29/10/2025
‘ทภ.2 ไทย - ภท.4 กัมพูชา’ ดีเดย์ ‘ถอนอาวุธ’ ชายแดน เฟสแรก ดีเดย์ เที่ยงคืน 1 พ.ย. เริ่มที่จรวดหลายลำกล้อง BM-21 เฟส 2 ปืนใหญ่ ขนาด 155 ม. เริ่ม 22พ.ย. เฟส 3 ยานเกราะ- รถถัง เริ่ม 13 ธ.ค. ‘มทภ.2-ผบ.ภูมิภาคที่ 4’ ลงนามร่วม 31 ต.ค.
29 ต.ค. 2568 การประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนภูมิภาค กองทัพภาคที่2 -ภูมิภาคทหารที่4 (RBC) ฝ่ายไทย นำโดย พล.ต.กัมปนาท วาพันสุ เสนาธิการกองทัพภาคที่2 เลขานุการ RBC ฝ่ายไทยและ ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.จ.นิด ณารง รอง เสนาธิการ ภูมิภาคทหารที่ 4 เลขานุการ RBC ฝ่ายกัมพูชา เพื่อหารือแผนปฏิบัติการ (action plan) ปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก ตามผลการประชุม GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ผลการประชุมที่สำคัญ ดังนี้
ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการกำหนดวัน D-Day ร่วมกันใน 1 พ.ย. 2568
กรอบเวลาในการดำเนินการตาม action plan มีดังนี้
- เฟส 1 ปรับกำลังประเภท Type A จะเริ่มต้นใน 1พ.ย. 2568เวลา 00.00 น.(วันดีเดย์) เป็นอาวุธประเภทจรวดหลายลำกล้อง
- เฟส 2 ปรับกำลังประเภท Type B จะเริ่มต้นใน 22พ.ย. 2568 เวลา 00.00 น.(วันดีเดย์ + 3สัปดาห์) เป็นอาวุธประเภทปืนใหญ่ทั้งหมด ทั้งลากจูงและอัตราจร ขนาด 155 มม. ลงมา
- เฟส 3 ปรับกำลังประเภท Type C จะเริ่มต้นใน 13 ธ.ค. 2568 เวลา 00.00 น.(วันดีเดย์ + 6สัปดาห์) เป็นอาวุธ ประเภท ยานเกราะ-รถถัง
โดยในวันนี้ ผู้แทนฝ่ายเลขาฯ ทั้งสองฝ่ายจะลงนามใน ‘บันทึกการหารือ’ และเตรียมการในการลงนาม ‘บันทึกการประชุม’ ต่อไป ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม – โอร์เสม็ด
สำหรับการลงนาม ‘บันทึกการประชุม’ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการลงนาม บันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค กองทัพภาคที่ 2 - ภูมิภาคทหารที่4 ร่วมกันระหว่าง แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผู้บัญชาทหารภูมิภาคที่4 วันที่31 ต.ค. 2568 เวลา 14.00 น.บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม - โอร์เสม็ด
จากนั้นวันที่ 1 พ.ย. 2568 เวลา 00.00 น.จะเริ่มดำเนินการปรับกำลังตามลำดับของประเภทอาวุธที่มีการเสนอ
ต่อมาในวันที่ 15 พ.ย. 2568 จะมีการจัดการประชุมเพื่อทบทวนการปฏิบัติใน เฟส 1 เพื่อเตรียมการและแก้ไขปัญหาและ หารือในการปรับกำลังใน เฟส 2 และ 3 เพื่อให้ส่วนที่เกี่ยวข้องมีเวลา ในการวางแผนเข้าตรวจสอบและวางแผนในการเคลื่อนย้าย
#ไทยกัมพูชา #กองทัพภาคที่2