01/08/2025
💻Access Control สำคัญแค่ไหน? ทำไมต้องใช้ระบบนี้!🔑
◽️Access Control ไม่ใช่แค่การล็อกประตู🚪
แต่มันคือระบบที่ช่วยปกป้อง “ข้อมูลและธุรกิจ” ของคุณให้ปลอดภัย
เพราะข้อมูลคือทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของธุรกิจ การไม่มีระบบควบคุมสิทธิ์อย่างรัดกุม อาจนำไปสู่การรั่วไหลหรือถูกเข้าถึงได้โดยไม่เหมาะสม
◽️Access Control จึงช่วยป้องกันความเสี่ยง
จากทั้งคนนอกและคนใน
ตรวจสอบย้อนหลังได้
ทำให้องค์กรปลอดภัยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
Access Control คืออะไร?
Access Control คือ ระบบที่ใช้ในการควบคุมการเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ หรือข้อมูลสำคัญของบริษัท โดยจะทำการกำหนดสิทธิ์ให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปยังพื้นที่นั้น หรือเข้าถึงข้อมูลนั้นได้
◽️ยกตัวอย่างแบบง่ายๆ เช่น ในบริษัทหนึ่งมีห้องหลายห้อง
1. ห้องผู้บริหาร
2. ห้องเซิร์ฟเวอร์
3. ห้องเก็บเอกสารลับ
ไม่ใช่ทุกคนจะเดินเข้าทุกห้องได้ ต้องมีการกำหนดสิทธิ์ให้ชัดเจนว่าใครมี “กุญแจ” สำหรับการเข้าห้องไหน
💻Access Control ก็ทำหน้าที่แบบเดียวกันนี้ในระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย เช่น
◽️ใครสามารถเข้าถึงไฟล์ไหนได้
◽️หรือใครสามารถตั้งค่าระบบหรือใช้งานโปรแกรมสำคัญได้
◽️จำกัดการเข้าถึงตามระดับผู้ใช้ เช่น Admin, User, Guest
4 ประเภทของ Access Control ที่บริษัทควรรู้
◽️Discretionary Access Control (DAC)
ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงให้บุคคลได้ตามต้องการ
ระบบ DAC ผู้ดูแลระบบหรือผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของไฟล์หรือทรัพยากรสามารถเลือกได้ว่าจะให้ใครเข้าถึง หรือแชร์ข้อมูลกับใครบ้าง ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบได้ทั่วไปในระบบปฏิบัติการ เช่น Windows, macOS
◼️ตัวอย่างการใช้งาน
พนักงานในแผนกการเงินสร้างไฟล์ Excel แล้วแชร์ให้เพื่อนร่วมทีมผ่านระบบแชร์ไฟล์ของบริษัท
◽️ข้อดี ยืดหยุ่น ใช้งานง่าย
◽️ข้อควรระวัง มีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะให้สิทธิ์ผิดพลาด ทำให้ข้อมูลเกิดการรั่วไหลได้
◽️Mandatory Access Control (MAC)
ระบบเป็นผู้กำหนดสิทธิ์ ผู้ใช้งานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
MAC เป็นรูปแบบที่อาศัยการควบคุมแบบส่วนกลาง โดยกำหนดการเข้าถึงตามนโยบาย หรือตามระดับชั้นความปลอดภัยที่วางไว้ และกำหนดระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ (Security Clearance) ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามระดับที่ตนได้รับอนุญาตเท่านั้น
◼️ตัวอย่างการใช้งาน
ในหน่วยงานราชการหรือกองทัพ เจ้าหน้าที่ระดับทั่วไปไม่สามารถดูเอกสาร “ลับเฉพาะ” ได้ แม้ว่าจะมีบัญชีผู้ใช้ในระบบก็ตาม
◽️ข้อดี ความปลอดภัยสูง ควบคุมได้ดี
◽️ข้อควรระวัง ยืดหยุ่นน้อย ต้องมีระบบจัดการสิทธิ์ที่ชัดเจน
◽️Role-Based Access Control (RBAC)
กำหนดสิทธิ์ตาม “บทบาท” หรือ “ตำแหน่งหน้าที่”
RBAC เป็นรูปแบบที่นิยมใช้ในองค์กรธุรกิจ โดยจะกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงตามบทบาทหน้าที่ เช่น ฝ่ายบัญชี, ฝ่าย HR, ฝ่าย IT แทนที่จะกำหนดเป็นรายบุคคล ทำให้จัดการได้ง่ายและลดความผิดพลาดในการกำหนดสิทธิ์
◼️ตัวอย่างการใช้งาน
พนักงานฝ่ายบุคคลเข้าถึงข้อมูลพนักงานได้ แต่ไม่สามารถดูข้อมูลบัญชีบริษัทได้ ส่วนผู้ดูแลระบบ (Admin) มีสิทธิ์เข้าถึงระบบทั้งหมด
◽️ข้อดี บริหารจัดการสิทธิ์ได้ง่าย เหมาะกับองค์กรทุกขนาด
◽️ข้อควรระวัง ต้องออกแบบบทบาทให้ชัดเจน ไม่ซ้อนทับกัน
◽️Attribute-Based Access Control (ABAC)
กำหนดสิทธิ์จาก “คุณสมบัติ” และ “เงื่อนไข” หลายๆ ด้าน
ABAC เป็นระบบที่ยืดหยุ่นสูง โดยการควบคุมสิทธิ์จะขึ้นอยู่กับ “คุณสมบัติ” เช่น ตำแหน่ง, เวลา, อุปกรณ์ที่ใช้, ตำแหน่งที่ตั้ง และอื่นๆ เช่น อนุญาตให้เข้าถึงได้
เฉพาะช่วงเวลาทำงานเท่านั้น หรือเฉพาะเมื่อล็อกอินผ่านอุปกรณ์ของบริษัท
◼️ตัวอย่างการใช้งาน
พนักงานสามารถเข้าถึงระบบคลังข้อมูลของบริษัทได้เฉพาะวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 8.00–18.00 และต้องผ่านเครือข่าย Wi-Fi ภายในสำนักงานเท่านั้น
◽️ข้อดี ควบคุมได้ละเอียด ยืดหยุ่นสูง
◽️ข้อควรระวัง ตั้งค่าและดูแลระบบซับซ้อน ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น
🔑ยกตัวอย่างการใช้งาน Access Control ในบริษัท
◽️การใช้คีย์การ์ดแตะเพื่อเข้าห้องทำงาน
◽️ใช้ลายนิ้วมือหรือ Face ID เปิดประตูห้องเซิร์ฟเวอร์
◽️กำหนดว่าใครในทีม Sales เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ แต่ดูรายงานบัญชีไม่ได้
◽️การตั้งค่าไว้ว่าพนักงานใหม่ยังเข้าใช้ระบบ HR ไม่ได้ จนกว่าจะได้รับสิทธิ์จากหัวหน้า
🔑เหตุผลว่าทำไมถึงควรใช้ระบบ Access Control
◽️เพิ่มความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ
◽️ลดความเสี่ยงข้อมูลรั่วไหลหรือโดนขโมย
◽️จัดการสิทธิ์การใช้งานได้อย่างชัดเจนและเป็นระบบ
◽️สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าใครเข้าถึงอะไร เมื่อไหร่
🙏🏻 ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมการข้าว ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://shorturl.asia/KeIqr