
27/08/2025
"อายุ 40 แล้วไง? ขอหน้าเด็กหน่อย" เมื่อความปรารถนาดีกลายเป็นผลร้ายที่เกินคาด
เคยไหม? ที่มองกระจกแล้วเริ่มเห็นริ้วรอยที่ไม่คุ้นเคย ใบหน้าที่เคยอิ่มเอิบกลับดูโรยราลงไปบ้าง
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนวัย 30-50 อย่างเรา ๆ ยุคนี้การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องน่าอาย และเทคโนโลยีความงามก็ก้าวหน้าไปไกลจนน่าทึ่ง มีสารพัดวิธีให้เลือกสรร ทั้งโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือแม้แต่เครื่องยกกระชับที่โฆษณาว่า "เห็นผลเหมือนผ่าตัด แต่ไม่ต้องเจ็บตัว"
แต่เรื่องราวของ 'เคท' (นามสมมติ) ผู้บริหารสาววัย 30 ปลาย ๆ อาจทำให้เราต้องกลับมาคิดใหม่
เคทเล่าว่า เธอตัดสินใจทำทรีตเมนต์ยกกระชับใบหน้าด้วยคลื่นวิทยุ โดยหวังว่าจะช่วยชะลอวัย แต่เพียงไม่กี่เดือน เธอกลับรู้สึกว่าแก้มที่เคยอิ่มฟูกลับดูตอบลง ใบหน้าดูแห้งเหี่ยวไม่สดใสเหมือนเดิม หลังจากปรึกษาแพทย์หลายคน เธอจึงได้รู้ความจริงอันน่าตกใจว่า ไขมันใต้ผิวหนังของเธอถูกทำลายไปแล้ว ด้วยพลังงานความร้อนที่มากเกินไปจากเครื่องมือ ทำให้เธอต้องตัดสินใจทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าทั้งที่ยังไม่ถึงวัย 40
"ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องทำศัลยกรรมใบหน้าตอนอายุไม่ถึง 40" เคทกล่าว "แต่ไม่มีวิธีอื่นที่จะฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ของใบหน้าได้เลย"
เรื่องราวนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเคทคนเดียว มีศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าชื่อดังในนิวยอร์ก เล่าว่า เขาเริ่มเห็นคนไข้ที่มาด้วยปัญหาผิวหน้าทรุดโทรมจากการทำทรีตเมนต์เหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
"ผิวของเธอดูตึงขึ้นก็จริง แต่ไขมันข้างในมันถูก 'เผา' ไปแล้ว" คุณหมอกล่าว "เมื่อผมผ่าตัดเข้าไป ผมพบว่าไขมันใต้ผิวหนังแข็งกระด้างเหมือนกระดูกอ่อน"
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้อันตรายกว่าที่คิด เพราะหากใช้พลังงานสูงเกินไปหรือใช้โดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญพอ มันอาจเข้าไปทำลายไขมันใต้ผิวหนังซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และเต่งตึง เมื่อมันถูกทำลายไปแล้วก็ยากที่จะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิม
สิ่งที่เคทได้เรียนรู้และอยากเตือนเพื่อน ๆ วัยเดียวกันคือ "ฉันคิดว่ากำลังทำสิ่งที่ป้องกันความแก่ แต่สุดท้ายกลับเร่งให้มันมาเร็วขึ้น ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะศึกษาข้อมูลให้มากกว่านี้"
5 คำถามสำคัญที่ต้องถามตัวเองก่อนตัดสินใจ
ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรกับใบหน้า ลองถามตัวเองและผู้ให้บริการ 5 คำถามนี้ก่อน:
ใครคือผู้ให้บริการ? เขาหรือเธอเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือศัลยกรรมตกแต่งโดยตรงหรือไม่?
เขามีประสบการณ์กับเครื่องมือนี้มากแค่ไหน? ถามจำนวนเคสที่เขาเคยทำ และผลลัพธ์ที่ได้
จะใช้พลังงานระดับไหน และทำไมต้องใช้ระดับนั้น? ควรหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานที่สูงเกินไปโดยไม่จำเป็น
ต้องทำกี่ครั้ง และแต่ละครั้งห่างกันนานแค่ไหน? การทำถี่เกินไปอาจทำร้ายผิวมากกว่าให้ผลดี
มีความเสี่ยงอะไรบ้าง? หากผู้ให้บริการไม่สามารถตอบได้ หรือบอกว่าไม่มีความเสี่ยงเลย... ให้เดินออกมา
เรื่องราวของเคทเป็นอุทาหรณ์ให้เราทุกคนได้คิดว่า การดูแลตัวเองในวัยกลางคนไม่ใช่แค่การวิ่งตามเทรนด์ แต่คือการตัดสินใจอย่างมีสติ
นี่คือเรื่องราวที่ Fleek ได้อ่านเจอมาและคิดว่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