Dean-College of Aviation Tourism and Hospitality-Spu

Dean-College of Aviation Tourism and Hospitality-Spu ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Dean-College of Aviation Tourism and Hospitality-Spu, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, 2410 2 ถ. พหลโยธิน แขวง เสนานิคม เขตจตุจักร, Bangkok.

23/09/2025

SPUCATH 🚀 ทุกการเรียนรู้ คือการเดินทางสู่ความสำเร็จ! 🎯 Mini Talk ที่จะทำให้เข้าใจมุมมองการศึกษาด้านการบินมากยิ่งขึ้น ✈️

📚 "Mini Talk: Journey to Destination" วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ สาขาธุรกิจการบิน จัดพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้พิเศษให้นักศึกษาได้เข้าใจเส้นทางการเรียนที่เชื่อมโยงสู่การทำงานจริง 🎤 เจาะลึกกับคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ :

✈️ Ground Service - งานบริการภาคพื้น การดูแลผู้โดยสาร
🛫 In-flight Service - งานบริการบนเครื่องบิน
💬 Q&A Session เปิดโอกาสถาม-ตอบ แลกเปลี่ยนมุมมอง และแบ่งปันประสบการณ์อย่างใกล้ชิด

🌟 "Journey to Destination" - เพราะทุกการเรียนรู้คือการเดินทางสู่ความสำเร็จในอนาคต✈️ SPU Airline ready for Take off

#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ #สาขาธุรกิจการบิน #เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

🏩โรงแรมในประเทศไทยปรับกลยุทธ์เน้นการบริการที่มีคุณภาพและยั่งยืน🏡🇹🇭ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคั...
22/09/2025

🏩โรงแรมในประเทศไทยปรับกลยุทธ์เน้นการบริการที่มีคุณภาพและยั่งยืน🏡

🇹🇭ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก โดยก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสูงกว่า 39 ล้านคนต่อปี อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากก่อให้เกิดข้อจำกัด ทั้งด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อม คุณภาพการบริการ และความยั่งยืนของรายได้ โรงแรมในประเทศไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์จากการเน้นปริมาณ ไปสู่การให้ความสำคัญกับคุณภาพและความยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

✍การปรับกลยุทธ์ของโรงแรมไทย
1. การเน้นการบริการที่มีคุณภาพ
โรงแรมเริ่มมุ่งเน้นการสร้าง ประสบการณ์เฉพาะบุคคล (personalized experience) เช่น การปรับบริการให้ตรงกับความต้องการของแขก, การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, และการยกระดับคุณภาพด้านอาหาร สุขอนามัย และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อสร้างความพึงพอใจและเพิ่มอัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำ

2. การพัฒนาความยั่งยืน (Sustainability)
ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารโรงแรม เช่น
• การใช้พลังงานทดแทนและระบบประหยัดพลังงาน
• การจัดการขยะ ลดพลาสติกใช้ครั้งเดียว
• การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เช่น ใช้วัตถุดิบอาหารจากผู้ผลิตในท้องถิ่น
• การออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยวที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
แนวทางเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนระยะยาว แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (eco-conscious travelers)

3. การขยายฐานลูกค้าเชิงคุณภาพ
โรงแรมมุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูง กลุ่มที่เดินทางเพื่อสุขภาพ (wellness tourism) และกลุ่มที่มองหาประสบการณ์เฉพาะ (niche tourism) เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงกีฬา และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

4. การพัฒนาบุคลากรและการใช้เทคโนโลยี
บุคลากรยังคงเป็นปัจจัยหลักของคุณภาพการบริการ การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะด้านภาษา วัฒนธรรม และการบริการลูกค้า จึงเป็นสิ่งจำเป็นควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบเช็กอินแบบไร้สัมผัส (contactless check-in) และ AI chatbot เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของผู้เข้าพัก

👨‍🏫ผลกระทบและความท้าทาย
แม้กลยุทธ์การเน้นคุณภาพและความยั่งยืนจะสร้างโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว แต่ยังเผชิญความท้าทาย ได้แก่
• ต้นทุนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและมาตรการสิ่งแวดล้อมที่สูง
• ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบกำลังซื้อของนักท่องเที่ยว
• การแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่เริ่มปรับตัวในทิศทางเดียวกัน

