Khaokrom  press เสนอข่าวสารจากผู้ดูแลเพจอย่างเดียว�

วช. ผนึกกำลังเครือข่ายจังหวัดลำปางและจังหวัดตาก “มุ่งเป้าอนาคตไทยเพื่ออากาศสะอาด” เดินหน้าวิจัย-นวัตกรรม ขจัดฝุ่น PM2.5 ...
04/07/2025

วช. ผนึกกำลังเครือข่ายจังหวัดลำปางและจังหวัดตาก “มุ่งเป้าอนาคตไทยเพื่ออากาศสะอาด” เดินหน้าวิจัย-นวัตกรรม ขจัดฝุ่น PM2.5

วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และกิจกรรม “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทย” ผนึกพลังขับเคลื่อนเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประเด็นประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวเปิดการประชุม โดยภายในงานมีเครือข่ายผู้บริหาร ประกอบด้วย นายกฤษณะ พินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นายสาธิต มณฑาทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก) นายสุรชัย แสงศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง นางสาวปิยธิดา ถิระรณรงค์ เจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิเคราะห์นโยบายและแผนงานวิจัยการเกษตร ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ผู้บริหารส่วนจังหวัดลำปางและจังหวัดตาก ผู้บริหาร วช. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะนักวิจัย ณ โรงแรมทรีทารา จังหวัดลำปาง

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึง วช. และหน่วยงานเครือข่ายเพื่อร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือ “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด” ผนึกพลังขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยมีจังหวัดลำปางและจังหวัดตากเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญร่วมดำเนินการ คือ
1. ลดจำนวน Hostpot (จากแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 จากการเผาในที่โล่ง) ที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่ให้เกิน 5,000 จุด/ปี ของพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัด
2. ลดจำนวนวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ไม่เกิน 50 วัน/ปี ของพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัด
3. ลดจำนวนสถิติผู้ป่วย COPD ที่แอดมิทครั้งแรกจากสาเหตุฝุ่น ไม่ให้เกิน 1,000 คน/ปี ของพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัด
โดยดำเนินการผ่านการบูรณาการงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และประชาสังคม มุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ภายในงาน ได้มีการกล่าวจุดมุ่งหมายของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ โดย
1. นายกฤษณะ พินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
2. นายสาธิต มณฑาทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
3. นางสาวปิยธิดา ถิระรณรงค์ เจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิเคราะห์นโยบายและแผนงานวิจัยการเกษตร ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
4. นายพิษณุพล ประสาน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
5. นางจิตรี จิวะสันติการ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง
6. นางศิริพร ปัญญาเสน ประธานเครือข่ายฟ้าใส ลมหายใจลำปาง
7. นายวิเชษฎ ขาวละออ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ ผู้แทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก
8. นายวิฑูรย์ ภู่ชินาพันธุ์ กรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดตาก ผู้แทนประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดตาก
9. นายอารักษ์ อนุชปรีดา ประธานสภาลมหายใจจังหวัดตาก
ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลง “มุ่งเป้าอนาคตไทยเพื่ออากาศสะอาด” มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการข้อมูลวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมในการแก้ปัญหา PM2.5 ในจังหวัดลำปางและจังหวัดตาก เชื่อมโยงผลงานวิจัยของ วช. กับความต้องการในพื้นที่ และร่วมจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานในพื้นที่เข้าร่วมลงนามเพื่อขับเคลื่อนงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศ

พร้อมนี้ มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ระหว่าง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร(องค์การมหาชน) จังหวัดลำปาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง สภาวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง และสภาลมหายใจจังหวัดลำปาง และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ระหว่าง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) จังหวัดตาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก สภาวัฒนธรรมจังหวัดตาก และสภาลมหายใจจังหวัดตาก ในการมุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด ด้วยวิจัยและนวัตกรรมของจังหวัดลำปาง และจังหวัดตาก

นอกจากนี้ ยังมีการหารือแนวทางการทำงานร่วมกันกับภาคีเครือข่าย “การขับเคลื่อนมุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด” โดย นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ รศ.ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์ ผู้แทน ผู้อำนวยการแผนงาน “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน)” ผู้บริหารส่วนราชการในจังหวัดลำปางและจังหวัดตาก ผู้ทรงคุณวุฒิ วช. และคณะนักวิจัย

