อ้ายคนใจสัตย์ - Integrity Way

อ้ายคนใจสัตย์ - Integrity Way "สังคมต้องไม่ทนต่อการทุจริต"

24/08/2025
อันดับ 1 เลยนะฮะ
17/08/2025

อันดับ 1 เลยนะฮะ

.
ตื่นขึ้นมาพร้อมกับ April Fools' day กลางเดือนสิงหาคม

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! คิม กอนฮี อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้ ถูกตำรวจควบคุมตัว หลังศาลมีคำสั่งออกหมายจับจากกรณี...
13/08/2025

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! คิม กอนฮี อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้ ถูกตำรวจควบคุมตัว หลังศาลมีคำสั่งออกหมายจับจากกรณีที่เธอถูกครหาว่ารับสินบน ซึ่งเจ้าตัวยังคงปฏิเสธ
อ่านเพิ่มเติมในคอมเมนต์ >>
#คิมกอนฮี #ยุนซอกยอล #เกาหลีใต้

แฉ 108 กลโกงนักธุรกิจล้มบนฟูกhttps://www.facebook.com/share/p/19rdRcpQ2S/?mibextid=wwXIfr
08/08/2025

แฉ 108 กลโกงนักธุรกิจล้มบนฟูก

https://www.facebook.com/share/p/19rdRcpQ2S/?mibextid=wwXIfr

แฉ 108 กลโกงนักธุรกิจล้มบนฟูก

บทความนี้ถูกตีพิมพ์ในกรุงเทพธุรกิจเมื่อปี 2541 ระยะเวลาผ่านไปยี่สิบสามปีถ้วน หลายๆ กลโกงนี้ก็ยังคงเป็นอมตะ และนักธุรกิจก็ยังใช้หลายวิธีดังกล่าวเอาเปรียบคนอื่นๆ อยู่ร่ำไป.....

สมาชิกท่านไหนได้ทันข่าวชื่อบริษัทตามที่กล่าวด้านล่างก็พอจะคาดเดาอายุและประสบการณ์ของท่านๆ ทั้งหลายได้ไม่ยากเลยย...

ส่วนน้องๆ ที่ไม่เคยรู้จัก หรือไม่เคยได้ยินก็อยากให้กรณีศึกษาด้านล่างเป็นเครื่องเตือนใจเวลาเราไปตรวจสอบ โดยอาจจะพบว่าผู้บริหารบริษัทที่เราตรวจอาจกำลังใช้หนึ่งในกลโกงก็เป็นได้ค่ะ

และข้อสรุปที่เป็นจริงตลอดกาลไม่ว่าจะยุคไหนๆ ก็คือ นักบัญชี คืออาวุธลับที่ทรงพลังเหลือเกิน

------------------

1. นำเงินบริษัทไปหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น
วิธีแรกที่มักพบเห็น ก็คือ นำเงินบริษัทและบริษัทในเครือไปหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น วิธีนี้ถือว่าเบสิก ที่สุดเพราะทำกันจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา และมักเกิดกับบริษัทที่มีบริษัทในเครือหลายแห่ง เมื่อผู้บริหารเห็นว่าบริษัทใดทำท่าจะไปได้สวยก็เข้าซื้อหุ้นในราคาถูก ส่วนบริษัทใดจะไปไม่รอดก็โยกเงินของบริษัทไปซื้อหุ้นตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงแบบดื้อๆ

ทั้งที่เมื่อพลิกดูรายชื่อกรรมการของบริษัททั้ง 2 แห่ง ก็จะพบว่าเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันนั่นเอง เรียกว่ารับกระเป๋าซ้าย จ่ายกระเป๋าขวา ทางการก็ได้แต่นั่งดูตาละห้อย เพราะกฎหมายเล่นงานไม่ได้ ถ้ามีการแจ้งรายการที่เกี่ยวโยง กับตลาดหลักทรัพย์อย่างถูกต้อง และคณะกรรมการบริษัทให้การรับรอง

กรณีนี้มีตัวอย่างให้เห็นนักต่อนัก เช่นกรณีที่เกิดขึ้นกับกลุ่มบริษัทในเครือ เอ็นทีเอส สตีล ภายใต้การนำของเจ้าพ่อโรงเหล็ก สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าของสโลแกน ไม่หลบ ไม่หนี ไม่จ่าย
ซันเทคกรุ๊ป และ เอ็นทีเอสสตีล กรุ๊ป เคยควักเงินซื้อหุ้น เหมราัช พัฒนาที่ดิน ซึ่งเป็น บริษัทในกลุ่มตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แล้วตัวเองกลับรับเซ้งหุ้นซันเทคกรุ๊ปมาอีกทอดในราคาถูกๆ

หรือกรณีของบริษัทซีวีดี เข้าซื้อหุ้นบริษัทซีวีดี มิวสิค ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าเอาเงินบริษัทไปซื้อหุ้นจากลูกของกรรมการบางคนของบริษัท
ด้านบริษัทศิครินทร์ และบริษัทจุลดิศดีเวลลอป ครั้งที่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือ ธีรพจน์ จรูญศรี ก็มีพฤติกรรมทำนองเดียวกัน รู้ทั้งรู้ว่าจุลดิศอยู่ในสภาวะสั่นคลอน ก็ยังนำเงินศิครินทร์ กว่า 214 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นจุลดิศ และมีการตั้งค่าเผื่อเงินลงทุนลดค่าจำนวน 177 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และยังถูกตั้งข้อสังเกตอีกว่าอาจนำเงินบริษัทไปซื้อหุ้นจากไอ้โม่งพวกเดียวกัน

2. โยกเงินไปจุนเจือ อาณาจักรส่วนตัว
วิธีการที่พบบ่อยในการผ่องถ่ายผลประโยชน์ออกจากบริษัทอีกกรณี ก็คือ การโยกเงินบริษัทไปจุนเจือกิจการในอาณาจักรส่วนตัว ซึ่งเป็นวิธีการสร้างความเสียหายโดยที่กฎหมายยากจะตามจิก กรณีที่พบบ่อยก็คือ บริษัทเอ จดทะเบียนในตลาดหุ้น ถือหุ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ในบริษัทบีที่อยู่นอกตลาด แต่กลับเอาเงินก้อนโตไปจุนเจือ บริษัทบี ที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่
ถ้ารวยก็รวยคนเดียว แต่ถ้าเจ๊งก็พร้อมจะนำบริษัทเอ มาร่วมเจ๊งด้วย
ดังนั้นเวลาอ่านงบการเงิน ก็อย่าลืมพลิกไปดูหมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ขยะเน่าๆ มักซ่อนอยู่ในหมายเหตุข้างท้าย ส่วนตัวเลขกำไร-ขาดทุน เป็นเพียงแค่เปลือกนอกลวงตา