👨‍💻สรุป
การปรับกลยุทธ์ของโรงแรมในประเทศไทยจากการพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงปริมาณไปสู่การมุ่งเน้นคุณภาพและความยั่งยืน ถือเป็นทิศทางที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในอนาคต โรงแรมที่สามารถยกระดับการบริการ สร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล และดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม จะมีศักยภาพในการสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขัน และสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

🧘‍♂️การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) กับนักท่องเที่ยว Gen ใหม่🧳🧚‍♂️ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจม...
18/09/2025

🧘‍♂️การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) กับนักท่องเที่ยว Gen ใหม่🧳

🧚‍♂️ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจมากขึ้น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ได้กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการเดินทางที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยว Gen ใหม่ ซึ่งประกอบด้วย Gen Y (Millennials) และ Gen Z ที่มีแนวโน้มเลือกประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว Gen ใหม่ พร้อมเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนี้

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หมายถึง การเดินทางเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย ใจ และจิตวิญญาณ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักในการฟื้นฟูสมดุลชีวิต องค์ประกอบหลัก ได้แก่:

🧘‍♀️ กิจกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น โยคะ สมาธิ สปา การบำบัดด้วยธรรมชาติ

🥗 โภชนาการที่ดี เช่น อาหารออร์แกนิก เมนูสุขภาพ

🌿 สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการพักผ่อน เช่น รีสอร์ตในธรรมชาติ

🩺 การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพ หรือเวชศาสตร์ชะลอวัย

นักท่องเที่ยว Gen ใหม่มีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อรูปแบบการท่องเที่ยว ได้แก่:

💡 ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์” มากกว่าสิ่งของ

📱 ใช้เทคโนโลยีในการวางแผนและแชร์ประสบการณ์

🌱 สนใจเรื่องสุขภาพ ความยั่งยืน และจริยธรรมในการเดินทาง

🎯 มองหาการท่องเที่ยวที่มีความหมายและส่งผลดีต่อชีวิต

แนวโน้มการเติบโตของ Wellness Tourism ในกลุ่ม Gen ใหม่
จากรายงานของ Global Wellness Institute พบว่า Wellness Tourism มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยม โดยเฉพาะในด้านสปา สมุนไพรไทย และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

นักท่องเที่ยว Gen ใหม่มักเลือกแพ็กเกจที่ผสมผสานกิจกรรมเพื่อสุขภาพกับการเรียนรู้วัฒนธรรม เช่น การฝึกโยคะในวัดไทย หรือการทำอาหารสุขภาพแบบพื้นบ้าน

👨‍💻สรุป
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นแนวโน้มที่สอดคล้องกับค่านิยมของนักท่องเที่ยว Gen ใหม่ ซึ่งมองหาประสบการณ์ที่มีความหมายและส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในทิศทางนี้จึงควรเน้นการออกแบบบริการที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพ เทคโนโลยี และความยั่งยืน เพื่อสร้างความแตกต่างและความประทับใจในระยะยาว

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

🏨Workation Hotel : กลยุทธ์โดนใจนักท่องเที่ยว New Gen ธุรกิจโรงแรมในเมืองไทย🇹🇭🧳อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมของประเทศไ...
15/09/2025

🏨Workation Hotel : กลยุทธ์โดนใจนักท่องเที่ยว New Gen ธุรกิจโรงแรมในเมืองไทย🇹🇭

🧳อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมของประเทศไทยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในกระแสที่โดดเด่น คือ Workation (Work + Vacation) หรือการทำงานควบคู่กับการพักผ่อน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว แนวคิด “Workation Hotel” จึงกลายเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ผู้ประกอบการโรงแรมควรพิจารณาในการสร้างความแตกต่างและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

✍️ความหมายและความสำคัญของ Workation
Workation หมายถึง การเดินทางไปยังสถานที่ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการพักผ่อนและท่องเที่ยว โดยผู้เข้าพักต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองทั้งด้านการทำงาน (เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พื้นที่ทำงาน ห้องประชุมออนไลน์) และด้านการพักผ่อน (เช่น สิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบ กิจกรรมสันทนาการ Wellness หรือ Healthy Food) ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจาก
1. การแพร่หลายของการทำงานแบบ Remote Work และ Hybrid Work
2. ความต้องการลดความเครียดและเพิ่มคุณภาพชีวิต
3. การสนับสนุนจากองค์กรและรัฐบาลบางประเทศที่ส่งเสริมวีซ่า Digital Nomad