ทั้งนี้ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ ววน. ในประเด็น “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5” โดยมุ่งเน้นการบูรณาการข้อมูลจากงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปใช้แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างตรงจุดในพื้นที่จังหวัดลำปางและตาก เป็นการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานท้องถิ่น และประชาสังคม เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

วช. ร่วมภาคีเครือข่ายจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง” ด้วยวิจัยและนวัต...
03/07/2025

วช. ร่วมภาคีเครือข่ายจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง” ด้วยวิจัยและนวัตกรรม

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง” เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมาย“ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 และน้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้งใน 10 จังหวัด” ตามยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมนี้ผู้บริหารที่เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ดร.วิจารณ์ สิมาฉายา ประธานกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญของเป้าหมาย สำคัญฯ เรื่อง “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด” ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงาน “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด” นางสาวเสาวนีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมกับ ผู้บริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ผู้บริหาร วช. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะนักวิจัย ณ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึง วช. ได้ร่วมกับ สวก. ดำเนินการการขับเคลื่อนเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. ในประเด็น “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5” และ “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย โดยกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในการลดจุดความร้อน ฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงเพิ่มความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในระดับตำบล ความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีในพื้นที่ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และหน่วยงานท้องถิ่น มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการองค์ความรู้เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากงานวิจัยไปใช้แก้ปัญหาเชิงพื้นที่ วช. มุ่งเน้นการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานทุกระดับ เพื่อให้การวิจัยตอบโจทย์ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม. ความร่วมมือนี้ยังสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นอย่างจริงจัง และส่งเสริมการพัฒนาอย่างครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ภายในงาน ได้มีการกล่าวจุดมุ่งหมายของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ โดย
1. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
2. นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน
3. ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
4. นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 1
5. นายวีรยุทธ ปิ่นแก้ว รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
6. นายวัลลภ นามวงศ์พรม รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
7. นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจจังหวัดเชียงใหม่
8. นายวีระเดช ภู่พิสิฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน
9. นายพงษ์เทพ มนัสตรง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน
10. นายภาณุพงศ์ ไชยวรรณ์ ประธานสภาลมหายใจจังหวัดลำพูน

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “มุ่งเป้าอนาคตไทยเพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง” มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ววน. โดยส่งเสริมการใช้ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ที่ วช. และสวก. ให้การสนับสนุนผ่านงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ปัญหาเชิงพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม พร้อมส่งเสริมการบูรณาการข้อมูลเพื่อใช้ในการวางแผนเชิงนโยบาย และเปิดโอกาสให้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

พร้อมนี้ มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯร่วมกันใน 2 จังหวัด
-จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่าง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กับ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน), จังหวัดเชียงใหม่, สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 1, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่, สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และสภาลมหายใจจังหวัดเชียงใหม่
-จังหวัดลำพูน ระหว่าง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กับ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน), จังหวัดลำพูน, สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 1, องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน, สภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน และสภาลมหายใจจังหวัดลำพูน

การลงนามร่วมกันของภาคีเครือข่าย ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูนในครั้งนี้ เป็นการมุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง ด้วยวิจัยและนวัตกรรม

นอกจากนี้ ยังมีการหารือแนวทางการทำงานร่วมกันกับภาคีเครือข่าย “การขับเคลื่อนมุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง” ใน 2 ประเด็น ได้แก่ ประเด็น : น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง และประเด็น : ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธานกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญของเป้าหมาย สำคัญฯ เรื่อง “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด” รองศาสตราจารย์ ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงาน “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง ใน 10 จังหวัด” นางสาวเสาวนีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ผู้บริหารส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน และคณะนักวิจัย

ทั้งนี้ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และกิจกรรม “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาดน้ำมั่นคง” จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีในการรวมพลังทุกภาคส่วนในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ “แก้ปัญหาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน” และ “ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน” ผ่านความร่วมมือเชิงบูรณาการต่อไป

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวพี่เอ๋ด้วยนะคะหลับให้สบายนะคะ
03/06/2025

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
กับครอบครัวพี่เอ๋ด้วยนะคะ
หลับให้สบายนะคะ

13/05/2025
พังงาจัดใหญ่โรดโชว์สินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น เสิร์ฟตรงเคาะประตูบ้านอวดสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้าชุมชน อาหาร...
13/05/2025

พังงาจัดใหญ่โรดโชว์สินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น เสิร์ฟตรงเคาะประตูบ้าน
อวดสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้าชุมชน อาหารทะเลแปรรูป และสินค้าเด่นของจังหวัดพังงา ท้าชิม&ช้อป

