวิจัย มัน 'ดีต่อระบบประสาท' มากกว่าเพราะการเล่นดนตรีมันไม่ใช่แค่การคิดเชิงสร้างสรรค์เท่านั้น แต่มันคือการฝึกควบคุมร่างกายอย่างละเอียด ซึ่งกิจกรรมการฝึกควบคุมร่างกายแบบนี้มันเป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุมาก
หรือพูดอีกแบบก็คือ เราอาจเห็นคนวัยเกษียณผันตัวเป็นนักเขียนหรือจิตรกรมือสมัครเล่นกันไม่น้อย แต่เราน่าจะแทบไม่ได้ยินถึงคนวัยเกษียณที่ไม่เคยเล่นดนตรีมาก่อน มาฝึกเล่นดนตรีตอนแก่และผันตัวเป็นนักดนตรีสมัครเล่นเลย
และนี่เอง มันก็กลับมาที่ประเด็นที่เราเริ่มไว้ เราอยู่ในสังคมที่บอกเราตลอดว่า 'เล่นไม่ดีก็อย่าเล่น' ทั้งๆ นี่ความคิดแบบนี้คือสิ่งที่ใหม่มาก มันไม่แปลกที่เราจะคิดแบบนี้ เพราะเราอยู่ในวัฒนธรรมดนตรีที่หมกมุ่นในการแยกคนเล่นดนตรีดีหรือไม่ดีออกจากกันตลอด และมันก็เป็นแบบนี้มาก่อนยุคที่รายการประกวดดนตรีท่วมทีวี แต่อีกมุมหนึ่ง ความหมายของดนตรีในฐานะเครื่องมือเชื่อมผู้คนเข้าด้วยกันก็ไม่เคยหายไปไหน มันยังอยู่ในสังคมตลอด และเราก็สามารถยืนยันความหมายของดนตรีในรูปแบบนี้ได้โดยการฝึกเล่นดนตรี โดยไม่ได้ต้องการฝึกให้เป็นเลิศหรือจะไปโชว์ที่ไหน แต่ฝึกเพื่อให้สมองของเราพัฒนา ฝึกเพื่อให้มีกิจกรรมเชื่อมโยงกับมนุษย์คนอื่นผ่านการแจมดนตรี
และถ้าเราเห็นภาพแบบนี้ เราก็จะตระหนักได้ว่า ที่เขากลัวว่า AI จะมาทำดนตรีแทนมนุษย์ เพราะมัน 'ทำดนตรีได้ดีขึ้นเรื่อยๆ' ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไรเลย เพราะกิจกรรมทางดนตรีที่ควรจะเป็นของมนุษย์ระดับพื้นฐาน ไม่ใช่กิจกรรมทางธุรกิจ แต่เป็นกิจกรรมที่มนุษย์สนุกกับการแจมดนตรีกับมนุษย์ด้วยกัน โดยไม่ต้องสนว่าสิ่งที่เล่นออกมาจะดีหรือไม่ดี แต่สนใจว่าทุกคนที่แจมกันอยู่ตรงนั้นสนุกหรือไม่มากกว่า