ตัวอย่างที่ครึกโครมอยู่ในขณะนี้ เห็นจะเป็นกรณีของ บริษัทเซอร์คิท อีเลคโทรนิคส์ อินดัสตรีส์ กรณีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏออกมาเพราะกลุ่มเพื่อนพ้อง งานทวี เกิดวิวาทกันเองแฉกันไปแฉกันมา คนนอกจึงรู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลซุกซ่อนอยู่ อันเนื่องมาจาก ศิวะ งานทวี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทนำ เงินบริษัท 471 ล้านบาท ไปปล่อยกู้ให้กับ 5 บริษัทที่มีกลุ่มของตัวเองเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งที่ทุกบริษัทประสบปัญหาขาดทุน

จึงยังเป็นปริศนาอยู่ว่าบริษัทเซอร์คิทจะได้เงินกลับคืนมาหรือไม่
กรณีนี้กรรมการบางคนไม่มีสิทธิเข้าโหวตเพราะเป็นรายการที่เกี่ยวโยง แต่ก็ใช้วิธีซิกแซ็กโอนหุ้นให้กับเลขาหน้าห้องเพื่อเข้าโหวตแทน

แน่กว่านั้นก็คือสามารถกีดกันฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เข้าประชุมคัดค้านมติได้เป็นผลสำเร็จ รายการเกี่ยวโยงดังกล่าวจึงผ่านฉลุย แต่หุ้นเซอร์คิท อีเลคโทรนิคส์ ในตลาดหลักทรัพย์ร่วงวันร่วงคืนมองดูก็รู้ว่าใครเจ๊ง

3. ตั้งบริษัทส่วนตัวรับช่วงผลประโยชน์
วิธีการถ่ายเทผลประโยชน์ออกจากบริษัทเข้ากระเป๋าแสนกลอีกวิธีหนึ่งซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือ การตั้งบริษํทส่วนตัวรับช่วงผลประโยชน์
วิธีนี้แม้จะจับมือดมได้ แต่ก็จับเข้าตะรางได้ยาก ถ้าคนทำรู้กฎหมายอย่างดี
เช่น บริษัทเอ ที่ตนเองถือหุ้นทั้ง 100% อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ส่วนบริษัทบี จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นบริษัทมหาชน แต่ บริษัทบี จะซื้อขายอะไรก็ต้องผ่านมือบริษัท เอ บริษัทส่วนตัวแบบนี้จึงได้รับผลประโยชน์แบบเนื้อๆ
ยกตัวอย่างในอดีตกรณีห้างดัง มาบุญครอง สมัยอยู่ในมือ ศิริชัย บูลกุล เคยใช้วิธีตั้งบริษัทลูกรับช่วงเช่าพื้นที่ห้างในราคาถูก แล้วเอาไปให้เช่าต่อในราคาแพงลิบลิ่ว ผู้ที่เสียประโยชน์ ก็คือ ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ คนที่เจ็บใจที่สุดเป็น คุณหญิง ชนัตถ์ ปิยะอุย เจ้าของห้างรายใหม่ เพราะกว่าจะหมดสัญญาเช่าก็ถูกสูบเลือดนานโขทีเดียว

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ กรณีบริษัทฟินิคซ พัลพแอนด์ เพเพอร์ ภายใต้การบริหารงานของยอร์จ โรเยอร์ เดวิสัน รายนี้มี ทีเด็ด ตรงที่นำเงินของฟินิคซฯ ไปลงทุนในบริษัทสยามโมนิกซ์ ซึ่งตนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าลงทุนไป 125 ล้านบาท แต่กลับไปจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ 250 ล้านบาท เงินอีก 125 ล้านบาท ของฟินิคซฯ หายไปไหนช่วยตอบที

นอกจากนั้นยังมีความลึกลับซํ้าซ้อนอื่นๆ ที่เอาผิดผู้บริหารได้ยาก เช่นการตั้งบริษัท ยูโรเปี้ยนโอเวอร์ซีส์ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ EODC (Asia) ขึ้นมา เพื่อฟินิคซฯ จะสั่งซื้อ เครื่องจักร หรือวัตถุดิบจากต่างประเทศ หรือทำ ธุรกรรมเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ บริษัทนี้ก็จะเข้ามา เป็นนายหน้าซื้อขายให้ ทุกครั้งของการซื้อ บริษัทต้องจ่ายเงินแพงกว่าปกติค่อนข้างมาก
แถมผู้บริหารยังออกไปตั้งบริษัทกินรีอินดัสตรีส์ ทำธุรกิจเหมือนกับ ฟินิคซฯ ทุกอย่าง ซึ่งอาจจะตีความได้ว่าเป็นการเตรียมการล่วงหน้า สำหรับการชิ่ง ออกจากฟินิคซฯ

4. ซื้อสินทรัพย์สูงกว่าราคาจริง
วิธีการโยกเงินเข้ากระเป๋าที่แนบเนียนอีกวิธีหนึ่ง ที่ผู้บริหารหัวใสชอบทำ เพราะรับทรัพย์เร็ว แต่ต้องยอมเสี่ยงตะราง ก็คือ ซื้อ/ขายสินทรัพย์และเงินลงทุนสูงหรือตํ่ากว่าความเป็นจริง วิธีนี้ทำง่าย และสะดวก ถ้ากรรมการบริษัทหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วมเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน

สินทรัพย์ยอดนิยมที่ถูกนำมาใช้เป็นกลไกถ่ายเทผลประโยชน์ทีดี่ที่สุดก็คือ ที่ดิน ซึ่งฟันธงได้เลยว่าสาเหตุที่ทำ ให้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือบีบีซีต้องล่มจมไปในวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีนักการเมืองบางกลุ่ม ร่วมกับกลุ่มผู้บริหารของธนาคารนำที่ดินที่อยู่ไกลสุดกู่ มีราคาประเมินไร่ละเพียง 1-2 หมื่นบาท ไปขอคํ้าประกันเงินกู้จากบีบีซี ในราคาไร่ละ 5 แสนบาท
หรือแพงกว่าราคาประเมินถึง 50 เท่า โดยใช้ชื่อคนขับรถหรือคนใกล้ชิดไปขอกู้กระบวนการต่อไปคือผ่องถ่ายเงินไปอีก 2-3 ทอดผ่านบริษัท หรือคนกลาง ก่อนจะโยกเข้ากระเป๋าแสนกลเพื่อป้องกันการถูกล้วงลึกมาถึงตัว รายละเอียดของกรณีตัวอย่างนี้อาจเสาะหาได้ที่นักการเมืองคนที่ชื่อ สุชาติ ตันเจริญ

ฟินิคซ พัลพฯ ก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้ โดยกรรมการของบริษัทบางคนซื้อที่ดินมาไร่ละ 2.25 หมื่นบาท แต่ใช้อำนาจของตัวเองบีบให้บริษัทซื้อต่อในราคาสูงถึงไร่ละ 1.2 แสนบาท

เจ้าสัวแบงก์บางคนก็ยังทำเรื่องแบบนี้ เพราะต้องการระบายที่ดินของตัวเองจึงให้แบงก์เข้ามารับซื้อ ในท้ายที่สุด ผู้ถือหุ้นทั้งหมดก็ต้องเข้ามาร่วมแชร์ส่วนขาดทุนกลยุทธ์แบบนี้วงการแพทย์ก็ยังนำไปใช้ โดยเฉพาะเรื่องฉาวโฉ่ กรณีปั่นราคายาจนแพงหูฉี่ ทั้งที่ต้นทุนแค่นิดเดียว ส่วนเกินที่เกิดขึ้นถูกนำไปแจกจ่ายแบ่งเปอร์เซ็นต์กันจนรวยไม่รู้เรื่อง

5. ขายสินทรัพย์ถูกกว่าความเป็นจริง
กรณีขายสินทรัพย์ของบริษัทในราคาถูกเกินจริงก็เป็นการถ่ายเทผลประโยชน์ออกจากบริษัท อีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้เขาเรียกว่าโยกของดีมาไว้กับตัว
เกิดขึ้นแล้วกับบริษัทศิครินทร์ ที่นั่นเขาตอบแทนกรรมการบริษัทบางคนด้วยโรงพยาบาลเทพารักษ์ ทั้งหลังโดยลงบัญชีว่าขายไปในราคา 10 ล้านบาท
10 ล้านบาท ราคานี้สร้างอย่างไรก็ไม่มีทางได้ เท่านั้นยังไม่พอยังใช้วิธีตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวน พูดง่ายๆ ว่ายกให้กันฟรีๆ ไปเลย

6. เทคโอเวอร์ เพื่อโยก ของเน่า เข้าบริษัท
วิธีโยกของเน่าเสียเข้ามาไว้ในบริษัท ส่วนใหญ่จะทำผ่านกระบวนการเทคโอเวอร์ ซึ่งบางคนมองเห็นแต่ด้านดีเพียงด้านเดีย แต่หากติดตามดูจะพบว่า 10 กว่าบริษัทที่ ราเกซ สักเสนา ไปเทคโอเวอร์ ในสมัยที่เขายังเถลิงอำนาจร่วมกับ เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ในบีบีซี เกือบทุกบริษัทมีอาการเน่า แล้วทั้งนั้น

กรณีดังกล่าวทำ ได้เพาะผู้บริหารรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้ราเกซใช้เงินของบีบีซีเข้ามาปั่นราคาหุ้น แล้วหาคนเข้ามาเทคโอเวอร์ต่ออีกทอด โดยบีบีซีเป็นผู้สนับสนุนการเงินเพื่อทำ การเทคโอเวอร์ (Leveraged Buyout-LBO)
ราเกซทำ หน้าที่เพียงจับแพะชนแกะ ก็รับกำไรเนื้อๆ พร้อมๆ กับเจ้าของบริษัท ใครออกทัน รวย ใครออกช้าก็ ซวย ตามระเบียบ ทว่าขี้กองโตกลับถูกโยกไปไว้ให้ บีบีซี รับเละเพียงผู้เดียว

7. ผลตอบแทนกรรมการ : ผ่องถ่ายแบบแอบแฝง
วิธีการผ่องถ่ายผลประโยชน์ออกจากบริษัทยังมีอีกมากมายหลายวิธี การจ่ายผลตอบแทนให้คณะผู้บริหารสูงเกินจริง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้กันจนเป็นปกติธรรมดา โดยไม่ถือว่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด ในอดีตผู้บริหารไฟแนนซ์ใหญ่ๆ มักมีการจ่ายเงินเดือนกันเป็นล้าน

ขึ้นชื่อก็คือ บง.เอกธนกิจ ภายใต้การนำ ของ ปิ่น จักกะพาก ซึ่งเวลานี้มีข่าวว่ายังสามารถใช้ชีวิตสุขสบายในต่างประเทศ ผู้บริหารระดับท็อปของที่นี่แต่ละคนเกินเงินเดือน สูงถึง 1.2 ล้านบาททีเดียว

ด้าน บล.เจ.เอฟ. ธนาคม ภายใต้การบริหารของกรณ์ จาติกวณิช ก็ไม่น้อยหน้า ในช่วงรุ่งเรืองเคยจ่ายโบนัสให้กับผู้บริหารสูงสุดถึง 33 เดือน เรียกว่าทำ งานปีเดียวเท่ากับรายได้ของ พนักงานทั่วไปเป็นสิบๆ ปี เพียงแต่วันนี้ บล.เจ.เอฟ ธนาคม ยังยืนอยู่ได้เพราะไม่นอกกรอบมากนัก

ส่วน บงล.วอลล์สตรท ที่เคยแจกตั๋วเครื่องบิน และพอคเก็ตมันนี่ ให้มาร์เก็ตติ้งไปชอบปิงที่ฮ่องกงเป็นโบนัสนั้น วันนี้เจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว

สำหรับบริษัทที่ขึ้นเชื่อว่าจ่ายหนักที่สุดในอดีต ก็คือบริษัทเทเลคอมเอเซีย หรือ ทีเอ ในปี 2539 ครั้งที่เศรษฐกิจยังดี เคยจ่ายเงินให้คณะกรรมการบริษัทจำนวน 16 คนรวมกันสูงถึง 60 ล้านบาท เฉพาะเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ คนเดียวรับไป 8.4 ล้านบาท