💪ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นด้านทรัพยากรการท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ต จึงเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการพัฒนา Workation Hotel

👨‍💼กลยุทธ์การพัฒนา Workation Hotel
1. การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ
โรงแรมควรจัดเตรียมพื้นที่ทำงานที่เหมาะสม มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร โต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่ได้มาตรฐาน รวมถึงบริการ Co-working Space และห้องประชุมออนไลน์เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายบุคคลและองค์กร

2. การสร้างแพ็กเกจระยะกลางและระยะยาว
เสนอแพ็กเกจเข้าพัก 7-14 วัน หรือรายเดือน ที่รวมบริการอาหาร ซักรีด และกิจกรรมเสริม จะช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักระยะยาว (long stay) และสร้างรายได้สม่ำเสมอ

3. การผสมผสานด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์
โรงแรมสามารถบูรณาการบริการ Wellness เช่น โยคะ สปา ฟิตเนส หรืออาหารสุขภาพ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน

4. การตลาดและการสร้างแบรนด์
การทำการตลาดควรเน้นกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่นิยมทำงานแบบยืดหยุ่น ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และ Influencer Marketing โดยใช้แนวคิด เช่น “Work by the Beach” หรือ “Work & Relax in Thailand” เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความแตกต่าง

5. ความร่วมมือกับนโยบายและชุมชนท้องถิ่น
การประสานงานกับภาครัฐในการใช้สิทธิประโยชน์ด้านวีซ่า Digital Nomad รวมถึงการร่วมมือกับธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านอาหารหรือผู้จัดกิจกรรมท่องเที่ยว จะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างระบบนิเวศ Workation ที่ยั่งยืน

👨‍🏫การวิเคราะห์จุดแข็งและข้อควรระวัง
ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพสูง และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล แต่ก็มีข้อควรระวัง ได้แก่
• ความจำเป็นในการสร้างมาตรฐานอินเทอร์เน็ตที่มีเสถียรภาพ
• การแข่งขันที่รุนแรงจากโรงแรมและที่พักประเภทอื่น เช่น รีสอร์ตและ Airbnb
• ความท้าทายในการจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไปและลูกค้ากลุ่ม Workation

👨‍💻สรุป
“Workation Hotel” ไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ชั่วคราว แต่เป็นการปรับตัวต่อพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการผสานการทำงานและการพักผ่อนเข้าด้วยกัน การนำกลยุทธ์นี้มาใช้จะช่วยให้ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ดึงดูดลูกค้าคุณภาพสูง และสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะยาว

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

🧳ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 22 ล้านคน เปิด 5 ชาติเข้าไทยสูงสุด🇹🇭👨‍🏫กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวล...
12/09/2025

🧳ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 22 ล้านคน เปิด 5 ชาติเข้าไทยสูงสุด🇹🇭

👨‍🏫กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 7 ก.ย. 68 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย แล้วทั้งสิ้น 22,387,817 คน

👨‍💼จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย สูงสุด 5 อันดับแรก
อันดับ 1 จีน 3,163,562 คน
อันดับ 2 มาเลเซีย 3,135,600 คน
อันดับ 3 อินเดีย 1,612,386 คน
อันดับ 4 รัสเซีย 1,211,616 คน
อันดับ 5 เกาหลีใต้ 1,059,615 คน

✍️สําหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดต่อเนื่องในประเทศมาเลเซีย การประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬา

👨‍💻การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาลที่ช่วยเพิ่มการอํานวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตรตม.6 รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

🧳Tokyo, Singapore, Shanghai : 3 เมืองยอดฮิตในเอเชียที่คนไทยนิยมท่องเที่ยว ปี 2568🇹🇭✍ในช่วงปี 2568 การเดินทางระหว่างประเท...
10/09/2025