จังหวัดพังงา จัดงาน Phangnga Fair 2025 ขนทัพสินค้าอัตลักษณ์ของจังหวัดพังงา รวมทั้ง
สินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเล และอาหารทะเลแปรรูป เดินสายโรดโชว์
ท้านักช็อป นักชิมทั่วไทย ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต
และระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2568 ที่ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา หวังขยายตลาด สร้างการรับรู้สินค้าพื้นถิ่นจังหวัดพังงาสู่ท้องที่ใกล้เคียงและระดับชาติ เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดพังงาในระยะยาว และยกระดับธุรกิจสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการจังหวัดพังงาอย่างยั่งยืน

นายบุญธรรม ถาวรทัศนกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวถึง วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า จังหวัดพังงา ขานรับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยทุกระดับให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างรายได้
ให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแแข็งจากภายในประเทศ สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (สินค้า GI) สินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเลแปรรูป และสินค้าเด่นของจังหวัดพังงา ให้เป็นที่รู้จัก
ทั้งในและต่างประเทศ

ปัจจุบันมีสินค้าท้องถิ่นไทยที่ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์แล้วจำนวนทั้งสิ้น 230 สินค้า สร้างมูลค่า
ทางการตลาดให้ประเทศกว่า 77,000 ล้านบาท สำหรับจังหวัดพังงา มีสินค้าอัตลักษณ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แล้ว จำนวน 4 รายการ ได้แก่ ทุเรียนสาลิกาพังงา ข้าวไร่ดอกข่าพังงา มังคุดทิพย์พังงา
และปลิงทะเลเกาะยาว นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเล และอาหารทะเลแปรรูป ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น มีชื่อเสียง และสร้างรายได้ให้กับจังหวัดพังงาปีละหลายล้านบาท

จังหวัดพังงา มุ่งหวังให้สินค้าดังกล่าวได้รับการรู้จักอย่างแพร่หลาย และสามารถขยายตลาดเติบโตอย่าง
ไร้ขีดจำกัด จึงได้จัดกิจกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าอัตลักษณ์ของจังหวัดพังงา แบบโรดโชว์ทั้งในและนอกพื้นที่
รวม 2 ครั้ง โดยครั้งแรกจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต
อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต จำนวน 50 ร้านค้า และครั้งที่สอง จัดระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2568
ณ ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา จำนวน 80 ร้านค้า ซึ่งภายในงานพบกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น กิจกรรมการเจรจาธุรกิจ กิจกรรมการแสดงจากศิลปิน และกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกวัน

โดยความคาดหวังจากการจัดงานดังกล่าวจะช่วยสร้างการรับรู้ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ
อันจะก่อให้เกิดผลดีในการขยายช่องทางตลาดทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคต่างพื้นที่ได้รู้จักและเข้าถึงสินค้าจังหวัดพังงามากขึ้น อันเป็นการช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นกิจรรมสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจของขังหวัดพังงานให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน Phangnga Fair 2025 โดยจัดระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา หมายเลขโทรศัพท์ 0 7648 1743

07/05/2025
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ซี่งเป็นผู้ลำเลียงยาเสพติด นำมาพักคอยในพื้นที่จังห...
07/05/2025

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ร่วมแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ซี่งเป็นผู้ลำเลียงยาเสพติด นำมาพักคอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสามารถทำการจับกุมได้ในวันที่ 7 พ.ค.68 มีรายละเอียดดังนี้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร./ประธานอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ปปส. ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตอนในรอบกรุงเทพฯและปริมณฑล รวม 9 จังหวัด เร่งรัดทำการสืบสวนหาข่าวและ X ray พื้นที่ เพื่อปราบปรามทำลายแหล่งพักคอยและรวบรวมยาเสพติดที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดน เข้ามายังพื้นที่ตอนในเพื่อรอเตรียมส่งต่อให้กับลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ

ตำรวจภูธรภาค 1 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 ถึงปัจจุบัน ได้ทำการสืบสวนจับกุมยาเสพติดได้รวมจำนวน 7,961 คดี ผู้ต้องหารวม 8,100 คน ของกลาง ยาบ้ารวม 96 ล้านเม็ดเศษ ยาไอซ์รวม 3,496 กก. เคตามีนรวม 42 กก. และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ สามารถตรวจยึดทรัพย์สิน คิดเป็นมูลค่ารวม 389 ล้านบาทเศษ สำหรับผลการจับกุมรายสำคัญ พอสรุปได้ดังนี้
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.68 จับกุมทีมลำเลียงยาเสพติด “เจ้าโย วายร้าย 15” ได้ผู้ต้องหารวม 4 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 35 กก. และคีตามีน 34 กก. จับกุมที่บริเวณริมถนนทางหลวงชนบทสาย นย.2024 (สระบุรี - นครนายก) ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จว.นครนายก ต่อเนื่องบ้านพัก ต.คลองใหญ่ อ.องครักษ์ จว.นครนายก
เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 จับกุมทีมโกดังยาเสพติด “เสือเปรม ปชน.” ได้ผู้ต้องหา 1 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 217 กก. ยาบ้า 560,000 เม็ด ยาอี 3,163 เม็ด เคตามีน 88 กรัม จับกุมที่บริเวณลานจอดรถภายใน ปิยรมณ์อพาร์ทเม้น ซ.งามวงศ์วาน 23 แยก 15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ต่อเนื่องห้องพักภายในปิยรมณ์ อพาร์ทเม้น ซ.งามวงศ์วาน 23 แยก 15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
3. เมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 จับกุมแหล่งพักคอย “ทีมโกดังป่างิ้ว อ่างทอง” ได้ผู้ต้องหารวม 5 คน ตรวจยึดยาบ้า 8.4 ล้านเม็ด จับกุมที่โกดังพักยาเสพติด ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่างิ้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง

เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 จับกุมยาเสพติด เครือข่าย “แจ็ค หนองไผ่” ได้ผู้ต้องหา 4 คน ตรวจยึดยาบ้า 3.2 ล้านเม็ด จับกุมที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ต.โคกลำพาน อ.เมืองลพบุรี จว.ลพบุรี
เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 ร่วมกับ บช.ปส. สกัดจับรถลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ได้ผู้ต้องหารวม 3 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 2,464 กก. สกัดจับได้ที่จุดสกัดตู้ยาม ต.02 หมู่ ๔ ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.68 ตรวจยึดยาไอซ์ 520 กก. ภายในโกดังไม่มีเลขที่ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.68 ตรวจยึดยาบ้า 4.4 ล้านเม็ด ได้ผู้ต้องหารวม 2 คน จับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 7 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เมื่อวันที่ 24 มี.ค.68 ตรวจยึดยาไอซ์ 262 กก. ได้จากรถยนต์กระบะที่ประสบเหตุอุบัติเหตุ ที่บริเวณถนนพหลโยธิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 68 จับกุมรถขนยาไอซ์จากภาคอีสาน มุ่งหน้าเข้ามายังพื้นที่ตอนใน ได้ผู้ต้องหา 2 คน ตรวจยึดยาไอซ์ 200 กก. จับกุมได้ที่ในพื้นที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร./ประธานอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรวง รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.
สำนักงาน ป.ป.ส. นำโดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นาย ทิพเมษฐ์ สังขวรรณะ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 1 และ ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ สำนักงาน ปปส.ภาค 1
ตำรวจภูธรภาค 1 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช. ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม

คดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันจับกุม รถบรรทุกเทรลเล่อร์ขน ยาเสพติดในพื้นที่ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1 ชุดขยายผลฯ ศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล จนกระทั่งทราบว่า กลุ่มลูกค้าที่เคยรับยาเสพติดจากรถบรรทุกเทรลเล่อร์คันดังกล่าว ได้นำยาเสพติดมาเก็บซุกซ่อนไว้ภายในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เฝ้าติดตามตรวจสอบพฤติกรรมเรื่อยมา
-3-
จนกระทั่ง ในวันที่ 7 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 06.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ผลการตรวจค้น พบ
ยาบ้า 40 กระสอบ คิดเป็นจำนวนยาบ้าประมาณ 8,732,000 เม็ด
ยาไอซ์ 18 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 720 กิโลกรัม
จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายแบ็ค (นามสมมติ) อายุ 32 ปี
โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ในชั้นจับกุมผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิด ในคดีนี้อย่างเร่งด่วนต่อไป

ตำรวจภูธรภาค ๑ จะได้เร่งรัดสืบสวนปราบปราม และ X-ray พื้นที่ ไม่ให้เป็นแหล่งพักคอย รวมทั้งจะเข้มงวดกวดขันสกัดกั้น ตัดตอนการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่องต่อไป และใคร่ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน หากพบบุคคล รถต้องสงสัย หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด
สามารถติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สถานีตำรวจที่ท่านสะดวก หรือ สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

ที่อยู่

Bangkok
10220

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Khaokrom pressผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์