วันนี้ที่ ทีเอ กำลังป่วยหนี้ท่วมหัวจากพิษเศรษฐกิจ ไม่รู้ว่ายังกล้าจ่ายหนักๆ อย่างนี้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ในช่วงรุ่งเรืองบริษัทส่วนใหญ่ก็มีการประเคนหุ้นโบนัสราคาถูกให้กับผู้บริหารเป็นจำนวนมาก พฤติกรรมลักษณะนี้ ปิ่น จักกะพาก และกลุ่มเอก ในสมัยนั้น ทำกันจนกลายเป็นแฟชั่นและไฟแนนซ์อื่นๆ ก็ดำเนินรอยตามจนรํ่ารวยกันไปหลายตลบ

ช่วงเศรษฐกิจฮอตๆ ยังมีการควักเงินซื้อภาพเขียนศิลปะราคาแพงกันเป็นโกดัง เพื่อมาติดข้างฝาอวดบารมี โดยผู้ที่สะสมภาพเขียนไว้มากที่สุดในประเทศไทย ก็คือ บุญชัย เบญจรงคกุล แห่ง ยูคอม
มาถึงวันนี้บริษัทยูคอมมีสภาพอย่างไร ขอให้ติดตามดูราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จากที่เคยมีราคาหุ้นละหลายร้อยบาท วันนี้เหลือไม่ถึง 10 บาท
ส่วนวีระ มานะคงตรีชีพ แห่ง บงล.ซิทก้าเป็นนักธุรกิจที่ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจที่มีวัฒนธรรม โดยปรนเปรอความสุขส่วนตัวด้วยการสะสมภาพเขียนราคาแพง และประทับใจในวัฒนธรรมตะวันออก ชอบโชว์ศิลปะชงชา แต่พฤติกรรมที่แท้จริงเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ บงล.ซิทก้ากำ ลังอยู่ในกระบวนการย่อยสลาย
วันนี้ วีระ กำลังดิ้นให้พ้นเงื้อมมือของกฎหมาย เขาถูกกล่าวโทษว่าทุจริตให้เกิดความเสียหาย กับบริษัทในวงเงินประมาณ 400 ล้านบาท

ข้อกล่าวหาที่ทางการมีต่อวีระ ก็คือนำเงินบริษัทไปซื้อหุ้นของบริษัทเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นให้กับตัวเอง วิธีการของวีระจนมุมต่อหลักฐานตรงที่หลังจากถ่ายโอนเงินโดยวิธีรับซื้อลด และรับประกันตั๋วแลกเงินมาแล้วเขาก็โอนเข้าบัญชีบริษัทต่างๆ 5 แห่ง ซึ่งทำหน้าที่ชำระค่าหุ้นให้กับตัว
เองส่วนเงินปันผลจากบงล.ซิทก้า ก็โอนเข้าบัญชีของตัวเอง
แม้ว่าหลักฐานจะแน่นหนาแต่ วีระ ก็มีโอกาสต่อสู้ได้อีกหลายเฮือกถ้ามีแพะ
เผลอๆ อาจจะรอดได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับคดีของ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่โอกาสพลิกผันมีอยู่มาก เพราะมีข้อแก้ต่างเรื่องหลักประกันการปล่อยกู้มากมายที่แน่ๆ คนระดับนี้ไม่มีทางหาบ่วงมาผูกคอแบบง่ายๆ อย่างที่ใครคิด

8. เข้าตาจนจำ ต้องสร้าง หลักฐานเท็จ
ส่วนยุทธวิธีการโกงโดยการสร้างหลักฐานเท็จ ถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ คนระดับผู้บริหารคงไม่คิดทำ เพราะเป็นการสร้างบ่วงผูกคอที่ยากจะดิ้นให้หลุดภายใต้เงื่อมมือของกฎหมาย กระนั้นก็ตามวิธีนี้ก็เกิดขึ้นแล้วกับหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะกรณีของชาญ อัศวโชค แห่งบริษัทอัลฟาเทค อิเล็คโทรนิคส์ ผู้สร้างบริษัทแห่งนี้มากับมือ จนไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกล้าทำ ลายมันลงกับมือของเขาเอง
ชาญใช้วิธีการตกแต่งงบการเงินตบตาผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้โดยในช่วง 3 ปี ชาญแต่งบัญชีให้บริษัทมีกำไรเกินจริง 4.1 พันล้านบาท ทำให้เขาสามารถกู้เงินจากเจ้าหนี้มาใช้ได้อย่างสบาย
ชาญใช้วิธีไปตั้งบริษัทในต่างประเทศทำใบซื้อขายปลอมให้อัลฟาเทคขายสินค้าให้ แต่ไม่ได้มีการขายจริงและไม่ได้รับเงิน แต่เขากลับนำใบสั่งซื้อไปทำแพกกิ้งเครดิตขอกู้เงินออกมาใช้ ทั้งยังมีการโอนเงินของบริษัทเพื่อไปซื้อกิจการในต่างประเทศในราคาที่สูงเกินจริง นำเงินของบริษัทไปซื้อที่ดิน และวัตถุดิบในราคาที่สูง หรือจ่ายเงินสดล่วงหน้าให้กับบริษัทที่มีชื่อคล้ายกัน เรียกว่าโกงกันแบบโจ๋งครึ่ม

ทั้งหมดเป็นการฉ้อฉลที่ทำอย่างแนบเนียน และสามารถปกปิดความจริงได้นานถึง 4 ปีเต็ม อย่างไรก็ตาม การตกแต่งงบการเงินลวงตาผู้ถือหุ้น มักเกิดขึ้นเมื่อผู้บริหารบริษัทต้องการทิ้งทวน หรือ สละเรือ

กรณีของบริษัทไทยโมเดิร์นพลาสติก อินดัสทรี ผู้ผลิตและจำ หน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติก รายใหญ่ของประเทศ ของกลุ่ม ปัณณมณีโชติ ก็เป็นอีกตัวอย่างของการใช้กลลวงทางบัญชีรายนี้ใช้วิธีการบันทึกบัญชีหนี้เงินกู้ น้อยกว่าความเป็นจริงมากถึง 2.5 พันล้านบาท ทำให้เงินก้อนโตจำนวนนี้หายวับไปกับตา ในท้ายที่สุดเมื่อบริษัทนี้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เจ้าหนี้ก็เข้ามายึดกุมการบริหารงานไว้ในมือ