🧳Tokyo, Singapore, Shanghai : 3 เมืองยอดฮิตในเอเชียที่คนไทยนิยมท่องเที่ยว ปี 2568🇹🇭

✍ในช่วงปี 2568 การเดินทางระหว่างประเทศของคนไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม จากข้อมูลของบริษัทการบินไทยและการสำรวจของ YouTrip พบว่า โตเกียว สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ เป็นสามเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากนักท่องเที่ยวไทย บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เมืองเหล่านี้โดดเด่นในสายตานักเดินทางชาวไทย

1. โตเกียว: ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประสบการณ์🇯🇵
โตเกียวยังคงครองตำแหน่งเมืองยอดนิยมอันดับหนึ่งของคนไทยในปี 2568 ด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความดั้งเดิม เช่น ย่านชิบูย่าและอาซากุสะ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งและอาหารที่มีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ การเดินทางที่สะดวกด้วยสายการบินตรงและระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมความนิยม

2. สิงคโปร์: เมืองเล็กที่ครบเครื่อง🇸🇬
สิงคโปร์เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการประสบการณ์แบบ “ไปเช้าเย็นกลับ” ด้วยขนาดเมืองที่กะทัดรัด ความปลอดภัยสูง และระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย นักท่องเที่ยวไทยนิยมไปเยือนสถานที่อย่าง Marina Bay Sands, Gardens by the Bay และ Universal Studios Singapore อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวและนักท่องเที่ยวมือใหม่

3. เซี่ยงไฮ้: การเติบโตของความนิยมหลังฟรีวีซ่า🇨🇳
เซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองมาแรงในปี 2568 โดยมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นกว่า 80% ปัจจัยสำคัญคือการเปิดฟรีวีซ่าของจีนสำหรับคนไทย ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นอย่างมาก เซี่ยงไฮ้มีจุดเด่นด้านสถาปัตยกรรมทันสมัย เช่น หอไข่มุก และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น ย่านเมืองเก่าและ Shanghai Disneyland ซึ่งตอบโจทย์ทั้งสายช้อปปิ้งและสายครอบครัว

👨‍🏫ปัจจัยร่วมที่ส่งผลต่อความนิยม
• ความสะดวกในการเดินทาง: ทั้งสามเมืองมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ และระบบขนส่งภายในเมืองที่มีประสิทธิภาพ
• นโยบายวีซ่า: จีนและญี่ปุ่นมีมาตรการฟรีวีซ่าหรือวีซ่าที่ง่ายขึ้นสำหรับคนไทย
• ความหลากหลายของกิจกรรม: ทั้งสามเมืองมีแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์หลากหลายกลุ่ม เช่น วัยรุ่น ครอบครัว และนักเดินทางสายวัฒนธรรม
• การตลาดและโปรโมชั่น: สายการบินและแพลตฟอร์มท่องเที่ยวมีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง

👨‍💻สรุป
โตเกียว สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ เป็นตัวแทนของเมืองในเอเชียที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยในปี 2568 โดยเน้นความสะดวก ความคุ้มค่า และประสบการณ์ที่หลากหลาย การวิเคราะห์นี้สามารถนำไปใช้ในการวางแผนธุรกิจท่องเที่ยว การออกแบบแคมเปญการตลาด หรือการศึกษาด้านพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคหลังโควิด-19

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

✈️สนามบินที่มีผู้โดยสารใช้งานมากที่สุดในโลก🌏🛫อุตสาหกรรมการบินพาณิชย์เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยสนามบินนานาชาต...
08/09/2025

✈️สนามบินที่มีผู้โดยสารใช้งานมากที่สุดในโลก🌏

🛫อุตสาหกรรมการบินพาณิชย์เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยสนามบินนานาชาติทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเดินทาง การขนส่งสินค้า และการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก การวัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้งานสนามบินจึงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงความสามารถในการรองรับการเดินทางและบทบาทของสนามบินในระบบเศรษฐกิจโลก