9. บันทึก ค่าใช้จ่าย สูงเกินจริง
นอกจากนี้การบันทึกรายได้ และค่าใช้จ่ายสูง หรือตํ่ากว่าความเป็นจริง เช่นมีรายได้จากการขาย 100 บาท แต่บันทึกแค่ 80 บาท ส่วนอีก 20 บาทเอาเข้ากระเป๋าวิธีการอย่างนี้ก็เป็นที่นิยมกันมากซึ่งนักบัญชีทั้งหลายสามารถทำ การเพิ่มยอดหรือซ่อนเร้นตัวเลขเหล่านี้ได้ง่ายมาก
ถึงวันนี้ เจ้าหนี้ของอัลฟาเทคและไทยโมเดิร์นพลาสติค ต้องขออำนาจศาลเข้าฟื้นฟูกิจการ ทั้งที่ข้างในกลวงโบ๋หมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยที่รับกรรมไปเต็มๆ
สำหรับคดีฉ้อโกง ที่ได้รับการยกย่องว่าคลาสสิกที่สุดต้องยกให้กับ บีบีซี เพราะมีการโกงกันทุกรูปแบบ และสร้างความเสียหายให้กับธนาคารมากที่สุดถึง 7.5 หมื่นล้านบาท มีตัวละครเกี่ยวข้องหลายสิบคน ทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง และผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร

ไม่ว่าจะเป็นการประเมินราคาที่ดินสูงเกินจริง จัดตั้งบริษัทกระดาษทั้งในเกาะเคย์แมน แถบทะเลแคริบเบียน และบริษัทกระดาษในประเทศไทยเพื่อนำ ไปกู้เงินบีบีซี นำเงินของธนาคารไปปล่อยกู้เทคโอเวอร์ และโอนขยะของธนาคารไปไว้ในต่างประเทศ เพื่อซ่อนเร้นสายตาของทางการ หรือแม้แต่ประกาศเพิ่มทุนโดยไม่มีเงินเข้าธนาคาร

เหล่านี้คือกลโกงที่สร้างความเสียหายระดับชาติ ภายใต้นํ้ามือของคนเพียงไม่กี่คน หรือแม้ แต่การใช้ข่าวอินไซด์ หาประโยชน์จากากรซื้อขายหุ้นก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในตลาดหลักทรัพย์

แม้แต่เจ้าสัวแบงก์ ที่ขึ้นชื่อว่ารํ่ารวยระดบประเทศ ก็ยังหาประโยชน์เข้ากระเป๋าด้วยวิธีการที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบ ผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน
คิดจะจับให้ได้ไล่ให้ทันพฤติกรรมเหล่านี้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองคงถึงกับต้องกุมขมับ เพราะเหล่าอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่แอบแฝงอยู่ในคราบของนักธุรกิจ ล้วนแล้วแต่มีการศึกษาระดับปัญญาชน ทั้งยังสะสมเขี้ยวเล็บไว้มากมาย เขี้ยวเล็บของพวกเขาไม่ใช่ปืนผาหน้าไม้ แต่กลับเป็นตำรากฎหมาย และความเชี่ยวชาญด้านบัญชี

ไม่มีใครปฏิเสธว่า ความเชี่ยวชาญทั้ง 2 ด้านนี้คือ อาวุธ ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในยุคสมัยนี้
------------------------
หมายเหตุ คัดลอกจาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ (20 กันยายน 2541)
ลงพิมพ์ครั้งแรกในเศรษฐสาร ปีที่ 13 ฉบับที่ 1 มกราคม 2541

ที่มา FB: มุ่งเรียนรู้สู่ความมั่งคั่ง

05/08/2025

สืบเนื่องจากโพสต์ที่แล้วของผม ที่วิเคราะห์งบบูรณาการต่อต้านทุจริต ในงบประมาณปี 2569 และให้ข้อสังเกตแรกว่า…
1. เริ่มต้นจากประชาสัมพันธ์ ทั้งที่ระบบยังไม่พร้อม
รัฐเลือกใช้เงินไปกับกิจกรรมสื่อสาร สร้างกระแส และรณรงค์ เช่น ทำคลิป ทำสื่อออนไลน์ จัดอีเวนต์ สร้างต้นแบบ ฯลฯ
แต่ไม่มีคำตอบว่า สื่อสารไปเพื่อใคร? มีเป้าหมายอะไร? ใช้ข้อความแบบไหน? แล้วทดสอบหรือยังว่าคนเข้าใจ หรือแปลความหมายแบบเดียวกับที่เราหวังไว้หรือเปล่า?
ทั้งที่… งานวิจัยทั้งไทยและต่างประเทศเตือนตรงกันว่า
การสื่อสารเรื่องคอร์รัปชันที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบ อาจไม่ได้ผล — แถมอาจให้ผลตรงข้าม!
วันนี้ผมเลยอยากเล่าสั้น ๆ จากงานวิจัยสรุปของ U4 Anti-Corruption Resource Centre ที่เขารวบรวมการทดลองจริงจากหลายประเทศทั่วโลกไว้แบบน่าสนใจมากครับ
สาระสำคัญของงานวิจัย “Message Misunderstood” มีดังนี้:
- การสื่อสารที่เน้นว่า “คอร์รัปชันแพร่หลายมาก” อาจทำให้คนรู้สึกว่า “มันเยอะเกินจะจัดการได้” หรือ “ใครๆ เขาก็ทำกัน” → ยิ่งหมดหวัง
- แม้แต่ข้อความเชิงบวก เช่น “รัฐบาลประสบความสำเร็จ” หรือ “ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้” ก็มีแนวโน้มทำให้คนรู้สึกว่าข้อความขัดกับความจริงที่เจอในชีวิตประจำวัน → ยิ่งรู้สึกไม่เชื่อ
- มีบางกรณีที่คนเห็นสื่อรณรงค์แล้ว… “อยากจ่ายสินบนมากขึ้น”!
เพราะรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกันอยู่แล้ว
- มีแคมเปญจำนวนมากที่ “ไม่มีผลอะไรเลย” → เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า
- งานวิจัยแนะนำว่า ก่อนจะสื่อสารใด ๆ ควร ทดสอบกับกลุ่มเป้าหมายจริง ด้วยวิธีเชิงทดลอง (experiment) ไม่ใช่แค่ทำ focus group หรือถามความคิดเห็น
สรุป: ถ้าอยากเปลี่ยนพฤติกรรมคน สื่อสารเรื่องคอร์รัปชันต้องไม่ใช่แค่ “หวังดี” แต่ต้อง “เข้าใจ” และ “ทดสอบ” ก่อนเสมอ
รายงานฉบับเต็ม (อังกฤษ): https://www.u4.no/publications/message-misunderstood-why-raising-awareness-of-corruption-can-backfire
#ต่อต้านคอร์รัปชัน #งบ69
credit รูปจาก ข่าวสด

จุดเริ่มต้นการโกงงานก่อสร้างอยู่ที่การคำนวณราคากลางให้สูงเกินจริง โดยผู้รับเหมา-นักการเมือง-ข้าราชการจับมือกัน และกรมบัญ...
29/07/2025

จุดเริ่มต้นการโกงงานก่อสร้างอยู่ที่การคำนวณราคากลางให้สูงเกินจริง โดยผู้รับเหมา-นักการเมือง-ข้าราชการจับมือกัน และกรมบัญชีกลางก็กำหนดราคากลางเว่อร์ๆ เพืีอตอบสนองวงจรอุบาทว์ดังที่ อ.ต่อตระกูล ยมนาค อธิบายไว้👇

ก่อสร้าง โกงอย่างไร?: สำรวจวิธีโกงตั้งแต่ ก่อ จนสร้าง ผ่านมุมมองของ ’ต่อตระกูล ยมนาค‘
เมื่อพูดถึงโครงสร้างสถาปัตยกรรมในบ้านเรา หลายคนรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในวิชาชีพ ผ่านการถ่ายทอดแนวคิด วิสัยทัศน์ออกสู่สังคมผ่านสิ่งก่อสร้าง บ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของการลงแรง ลงมือ เพื่อสร้างแบบจากกระดาษสู่อาคาร ตึกรามน้อยใหญ่ให้เป็นจริง
ภายใต้โครงสร้างอันสวยงามเหล่านั้น จะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่หรือไม่ What's โกงing on EP. 01 – โกงก่อสร้าง บทสัมภาษณ์พิเศษจากรศ. ดร.ต่อตระกูล ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จะพาทุกท่านไปค้นหาปมใต้พรม กับสิ่งที่ไม่ได้ถูกพูดถึง และไม่อยากให้ถูกค้นเจอกับกลวิธีโกง โครงการก่อสร้างสถาปัตยกรรมแบบไทยๆ เหล่านั้น
เริ่มแรก รศ. ดร.ต่อตระกูล ฉายภาพให้เห็นถึงกลวิธีโกง ตั้งแต่ก่อ จน สร้าง ผ่านตัวแสดงที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งการเขียนร่างขอบเขตของงาน (Term of Reference หรือ TOR) การส่งแบบคัดเลือก การควบคุมงาน การก่อสร้าง ตลอดจนการตรวจรับ และเบิกจ่ายงาน โดยใช้โครงการก่อสร้างภาครัฐเป็นแนวอธิบายความสัมพันธ์ของตัวแสดงเหล่านี้
คนเขียนร่าง TOR ในโครงการก่อสร้างภาครัฐ คือ คณะกรรมการชุดหนึ่งที่ตั้งขึ้นเพื่อจัดทำร่าง โดยทั่วไปคณะกรรมการจะเป็นผู้ร่วมกำหนดโจทย์ความต้องการของหน่วยงานภาครัฐในร่างขอบเขตของงาน เพื่อเป็นฐานในการคัดเลือกและได้มาซึ่งผู้รับจ้างว่ามีคุณสมบัติและเกณฑ์เฉพาะด้าน ตามที่หน่วยงานต้องการหรือไม่ ทั้งในการจ้างออกแบบ จ้างควบคุมงานก่อสร้าง และจ้างก่อสร้าง
ทั้งนี้ การทุจริตในขั้นตอนนี้มักจะมีการระบุเฉพาะเจาะจงคุณสมบัติบางประการหรือที่คุ้นหูกันในคำว่า ‘ล็อคสเปค’ เพื่อกีดกันผู้ที่จะเข้ามาสู่การแข่งขันเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกตัวเอง เช่น การกำหนดคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาชีพ และความเชี่ยวชาญเฉพาะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีน้อยรายในบริษัททั่วไป เป็นต้น
อีกหนึ่งตัวแสดงที่เป็นผู้อยู่ในจุดเริ่มต้นของงานก่อสร้าง คือ ‘คนออกแบบ’ ที่ได้รับการคัดเลือกผ่านการส่งแบบเพื่อให้คณะกรรมการจ้างออกแบบงานก่อสร้างพิจารณา โดยหลักแล้วการคัดเลือกงานจะเป็นไปตามเกณฑ์ของคณะกรรมการฯ และตัดสินจากโจทย์ความต้องการของหน่วยงานเจ้าของโครงการ
แต่บางรายที่การเสนองานได้รับการคัดเลือกโดยอาศัยความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ ผ่านวิธีการล็อคสเปคบางประการ ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อผลลัพธ์ของงานก่อสร้างที่ไม่สามารถสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของหน่วยงานรัฐได้
ถัดมา คือ ‘ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง’ ซึ่งเป็นอีกตัวแสดงสำคัญที่ รศ. ดร.ต่อตระกูล ชี้ให้เห็นว่า โดยพื้นฐานจะเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบดูแลการดำเนินงานในพื้นที่ก่อสร้าง การควบคุมคุณภาพด้านความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ การเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้ควบคุมงานบางครั้งถ้าอยากได้งานนั้นจริงๆ ก็จะมีข้อตกลงลับบางอย่างกับเครือข่ายผู้รับเหมา
โดยทั่วไปมักจะเป็น ‘เงินพิเศษ’ ที่ผู้รับเหมาจ่ายให้กับผู้ควบคุมงานเพื่อนำไปจ่ายใต้โต๊ะให้กับคณะกรรมการจ้างควบคุมงานก่อสร้างภาครัฐ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังจากเสนอเงินเพื่อให้ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ควบคุมงานสำเร็จนั้น ในขั้นตอนต่อไปก็จะนำผู้รับเหมาในเครือข่ายที่ตกลงไว้เข้ามาสู่โครงการเพื่อรับงานก่อสร้างต่อไป
นอกจากวิธีหาเงินของผู้ควบคุมงานเพื่อเอาตัวเองเข้ามาสู่โครงการแล้ว อาจมีวิธีการหาเงินได้อีกผ่านการรีดไถจากผู้ออกแบบโดยอ้างว่าเป็นการออกแบบไม่ถูกต้อง และผิดพลาดจนก่อให้เกิดความเสียหาย แต่หากผู้ออกแบบยินยอมจ่ายเงินพิเศษ จะยอมผ่อนผันและปิดตาข้างหนึ่งให้