👫จำนวนผู้โดยสารใช้งาน (Passenger Traffic) หมายถึงจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้า ออก และเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินในช่วงเวลาหนึ่ง โดยข้อมูลนี้มักถูกรวบรวมโดยองค์กรเช่น Airports Council International (ACI) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ติดตามสถิติการเดินทางของสนามบินทั่วโลก
สนามบินที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในโลก (ข้อมูลล่าสุด ปี 2024)
จากรายงานของ ACI สนามบินที่มีผู้โดยสารใช้งานมากที่สุดในโลก ได้แก่:

1. สนามบินนานาชาติฮาร์ตส์ฟิลด์-แจ็กสัน แอตแลนตา (ATL) ประเทศสหรัฐอเมริกา
2. สนามบินนานาชาติดูไบ (DXB) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
3. สนามบินนานาชาติดัลลัส-ฟอร์ตเวิร์ธ (DFW) ประเทศสหรัฐอเมริกา
4. สนามบินนานาชาติโตเกียว ฮาเนดะ (HND) ประเทศญี่ปุ่น
5. สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส (LAX) ประเทศสหรัฐอเมริกา

👨‍🏫ปัจจัยที่ส่งผลต่อจำนวนผู้โดยสาร
• ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์: สนามบินที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ เช่น แอตแลนตา หรือดูไบ มักเป็นศูนย์กลางการเปลี่ยนเครื่อง
• เครือข่ายสายการบิน: สนามบินที่เป็นฐานของสายการบินขนาดใหญ่ เช่น Delta (ATL) หรือ Emirates (DXB) จะมีผู้โดยสารสูง
• เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว: เมืองที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งหรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น โตเกียว หรือลอสแอนเจลิส จะดึงดูดผู้โดยสารจำนวนมาก
• โครงสร้างพื้นฐาน: ความสามารถในการรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสาร เช่น จำนวนรันเวย์ อาคารผู้โดยสาร และระบบขนส่งภายในสนามบิน
แนวโน้มในอนาคต

✍️การเติบโตของสนามบินในเอเชีย เช่น สนามบินปักกิ่ง ต้าเซิ่ง และสนามบินอินเดีย อาจเปลี่ยนแปลงอันดับในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เทคโนโลยี เช่น ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ และการใช้ AI ในการจัดการเที่ยวบิน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร

👨‍💻สรุป
สนามบินที่มีผู้โดยสารใช้งานมากที่สุดในโลกไม่เพียงสะท้อนถึงปริมาณการเดินทางเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวชี้วัดถึงบทบาทของเมืองและประเทศในระบบเศรษฐกิจโลก การติดตามข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักวิชาการ นักวางแผน และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการบิน

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

✈️"เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ที่ใช้เวลาเดินทางยาวนานที่สุดในโลก"🌏🛫ในยุคที่การเดินทางข้ามทวีปกลายเป็นเรื่องปกติ เทคโนโลยีการบิ...
05/09/2025

✈️"เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ที่ใช้เวลาเดินทางยาวนานที่สุดในโลก"🌏

🛫ในยุคที่การเดินทางข้ามทวีปกลายเป็นเรื่องปกติ เทคโนโลยีการบินได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายและประหยัดเวลา เที่ยวบินตรงระยะไกล (Ultra Long-Haul Flights) จึงกลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญของอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์ บทความนี้มุ่งศึกษาลักษณะของเที่ยวบินที่ใช้เวลาเดินทางยาวนานที่สุดในโลก พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความยาวของเที่ยวบิน และผลกระทบต่อผู้โดยสารและสายการบิน

🛬เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ที่ใช้เวลาเดินทางยาวนานที่สุดในโลกในปัจจุบันคือ เที่ยวบินของสายการบิน Singapore Airlines เส้นทางจากสิงคโปร์ (SIN) ไปยังนครนิวยอร์ก (JFK)
รายละเอียดของเที่ยวบิน:
• สายการบิน: Singapore Airlines
• เส้นทาง: สิงคโปร์ (SIN) - นิวยอร์ก (JFK)
• ระยะทาง: ประมาณ 15,349 กิโลเมตร (9,537 ไมล์)
• เวลาเดินทางโดยประมาณ: 18 ชั่วโมง 40 นาที ถึง 18 ชั่วโมง 50 นาที
• อากาศยาน: Airbus A350-900ULR ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ออกแบบมาสำหรับการบินระยะไกลพิเศษ