ซึ่งโดยทั่วไปหากแบบผิดจริงก็จะต้องนำไปสู่การแก้แบบเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดตลอดจนเสียค่าปรับจากกรณีดังกล่าว แต่บางรายอาจไม่ต้องการเช่นนั้น และยินยอมจ่ายเงินที่พวกเขาคิดว่า เป็นเงินเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าปรับจากความเสียหายผิดพลาดให้กับผู้ควบคุมฯ ไป
สุดท้ายตัวแสดงที่สำคัญอย่าง ผู้รับเหมาที่มารับงาน หลังจากจ่ายเงินพิเศษให้กับผู้ควบคุมงานเพื่อนำตนเข้ามาในโครงการได้สำเร็จแล้ว การดำเนินการก่อสร้างก็จะมีการลดทอนคุณสมบัติวัสดุ การดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามคุณภาพมาตรฐานการก่อสร้าง ซึ่งส่วนใหญ่เราคุ้นชินมาตรฐานแบบนี้ด้วยคำว่า
เทปูนไม่เต็ม เหล็กไม่ได้ขนาด สร้างไม่ตรงแบบ เป็นต้น แต่แล้วทุกอย่างก็เหมือน หลับตาข้างหนึ่ง เมื่อผู้ควบคุมงานกับผู้รับเหมาเอื้อประโยชน์กัน สุดท้ายเมื่อการก่อสร้างจบ ปัญหาที่ปิดบังอำพรางไว้ก็จะเกิดขึ้นตามมา และบางกรณีอาจนำไปสู่การสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สิน จากคำว่า ‘อะลุ้มอล่วย’ ให้กันและกัน
อีกหนึ่งประการของการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการก่อสร้างภาครัฐ คือ การเบิกจ่ายเงินตามงวดสัญญาจ้าง ที่บ่อยครั้งหลายบริษัทรับเหมาก่อสร้าง พร้อมใจกันหลีกเลี่ยงงานภาครัฐ เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยเส้นสายกลไกอุปถัมภ์ในแต่ละขั้นตอนแล้วยังมีเรื่องการเบิกจ่ายล่าช้า โดยรศ. ดร.ต่อตระกูล อธิบายว่า ในการตรวจรับงานจะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาตรวจรับงานตามงวดสัญญา โดยแต่ละการตรวจรับงวดสัญญาบางครั้งก็ค้างเติ่งโดยอาศัยการตรวจสอบงานที่นานกว่าปกติ
โดยบางครั้งผู้รับจ้างที่จะมาขอเบิกจ่ายต้องอาศัยการจ่ายใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่ที่แต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบงานหรือเลขานุการคณะกรรมการเพื่อให้นำเสนอเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการฯ โดยลัดขั้นตอนหรือเร็วกว่าปกติ ซึ่งโดยทั่วไปคณะกรรมการชุดใหญ่จะตรวจทานประเด็นภาพรวม และลงนามยอมรับโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ระดับเจ้าหน้าที่ที่เสนอเรื่องเข้ามารับ ‘เงินพิเศษ’ มามากน้อยแค่ไหน และสุดท้ายเมื่อเรื่องแดงขึ้นกลับกลายเป็นว่า กรรมการเหล่านั้นต้องมารับผิดจากการกระทำที่เข้าทำนองว่า ‘เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง ดันกลับเอากระดูกมาแขวนคอ’
สุดท้ายของบทสัมภาษณ์พิเศษ รศ. ดร.ต่อตระกูล ได้นำเสนอถึงการป้องกันกลวิธีโกงดังกล่าว โดยพูดถึง 2 ประเด็น ว่า สามารถป้องกันได้โดยการมีผู้สังเกตการณ์อิสระ ผ่านข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ของหน่วยงานเจ้าของโครงการ และผู้รับจ้าง
โดยมีผู้สังเกตการณ์อิสระที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ในการทำหน้าที่ตรวจสอบตั้งแต่การกำหนดร่าง TOR เกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าร่วมแข่งขัน ที่มาราคากลาง ตลอดจนถึงการตรวจและส่งมอบงาน ซึ่งหากพบเห็นการทุจริตในข้อตกลงจะสามารถดำเนินการแจ้งต่อคณะกรรมการ หรือรายงานต่อสาธารณะ หรือแจ้งต่อคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อย่าง สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ตลอดจนหน่วยงานอย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นต้น
และอีกหนึ่งวิธีที่นำเสนอคือ การมีที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการโครงการ หรือ Project Management Consultant (PMC) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะและตรวจสอบตั้งแต่การเริ่มต้นโครงการ การควบคุมคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม
ตลอดจนการติดตามความคืบหน้าของโครงการตั้งแต่ก่อจนสร้าง โดยต่างจากผู้สังเกตการณ์อิสระ ตรงที่ไม่ต้องรอเอกสารหรือรอให้ ‘เรื่องแดง’ ก่อนรายงานเข้าคณะกรรมการ แต่ PMC จะเข้าไปคลุกวงใน รับทราบ และรายงานสถานกาณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในเนื้องานให้กับคณะกรรมการ หรือหน่วยงานเจ้าของโครงการทันที
แม้กลวิธีโกง ‘ก่อสร้าง’ นั้นจะมีหลายรูปแบบ แต่เราก็ต้องตระหนักเพื่อป้องกันวิธีที่หลากหลายเหล่านี้ตามไปด้วย การรู้เท่าทัน การเปิดเผยเพื่อสร้างความโปร่งใสในเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขวัฒนธรรมอุปถัมภ์แบบไทย ๆ เพื่อหยุดการก่อสร้างสถาปัตยกรรมที่สร้างความเสียหายผิดพลาด ดังที่เห็นและเป็นมาตามหน้าข่าวในปัจจุบัน
เรียบเรียงโดย: เสฏฐวุฒิ เกตุแก้ว

#ทุจริต #การก่อสร้าง #คอร์รัปชัน #เงินทอน #สินบน

โกงแบบไฮเทค
22/07/2025

โกงแบบไฮเทค

รวบ นศ.ปริญาญาโทชาวจีนหัวหมอซ้ำอีก หลังสวมรอยเข้าไปสอบ TOIEC เพื่อบอกคำตอบให้ลูกข่ายผ่านไมค์จิ๋วที่ซ่อนไว้ใต้แมส อีกทั้งตำรวจยังได้เผยกลวิธีสุดล้ำของขบวนการโกงข้อสอบชาวจีนอีกคดีที่ซ่อน “หูฟังจิ๋วพิเศษ” ที่เป็นวัตถุทรงกลม ๆ สีทองขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร เท่าเม็ดข้าวสารไว้ในหูอีกด้วย

สำนักข่าว TBS ได้รายงานว่า ตำรวจนครบาลกรุงโตเกียวได้จับกุมชายสัญชาติจีน นาย หวัง ลี่คุน (ขออภัยหากสะกดชื่อผิด) อายุ 27 ปี ที่กำลังศึกษาปริญญาโทอยู่ในมหาวิทยาลัยดัง ม.เกียวโต เป็นครั้งที่สาม ฐานสวมรอยเข้าสอบ TOEIC แทนผู้อื่น (ทำผิดมาแล้วถึง 3 สนามสอบ)
ตำรวจยังได้เปิดเผยหน้ากากอนามัยและไมโครโฟนขนาดเล็กที่ยึดได้จาก นาย หวัง ผู้ต้องหา ซึ่งคาดว่าเขาได้ซ่อนไมโครโฟนไว้ภายในหน้ากากเพื่อใช้สื่อสารและส่งคำตอบให้กับผู้เข้าสอบอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ ย้อนหลังไปอีกคดี เมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตำรวจนครบาลกรุงโตเกียวได้จับกุมและสอบปากคำชายหญิงชาวจีนจำนวน 10 คน ที่พยายามโกงการสอบ TOEIC และได้ยึด“หูฟังจิ๋วพิเศษ” ที่เป็นวัตถุทรงกลม ๆ สีทองขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร หรือเล็กเท่ากับขนาดข้าวสาร 1 เม็ด จากหญิงรายหนึ่ง โดยอุปกรณ์นี้สามารถใส่ไว้ในหูและมองไม่เห็นจากภายนอกด้วย
โดยตำรวจเผยว่าผู้ต้องสงสัยได้ใช้ “หูฟังจิ๋วพิเศษ” ใส่เข้าหู พร้อมกับอุปกรณ์บลูทูธแบบจี้ห้อยคอเพื่อรับคำตอบจากภายนอก เวลาถอดจะใช้แท่งแม่เหล็กเพื่อดึงหูฟังจิ๋วออกจากหู โดยชายหญิงชาวจีนเหล่านี้ให้ปากคำว่า "ได้เรียนรู้วิธีใช้หูฟังจิ๋วนี้ผ่านวิดีโอคู่มือการใช้งานล่วงหน้าก่อนเข้าสอบด้วย"
ตำรวจยังพบว่า มีผู้ทุจริตบางคนค้นหาวิธีทุจริตผ่านโซเชียลจีนและยอมจ่ายเงิน 50,000 เยน (ราว 11,000 บาท) ให้กลุ่มที่รับจัดการการทุจริตการสอบด้วย
คดีนี้อาจเกี่ยวข้องกับ ขบวนการทุจริตอย่างเป็นระบบ ที่จ้างกลุ่มบุคคล เช่น ผู้ต้องสงสัย เพื่อเข้าสอบแทนคนอื่น องค์กรผู้จัดสอบ TOEIC ได้ยืนยันว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตมากกว่า 800 คน และได้ทำการยกเลิกผลสอบของผู้กระทำผิด พร้อมให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนต่อไป
#ดิกไทยญี่ปุ่น #ภาษาญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #แปลข่าวญี่ปุ่น #เรียนภาษาญี่ปุ่น #เก่งภาษาญี่ปุ่น #ไวรัลญี่ปุ่น #ล่ามภาษาญี่ปุ่น #ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

อึ้ง! กรมบัญชีกลาง ร่อนหนังสือจัดซื้อจัดจ้างงบ 1.57 แสนล้าน ยื่นประมูลรายเดียว รับงานได้เลยรายละเอียดในเม้น👇👇👇
20/07/2025

อึ้ง! กรมบัญชีกลาง ร่อนหนังสือจัดซื้อจัดจ้างงบ 1.57 แสนล้าน ยื่นประมูลรายเดียว รับงานได้เลย

รายละเอียดในเม้น
👇
👇
👇

มักง่ายเกินไปมุ้ย ความผิดสำเร็จหลายข้อหาเลยนะเนี่ยcr  #ฟุตบาทไทยสไตล์
18/07/2025

มักง่ายเกินไปมุ้ย ความผิดสำเร็จหลายข้อหาเลยนะเนี่ย

cr #ฟุตบาทไทยสไตล์

CCTV สถานีโทรทัศน์ทางกลางจีนรายงานว่าเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา  ศาลประชาชนกลางที่3 กรุงปักกิ่ง พิพากษาประหารชีวิต ...
17/07/2025

CCTV สถานีโทรทัศน์ทางกลางจีนรายงานว่า
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลประชาชนกลางที่3 กรุงปักกิ่ง พิพากษาประหารชีวิต พร้อมทั้งยึดทรัพย์ทั้งหมดของ"อูํ อิง-เจี๋ย"(吳英傑)อดีตเลขาธิการพรรคประจำเขตปกครองธิเบต ข้อหารับสินบนมากกว่า 343 ล้านหยวนระหว่างปี2006 ถึง 2021
โดยให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากต้องหาพยานหลักฐานมาประกอบเพิ่มเติมในคดีนี้

ต้นเดือนที่ผ่านแล้ว
รองผู้ว่าเขตปกครองธิเบต"หวังหย่ง"(王勇)ก็ถูกพิพากษาประหารชีวิต ด้วยข้อหารัยทรัพย์สินมูลค่ากว่า271ล้านหยวน

(สงวน คุ้มรุ่งโรจน์)

ที่อยู่

Integrityway. Nacf@gmail. Com
Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อ้ายคนใจสัตย์ - Integrity Wayผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์