🏆เที่ยวบินนี้ได้ครองตำแหน่งเที่ยวบินที่ยาวนานที่สุดในโลกมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 โดยเส้นทางนี้มีการจัดที่นั่งพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารในการเดินทางที่ยาวนานเป็นพิเศษ เช่น มีเฉพาะที่นั่งชั้นธุรกิจ (Business Class) และชั้นประหยัดพิเศษ (Premium Economy) เท่านั้น โดยไม่มีที่นั่งชั้นประหยัด (Economy Class) ธรรมดา

⏰ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาเที่ยวบิน
• ระยะทางทางภูมิศาสตร์: เส้นทางบินข้ามมหาสมุทรหรือข้ามทวีปมีระยะทางยาวกว่าปกติ
• สภาพอากาศและลม: ลมกรด (Jet Stream) อาจช่วยลดหรือเพิ่มเวลาเดินทาง
• ประสิทธิภาพของเครื่องบิน: เครื่องบินรุ่นใหม่ เช่น Airbus A350-900 ULR และ Boeing 787-9 Dreamliner มีความสามารถในการบินต่อเนื่องได้นานขึ้น
• นโยบายสายการบิน: การเลือกเส้นทางบินตรงเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้โดยสารระดับพรีเมียม
ผลกระทบต่อผู้โดยสารและสายการบิน
• ผู้โดยสาร: เที่ยวบินยาวนานอาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น อาการเหนื่อยล้า หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แต่ก็มีข้อดีคือไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง
• สายการบิน: เที่ยวบินตรงช่วยลดต้นทุนการจัดการที่สนามบินปลายทาง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดระดับโลก

👨‍🏫แนวโน้มในอนาคต
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการบินและความต้องการของผู้โดยสาร เที่ยวบินตรงระยะไกลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยสายการบินต่างๆ อาจเปิดเส้นทางใหม่ที่ใช้เวลาเดินทางใกล้เคียงหรือมากกว่า 20 ชั่วโมงในอนาคต

👨‍💻สรุป
เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ที่ใช้เวลาเดินทางยาวนานที่สุดสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการปรับตัวของอุตสาหกรรมการบินเพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสารในยุคโลกาภิวัตน์ แม้จะมีความท้าทายด้านสุขภาพและต้นทุน แต่ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

ส่องเทรนด์ "Calmcations กับธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองไทย"พักใจให้ช้าลง…แล้วปล่อยให้ธรรมชาติทำงานแทนเราในยุคที่โลกหมุนเร็วขึ...
03/09/2025

ส่องเทรนด์ "Calmcations กับธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองไทย"
พักใจให้ช้าลง…แล้วปล่อยให้ธรรมชาติทำงานแทนเรา

ในยุคที่โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน การท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงการ “ไปให้ถึง” จุดหมาย แต่คือการ “หยุด” เพื่อฟังเสียงตัวเอง "เทรนด์ Calmcations" การพักผ่อนแบบสงบ เรียบง่าย และฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ จึงกลายเป็นกระแสที่มาแรงทั่วโลก และกำลังเปิดโอกาสใหม่ให้ธุรกิจท่องเที่ยวไทย

🌿 Calmcations คืออะไร
Calmcations มาจากคำว่า Calm (สงบ) + Vacation (วันหยุด) หมายถึงการเดินทางที่เน้นความเงียบสงบ ลดสิ่งรบกวน และใช้เวลาอยู่กับตัวเองหรือธรรมชาติอย่างแท้จริง
• ไม่มีตารางกิจกรรมแน่น
• เลือกสถานที่ที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย
• เน้นกิจกรรมช้า ๆ เช่น เดินป่าเบา ๆ, ทำสมาธิ, โยคะ, อ่านหนังสือ, อาบน้ำแร่

📈 โอกาสของธุรกิจท่องเที่ยวไทย
ข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบทวิเคราะห์อุตสาหกรรมปี 2025 ชี้ว่า หลังโควิด พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน — นักเดินทางให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจมากขึ้น และพร้อมจ่ายเพื่อประสบการณ์ที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่การ “เช็กอิน”

เหตุผลที่ไทยเหมาะกับ Calmcations
• ภูมิประเทศหลากหลาย: ภูเขา ป่า น้ำตก ทะเล เกาะเล็ก ๆ
• วัฒนธรรมผ่อนคลาย: การนวดแผนไทย, สปา, อาหารสุขภาพ
• ค่าใช้จ่ายคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับจุดหมายปลายทาง Wellness อื่น ๆ ในเอเชีย
• การเดินทางสะดวก: มีสนามบินและระบบขนส่งครอบคลุม

🏞️ พื้นที่ศักยภาพสูง
1. ภาคเหนือ – เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน: รีสอร์ตกลางป่า, โฮมสเตย์ในหมู่บ้านชุมชน
2. ภาคใต้ – เกาะยาว, เกาะหลีเป๊ะ, เกาะพยาม: ทะเลเงียบ น้ำใส กิจกรรมดำน้ำตื้น
3. ภาคตะวันออก – เกาะกูด, เกาะหมาก: บรรยากาศช้า ๆ เหมาะกับการ Digital Detox
4. ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม – บ้านแม่กำปอง, บ้านป่าบงเปียง: ผสมผสานธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่น

💡 กลยุทธ์สำหรับผู้ประกอบการ
• ออกแบบแพ็กเกจ “Slow Travel”: ให้ผู้เข้าพักอยู่ยาวขึ้น 4–7 วัน
• ผสาน Wellness Tourism: โยคะ, สมาธิ, อาหารปลอดสาร, เวิร์กช็อปงานฝีมือ
• สร้างบรรยากาศเงียบสงบ: ลดเสียงรบกวน, ใช้โทนสีธรรมชาติ, เพิ่มพื้นที่สีเขียว
• ทำตลาดเฉพาะกลุ่ม: นักท่องเที่ยวระยะไกล (Long Haul) จากยุโรป, อเมริกา, ตะวันออกกลาง ที่มักพักนานและใช้จ่ายสูง
• เล่าเรื่อง (Storytelling): ใช้ภาพและวิดีโอเล่าอารมณ์สงบ เช่น สไตล์ Studio Ghibli หรือโทนมินิมอลญี่ปุ่น เพื่อดึงดูดกลุ่มที่ชอบความโรแมนติกของธรรมชาติ

🔮 แนวโน้มในอนาคต
แม้ไทยจะเผชิญความท้าทายจากเทรนด์ “Coolcations” ที่นักท่องเที่ยวบางส่วนเลือกไปประเทศอากาศเย็น แต่ Calmcations สามารถเป็นคำตอบคู่ขนานได้ หากเราสร้างประสบการณ์ที่ไม่ขึ้นกับฤดูกาล เช่น การพักผ่อนในป่าเขา น้ำตก หรือชุมชนที่มีร่มเงาและอากาศเย็นสบายตลอดปี

✍️ สรุป
Calmcations ไม่ใช่แค่แฟชั่นการท่องเที่ยวชั่วคราว แต่เป็นการตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของผู้คนในยุคที่ความเงียบและความช้ากลายเป็น “สินค้าหายาก” สำหรับเมืองไทย นี่คือโอกาสทองในการยกระดับธุรกิจท่องเที่ยวให้เป็นมากกว่าการขายที่พักหรือทัวร์ แต่คือการขาย “ประสบการณ์ฟื้นฟูชีวิต”

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

🧳กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัวตราสัญลักษณ์ “Trusted Thailand” เสริมความเชื่อมั่นการเดินทางท่องเที่ยวไทย🇹🇭⛱การท่องเ...
01/09/2025

🧳กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัวตราสัญลักษณ์ “Trusted Thailand” เสริมความเชื่อมั่นการเดินทางท่องเที่ยวไทย🇹🇭

⛱การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยที่สร้างรายได้มหาศาลและส่งผลต่อการจ้างงานในระดับประเทศ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเดินทาง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้เปิดตัวตราสัญลักษณ์ “Trusted Thailand” เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และมาตรฐานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

✍️วัตถุประสงค์ของตราสัญลักษณ์ Trusted Thailand
ตราสัญลักษณ์ “Trusted Thailand” มีวัตถุประสงค์หลักในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเน้น 4 เกณฑ์ประเมินหลัก ได้แก่:

✅ มาตรการรักษาความปลอดภัยทั่วไป

💳 ระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยและทันสมัย

🌐 การสื่อสารภาษาต่างประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ

🚉 การเข้าถึงและเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะอย่างสะดวก

ตราสัญลักษณ์นี้จะมอบให้แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ดังกล่าว โดยเริ่มนำร่องกับกลุ่มโรงแรมที่พักตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 เป็นต้นไป

การเปิดตัวตราสัญลักษณ์ Trusted Thailand เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ โดยเฉพาะในตลาดนักท่องเที่ยวหลัก เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และยุโรป ซึ่งให้ความสำคัญกับมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุมและเชื่อถือได้

นอกจากนี้ ททท. ยังเน้นการสื่อสารเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อสาธารณะ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในตราสัญลักษณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการในทุกระดับ

👨‍🏫ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
เพื่อให้ตราสัญลักษณ์ Trusted Thailand มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรมีการดำเนินการเพิ่มเติมดังนี้:

-พัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการใช้งานตราสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง

-ส่งเสริมการอบรมและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการรายย่อย

-ขยายขอบเขตการรับรองไปยังธุรกิจอื่น ๆ เช่น ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว และบริการนำเที่ยว

👨‍💻บทสรุป
ตราสัญลักษณ์ “Trusted Thailand” เป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่สะท้อนถึงความพยายามของภาครัฐในการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยให้สอดคล้องกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยวในยุคใหม่ โดยเน้นความปลอดภัย ความโปร่งใส และคุณภาพของบริการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในระยะยาว

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

29/08/2025

วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยว และการบริการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม 🛫 สาขาธุรกิจการบิน เปิดตัวรายวิชาใหม่ 🛩️

“งานบริการสายการบินส่วนบุคคล (Executive Private Jet Service)“✨

พร้อมเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับ 🤝 กับ Nailert Butler Academy 🏰 สถาบันฝึกอบรมด้านการบริการลักชูรี่ 💎
ที่ได้รับการรับรองจาก British Butler Academy 🇬🇧
เพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอน 📚
และผลิตบุคลากรคุณภาพ 👩‍✈️👨‍✈️

รองรับการเติบโตของ อุตสาหกรรมการบินและการบริการสุดหรู 🌍 ในอนาคต

✨ Airline @ SPU – Ready for Take Off! 🚀

#สาขาวิชาธุรกิจการบิน
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ



#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

🧳ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 21 ล้านคน เปิด 5 ชาติเข้าไทยสูงสุด🇹🇭👨‍💼กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อัปเดท สถานการณ์ท่องเที่ยวล...
29/08/2025

🧳ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 21 ล้านคน เปิด 5 ชาติเข้าไทยสูงสุด🇹🇭

👨‍💼กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อัปเดท สถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 24 ส.ค. 68 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย แล้วทั้งสิ้น 21,373,361 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 992,058 ล้านบาท👏

👨‍🏫นักท่องเที่ยวชะลอตัวด้านการเดินทางในทุกกลุ่มตลาด จากการเข้าสู่ช่วงท้ายของฤดูกาลท่องเที่ยว (Summer holiday) ในหลายประเทศ และสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดต่อเนื่องของอินเดีย

👨‍💻จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย สูงสุด 5 อันดับแรก👍

อันดับ 1 จีน 3,025,170 คน
อันดับ 2 มาเลเซีย 2,949,361 คน
อันดับ 3 อินเดีย 1,526,404 คน
อันดับ 4 รัสเซีย 1,180,173 คน
อันดับ 5 เกาหลีใต้ 1,011,612 คน

--------------------------------------
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุพงศ์ อวิรุทธา
คณบดี วิทยาลัยการบิน การท่องเที่ยวและการบริการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
--------------------------------------
#วิทยาลัยการบินการท่องเที่ยวและการบริการ
#มหาวิทยาลัยศรีปทุม
#เรียนกับตัวจริงประสบการณ์จริง

ที่อยู่

2410 2 ถ. พหลโยธิน แขวง เสนานิคม เขตจตุจักร
Bangkok
10900

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Dean-College of Aviation Tourism and Hospitality-Spuผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Dean-College of Aviation Tourism and Hospitality-Spu:

แชร์